“บ่นจริง!” หลิงหลานปิดระบบเสียงของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักทันทีแล้วจดจ่อกับการบังคับหุ่นรบ นิ้วมือของหลิงหลานบนแผงควบคุมหุ่นรบปรากฏภาพซ้อนที่เกิดความเร็วสูงอีกครั้ง ภาพซ้อนเป็นชั้นๆ รวมกลุ่มกันเหมือนดอกบัวที่แย้มออกมา ดูล่องลอยแต่ว่าสวยงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
หุ่นรบกระต่ายก้มตัวลงฉับพลัน ขาหน้าที่กุมดาบลดต่ำลงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงที่เล็กสุดขีดนี้ทำให้ปู้หุ่ยหลบเขี้ยวอันแหลมคมของงูเหลือมยักษ์ที่โจมตีเข้ามาอย่างอำมหิตได้อย่างรวดเร็ว ดาบแฉลบจากขากรรไกรล่างของงูเหลือมไปยังจุดที่ห่างจากศีรษะเจ็ดนิ้ว ทันใดนั้นดาบก็กระดกกลับขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็ปรากฏหุ่นรบกระต่ายที่ย่อตัวเล็กน้อยเตรียมพร้อมกระโดดถีบไปด้านหลังอย่างแข็งแรงทรงพลังอยู่นานแล้ว
กระต่ายสีขาวถีบตัวขึ้นจากพื้นลอบไปบนอากาศ แสงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาจากยอดไม้สาดส่องบนตัวหุ่นรบ ทำให้หุ่นรบส่องแสงระยิบระยับทั้งตัวดูละลานตา แสงกระพริบนี้ทำให้หน้าจอของจีอู๋ปู้ซิวที่เฝ้าดูหุ่นรบกระต่ายอย่างใกล้ชิดพลันส่องแสงพราวพร่างขึ้นมาทั้งจอจนเกิดเป็นสถานะมองไม่เห็นไปชั่วขณะหนึ่ง
“ฟ่อ!” งูเหลือมยักษ์แผดเสียงร้องโหยหวน จีอู๋ปู้ซิวที่ทัศนวิสัยกลับมาเป็นปกติแล้วก็เห็นศีรษะของงูเหลือมยักษ์ที่แหงนหน้ากู่ร้องพลันร่วงลงมาจากลำตัวงู น้ำพุเลือดมหาศาลทะลักออกมาจากส่วนที่ถูกฟันสาดรดพื้นรอบๆ บริเวณสิบกว่าเมตรจนกลายเป็นแอ่งเลือด จากนั้นร่างของงูยักษ์ตัวนี้ก็ล้มลงพื้นดังตูมในที่สุด…
หลิงหลานควบคุมหุ่นรบกระต่ายให้อยู่ห่างจากศพงูเหลือมสิบกว่าเมตรแล้วจึงไม่ได้โดนเลือดพวกนี้เปรอะเปื้อน หุ่นรบกวาดมองไปยังสถานที่หนึ่งด้วยสายตาเย็นเยียบฉับพลัน นั่นเป็นพุ่มหญ้า การเคลื่อนไหวที่กะทันหันนี้ทำให้พุ่มหญ้านั้นขยับเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนอีก
หลิงหลานเก็บสายตาพึงพอใจกลับมา ขอเพียงมันไม่ขัดขวางเธอทำภารกิจให้สำเร็จ เธอก็ไม่อยากเข่นฆ่าสัตว์อสูรพวกนี้จนหมด ถึงยังไงเธอก็ไม่อยากเก็บรวบรวมวัตถุดิบสัตว์อสูรมาสะสมคะแนนอยู่แล้ว เธอบังคับหุ่นรบกระต่ายให้กระโดด ทีหนึ่งก็มาถึงตรงหน้าจีอู๋ปู้ซิวทันที จากนั้นเธอก็ยื่นมือส่งอาวุธให้อีกฝ่าย “ขอบคุณนะ อาวุธร้ายกาจมากเลย ตอนนี้ ขอคืนให้คุณ!”
