I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ – ตอนที่ 304 การเข้าใจผิดที่น่าพิศวง!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“จริงสิ นายมีหน่วยรบในโลกหุ่นรบหรือเปล่า? ฉันยังไม่มีเลย ถ้าเกิดยังพอมีที่อยู่ละก็ เพิ่มฉันเข้าไปเป็นยังไง?” หลี่หลานเฟิงไม่อยากกลายเป็นคนแปลกหน้าที่เจอกันโดยบังเอิญกับกระต่ายของเขาอีกรอบ การที่เขาไม่ยอมเข้าร่วมหน่วยรบมา ประการแรก เขากลัวว่าจะเปิดเผยตัวตนของเขาออกมา ประการที่สองเป็นเพราะว่าในใจเขามีความเพ้อฝันนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ? เขาแค่อยากเข้าร่วมหน่วยรบของหุ่นรบกระต่ายเท่านั้น ต่อให้หุ่นรบในหน่วยรบนั้นจะเป็นกระต่ายทั้งหมดก็ตาม…

“เอ่อ ฉันกำลังสร้างน่ะ…” หลิงหลานไม่คาดคิดว่าเจ็ดปีมาแล้วชีต้าร์ยังไม่เข้าร่วมหน่วยรบสักแห่งเลย หรือว่าปีนั้นเขาไม่ได้สมัครสอบเข้าโรงเรียนทหาร แต่ว่าไปโรงเรียนสหศึกษา? หรือว่าเขาเป็นแต่ผู้ควบคุมหุ่นรบนอกเวลางาน? ไม่อย่างนั้น ด้วยความสามารถการควบคุมของอีกฝ่ายแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครต้องการเขา

มีเพียงโรงเรียนทหารเท่านั้นที่มีหน่วยรบ เพราะว่านักเรียนทหารทุกคนคือทหารของสหพันธรัฐในอนาคต หน่วยรบที่นักเรียนทหารก่อตั้งขึ้นจะได้รับการส่งเสริมและดำเนินการต่อไปในกองทัพ ในทางตรงกันข้าม นักเรียนจากโรงเรียนสหศึกษาไม่จำเป็นต้องกลายเป็นทหารในอนาคต ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติก่อตั้งหน่วยรบเช่นกัน

แน่นอนว่า ไม่อาจพูดว่านักเรียนเหล่านี้ไม่มีโอกาสเข้าร่วมหน่วยรบเลย ผู้ควบคุมหุ่นรบที่ชอบการขับหุ่นรบบางคนสามารถเข้าร่วมหน่วยรบบางแห่งที่ขาดสมาชิกชั่วคราวในโลกหุ่นรบ แน่นอนว่าต่อให้คนพวกนี้จะมีความสามารถในการควบคุมสูงอีกสักแค่ไหน พวกเขาไม่มีทางกลายเป็นสมาชิกถาวรในหน่วยรบ เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะไม่ว่าตอนนี้หรือว่าอนาคตเขาก็ไม่มีทางเป็นทหาร เว้นแต่ว่าอนาคตพวกเขายินดีจะรับใช้กองทัพ กลายเป็นทหารในภายหลังถึงจะมีคุณสมบัติกลายเป็นสมาชิกถาวรของหน่วยรบ

หลิงหลานรู้ดีว่า หน่วยหุ่นรบมากมายในโลกหุ่นรบต่างเป็นพัฒนามาจากหน่วยหุ่นรบในโลกความเป็นจริง เนี่ยนเทียนโหยวเหรินพูดแบบนี้ โดยพื้นฐานแล้วกำลังยืนยันว่าเขาไม่มีหน่วยรบในชีวิตจริงเหมือนกัน นี่แทบจะยืนยันว่าเนี่ยนเทียนโหยวเหรินอาจจะไม่ใช่นักเรียนของโรงเรียนทหาร ไม่อย่างนั้นดูจากความสามารถของเขา ต่อให้เขาไม่ได้เข้าร่วมหน่วยรบของคนอื่น เขาก็สามารถตั้งหน่วยรบของตัวเองได้เช่นกัน

หลิงหลานที่เดิมทียังอยากจะสอบถามว่าเนี่ยนเทียนโหยวเหรินอยูโรงเรียนทหารอะไร ตอนนี้เธอกลับไม่กล้าเอ่ยปากถามแล้ว เธอกลัวว่าจะทำร้ายหัวใจของอีกฝ่าย หลิงหลานรู้ระดับความเอาจริงเอาจังและความลุ่มหลงของเสือชีตาห์ที่มีต่อการควบคุมหุ่นรบดี ถ้าหากทำได้ เสือชีตาห์อยากเข้าโรงเรียนทหารอยู่แล้ว

