การประเมินทดสอบของโรงเรียนทหารเปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว ความสนใจของนักเรียนทหารทุกคนแทบจะถูกการประเมินครั้งใหญ่นี้ดึงดูดจนหมด ในฐานะที่หลิงเซียวเป็นหัวหน้าทีมทดสอบ เขาจำเป็นต้องเข้าร่วมในวันแรก นี่ทำให้หลิงหลานรู้สึกว่าเวลาเป็นของเธออีกครั้ง
หลายวันนี้หลิงเซียวให้หลิงหลานพาเขาไปเดินเที่ยวชมทั่วโรงเรียนทหารตลอด ข้ออ้างที่ใช้ก็คืออยากทำความเข้าใจสถาบันของลูกสาวตัวเอง หลิงหลานมองหลิงเซียวอย่างเหยียดเพราะเรื่องนี้มาก ตอนที่พ่อของเธอพูดเหตุนี้ได้ลืมไปแล้วหรือไงว่าเขาเรียนจบจากโรงเรียนทหารแห่งนี้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน…
ในใจหลิงหลานย่อมรู้ดีว่า นี่เป็นเพียงข้ออ้างที่พ่อของเธออยากหาโอกาสปฏิสัมพันธ์กับเธอ ถึงอย่างไรก็มีช่องว่างสิบหกปี ไม่ว่าหลิงเซียวหรือว่าเธอต่างก็ต้องการโอกาสแบบนี้ดังนั้นถึงหลิงหลานจะมองอย่างเหยียดหยาม แต่เธอยังรับภารกิจด้วยความยินดี เดินเล่นเป็นเพื่อนพ่อตัวเองหลายวัน ควรพูดว่าผลที่ออกมาก็ไม่เลวเลย อย่างน้อยที่สุดพวกเขาสองคนก็ไม่ต้องมองหน้ากันอย่างไร้คำพูดเหมือนก่อนหน้านี้หลายครั้งอีกต่อไปแล้ว ในที่สุดก็สามารถหาหัวข้อคุยกันได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร็จ หลิงหลานที่ได้เวลาว่างมาครึ่งวันก็ถูกพ่อของเธอรบเร้าให้ออกไปไม่หยุด ที่แท้หลังจากที่หลิงเซียวโผล่หน้าไปแล้ว เขาก็หาข้ออ้างกลับมา
เธอมาถึงที่พักของหลิงเซียวแล้วก็เห็นหลิงเซียวยืนเอื่อยเฉื่อยสบายๆ ตรงหน้าประตู จากนั้นเธอก็มองไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าออกไปตอนนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีจริงๆ
หลิงเซียวเห็นหลิงหลานนิ่วหน้ามองออกไปด้านนอก เขาก็มองไปเช่นกัน จากนั้นก็เกาสันจมูกอย่างอายๆ อยู่บ้าง “เอ่อ ดูเหมือนอากาศร้อนไปหน่อยนะ”
ในตอนที่เขาคิดว่าจะได้เจอหน้าลูกสาวอีกครั้ง พวกเรื่องอากาศเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลิงเซียวสามารถใคร่ครวญได้เลย “ไม่อย่างนั้นก็อยู่ในบ้านพักผ่อน?” สถานที่ที่หลิงเซียวพักอยู่ชั่วคราวก็คือบ้านพักหลังหนึ่ง แต่ว่ามีระดับสูงกว่าที่หลิงหลานอาศัยอยู่
ถึงแม้หลิงหลานไม่กลัวความร้อน แต่เธอก็ไม่อยากออกไปถูกแสงอาทิตย์ร้อนแรงเผาหรอกนะ ดังนั้นก็เลยตกลงด้วยความยินดี อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอกับหลิงเซียวดื่มชาดำเย็นหมดเป็นกาที่สาม ก็รู้สึกว่าการที่เธอกับพ่อของเธอดื่มชากันเงียบๆ ขนาดนี้ดูโง่เง่าอยู่บ้างจริงๆ
หลิงเซียวคล้ายกับตระหนักเรื่องนี้ได้เหมือนกัน นี่ทำให้หลิงเซียวท้อแท้ใจอยู่บ้าง เขาพูดหัวข้อที่เขาสามารถหาได้ไปหมดแล้วเมื่อหลายวันก่อน จนกระทั่งตอนนี้เขายังไม่รู้จริงๆ ว่าต้องพูดอะไรบ้าง หรือว่าต้องเอาคำถามเมื่อหลายวันก่อนมาถามซ้ำอีกครั้ง? แบบนี้จะทำให้ลูกสาวเขารับไม่ไหวแล้วหนีไปทันทีหรือเปล่า? หรือว่าจะโมโหแล้วต่อยเข้ามาทันที?
