“ได้ หัวหน้า!” บรรดาลูกทีมรีบเปิดใช้งานอุปกรณ์สื่อสารของตัวเอง คิดจะติดต่อกับแฮคเกอร์หลายคนในกลุ่มหุ่นรบเทียนจี แต่กลับพบว่าอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาต่างขัดข้องกันหมด
“อุปกรณ์สื่อสารไม่สามารถติดต่อกับคนภายนอกได้แล้ว…” พอบรรดาลูกทีมเห็นฉากนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่ง พวกเขาที่เดิมทีใจเย็นลงนิดหน่อยเพราะคำสั่งของหัวหน้าทีมก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรแล้ว
นี่ไม่ใช่เรื่องที่แฮคเกอร์ทั่วไปสามารถทำได้ ควรรู้เอาไว้ว่าหากคิดจะควบคุมอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวของนักเรียนก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น เขาจำเป็นต้องเจาะเข้าไปในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักระดับ S ของโรงเรียนทหารและยึดอำนาจทั้งหมดของอีกฝ่ายมา ถึงจะสามารถควบคุมอุปกรณ์สื่อสารของนักเรียนโรงเรียนทหารได้ หรือว่าคนที่โจมตีศูนย์บัญชาการเทียนจีคือแฮคเกอร์ระดับเทพ?
“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?” คำพูดของพวกลูกทีมทำให้หัวหน้าทีมสะดุ้งตกใจขึ้นมาทันที เขาตรวจดูอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะพบว่าเป็นอย่างที่พวกลูกทีมว่าไว้แบบนั้นจริงๆ ไม่มีการตอบสนองเลยสักนิดเดียว
“ไม่ ความสามารถแบบนี้ ต่อให้เป็นหลินจื้อตงของเหลยถิงแฮคเกอร์อันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารเราก็ทำไม่ได้เหมือนกัน…หรือว่าการโจมตีนี้มาจากคนภายนอก?” หัวหน้าทีมคิดถึงตรงนี้ ทั่วทั้งใบหน้าก็ดำทะมึน ต่อให้การจู่โจมภายในโรงเรียนจะร้ายกาจอีกสักแค่ไหน ก็เป็นเพียงเรื่องภายในโรงเรียนทหาร ไม่เพียงพอที่จะสร้างอันตรายใดๆ แก่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหาร แต่ถ้าหากมาจากโลกภายนอกจริงๆ ละก็ โรงเรียนทหารของพวกเขาก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว
เขากล่าวด้วยความร้อนใจว่า “พวกนายอยู่ที่นี่ล็อกอินเข้าสู่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักต่อไป ฉันจะไปหาพวกอาจารย์…” การจู่โจมของแฮคเกอร์ที่แข็งแกร่งร้ายกาจขนาดนี้ก็มีเพียงพวกอาจารย์เท่านั้นถึงจะมีความสามารถช่วยเหลือได้
หัวหน้าทีมกล่าวจบก็พุ่งออกไปจากห้องเฝ้าระวังตรวจสอบทันที เตรียมตัวไปตามหาอาจารย์ทั้งหลายของภาควิชาแฮคเกอร์แล้วรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ถ้าหากเขาคาดเดาไม่ผิด มีความเป็นไปได้สูงว่ามีขุมกำลังภายนอกวางแผนร้ายต่อโรงเรียน เพียงแต่เทียนจีของพวกเขาโชคร้ายกลายเป็นสถานที่แห่งแรกที่พวกเขาลงมือ