“กำลังก่อตั้งเหรอ?” หลี่หลานเฟิงได้ยินคำตอบของหลิงหลานก็อึ้งไปทันที

เจ็ดปีก่อนเข้าสู่โลกเสมือนจริงเพื่อเรียนการควบคุมหุ่นรบได้ก็น่าจะอายุพอๆ กับเขา หรืออาจจะแก่กว่าเขานิดหน่อย ทำไมตอนนี้ยังไม่ได้สร้างหน่วยรบอีกล่ะ? หรือว่าอีกฝ่ายไม่ใช่นักเรียนทหาร หรือว่าตอนนั้นไม่ได้สอบเข้าโรงเรียนทหาร ได้แต่เข้าสถาบันสหศึกษา? และตอนนี้กลายเป็นทหารอย่างเป็นทางการแล้ว ดังนั้นถึงก่อตั้งหน่วยรบได้แล้วเหรอ?

หลี่หลานเฟิงที่เดิมทียังอยากจะสอบถามกระต่ายว่ากำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนทหารไหนก็ลังเลไปทันที ถ้าเกิดถามออกมาแล้วโดยอีกฝ่ายถามกลับล่ะ? แล้วพอรู้ว่าเขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง จะปักธนูใส่หัวใจของอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วงหรือเปล่า?

“งั้นตอนที่ก่อตั้งแล้วเก็บที่ไว้ให้ฉันหนึ่งที่ได้หรือเปล่า?” หลี่หลานเฟิงครุ่นคิดมาสักพัก ตัดสินใจไม่ถามคำถามที่อ่อนไหวนี้ หากแต่ขอเข้าร่วมหน่วยรบของหลิงหลานอย่างจริงจังแทน ในใจของหลี่หลานเฟิง ต่อให้กระต่ายเป็นแค่ทหารตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เขาก็ยินดีกลายเป็นสมาชิกของหน่วยรบกระต่าย ติดตามกระต่ายไปออกรบที่สนามรบด้วยกันต่อสู้ร่วมกัน

“เอ่อ ได้สิ นายจะกลายเป็นทหารในอนาคตหรือเปล่า?” หลิงหลานถามอย่างระมัดระวัง ถ้าหากเสือชีต้าร์ไม่ยอมแพ้ตอบว่าใช่ เธอก็จะเก็บตำแหน่งสมาชิกถาวรไว้ให้เสือชีตาห์หนึ่งที่ หลังจากนั้นพอเขาเข้ากองทัพในอนาคต เขาก็จะเข้าร่วมอย่างเป็นทางการได้อีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่ เธอก็ได้แต่ให้เสือชีตาห์เซ็นสัญญาชั่วคราวด้วยความเสียใจเท่านั้น หลิงหลานจำเป็นต้องรับผิดชอบเพื่อสมาชิกคนอื่นๆ ของหน่วยรบของเธอ

คำถามของหลิงหลานทำให้หลี่หลานเฟิงอึ้งไป แต่เขาพบเข้าใจเหตุผลอย่างรวดเร็ว ตอบกลับอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอน” ตอนนี้กระต่ายเป็นทหารอยู่จริง ๆ ด้วย! หลี่หลานเฟิงดีใจที่เขาไม่ได้บุ่มบ่ามถาม

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี หน่วยรบฉันจะเหลือที่ไว้ให้นายหนึ่งที่” หลิงหลานถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรู้พรสวรรค์และความสามารถในการควบคุมหุ่นรบของหุ่นรบเสือชีต้าร์ดี เขาไม่มีทางด้อยไปกว่าฉีหลงอย่างแน่นอน ถ้าเสือชีต้าร์สามารถเข้าร่วมกลุ่มได้ มันย่อมดีกว่าหาคนที่เธอไม่คุ้นเคยเข้าร่วมกลุ่ม เธอเชื่อว่าพวกฉีหลงไม่มีทางเกลียดบุคลิกและนิสัยใจคอของเสือชีต้าร์

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลิงหลานเชื่อใจเสือชีตาห์อย่างไร้ที่สิ้นสุด คิดว่าเขาสามารถได้รับการยอมรับจากบรรดาสมาชิกทีมในหน่วยรบแน่นอน

