เมื่อโฮเวอร์คาร์มาถึงบริเวณที่ไม่ไกลจากหอต่อสู้แล้ว หลิงหลานก็แบกลั่วล่างลงจากรถอย่างเงียบเชียบ โฮเวอร์คาร์คันนี้ถูกบันทึกอยู่ในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหารว่าเป็นรถว่างมาโดยตลอดเพราะเสี่ยวซื่อ มันวนเป็นวงกลมไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้เท่านั้น หลิงหลานเลยพาลั่วล่างลอบเข้าไปในหอต่อสู้อย่างลับสุดยอดเช่นนี้เอง
เสี่ยวซื่อหาห้องประลองส่วนตัวที่ว่างอยู่ไว้นานแล้ว หลิงหลานแบกลั่วล่างพุ่งเข้าไป จากนั้นเสี่ยวซื่อก็ล็อกประตูห้องส่วนตัวแห่งนี้ทันที
แน่นอนว่าห้องประลองส่วนตัวที่พวกเขาเข้าไปยังคงอยู่ในสถานะไม่มีคนบนบันทึกของออปติคัลคอมพิวเตอร์ในหอต่อสู้ เสี่ยวซื่อเพียงแต่ใช้วิธีการอำพรางซ่อนห้องส่วนตัวนี้จากในโซนที่ไม่มีคน หรือก็คือไม่ว่าในโซนที่มีคนหรือว่าในโซนที่มีคนก็หาห้องส่วนตัวที่หลิงหลานกับลั่วล่างเข้าไปไม่เจอ และไม่มีใครสังเกตเห็นเช่นกันว่าห้องส่วนตัวลดลงไปหนึ่งห้องจากในหมู่ห้องส่วนตัวหลายร้อยห้อง นี่จึงกำจัดความเป็นไปได้ที่หลิงหลานกับลั่วล่างจะถูกพบเจอออกไป
หลิงหลานรู้ว่าเสี่ยวซื่อทำการป้องกันทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วก็ค่อยวางลั่วล่างลงบนพื้น ยื่นมือไปตบเรียกสติลั่วล่างเบาๆ
“ลูกพี่ ฉันรู้สึกแย่มากเลย!” เมื่อลั่วล่างได้สติกลับมาก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย เขาหอบหายใจด้วยความทรมาน สะกดกลั้นความต้องการที่มาจากส่วนลึกของร่างกายอย่างสุดความสามารถ
ใช่แล้ว เขาต้องการการปลอบประโลม เขาอยากกอดคนตรงหน้า แต่ว่าคนๆ นี้คือลูกพี่หลานที่เขาเคารพรักมากที่สุด ต่อให้ทั่วทั้งร่างกายของลั่วล่างร่ำร้องว่าต้องการ เขาก็ฝืนข่มกลั้นตัวเองไม่ให้กระโจนเข้าไปหาลูกพี่หลาน
การที่เขามีความคิดเบี่ยงเบนต่อลูกพี่หลาน ลั่วล่างคิดว่านี่เป็นการหมิ่นเกียรติลูกพี่ของเขาอย่างหนึ่ง แน่นอนว่ายังมีเหตุผลอีกข้อหนึ่ง ลั่วล่างคิดว่ากระโจนเข้าไปหาก็ไม่มีประโยชน์ ลูกพี่หลานจะต้องตบเขาตายในฝ่ามือเดียวแน่ๆ…
หลิงหลานเห็นว่าจนกระทั่งตอนนี้ลั่วล่างยังคงสติไว้ได้นิดหน่อย เธอก็โล่งใจโดยพลัน เธอกลัวมากที่สุดว่าตอนนี้ลั่วล่างจะถูกยาปลุกทำให้จิตใจเคลิบเคลิ้ม จนสุดท้ายไม่อาจเปิดใช้งานพรสวรรค์ได้
หลิงหลานไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป เธอรีบบอกวิธีแก้ไขให้ลั่วล่าง ลั่วล่างฟังแล้วแววตาก็สว่างโรจน์ขึ้นมาฉับพลัน ถ้าหากสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องที่เขาไม่อาจควบคุมการเปิดใช้งานพรสวรรค์ของเขาได้เพราะเหตุนี้ละก็ การทนทรมานในครั้งนี้ก็นับว่าไม่ขาดทุนเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “มาเถอะ ลูกพี่ ถ้าฉันสูญเสียสติไปจริงๆ นายก็อัดฉันให้ตื่น…”
แววตาของลั่วล่างเผยร่องรอยความอำมหิตออกมา เขาลงมืออย่างโหดเหี้ยมต่อตนเองเสมอ ต่อให้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เขาก็จะทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จจงได้ เขา…ลั่วล่างจะให้ยาปลุกนิดๆ หน่อยๆ มาทำลายเขาได้ยังไงกัน