……
ในขณะเดียวกัน หลิงหลานกำลังแบกลั่วล่างเดินไปบนทางเดินของชั้นสี่อย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เธอเดินทางผ่านไปได้ยี่สิบสามสิบเมตร หลิงหลานก็จะซัดฝ่ามือใส่กำแพงทีหนึ่ง ดูเหมือนกับทำไปอย่างเรื่อยเปื่อยสุดขีด และก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรต่อผนังด้านนอกกำแพงเลย
แต่ตัวหลิงหลานรู้ว่าจุดที่เธอเลือกซัดฝ่ามือลงไปนั้นต่างเป็นจุดสำคัญในการรับโครงสร้างของอาคารหลังนี้ไว้ เธอกับเสี่ยวซื่อปรึกษากันไว้แล้วในตอนที่มาว่า เสี่ยวซื่อรับหน้าที่ทำลายอุปกรณ์กล้องวงจรปิดทั้งหมดของที่นี่ ส่วนเธอก็จะทำลายอาคารหลังนี้ทิ้งให้สิ้นซาก นับจากนี้ไปเธอจะทำให้กลุ่มหุ่นรบเทียนจีร่วงจากเมฆลงมาสู่ฝุ่นดิน เมื่อพวกเขาไม่ใช่กลุ่มอำนาจอันดับสองที่สูงส่งอีกต่อไป พวกเขายังจะมีความมั่นใจทำเรื่องที่สกปรกชั่วร้ายอีกเหรอ
ส่วนเสี่ยวซื่อก็ส่งแผนที่โครงสร้างของอาคารหลังนี้ให้หลิงหลานก่อนที่หลิงหลานจะเข้ามานานแล้ว บนนั้นยังทำเครื่องหมายลงในตำแหน่งหลายแห่งที่เหมาะให้หลิงหลานลงมือมากที่สุดอย่างรอบคอบอีกด้วย
เมื่อเสร็จสิ้นจากชั้นสี่แล้ว หลิงหลานก็เลือกลงบันไดทันที เธอลอบโจมตีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนหลายคนที่กำลังอู้งานสูบบุหรี่ตรงหน้าบันไดก่อนจะมาที่ชั้นสองอย่างราบรื่น จากนั้นก็ทำงานทำลายล้างของเธอต่อ
ตอนนี้เอง เสี่ยวซื่อพลันร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ลูกพี่ ฉันหาหลู่หย่งกวงเจอแล้ว”
หลังจากที่เสี่ยวซื่อทำลายออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของศูนย์บัญชาการเทียนจีรวมทั้งอุปกรณ์กล้องวงจรปิดทั้งหมดแล้ว เขาก็เริ่มค้นหาพวกคนที่ช่วยซือหมิงอี้ลักพาตัวลั่วล่าง ไม่นานเขาก็หาหลู่หย่งกวงที่เป็นหนึ่งในหัวโจกผู้ร่วมกระทำผิดเจอ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาใช้ศูนย์รักษาส่งข้อความเท็จไปให้ลั่วล่าง ลั่วล่างก็คงไม่ไปที่นั่นและก็คงไม่เกิดเรื่องราวต่อมา
“ทำลายเขาซะ!” หลิงหลานตอบอย่างชัดเจน หลิงหลานที่แน่ใจหลักการของการกระทำตัวเองแล้ว เธอก็จัดการได้อย่างเย็นชาและเฉียบขาดมากยิ่งขึ้น
“รับทราบ ลูกพี่!” เสี่ยวซื่อตอบด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็สามาถทำให้ลูกพี่ของเขาเห็นฝีมืออันร้ายกาจของเขาได้แล้ว