พอมองลูกสาวที่เย็นชาตรงหน้าแวบหนึ่ง หลิงเซียวคิดว่าอัตราที่หลิงหลานหนีไปดูจะสูงกว่า…นี่ทำให้เขาที่หาโอกาสปฏิสัมพันธ์กับลูกสาวได้ยากยิ่งจะยอมได้อย่างไรเล่า หลิงเซียวเริ่มใคร่ครวญอย่างหนัก ต้องถามอะไรกันแน่นะ? ลูกสาวอายุสิบหกน่าจะถึงช่วงวัยรักแรกแย้มแล้ว หรือต้องถามหลิงหลานว่าช่วงนี้มีคนที่ชอบหรือว่าคนที่ชื่นชมหรือเปล่า?
ในขณะที่หลิงเซียวกำลังสับสนนั้น หลิงหลานที่เงียบอยู่นานพลางลูบถ้วยชาก็เอ่ยปากขึ้นในที่สุด “คุณพ่อครับ ที่นี่มีแคปซูลล็อกอินโลกออนไลน์เสมือนจริงไหม?”
หลิงเซียวอึ้งไป รีบพูดว่า “มี อยู่ชั้นสาม!” บ้านพักที่พวกเขาอยู่ทุกแห่งได้จัดเตรียมแคปซูลล็อกอินโลกเสมือนจริงไว้เพื่อรับรองนายทหารผู้ทดสอบของกองพล อำนวยความสะดวกในตอนที่ทหารเหล่านี้ว่างและเข้าไปฆ่าเวลาในโลกเสมือนจริง
หลิงหลานวางถ้วยชาลงบนโต๊ะชา เงยหน้ามองหลิงเซียวอย่างจริงจัง “ในเมื่อตอนบ่ายคุณพ่อมีเวลาว่างก็ไปเที่ยวเล่นในโลกเสมือนจริงกับผมละกัน”
“ไปโลกเสมือนจริงเหรอ?” หลิงเซียวครุ่นคิดสักพัก นับตั้งแต่ที่เขาเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ไปที่นั่นนานมากแล้ว เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนที่เขายังหนุ่มก็เคยเป็นคนที่หมกมุ่นอยู่ในโลกหุ่นรบ หัวใจของเขากระตุก และก็สนใจอยู่บ้าง แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ นี่เป็นการเชิญด้วยตัวเองจากลูกสาวที่น่ารักของเขา ต่อให้เขาไม่เคยเข้าไปในโลกหุ่นรบมาก่อน เขาก็จะเข้าไปดูสักครั้ง
“ได้สิ” หลิงเซียวตกลงอย่างมีความสุข ดังนั้นสองพ่อลูกก็มาที่ชั้นสามอย่างรวดเร็วแล้วนอนเข้าไปในแคปซูลล็อกอินโลกเสมือนจริง ก่อนที่หลิงหลานจะเข้าไปในแคปซูลล็อกอิน เธอไม่ลืมบอกหลิงเซียวว่าชื่อของเธอในโลกหุ่นรบคือ หลิงเทียนอีเซี่ยน
“หลิงเทียนอีเซี่ยน?” หลิงเซียวมองแคปซูลล็อกอินข้างๆ ที่ปิดฝาแคปซูลแล้ว จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างใคร่ครวญ
……
ขณะเดียวกัน ภายในห้องประลองหุ่นรบที่ปิดสนิทปฏิเสธการรับชมแห่งหนึ่งในโลกหุ่นรบ มีหุ่นรบสองตัวกำลังทำการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
หุ่นตัวหนึ่งเป็นหุ่นรบระดับสูงสไตล์สหพันรัฐ ตัวหุ่นรบมีขาวน้ำเงินตามแบบแผน นอกจากส่วนที่สามารถประกอบและรื้อถอนได้บนตัว และอาวุธที่ใช้ตามนิสัยเคยชินส่วนตัวแล้ว มันแทบจะไม่มีการดัดแปลงและปรับเปลี่ยนใดๆ เลย
แต่หุ่นรบอีกตัวกลับมีเอกลักษณ์โดดเด่นมากไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกและสีสัน มันแตกต่างจากหุ่นรบตามมาตรฐานทั่วไปที่มีสีน้ำเงิน สีขาว สีเงินและสีแดงทั้งหมดสี่สี หากแต่สีดำที่สหพันธรัฐใช้กันค่อนข้างน้อย ภายนอกของหุ่นรบดูกำยำองอาจมากกว่าหุ่นรบระดับสูงตามมาตรฐานตัวนั้น แค่แขนขาก็ใหญ่กว่าหุ่นรบตามมาตรฐานสองเท่าแล้ว ยิ่งไม่ต้องดูอาวุธที่ติดตั้งเลย พวกมันต่างเป็นอาวุธชั้นยอดในหมู่อาวุธเย็น มองแวบเดียวก็รู้ว่าหุ่นรบตัวนี้เป็นหุ่นรบต่อสู้ระยะประชิดแน่นอน