“ดี!” หลิงหลานได้ยินคำพูดก็พยักหน้าหนักๆ เวลานี้ไม่อนุญาตให้เธอใจอ่อนเช่นกัน
ลั่วล่างผลักมือของหลิงหลานที่อยากประคองเขา เขาลุกขึ้นมาอย่างโงนเงน ข่มกลั้นความใคร่ที่แสนป่าเถื่อนภายในร่าง ปากเล็กๆ ที่เดิมทีแดงมันวาวของเขาถูกเขากัดจนทะลุหลายจุด เลือดสดๆ ไหลลงมาตามบาดแผลที่กัดทะลุ ตกลงมายังส่วนคอขาวนวลเกลี้ยงเกลาของเขา มีความงดงามอันน่าประหลาด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลิงหลานกับลั่วล่างต่างทุ่มความสนใจไปที่บุคลิกต่อไป พวกเขาต่างไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
“เปิดใช้งานพรสวรรค์!” ลั่วล่างใช้เพียงสติที่ยังคงอยู่เปิดใช้งานพรสวรรค์ของตัวเอง
ทันใดนั้นหลิงหลานก็เห็นร่างกายของลั่วล่างที่เดิมทียืนโงนเงนอยู่ตรงหน้าเธอหยุดนิ่งฉับพลัน กลิ่นอายป่าเถื่อนสายหนึ่งพรั่งพรูออกมาจากตัวลั่วล่าง กลิ่นอายนี้ทำให้หลิงหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาเผยความผิดหวังออกมา เพราะว่านี่ไม่ใช่บุคลิกที่หลิงหลานกับลั่วล่างคาดหวังไว้ อย่างไรก็ตาม ความผิดหวังของหลิงหลานพาดผ่านเพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น พรสวรรค์ของลั่วล่างไม่มั่นคง เดิมทีบุคลิกที่เปิดใช้งานมาก็คือการเสี่ยงดวง ถ้าหากชนะในครั้งเดียว นั่นค่อยเรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว
ลั่วล่างเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาสองข้างที่เดิมที่กระจ่างใสเวลานี้กลับเต็มไปด้วยสีเลือด ในดวงตาไม่มีร่องรอยบุคลิกหลักของลั่วล่างแล้ว มีเพียงความปรารถนาที่ป่าเถื่อนและความหยาบคายอันไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น จากนั้นก็เห็นเขาค่อยๆ อ้าปากตัวเองขึ้นมา แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่มีเลือดไหลริน ท่าทีเช่นนั้นแฝงไปด้วยความละโมบอย่างชัดเจน แต่เมื่อจับคู่กับดวงหน้าน้อยๆ ที่งดงามแพรวพราวของลั่วล่างกลับทำให้หลิงหลานสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ยั่วยวนใจ
“เชี่ย!” หลิงหลานอดลอบสบถในใจไม่ได้ ใครเป็นผู้หญิงกันแน่เนี่ย? เห็นได้ชัดว่าลั่วล่างที่เป็นผู้ชายกระทำเช่นนี้แล้วไม่ได้ทำให้คนรู้สึกรังเกียจเลย ตรงกันข้ามกลับทำให้คนรู้สึกหลงใหลผิดปกติ เอาเถอะ เวลานี้หลิงหลานสัมผัสได้ถึงรสชาติความอิจฉาอย่างล้ำลึกแล้ว…
“อ๊า…” ถึงแม้ตอนนี้ดวงหน้าน้อยๆ ของลั่วล่างจะงดงามราวกับลูกท้อลูกพลัม มีเสน่ห์เย้ายวนใจ แต่เสียงที่ออกมาจากในลำคอกลับเป็นเสียงร้องตะโกนของสัตว์ร้าย ไม่ผิด ครั้งนี้บุคลิกที่ลั่วล่างปลุกขึ้นมาก็คือบุคลิกป่าเถื่อน ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสติสัมปชัญญะ เหลือไว้เพียงสัญชาตญาณที่โหดเหี้ยมบริสุทธิ์ที่สุดเท่านั้น
ลั่วล่างในบุคลิกนี้ไม่ยอมรับลูกพี่หลานอะไรทั้งนั้น เขาต้องการกำจัดเหยื่อตรงหน้าที่ทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นเขาจึงกระโจนเข้าไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว สองมือคว้าไปยังตำแหน่งที่เขาคิดว่าเป็นจุดตายของอีกฝ่ายอย่างอำมหิต