ดวงหน้าซาลาเปาที่เดิมทีดูน่ารักของเสี่ยวซื่อพลันอ้าปากกว้าง เขี้ยวสองข้างเริ่มยืดยาวออกมา ดวงตากลมๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นดำสนิทไปทั่วทั้งตา ใบหน้าของเขาซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ ทว่ามันกลับขัดกับริมฝีปากของเขาที่แดงราวกับเลือดสดๆ
‘เปาะ!’ นิ้วข้างหนึ่งดีดใส่ศีรษะปีศาจของเสี่ยวซื่ออย่างแรงทันที หลิงหลานเอ่ยด้วยสีหน้าดำทะมึนว่า “นายทำอะไรเนี่ย นายอยากเอารูปร่างผีสางแบบนี้มาหลอกใครกันฮะ?” เสี่ยวซื่อปรากฏตัวด้วยไอปีศาจที่พุ่งขึ้นสูงอย่างกะทันหัน ต่อให้หัวใจของหลิงหลานสงบนิ่งอีกสักแค่ไหนก็อดกระตุกอย่างรุนแรงไม่ได้เหมือนกัน แม่งเอ๊ย ตั้งแต่เด็กจนโตเธอไม่ชอบดูหนังผีเลยนะ
เสี่ยวซื่อถูกหลิงหลานดีดหน้าผากก็เด้งกลับมาเป็นรูปร่างเดิมทันที เสี่ยวซื่อเห็นหลิงหลานทำหน้าเดือดดาลก็รีบกุมศีรษะของตัวเองวิ่งหนีไปทันที เอ่อ ไม่สิ เขาไป ‘ฆ่าคน’ ทันที…
……
เวลานี้เอง หลี่หลานเฟิงที่กำลังทบทวนวิชาเลือกของตัวเองในโลกเสมือนจริงของโรงเรียนทหารพลันรู้สึกถึงพลังงานที่น่ากลัวและคุ้นเคยปะทุออกมาในโลกเสมือนจริง พลังผีซวีของเขาส่งเสียงเตือนอย่างรุนแรงออกมาโดยพลัน และก่อเป็นโล่ป้องกันที่แข็งแกร่งและทรงพลังโดยอัตโนมัติ
“นี่มันพลังผีซวี นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” หลี่หลานเฟิงมองไปยังทิศทางที่พลังผีซวีระเบิดออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือด ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ดีว่าพลังนี้มาจากภายในโรงเรียนทหาร ไม่อย่างนั้นสัมผัสของเขาคงไม่รุนแรงขนาดนี้ มีเพียงผู้มีความสามารถผีซวีเท่านั้นถึงจะสัมผัสมันได้ หรือว่ายังมีผีซวีซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนทหารอีกเหรอ?
ในสมองของหลี่หลานเฟิงอดผุดดวงหน้าที่เคร่งขรึมเย็นชาสุดขีดของหลิงหลานขึ้นมาไม่ได้ หรือว่าจะเป็นเขา? มีเพียง หลิงหลานเท่านั้นที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน เพียงแต่เขาไม่อาจแน่ใจได้ว่าการระเบิดของพลังนี้ยืนยันว่าหลิงหลานก็เป็นผีซวีเหมือนกันใช่หรือเปล่า?
หมอนั่นเป็นเพื่อนของเขาเหรอ? หลี่หลานเฟิงคิดถึงตรงนี้ หัวใจพลันเต้นระส่ำหลายครั้ง มันเต้นอย่างรุนแรงราวกับว่าจะกระโดดออกมาจากลำคอของเขา หัวใจที่เปลี่ยวเหงามาตลอดของเขาเกิดความคาดหวังเช่นนี้ขึ้นมา เหมือนกับตอนที่เจอกระต่ายตัวนั้นเมื่อเจ็ดปีก่อนก็ไม่ปาน
…….