“พวกเราจะไปกองพลที่ยี่สิบสามนะ” หลิงหลานเตือนอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าเสือชีต้าร์อายุเท่าไหร่ ถึงวัยรับใช้กองทัพแล้วหรือยัง สรุปคือเธอต้องเตือนอีกฝ่ายว่าอย่าสมัครผิดกองพลล่ะ สี่ปีให้หลัง เมื่อพวกเขาไปยังกองพลที่ยี่สิบสาม ต่อให้เสือชีต้าร์ยังเป็นแค่ทหารตัวเล็กๆ เธอก็สามารถใช้อำนาจของเธอย้ายเสือชีต้าห์มาอยู่ข้างกายเธอ เข้าร่วมหน่วยรบของเธออย่างเป็นทางการ

“อื้ม เข้าใจแล้ว” หลี่หลานเฟิงตอบอย่างยินดี เขาที่เดิมทีอยากสมัครสอบเข้ากองพลที่หนึ่งกำหนดเป้าหมายในปีหน้าเป็นกองพลที่ยี่สิบสามโดยไม่ลังเล หลังจากนั้นก็รอให้กระต่ายของเขามาหาเขา

ทั้งสองคนไม่ได้ถามเรื่องโรงเรียนอย่างน่าพิศวงมาก พวกเขาต่างคิดว่าอีกฝ่ายเหมือนกับที่ตัวเองคิดไว้ นี่ทำให่พวกเขาพลาดโอกาสรู้ความจริงในตอนแรกสุดไป จำเป็นต้องพูดว่าหลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงรู้ใจกันอย่างดีมากจริงๆ ต่อให้เข้าใจผิดก็ผิดไปด้วยกัน

“เพื่อนของนายที่เป็นหุ่นรบระดับพิเศษคนนั้น เขาก็ไม่มีหน่วยรบเหมือนกันเหรอ? เขาไม่ชวนนายไปอยู่ด้วยเหรอ?” หลิงหลานนึกถึงหุ่นรบระดับพิเศษที่เข้ามากับเนี่ยนเทียนโหยวเหริน ความสามารถของเขาแข็งแกร่งมาก จึงอดเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“เขากับฉันต่างก็ไม่มีหน่วยรบอย่างเป็นทางการ แต่เขาเซ็นสัญญาชั่วคราวกับหน่วยหุ่นรบแห่งหนึ่งไปแล้ว ปีหน้าถึงจะหมดสัญญาโดยอัตโนมัติ ถ้าเกิดตอนนั้นหน่วยรบของนายยังมีที่อยู่ ก็เพิ่มเขาไปอีกคน แน่นอนว่าถ้าเกิดรู้สึกว่าไม่เหมาะสม นายสามารถทำสัญญาชั่วคราวก็ได้ เขาเป็นเหมือนกับฉัน อนาคตก็จะกลายเป็นทหารเหมือนกัน” เวลานี้หลี่หลานเฟิงเพิ่งจะนึกได้ว่ายังมีจ้าวจวิ้นอีกคน เขาเลยรีบเอ่ยพรวดขึ้นมาและยังเสนอเซ็นสัญญาชั่วคราวเองด้วย

หลี่หลานเฟิงรู้ดีว่าเขาอยากติดตามหุ่นรบกระต่ายเป็นเพราะว่าระหว่างเขากับหุ่นรบกระต่ายมีวาสนาและรู้ใจกันอย่างน่าอัศจรรย์ สลักอยู่ในหัวใจเขาจวบจนทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม จ้าวจวิ้นกับหุ่นรบกระต่ายไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย เขาไม่อาจทำให้หุ่นรบกระต่ายลำบากใจ และก็ไม่สามารถตัดสินอนาคตให้จ้าวจวิ้นได้ ถึงอย่างไรมีความเป็นไปได้สูงว่ากระต่ายอาจจะเป็นแค่ทหารตัวเล็กๆ คนหนึ่ง และดูจากความสามารถของจ้าวจวิ้นในตอนนี้ ตำแหน่งร้อยโทไม่หนีเขาไปแน่ ดังนั้นถ้าจ้าวจวิ้นกับกระต่ายตั้งใจร่วมมือกัน สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว การเซ็นสัญญาชั่วคราวจะได้ประโยชน์กันทั้งหมด

หลี่หลานเฟิงไม่ใช่คนที่อยากให้เพื่อนตัวเองอยู่กลุ่มเดียวกันทั้งหมด เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจำเป็นต้องมีวาสนา เขามั่นใจได้ว่าเขาสามารถประนีประนอมและอดทนต่อสิ่งที่ปกติเขาไม่สามารถทนได้เพื่อหุ่นรบกระต่าย ในใจเขาตระหนักได้นานแล้วว่าต่อให้หน่วยรบของกระต่ายต่างเป็นทหารตัวเล็กๆ ทั้งกลุ่ม เขาก็จะลดตัวลงและประจบเอาใจอีกฝ่ายช่วงชิงได้รับการยอมรับจากพวกเขา นี่เป็นเพราะว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนเขาก็อยากติดตามกระต่าย ความทุกข์เข็ญทั้งหมดทั้งมวลต่างก็เป็นก้อนเมฆที่ลอยผ่านไปภายใต้ความเชื่อมั่นเช่นนี้