ถึงแม้ว่าอาวุธดีเยี่ยม แต่หลิงหลานไม่มีความคิดอยากยึดมัน ขอเพียงเธอเปลี่ยนเป็นหุ่นรบที่สูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ อาวุธมาตรฐานที่จัดให้ของหุ่นรบก็เพียงพอให้หลิงหลานใช้แล้ว
จีอู๋ปู้ซิวได้ยินคำพูดก็อึ้งไป เขาไม่คาดคิดว่าเลยว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนประจักษ์อานุภาพของปู้หุ่ยแล้วจะไม่รู้สึกหวั่นไหวเลย และยังคงเลือกคืนอาวุธให้เขา จีอู๋ปู้ซิวแน่ใจมากๆ จากในน้ำเสียงของอีกฝ่ายว่านี่ไม่ใช่เสแสร้ง หากแต่ฝ่ายตรงข้ามไม่อยากได้จริงๆ นี่ทำให้จีอู๋ปู้ซิวทอดถอนใจด้วยความหดหู่มาก ควรรู้ไว้ว่าในโลกหุ่นรบ อาวุธชั้นเลิศบางอย่างมักจะนำพาเหล่าผู้แข็งแกร่งช่วงชิงกันจนถึงขนาดไม่ลังเลที่จะใช้วิธีการบังคับเผด็จการ แย่งชิงมาจากในมือผู้อ่อนแอ เพื่อทำให้หุ่นรบที่บังคับแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
นี่ทำให้จีอู๋ปู้ซิวตั้งใจอยากมอบปู้หุ่ยให้หลิงเทียนอีเซี่ยนมากยิ่งขึ้น เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “ไม่ต้องคืนให้ผมหรอก อาวุธชิ้นนี้เป็นของที่ผมมอบให้คุณ”
“ให้ฉัน? ดูเหมือนรางวัลภารกิจจะไม่มีเจ้านี่นะ” ถึงแม้ว่าอาวุธชิ้นนี้จะดีมาก แต่หลิงหลานไม่อยากติดหนี้น้ำใจของจีอู๋ปู้ซิวโดยไม่มีเหตุผล
“นี่เป็นรางวัลเพิ่มเติม ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยของผม” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม อาศัยแค่รางวัลพวกนั้นไม่พอให้เขาจ้างผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษหรอก
“ในเมื่อตกลงเรื่องรางวัลภารกิจกันแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องให้ของเพิ่มเติมอะไรอีก” หลิงหลานเลิกคิ้วราวกับเข้าใจความกังวลของจีอู๋ปู้ซิว ดังนั้นจึงพูดต่อว่า “วางใจเถอะ ฉันจะส่งคุณไปถึงเมืองซิ่นหยางอย่างปลอดภัย ไม่ละเมิดข้อตกลงเด็ดขาด และก็ไม่ขอของรางวัลเพิ่มเติมอะไรด้วย”
คำพูดของหลิงหลานทำให้จีอู๋ปู้ซิวหน้าแดงขึ้นทันใด เขาพลันโบกมือกล่าวว่า “ไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่เคยระแวงว่าคุณจะฝ่าฝืนข้อตกลงของพวกเราเลย อาวุธชิ้นนี้…สำหรับผมแล้วมันคือสิ่งพิเศษ เพราะว่ามันเป็นของที่ผมสร้างขึ้นมา” เสียงของจีอู๋ปู้ซิวเปลี่ยนเป็นเบามาก “ถึงแม้ว่ามีคนมากมายอยากซื้อมัน แต่ผมขายไม่ลงมาตลอด ผมหวังว่าสักวันจะมีคนที่เข้าใจมันสามารถนำมันไปต่อสู้ด้วยกัน ทำความฝันที่ผมฝากฝังมันไว้ให้เป็นจริง”
จีอู๋ปู้ซิวเงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยความแน่วแน่ว่า “มันชื่อว่าปู้หุ่ย ดังนั้นผมหวังว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งสามารถทำให้มันไม่มีทางนึกเสียใจในการต่อสู้ และเวลานี้ผมรู้สึกว่าคุณสามารถทำความฝันของผมให้เป็นจริงได้ ดังนั้น ผมเลยอยากมอบอาวุธชิ้นนี้ให้คุณครับ”