เวลานี้หลู่หย่งกวงที่กำลังค้นหาข้อมูลในโลกเสมือนจริงรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะว่าเขาได้รับคำรับรองระดับสองของ รองหัวหน้าซืออย่างที่ปรารถนาไว้ เขาทำเรื่องผิดมโนธรรมมาไม่น้อยเพื่อเรื่องนี้ ทว่าผลตอบแทนที่ได้รับก็มากมาย หลู่หย่งกวงคิดว่ามันคุ้มค่ามาก คนที่ไม่ทำเพื่อตัวเอง ฟ้าดินย่อมประหัตประหาร
คำรับรองระดับสองนี้สามารถได้รับทรัพยากรระดับสองจากแผนกคุณูปการของเทียนจีได้ ประเภทของทรัพยากรระดับสองมีอยู่มากมาย เขาเลยต้องหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องในโลกเสมือนจริงก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พยายามทำการเลือกที่เหมาะสมมากที่สุด คว้าทรัพยากรที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
ในขณะที่เขาอ่านข้อมูลพวกทรัพยากรด้วยความสนใจอย่างมาก ทันใดนั้นเองสัมผัสถึงวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อนได้ผุดขึ้นมาภายในใจเขา ยังไม่ทันที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองก็รู้สึกได้ว่ามีพลังมหาศาลสายหนึ่งอัดกระแทกเข้ามาที่ตัวเขา…
หลู่หย่งกวงรู้สึกได้เพียงสติของตนกำลังหายไป หลังจากนั้นภาพเบื้องหน้าก็เริ่มพร่าเบลอ สุดท้ายก็ดำสนิท หมดสติไปโดยสิ้นเชิง
ถ้าหากมีคนอยู่ข้างกายหลู่หย่งกวงก็จะพบว่า ร่างกายของหลู่หย่งกวงในโลกเสมือนจริงกำลังหายไป นั่นไม่ใช่รูปแบบการออฟไลน์ที่เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวออกไปจากโลกเสมือนจริง หากแต่เป็นการค่อยๆ แตกสลายเปลี่ยนเป็นอณูนับไม่ถ้วนปลิวกระจายออกไป สุดท้ายก็กลายเป็นสายลมในโลกเสมือนจริง หายไปอย่างไร้ร่องรอย
นับจากนี้ไปหลู่หย่งกวงที่นอนอยู่ในเครื่องล็อกอินสู่โลกเสมือนจริงก็ไม่เคยลืมตาขึ้นอีกเลย เขากลายเป็นผักไปแล้ว เสี่ยวซื่อเกลียดที่เขาเห็นแก่ตัว ช่วยคนชั่วช้ากระทำความผิด ดังนั้นเขาจึงลงมือโจมตีใส่สตินึกคิดของอีกฝ่ายตรงๆ โดยไม่มีความปรานีเลยสักนิดเดียว ไม่ให้โอกาสเขาแม้กระทั่งให้กลายเป็นคนปัญญาอ่อน
ส่วนคนอื่นๆ อีกหลายคน เสี่ยวซื่อยังเชื่อฟังความเห็นของหลิงหลาน ทำลายสมองเท่านั้น รักษาสติอันน้อยนิดสุดท้ายไว้ หรือก็คือพวกเขาสามารถได้สติกลับมา เพียงแต่ทำได้แค่ใช้ชีวิตอย่างคนโง่เง่าไปตลอดชีวิตของตน
เมื่อหลิงหลานกำลังจะเสร็จสิ้นในชั้นสอง เสี่ยวซื่อทำภารกิจสำเร็จแล้วก็กลับมาที่ห้วงจิตใจของหลิงหลาน
“ลูกพี่ จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว!” เสี่ยวซื่อเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจพลางยกมือทำท่าชัยชนะ อย่างไรก็ตาม เขายังคงเสียใจอยู่บ้างที่ลูกพี่ของเขาไม่ได้อยู่ข้างกายเขาเห็นทุกอย่างในตอนที่เขาสำแดงพลังขั้นเทพในโลกเสมือนจริงออกมา เสี่ยวซื่อตัดสินใจอย่างลับๆ ว่าต่อไปถ้ามีโอกาส เขาจะต้องให้ลูกพี่เห็นด้วยตาตัวเองว่าเขาเข่นฆ่าพวกสวะในโลกเสมือนจริงอย่างไร ให้ลูกพี่รับรู้ความหมายอย่างลึกซึ้งว่าอะไรคือเทพแห่งโลกเสมือนจริง
“ดี ตอนนี้ก็คอยดูฉันซะ” หลิงหลานกลับมาที่บริเวณใจกลางที่สุดของชั้นสองในชั่วพริบตา เธอชูมือข้างหนึ่งขึ้นมา ตะโกนด้วยเสียงเย็นชาฉับพลันว่า “เปิดใช้เขตแดน!”