ขอเพียงเป็นคนที่คุ้นเคยกับโลกหุ่นรบต่างรู้ว่า หุ่นรบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างยิ่งเช่นนี้คือหุ่นรบระดับพิเศษ คนที่สามารถควบคุมพวกมันได้ย่อมต้องเป็นปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษ
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อนักรบหุ่นรบชั้นสูงเจอกับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ การต่อสู้จะเกิดเป็นปรากฏการณ์ต่อสู้เพียงฝ่ายเดียว หรือพูดอีกอย่างก็คือ ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษสามารถได้รับชัยชนะในตอนสุดท้ายแน่นอน และจะคว้าชัยชนะหลังจากที่ออกไปกี่กระบวนท่านั้น ก็ต้องดูความห่างชั้นในด้านการควบคุมของพวกเขาสองคนว่าห่างกันมากเท่าไหร่กันแน่
แต่การต่อสู้รอบนี้กลับแตกต่างอยู่บ้าง ถึงแม้ดูจากการประลองโดยรวม นักรบหุ่นรบชั้นสูงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบตลอดจริงๆ แต่ก็เป็นแค่เสียเปรียบเท่านั้น ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ต่อสู้เพียงฝ่ายเดียว มีหลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์อันตรายจริงๆ ถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีกดดันแทบจะหายใจไม่ทัน แต่สุดท้ายนักรบหุ่นรบชั้นสูงยังคงฝืนต้านจนผ่านไปได้
ดังนั้น การต่อสู้จึงเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ยืดเยื้อ ท้ายที่สุดพวกเขาไม่ได้แข่งกันที่ทักษะการควบคุมหุ่นรบ และก็ไม่ใช่ความสามารถของหุ่นรบด้วย หากแต่เป็นความอดทนของผู้ควบคุมแล้ว
หุ่นรบสองตัวต่อสู้ประจันหน้ากลางอากาศ เสียงปะทะกันดังขึ้นอย่างรุนแรง พวกมันต่อสู้ในระยะประชิด หุ่นรบระดับสูงดูเสียเปรียบอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด สังเกตเรื่องนี้ได้จากระยะห่างหลังจากที่พวกเขาสองคนดีดตัวแยกจากกันแล้วร่วงลงสู่พื้น
หลังจากการโจมตีครั้งนี้ หุ่นรบทั้งสองตัวก็ไม่ได้พัวพันกันต่ออีก หากแต่ยืนคุมเชิงกัน
“แฮกๆๆ…” เนื่องจากไม่มีการรบกวนจากคนภายนอก หุ่นรบทั้งสองจึงเปิดช่องสาธารณะของพวกเขาโดยตรง สามารถได้ยินเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรงดังออกมาจากในช่องสื่อสาร
“เชี่ย หลี่หลานเฟิง นายแม่งตัวประหลาด” คนแรกที่ผ่อนเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรงคือหุ่นรบสีดำ อดไม่ไหวสบถออกมาในที่สุด เขาคือจ้าวจวิ้นที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ
“เหอะๆ….” หลี่หลานเฟิงหัวเราะอย่างอ่อนแรง ความห่างชั้นของระดับไม่ใช่สิ่งที่ชดเชยได้ง่ายขนาดนั้น เขาสามารถทำถึงขั้นไม่ถูกจ้าวจวิ้นเอาชนะได้ก็สุดความสามารถของเขาแล้ว ผลลัพธ์ นี้ทำให้เขาท้อแท้ใจอยู่บ้าง ไม่ได้รู้สึกดีใจกับผลคะแนนที่ทำให้คนอื่นตื่นตกใจนี้มากนัก
“มีหลายครั้ง เกือบจะ ถูกนาย เอาชนะแล้ว ไม่ใช่เหรอ?” หลี่หลานเฟิงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เอ่ยออกมาติดต่อกัน ในด้านการฟื้นคืนพลังกาย เขาสู้พรสวรรค์ด้านคุณสมบัติร่างกายเช่นนี้ของจ้าวจวินไม่ได้
“ชิ นายฝืนต้านมาได้ไม่ใช่เหรอ? เหมือนกับแมลงสาปที่ตีไม่ตายเลย” จ้าวจวิ้นบ่นอุบอิบ เวลาต่อสู้กับหลี่หลานเฟิง เขารู้สึกอึดอัดใจตลอด เขามีความรู้สึกอย่างชัดเจนว่าสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่ก็ขาดไปเฮือกหนึ่ง มีหลายครั้งที่ชัยชนะกำลังจะมาถึงมือแต่ก็เฉียดผ่านไหล่เขาไป ความหงุดหงิดในใจเขาไม่ได้น้อยไปกว่าหลี่หลานเฟิงเลย
“นายฝึกมายังไงกันแน่? นักรบหุ่นรบชั้นสูงสามารถต้านทานการโจมตีของฉันที่เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเนี่ยนะ ถ้าหากนายเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ ฉันยังอยู่ด้วยได้ยังไงเนี่ย?” จ้าวจวิ้นรู้สึกว่าตำแหน่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตัวเองมาถึงจุดวิกฤติอยู่บ้าง ดูท่าเขาต้องฝึกหนักมากขึ้นแล้ว ป้องกันไม่ให้เขาไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ได้อีกหลังจากที่หลี่หลานเฟิงเลื่อนขั้นแล้ว
จ้าวจวิ้นเข้าใจเรื่องราวได้กระจ่างมาก นับตั้งแต่ที่เขารู้จักปีศาจอัจฉริยะหลี่หลานเฟิง เขาก็ตัดสินใจทำตัวติดกับหลี่หลานเฟิง ความจริงสมองของเขาไม่ได้ถือว่าโง่ แต่หลังจากที่ถูกหลี่หลานเฟิงโจมตีใส่หลายครั้ง เขาก็ไม่อยากสิ้นเปลืองสมองแล้ว ดังนั้นเขาจึงกำหนดตำแหน่งของตัวเองเป็นนักเลงรับจ้างระดับสุดยอด…เอ่อ ไม่สิ เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอด แต่ตอนนี้เขาพบว่าเป้าหมายนี้ดูจะเป็นไปได้ยากแล้ว
“วางใจเถอะ ฉันยังต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งในการเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ เวลานั้นคาดว่านายก็สามารถสัมผัสถึงด่านกั้นของผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว” หลี่หลานเฟิงกลับมาเป็นปกติแล้วในที่สุด สุดท้ายก็สามารถเอ่ยทีละประโยคได้แล้ว “ดังนั้น นายยังกดฉันได้อยู่หนึ่งช่วงหัว เพราะฉะนั้นนายยังอยู่ด้วยได้นะ” หลี่หลานเฟิงยิ้มพลางเอ่ยปลอบใจ
“นี่นายปลอบใจฉันหรือเยาะเย้ยฉัน?” จ้าวจวิ้นเอ่ยด้วยความไม่พอใจ…
เวลานี้เอง ข้อความประกาศของระบบสีแดงสดใสอันหนึ่งทำให้ทุกคนตกตะลึง และก็หยุดบทสนทนาระหว่างพวกเขาลง
“ข่าวใหญ่ Belief ผู้แข็งแกร่งด้านหุ่นรบระดับสุดยอดที่ยิ่งใหญ่มาถึงโลกหุ่นรบแล้ว การมาของเขาบ่งบอกว่าจะมีผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดคนอื่นๆ ทยอยกันปรากฏตัวขึ้นมาหรือไม่? คาดการณ์ได้เลยว่าโลกหุ่นรบจะเกิดคลื่นลูกใหญ่อีกครั้ง…”