ในขณะที่หลิงหลานคิดจะเปิดใช้เขตแดนควบคุมลั่วล่าง หลิงหลานก็นึกถึงคำเตือนของอาจารย์หมายเลขหนึ่ง เธอจำเป็นต้องอัดบุคลิกที่ลั่วล่างไม่สามารถควบคุมได้เหล่านี้จนกลับไป เอ่อ…อัดจนกลับไป? เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นก็กำหมัดต่อยไปละกัน
หลิงหลานยกกำปั้นขึ้นมาแล้วต่อยเข้าไปอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ลังเล อัดตรงไปที่ร่างกายอันผอมบางของลั่วล่างที่ถาโถมเข้ามา
‘ผัวะ’ ลั่วล่างถูกหลิงหลานต่อยกลับไป ร่างของเขาล้มลงสู่พื้นอย่างหนักหน่วง
“เปิดใช้งานบุคลิกป่าเถื่อน เพิ่มระดับความแข็งแกร่งของลั่วล่างสูงมาก อย่างน้อยที่สุดก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้สามเท่า เมื่อก่อนพลังนี้สามารถซัดลั่วล่างกระเด็นออกไปได้ แต่ว่าตอนนี้กลับทำได้แค่อัดจนล้มเท่านั้น…” หลิงหลานมองลั่วล่างที่กำลังลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยความกระเสือกกระสน เธอลอบตระหนักได้ถึงข้อดีของการเปิดใช้งานบุคลิกนี้ที่มอบให้แก่ลั่วล่างแล้ว
“อีกอย่างความทนทานของร่างกายก็เพิ่มขึ้นมากด้วยเหมือนกัน หมัดนี้ทำร้ายเขาไม่ได้เลย”
ลั่วล่างลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาแยกเขี้ยวบ่งบอกถึงความเจ็บปวดในการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ หลังจากนั้นก็กระโจนเข้ามาอีกครั้ง ดูจากความเร็วและพละกำลังนั้นก็รู้ว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีก่อนหน้านี้เลย ถึงขนาดที่กล่าวได้ว่า ความเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้บุคลิกนี้ของลั่วล่างมีความป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น
“ถ้างั้นก็เพิ่มแรงขึ้นสามเท่า ฉันไม่เชื่อว่าจะล้มนายไม่ได้!” หลิงหลานเพิ่มแรงที่แฝงอยู่ในกำปั้นขึ้นในชั่วพริบตาแล้วชกลั่วล่างจนกระเด็นลอยไปอีกครั้ง ใช่แล้ว พละกำลังอันน่ากลัวในครั้งนี้ซัดลั่วล่างจะลอยออกไปทันที จากนั้นก็เห็นลั่วล่างกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างหนักหน่วงแล้วก็ร่วงลงพื้น
“โฮกกก!” ลั่วล่างส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดในลำคอ พละกำลังนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เขาคิดจะกระเสือกกระสนลุกขึ้นจากพื้น ดวงตากระหายเลือดทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปยังหลิงหลานที่อยู่เบื้องหน้า เต็มไปด้วยความอำมหิตและจิตสังหาร ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้นิสัยป่าเถื่อนของลั่วล่างคลุ้มคลั่งโดยสมบูรณ์
“ยังไม่ยอมจำนนเหรอ? งั้นฉันก็อัดจนกว่านายจะยอม” หลิงหลานแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง กำหมัดชกเข้าไป ฉวยโอกาสตอนที่ลั่วล่างยังไม่ได้ลุกขึ้นมาจากพื้น กดลั่วล่างลงฉับพลันก่อนจะอัดเขาทันใด
เสี่ยวซื่อเห็นฉากนี้ สองขาน้อยๆ ของเขาก็อดสั่นเทาอย่างรุนแรงขึ้นมาไม่ได้…ฮือๆๆ ลูกพี่โหดเหี้ยมมาก! เขากลัวจังเลยอะ!