เขตแดนครึ่งก้าวเพียงพอทำให้เธอเปิดใช้งานเขตแดนได้หลายวินาที ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูอาจจะไม่ได้ดีเยี่ยมเนื่องจากระยะเวลาที่สั้นมาก ทว่าหากต้องการทำลายอาคารที่ถูกเธอทำลายไปแล้วเจ็ดแปดส่วน มันก็เพียงพอแล้ว…
เวลานี้เอง พื้นที่หลายสิบเมตรข้างกายหลิงหลานได้กลายเป็นเขตแดนของเธอแล้ว จากนั้นก็ได้ยินหลิงหลานตะโกนขึ้นโดยพลันว่า “ระเบิดซะ!”
เสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังขึ้นมา มันเริ่มระเบิดจากตรงเขตแดนที่อยู่ห่างจากหลิงหลานมากที่สุด ในเมื่อผู้ควบคุมเขตแดนคือหลิงหลาน หลิงหลานจึงเลือกลำดับการระเบิดที่ปลอดภัยมากที่สุดเพื่อความปลอดภัยของลั่วล่าง
หลังจากที่เปิดใช้งานการระเบิดอันแรก ร่างของหลิงหลานก็พุ่งผ่านทางเดินชั้นสองราวกับแสงสายหนึ่ง
ปลายสุดของทางเดินคือหน้าต่างบานหนึ่ง ในตอนที่เธอกำลังชนมัน ฝ่ามือของหลิงหลานที่เตรียมเอาไว้นานแล้วก็ฟาดออกไปทันที พลังแฝงไหลทะลักออกมาอัดใส่กระจกจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และในชั่วพริบตาที่หลิงหลานโจมตีกระจกจนแตก เธอก็พาลั่วล่างกระโดดลงมาจากชั้นสอง เท้าแตะลงบนกิ่งไม้เบาๆ ก่อนจะทะยานพรวดออกจากศูนย์บัญชาการเทียนจีไปอย่างเงียบเชียบทันที แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา
ในขณะเดียวกัน ศูนย์บัญชาการเทียนจีเริ่มมีเสียงระเบิดดังอย่างรุนแรง ผ่านไปหลายนาที อาคารเทียนจีทั้งหลังไม่อาจทนรับพลังทำลายของการระเบิดได้ก่อนจะถล่มลงมา จากนั้นก็เห็นคนที่อยู่เวรด้านในพุ่งออกมาท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน
แน่นอนว่านี่ไม่ได้ตัดคนไม่อาจหนีรอดได้ทันเวลาเหมือนกัน พวกเขาติดอยู่ท่ามกลางซากอาคาร แต่ว่าด้วยความสามารถของนักเรียนโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ต่อให้ถูกซากอาคารกดทับก็ทำให้พวกเขาตายไม่ได้
หลิงหลานใช้ความสามารถของเขตแดนครึ่งก้าวระเบิดอาคารทั้งหลัง พลังงานมหาศาลนี้ปลุกอสูรเฒ่าหลายคนที่ซ่อนตัวลึกอยู่ในโรงเรียนทหารมาตลอดฉับพลัน พวกเขารีบมายังสถานที่เกิดเหตุทันที ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ สัมผัสพลังงานที่หลงเหลืออยู่นั้นว่ามาจากแขกที่โหดเหี้ยมท่านไหนกันแน่…
“ระดับเขตแดนจริงๆ เหรอ? พลังงานนี้ไม่คุ้นมากๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย…เชี่ยเอ๊ย มียอดฝีมือระดับเขตแดนแปลกหน้ามาที่โรงเรียนทหารได้ยังไง?”
เมื่อพวกเขายืนยันพลังงานแล้วก็อดสบตากันเองไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างตกตะลึงไม่หยุด พวกเขาที่ภาคภูมิใจว่าความสามารถในการป้องกันของโรงเรียนทหารไม่ด้อยไปกว่าศูนย์บัญชาการกองทัพสหพันธรัฐกลับถูกฉากตรงหน้าเย้ยหยันอย่างล้ำลึกแล้ว
“ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะจากไปแล้ว” หลายคนสำรวจดูอย่างละเอียดรอบหนึ่ง สัมผัสไม่ได้เลยว่ายอดฝีมือระดับเขตแดนคนนั้นยังอยู่ในสถานที่แห่งนี้