“Belief!” จ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงแทบจะอุทานขึ้นมาพร้อมกัน ชื่อนี้เป็นที่รู้จักดีนัก หุ่นรบของหลิงเซียวผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาก็ใช้ชื่อนี้ ถึงแม้ไม่รู้ว่าชื่อของหลิงเซียวในโลกหุ่นรบคืออะไร แต่ว่าเมื่อชื่อนี้เกี่ยวพันถึงผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอด ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องสงสัยว่า คนผู้นี้ก็คือหลิงเซียวหรือเปล่า
“ตัวปลอมละมั้ง นายพลหลิงเซียวจะมีเวลามาที่โลกหุ่นรบได้ยังไง?” จ้าวจวิ้นทำหน้าไม่อยากเชื่อ เขาเอ่ยปฏิเสธเป็นคนแรก พวกเขารู้ดีว่านายพลหลิงเซียวกำลังก่อตั้งกองพลที่ยี่สิบสาม ยุ่งมากๆ ต่อให้เขามีเวลาก็คงไม่มาที่โลกหุ่นรบซึ่งแทบจะถูกเด็กหนุ่มยึดครองไปมากกว่าครึ่งเช่นนี้ ถ้าเขาอยากหาคน PK ก็ไปที่สนามประลองหุ่นรบเสมือนจริงของกองทัพสหพันธรัฐที่มีเพียงทหารเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเข้าไป
“ไม่รู้สิ เพียงแต่โดยพื้นฐานแล้วผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดเหล่านี้ต่างเป็นพวกอสูรเฒ่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือว่าหลายสิบปีก่อน บางทีอาจจะเป็นเขาก็ได้นะ” เมื่อเทียบกับจ้าวจวิ้นที่ไม่กล้าเชื่อแล้ว หลี่หลานเฟิงไม่ได้ตัดความเป็นไปได้เช่นนี้ไป บางทีนายพลหลิงเซียวอาจจะเกิดความคิดแปลกๆ คิดถึงช่วงอดีตในวัยหนุ่มก็ไม่แน่เหมือนกันนะ
ไม่เอ่ยถึงจ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงที่กำลังคาดเดากันอยู่ตรงนั้นแล้ว ทุกคนในโลกเสมือนจริงก็ถูกข่าวใหญ่นี้ทำให้ตกตะลึงไปเช่นกัน พูดได้ว่าทั่วทั้งโลกเสมือนจริงที่เดิมทีเป็นโลกที่ครึกครื้นได้เปลี่ยนเป็นเงียบกริบ ถึงขนาดที่มีผู้ควบคุมหุ่นรบไม่น้อยที่กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเสียชีวิตลงเพราะเหตุนี้ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหา ไม่นาน โลกหุ่นรบก็เริ่มเสียงดังฮือฮากันขึ้นมา….พวกเขาทยอยกันสอบถามเพื่อนข้างกายว่า Belief ผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดคนนี้คือใครกันแน่?
มีหลายคนที่สมองเฉียบแหลม ล็อกอินเข้าไปในเว็บไซต์หลักของโลกหุ่นรบเพื่อไปค้นข้อมูลของ Belief แต่น่าเสียดาย พวกเขาผิดหวังแล้ว เพราะว่ามีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันเท่านั้นถึงจะสามารถค้นหาข้อมูลของข้อมูลของผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดได้ พวกเขาไปค้นก็ได้แต่รับคำตอบว่า ความสามารถของคุณไม่พอ ไม่มีอำนาจเพียงพอ พวกเขาเลยหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย
—————————-