หมัดชุดนี้ของหลิงหลานต่อยจนรังสีอำมหิตในแววตาของลั่วล่างหายไปแล้ว แววตากระหายเลือดปรากฏร่องรอยขอความเมตตา ทำให้หมัดที่ชูขึ้นสูงของหลิงหลานหยุดชะงัก ปากก็แค่นเสียงเย็นกล่าวว่า “ยอมแล้วหรือยัง?”
“กรร!” ลั่วล่างส่งเสียงร้องที่แฝงไปด้วยความไม่ยอมจำนนเล็กน้อยออกมาจากปาก หลิงหลานเลิกคิ้วขึ้นแล้วก็ต่อยลงไปอีกครั้งโดยไม่ลังเล
“อาวู้วว!” ในที่สุดบุคลิกป่าเถื่อนของลั่วล่างก็ร้องขอความเมตตาแล้ว เสียงนี้ไม่เหมือนกับเสียงก่อนหน้านี้ มันแฝงไปด้วยความหมายประจบเอาใจ
หลิงหลานผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาก่อนจะหยุดต่อย สั่งว่า “ให้บุคลิกหลักออกมาคุยกับฉัน แล้วนายอย่าคิดหนีกลับไปล่ะ ไม่อย่างนั้นนายออกมาหนึ่งครั้ง ฉันก็จะอัดนายหนึ่งครั้ง”
คำเตือนของหลิงหลานทำให้ความคิดอยากฉวยโอกาสหนีไปของบุคลิกป่าเถื่อนหยุดลงฉับพลัน เขาส่งเสียงร้องฮือๆ ขอความเมตตา ไม่นาน ดวงตาข้างหนึ่งของลั่วล่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ดวงตาที่เดิมทีเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและกระหายเลือดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นกระจ่างใส
“อึก เจ็บจัง…ลูกพี่ ฉันกลับมาแล้วเหรอ?” บุกคลิกหลักของลั่วล่างกลับมาแล้วตามที่คาดไว้จริงๆ
หลิงหลานเห็นแบบนี้ก็โล่งอก หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า “บุคลิกป่าเถื่อนอีกอันของนายน่าจะยังอยู่ นายลองควบคุมเขาดูสิ”
ดวงตาที่กระจ่างใสข้างนั้นของลั่วล่างเผยแววตาตื่นเต้นยินดีออกมา แต่ดวงตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความกระหายเลือดอีกข้างกลับหดลงฉับพลันคล้ายกับคิดจะขัดขืน หลิงหลานชูหมัดขึ้นมาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเหวี่ยงเข้าไปที่ดวงตากระหายเลือดข้างนั้นของลั่วล่างอีกครั้ง
“ซี้ด!” ลั่วล่างสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่ง หมัดของหลิงหลานไม่ได้ยั้งแรงเอาไว้เลย ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทำให้บุคลิกทั้งสองของลั่วล่างส่งเสียงร้องโอดโอยออกมาพร้อมกัน
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าคิดหนี ไม่นึกเลยว่าจะกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของฉันจริงๆ” หลิงหลานจ้องมองดวงตากระหายเลือดที่เปลี่ยนเป็นดวงตาหมีแพนด้าข้างนั้นอย่างดุดัน สายตาเย็นเยียบทำให้บุคลิกป่าเถื่อนไม่กล้าต่อต้านอีกต่อไป ได้แต่แสดงท่าทียอมศิโรราบด้วยความเชื่อฟัง