คำพูดของจีอู๋ปู้ซิวทำให้หลิงหลานตรวจสอบข้อมูลอาวุธในมือด้วยความจริงจัง อย่างที่คิดไว้เลย บนข้อมูลเขียนเอาไว้ว่า ชื่ออาวุธ: ปู้หุ่ย (อาวุธติดตั้งที่ส่วนหลังของหุ่นรบ) ลักษณะเฉพาะ: ทนทาน แหลมคม น้ำหนัก: 206 KG ผู้สร้าง: จีอู๋ปู้ซิว คุณภาพ: ดีเลิศ
เสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้วงจิตใจอธิบายเสริมให้หลิงหลานฟังว่า อาวุธเย็นของหุ่นรบที่มีคุณภาพดีเลิศและมีจุดเด่นเรื่องความทนทานกับความแหลมคมเช่นนี้เป็นอาวุธที่หายากมากสุดๆ กอปรกับตัวมันมีน้ำหนักมากพอ สามารถใช้มันเป็นอาวุธหนักในช่วงเวลาสำคัญได้ ปู้หุ่ยที่ไม่มีจุดอ่อนเด่นชัดสามารถใช้งานระยะยาวจนกระทั่งเธอเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาได้เลย ขอเพียงมันไม่ถูกทำลาย และในโลกหุ่นรบ ระดับความสนิทสนมของอาวุธหุ่นรบจะสะท้อนบนพลังรบทั้งหมดของหุ่นรบ ดังนั้นอาวุธที่สามารถใช้งานระยะยาวแบบนี้คือของล้ำค่าที่ผู้ควบคุมหุ่นรบชื่นชอบอย่างยิ่งยวด พูดได้ว่า ถ้าหากเปิดประมูลอาวุธชิ้นนี้ละก็ มันสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา
หลิงหลานเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยวซื่อมากๆ ก็เหมือนกับตอนที่เธอฝึกอาวุธแครอทเล่มนั้น ก็เสียเวลาไปนานมากเหมือนกัน ต่อมาพอเปลี่ยนเป็นหุ่นรบตัวอื่น เธอเสียเวลากับอาวุธเย็นมากที่สุดเมื่อเทียบกับความเรียบง่ายของอาวุธร้อนแล้ว เนื่องจากการต่อสู้ของอาวุธเย็นนั้นอันตรายสุดขีด ขอเพียงเลินเล่อครั้งเดียวก็อาจจะนำพาหายนะมาให้ตัวเองได้
หลิงหลานที่เดิมทีไม่หวั่นไหวต่อปู้หุ่ย ตอนนี้กลับรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ สำหรับผู้ควบคุมหุ่นรบแล้ว การหาอาวุธเย็นหลักที่ถูกใจคือเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวด เดิมทีหลิงหลานคิดจะเปลี่ยนหุ่นรบก่อนแล้วค่อยพิจารณาปัญหานี้อีกที แต่ตอนนี้อาวุธเย็นหลักที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว หลิงหลานจำเป็นต้องเริ่มครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว
หลิงหลานไม่ได้ใคร่ครวญสับสนอยู่นาน เธอเก็บปู้หุ่ย ห้อยมันไว้ในช่องติดอาวุธเพียงหนึ่งเดียวตรงด้านหลัง แล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ อาวุธชิ้นนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ เป็นของที่ฉันต้องการอยู่เลย ถ้าฉันปฏิเสธคงเป็นการไม่เคารพ งั้นของรางวัลอื่นๆ ที่พวกเราตกลงกันในตอนนั้นก็ไม่ต้องมอบให้ฉันแล้ว” หลิงหลานกล่าวถึงตรงนี้พลันนึกขึ้นไว้ว่า ถ้าหากไม่มี 200 คะแนน เธอก็จะรวบรวมได้ไม่ครบ 1010 ดังนั้นเธอจึงพูดเพิ่มเติมด้วยความเกรงใจว่า “ส่วนคะแนนยังต้องการนะ หลังจากนี้ฉันจะรับภารกิจที่คุณมอบหมายอีกครั้งเพื่อเป็นการชดเชยความสูญเสียของคุณ แน่นอนว่าภารกิจที่มอบหมายนั้นต้องเป็นเรื่องที่ฉันทำได้นะ”
หลิงหลานตัดสินใจจบเรื่องน้ำใจนี้ไว้อย่างเด็ดขาด เธอไม่ชอบการอืดอาดเยิ่นเย้อ ดังนั้นจึงบอกให้แน่ชัดก่อนล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองคนเสียมิตรภาพที่มอบดาบเล่มนี้ให้ในวันนี้เพราะการพูดคุยตกลงกันไม่ได้จนทำให้ไม่พอใจกัน
เดิมทีจีอู๋ปู้ซิวไม่ได้ต้องการให้หลิงหลานจ่ายค่าตอบแทนอะไร เขาแค่อยากมอบอาวุธที่ดีที่สุดที่ตัวเองสร้างขึ้นมาให้อีกฝ่ายด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง เมื่อเขาได้ยินหลิงหลานกล่าวแบบนี้ก็ไม่ได้นำคำมั่นสัญญาของหลิงหลานมาใส่ใจ เขาเพียงแต่พยักหน้ารับด้วยความดีใจเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเพราะคำมั่นสัญญานี้ของหลิงหลานทำให้อนาคตของเขาเริ่มไม่ธรรมดาอีกต่อไป…
หลิงหลานมาถึงจุดที่เสี่ยวซื่อบอกไว้อย่างรวดเร็ว เธอหยิบก้อนหินธรรมดาสุดขีดขึ้นมาก้อนหนึ่ง จีอู๋ปู้ซิวเห็นดังนั้นก็เอ่ยด้วยความรังเกียจว่า “นี่คืออะไร? หรือว่าเป็นภารกิจของคุณเหรอ?” ก้อนหินสีเทาหม่นนี้สามารถเจอได้แทบทุกที่ในนี้ แต่หลิงหลานกลับหยิบหินก้อนนี้ขึ้นมาจากในกองหินด้วยความจริงจังมาก
“ใช่แล้ว นี่คือแกนพลังงานแปลงแสงดาว” หลิงหลานตอบ
“ว่าไงนะ นี่ก็คือแกนพลังงานแปลงแสงดาวในตำนานเหรอ?” จีอู๋ปู้ซิวได้ยินคำพูดก็ร้องตกใจขึ้นมาโดยพลัน
“ในตำนาน?” หลิงหลานมองจีอู๋ปู้ซิวด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตกตะลึงขนาดนั้น
“หลิงเทียนอีเซี่ยนครับ นี่เป็นภารกิจเนื้อเรื่องหลักเพียงหนึ่งเดียวของหมู่บ้านซานหยางนะ ถึงแม้ว่ามีคนมากมายเคยรับมาก่อน แต่ก็ไม่เคยมีใครหาเจอเลย ผู้คนมากมายต่างคิดว่าแกนพลังงานแปลงแสงดาวยังไม่โผล่ออกมา เป็นภารกิจที่เคลียร์ไม่ได้ในตอนนี้” จีอู๋ปู้ซิวอธิบาย
“งั้นเหรอ? ฉันแค่เห็นว่าคะแนนไม่เลวเท่านั้นถึงได้รับมา” หลิงหลานตอบกลับโดยที่ไม่ได้บอกอะไร
จีอู๋ปู้ซิวแทบจะน้ำตาร่วง นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างคนที่แข็งแกร่งกับคนธรรมดาเหรอ? อีกฝ่ายแค่เห็นว่าคะแนนค่อนข้างมากก็เลยรับภารกิจที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดมาอย่างสบายๆ เนี่ยนะ จีอู๋ปู้ซิวพลันตระหนักขึ้นมาได้ว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าที่นี่มีแกนพลังงานแปลงแสงดาว? สามารถเคลียร์ภารกิจนี้ได้?”