“อืม พอถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้ฉันยังมีเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่อีกห้า ต่อไปน่าจะเป็นสมาชิกถาวรของหน่วยรบ บวกกับนายเข้าไปหนึ่งคน ก็ยังมีโควตาเหลืออยู่อีกหลายที่สำหรับหน่วยรบที่มีสิบสองคน อ้อ ฉันยังดูไว้อยู่สองคน ถึงยังไม่ได้ไปถามพวกเขาว่าอยากเข้ามาร่วมด้วยกันไหมก็เถอะ… ถ้าเกิดปีหน้ายังไม่เต็ม ก็เรียกเพื่อนของนายเข้ามาลองดูก็ได้ ถ้าทุกคนพอใจ ก็ไปด้วยกันเถอะ” หลิงหลานไม่ได้ปฏิเสธจ้าวจวิ้น ถึงอย่างไรตอนนี้จ้าวจวิ้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษแล้ว และตัวเลือกแนวหลังของหน่วยรบก็ใกล้จะเรียบร้อยแล้ว สมาชิกที่ต้องการเพิ่มก็คือผู้ควบคุมหุ่นรบที่เชี่ยวชาญ จ้าวจวิ้นจึงเหมาะสมมากอย่างไม่ต้องสงสัย

“โอ้ ได้เลย!” หลี่หลานเฟิงตอบทันที เขาตอบตกลงอย่างแน่วแน่แทนจ้าวจวิ้น อย่างไรเสียปีหน้าจ้าวจวิ้นก็ไม่มีหน่วยรบแล้ว ตามเขาไปอยู่ด้วยกันชั่วคราวก็ไม่มีปัญหา เมื่อได้ยินว่ากระต่ายกำลังดูอยู่อีกสองคน ก็เอ่ยถามว่า “อีกสองคนคือใครเหรอ? เป็นคนในโลกหุ่นรบเหมือนกันหรือเปล่า?”

“คนหนึ่งชื่อ จีอู๋ปู้ซิว เป็นคนของโลกหุ่นรบ ส่วนอีกคนมีไอดีในโลกหุ่นรบไหมก็ยังไม่รู้ เขาเป็นอัจฉริยะของทางฝั่งฉัน” หลิงหลานตอบ

“จีอู๋ปู้ซิว ชื่อนี้คุ้นจริงๆ…” หลี่หลานเฟิงอึ้งไป หลังจากนั้นก็นึกออกทันที ไม่ใช่ว่านี่คืออัจฉริยะด้านการพัฒนาหุ่นรบที่ราชันสายฟ้าจ้องไว้อยู่เหรอ? ตอนนั้นเห็นว่าเขาปิดทรัพยากรทุกด้านในโลกหุ่นรบของอีกฝ่ายเพื่อให้ได้เขามาโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น ทำให้อีกฝ่ายสอบตกติดต่อกันสองปี ถ้าสอบตกอีกครั้งก็จะถูกไล่ออกจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง…

“จีอู๋ปู้ซิวมาเป็นนักเรียนภาควิชาพัฒนาหุ่นรบของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง…” หลี่หลานเฟิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“อ้อ นายก็เคยได้ยินชื่อนี้สินะ!” หลิงหลานพูดด้วยความประหลาดใจ “ใช่ ก็คืออัจฉริยะภาควิชาพัฒนาหุ่นรบของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง แถมยังถูกราชันสายฟ้าของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งกดดันด้วย ฉันบังเอิญช่วยเขาไว้ ส่งเขาไปที่เมืองซิ่นหยาง ไม่รู้ว่าเขายินดีเข้าร่วมหน่วยรบของฉันไหม”

“ที่แท้คนที่ส่งเขามาที่เมืองซิ่นหยางก็คือนายนี่เอง…” หลี่หลานเฟิงมองหุ่นรบตรงหน้าอย่างตะลึงงัน ควรรู้เอาไว้ว่าราชันสายฟ้าโกรธเรื่องนี้ แต่น่าเสียดายที่ต่อให้สิ้นเปลืองกำลังพลแรงกายก็หาคนที่ช่วยจีอู๋ปู้ซิวไม่เจอ นี่ทำให้ราชันสายฟ้าขาดทุนอย่างลับๆ ไปเลย ยังจำได้ว่าตอนนั้นหลังจากที่เขารู้เรื่องนี้แล้วก็อารมณ์ดีไปหลายวัน