“ลั่วล่าง โอกาสดีแล้ว ยังไม่ควบคุมมันอีกล่ะ” หลิงหลานรีบสั่งลั่วล่าง
เวลานี้ลั่วล่างยังไม่เข้าใจได้อีกเหรอ หลิงหลานกำลังช่วยเขาสยบบุคลิกป่าเถื่อนนี้อยู่ เขาไม่คิดอะไรอีกแล้ว บุคลิกหลักของลั่วล่างกระโจนเข้าใส่บุคลิกป่าเถื่อนในเขตแดนจิตใจของเขาโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว…
บุคลิกป่าเถื่อนคิดจะขัดขืนตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกพลังไร้รูปร่างสายหนึ่งตรึงไว้
ที่แท้หลิงหลานรู้ว่าบุคลิกป่าเถื่อนซ่อนตัวอยู่ในดวงตาสีเลือดข้างนั้นของลั่วล่าง ดังนั้นเธอจึงปล่อยพลังจิตออกมาสายหนึ่งกดดันดวงตาสีเลือดของลั่วล่างอย่างโหดเหี้ยม แน่นอนว่าเธอกลัวว่าตัวเองจะทำร้ายบุคลิกหลักของลั่วล่างก็เลยไม่กล้าใช้การจู่โจมทางจิต
ไม่นึกเลยว่าการกระทำของหลิงหลานกลับบังเอิญช่วยเหลือลั่วล่างไว้ ทำให้เขาควบคุมบุคลิกป่าเถื่อนได้อย่างราบรื่น
บุคลิกทั้งสองต่อสู้พัวพันกันในสมองของลั่วล่าง เนื่องจากการกดดันของพลังจิตหลิงหลานกอปรกับความรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างล้ำลึกที่บุคลิกป่าเถื่อนมีต่อกำปั้นที่มาโดยไม่คาดคิดก่อนหน้านี้ของหลิงหลาน มันกลัวว่าหลังจากที่เอชนะบุคลิกหลักแล้วจะถูกอัดจนน่าอนาถยิ่งกว่าเดิม กำลังรบของบุคลิกป่าเถื่อนที่อยู่ภายใต้จิตใจที่สับสนเช่นนี้จึงดูอ่อนแอกว่าบุคลิกหลักอย่างชัดเจน แรงต้านทานอ่อนลงเรื่อยๆ ท้ายที่สุด บุคลิกหลักก็สยบมันได้โดยสมบูรณ์ ทำให้มันได้แต่ยอมศิโรราบต่อบุคลิกหลัก
ลั่วล่างเลยโชคดีปราบนิสัยป่าเถื่อนที่เป็นบุคลิกรองอันแรกของเขาได้เช่นนี้เอง ยังไม่ทันทีเขาจะบอกข่าวดีให้หลิงหลานฟังด้วยความยินดี ความใคร่ภายในร่างกายลั่วล่างที่กลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้งก็ปั่นป่วนขึ้นมาใหม่ คราวนี้มันยังรุนแรงกว่าในตอนแรกอีก
ถ้าหากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาถูกหลิงหลานอัดอย่างโหดร้ายมาก่อนจนเจ็บไปทั้งตัว มันก็เลยทำให้เขาคงสติไว้ได้นิดหน่อย ลั่วล่างเอ่ยด้วยความทรมานว่า “ลูกพี่ ฉันปราบเขาแล้ว แต่ฉันใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว…”
“ยังไม่เปิดใช้พรสวรรค์ใหม่อีกรอบล่ะ” หลิงหลานเห็นแบบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วเอ่ยเตือนฉับพลัน
“ได้ ลูกพี่!” ลั่วล่างเก็บบุคลิกป่าเถื่อนกลับไปโดยไม่ลังเลแล้วเปิดใช้พรสวรรค์บุคลิกอีกอัน เมื่อบุคลิกถูกปราบ ขอเพียงบุคลิกหลักไม่อยากให้เขาปรากฏตัว เขาก็ไม่มีทางปรากฏตัวได้
————————-