หลิงหลานตอบกลับอย่างเรียบเฉยว่า “ก่อนหน้านี้ฉันเคยมาและเคยเห็นเจ้านี่มาก่อน แต่ไม่รู้ว่ามันเอาไว้ใช้ทำอะไร ก็เลยวางไว้ที่นี่ไม่ได้หยิบมา…”
ไม่ได้หยิบ? จีอู๋ปู้ซิวแทบจะกระอักเลือด อีกฝ่ายเคยมาสถานที่ป่าเถื่อนแห่งนี้มานานแล้ว พอนึกถึงท่าทีของอีกฝ่ายที่ดูคุ้นเคยกับที่นี่อย่างยิ่งยวดเหมือนกับมาที่สวนหลังบ้านตัวเอง จีอู๋ปู้ซิวก็เข้าใจแล้ว
หลิงหลานวางแกนพลังงานแปลงแสงดาวเข้าไปในช่องอุปกรณ์ของหุ่นรบ หลังจากนั้นค่อยพูดว่า “เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
จีอู๋ปู้ซิวที่โดนหลิงหลานโจมตีติดต่อกันย่อมตามหลิงหลานออกไปจากที่นี่โดยที่ไม่มีความเห็นอะไร
ทั้งสองเดินกลับไปได้สิบกว่านาที หลิงหลานพลันเหลือบมองจีอู๋ปู้ซิวและเอ่ยถามว่า “คุณล่วงเกินใครหรือเปล่า?”
ตอนที่อยู่หน้าประตูตะวันตกของหมู่บ้านซานหยาง คนพวกนั้นจ้องมองจีอู๋ปู้ซิวอย่างคลุมเครือ ทำให้หลิงหลานรู้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ว่าจ้างของเธอจะล่วงเกินบางคนไว้ แต่หลิงหลานไม่สนใจเรื่องนี้เลย ขอเพียงให้คะแนนเธอได้ เธอยังคงรับภารกิจคุ้มกันอีกฝ่ายไว้
หัวใจของจีอู๋ปู้ซิวพลันกระตุกขึ้นมา เขาเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ทำไมถึงถามแบบนี้ละครับ?”
“หุ่นรบพวกนี้น่าจะตามรอยนายมา แต่ดูเหมือนความสามารถไม่พอ เลยโดนสัตว์อสูรฆ่าไปแล้ว” หลิงหลานชี้ไปที่ป่าทึบเบื้องหน้า บ่งบอกว่าจีอู๋ปู้ซิวไปตรวจสอบดูได้
จีอู๋ปู้ซิวหน้าเปลี่ยนสี เขาพลันบังคับหุ่นรบให้พุ่งเข้าไป กระโดดลงพื้นไม่กี่ครั้งก็เห็นหุ่นรบสีเทาหลายตัวนอนราบอยู่บนพื้น นี่หมายความว่าหุ่นรบพวกนี้อยู่ในสภาพตายแล้ว ต่อให้เลือกฟื้นคืนชีพ หุ่นรบก็จะหายไปในอีกยี่สิบนาทีให้หลัง ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าใครก็สามารถเก็บอาวุธอุปกรณ์ หรือว่าไอเทมอื่นๆ ที่อีกฝ่ายดรอบลงมาได้
จีอู๋ปู้ซิวเห็นสัญลักษณ์รูปสายฟ้าที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้าอกของหุ่นรบก็กัดฟันทันทีและกล่าวว่า “เป็นพวกเขาอีกแล้ว กลุ่มราชันสายฟ้า”
“ราชันสายฟ้า?” หลิงหลานที่ตามหลังจีอู๋ปู้ซิวได้ยินชื่อนี้ก็อดลอบเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่าคุ้นๆ จังเลย