อย่างที่คิดเอาไว้เลย กระต่ายของเขาคือเทพแห่งความโชคดีของเขา ต่อให้พวกเขาไม่ได้รู้จักกันก็ยังช่วยเขาทรมานราชันสายฟ้าอย่างโหดเหี้ยมไปรอบหนึ่ง หลี่หลานเฟิงมองหุ่นรบระดับกลางที่อยู่ตรงข้ามด้วยแววตาซาบซึ้งใจ เพีนงแต่ความซาบซึ้งใจนี้มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้

“ฉันคิดว่าเขาน่าจะยินดีเข้าร่วมนะ” หลี่หลานเฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม กระต่ายคือผู้มีพระคุณของจีอู๋ปู้ซิว เดิมทีน้ำใจนี้ก็ทำให้อีกฝ่ายยากจะปฏิเสธแล้ว กอปรกับกระต่ายเชิญเขาเข้าร่วมหน่วยรบ หรือก็ยอมรับเขา และก็เป็นการช่วยเหลืออย่างหนึ่ง

ควรรู้เอาไว้ว่า ถึงแม้ว่ากลุ่มอำนาจอื่นๆ ในโรงเรียนทหารต่างก็จ้องความสามารถด้านการพัฒนาหุ่นรบของจีอู๋ปู้ซิวตาเป็นมัน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินราชันสายฟ้า และก็ไม่มีหน่วยรบไหนเชิญจีอู๋ปู้ซิวเข้าร่วมทีมของพวกเขาเลย เขาที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยรบ ต่อให้เขาผ่านการสอบปีนี้ไปได้ก็ดำเนินชีวิตได้ยาก อีกหลายปีข้างหน้าก็ยากที่จะสอบผ่านคะแนนการทดสอบที่ต้องการความร่วมมือของหน่วยรบถึงจะสามารถผ่านได้… คำเชิญของกระต่ายย่อมเป็นบันไดสู่สวรรค์ช่วยชีวิตของจีอู๋ปู้ซิว เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

“หวังว่าถ้าเป็นเหมือนอย่างที่นายพูดไว้ก็ดีสิ” หลิงหลานรู้สึกว่าตัวเองควรจะตั้งหน่วยรบแล้ว ถึงแม้ว่าเธอยังสามารถก่อตั้งอย่างเป็นทางการได้ในโรงเรียน แต่เธอสามารถทดลองก่อนได้ในโลกหุ่นรบ และก็ให้พวกฉีหลงรู้จักกับเสือชีต้าร์

หลิงหลานและหลี่หลานเฟิงนัดเวลาพบกันในโลกหุ่นรบครั้งต่อไป จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ออฟไลน์เช่นนี้เอง

เมื่อหลิงหลานออฟไลน์ เธอพบว่าพวกฉีหลงกลับมาแล้ว เธอจึงเรียกพวกเขาให้ออกมาทีละคน แล้วประกาศอย่างยิ่งใหญ่ว่า กำลังจะก่อตั้งหน่วยรบ ‘หลิงเทียน’ ของพวกเขาอย่างเป็นทางการในโลกหุ่นรบ

ช่วยไม่ได้นี่นา ไอ้เด็กกลุ่มนี้ตัดสินใจกันนานแล้วว่าจะใช้ชื่อที่อวดดีนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเข้าไปในโลกหุ่นรบแล้วตั้งชื่อว่า หลิงเทียน xxx ได้ยังไง ถ้าเกิดหน่วยรบไม่ใช่ชื่อนี้ ไอ้เด็กกลุ่มนี้มีล้มโต๊ะแน่นอน!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

Status: Ongoing
นิยายแฟนตาซี ไซไฟ โลกอนาคต หุ่นรบ สงครามอวกาศ แมรี่ซู แปลจีนหลังจากเสียชีวิตเพราะอาการป่วยโรคประหลาดหลิงหลานได้ทะลุมิติมายังโลกอนาคตอีกหนึ่งหมื่นปีข้างหน้าด้วยการช่วยเหลือของระบบการเรียนรู้เธออยากใช้ชีวิตร่างใหม่อย่างสงบสุขทว่าโชคชะตากลับเล่นตลกให้จำเป็นต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อสืบทอดตระกูลคุณชายน้อยผู้สืบทอดพลังหุ่นรบขั้นเทวะจำต้องเดินหน้าต่อไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันย้อนกลับซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายไม่รู้จบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท