หลังจากที่เดินมาได้ประมาณหนึ่งนาที หลิงหลานพลันหยุดชะงักก่อนจะใช้สัญญาณมือบอกว่ามีคนอยู่ด้านหน้า คนอื่นๆ ที่เดิมทีรู้สึกผ่อนคลายอยู่บ้างเพราะการกระทำใจกล้าของหลิงหลานพลันระมัดระวังตัวขึ้นมา
หลิงหลานขบคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเปิดเผยความสามารถของเธอ ดังนั้นเธอเลยปล่อยพลังจิตของตัวเองออกมาแล้วแบ่งออกเป็นหนวดแปดเส้น เริ่มเชื่อมต่อกับพลังจิตของพวกฉีหลง
พลังจิตของคนที่ปลุกพรสวรรค์แล้วต่างเหนือกว่าคนทั่วไปที่พรสวรรค์ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา นอกจากนี้เดิมทีสมองของพวกฉีหลงก็มีพลังจิตของหลิงหลานอยู่ ดังนั้นเลยเชื่อมต่อได้ในชั่วพริบตา ส่วนพรสวรรค์ที่ตื่นขึ้นมาของจีอู๋ปู้ซิวกับหลี่ซื่ออวี๋ต่างเป็นพรสวรรค์สายสนับสนุน ไม่มีพลังโจมตีอะไร เพราะฉะนั้นถึงแม้หลิงหลานจะเสียเวลาไปบ้าง แต่เธอก็เชื่อมต่อได้สำเร็จ
มีเพียงตอนที่เชื่อมต่อกับหลี่หลานเฟิงเท่านั้นที่ถูกพลังผีซวีที่หลี่หลานเฟิงกางครอบคลุมดูแลไว้นานแล้วกลืนกินเข้าไปทันที โชคดีที่ระดับพลังจิตของหลิงหลานสูงอย่างยิ่งยวดและมีพลังหนุนไว้หนามาก เมื่อถูกกลืนกินไปก็ไม่ได้เกิดความเสียหายมากเท่าไหร่ แต่พลังจิตที่เดิมทีเต็มเปี่ยมพลันลดลงไปเสี้ยวหนึ่ง หลิงหลานยังคงรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้าง เธอขมวดคิ้วแล้วโคจรพลังจิตอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวพลังจิตที่ถูกกลืนกินเข้าไปนั้นก็ได้รับการเติมเต็ม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทางด้านหลิงหลานไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ทางหลี่หลานเฟิงกลับตกใจจนหน้าถอดสีทันที เขารู้ดีว่าความสามารถของตัวเองคืออะไร มันไม่ใช่ความสามารถของแฮคเกอร์อย่างที่เขาบอกกับหลิงหลาน หากแต่เป็นความสามารถผีซวีที่น่ากลัว สัญชาตญาณของพลังผีซวีก็คือการกลืนกินและการกำจัด ถ้าเกิดหลิงหลานได้รับบาดเจ็บถาวรอะไรเพราะเหตุนี้ขึ้นมา เขาก็คงเสียใจไปตลอดชีวิตจริงๆ
ในใจหลี่หลานเฟิงรู้สึกนึกเสียใจอย่างยิ่งยวด บางทีเขาควรจะอธิบายอย่างซื่อสัตย์ตั้งแต่แรกว่าความสามารถที่แท้จริงของเขาคืออะไร จะได้ไม่ทำให้หลิงหลานใช้พลังจิตเชื่อมต่อกับเขาอย่างบุ่มบ่ามในเวลานี้
“กระต่าย นายไม่เป็นไรใช่ไหม” หลี่หลานเฟิงพูดโพล่งออกมาด้วยความร้อนใจจนลืมคำเตือนของหลิงหลาน
กระต่าย? คำเรียกขานเฉพาะนี้ทำให้หูทั้งสองข้างของทุกคนตั้งขึ้นสูง พวกฉีหลงสบตากันอย่างรวดเร็ว มองเห็นความเข้าใจแจ่มแจ้งในแววตาของกันและกัน อย่างที่คิดเอาไว้เลย ลูกพี่ของพวกเขาก็คือหุ่นรบกระต่ายที่สร้างความฮือฮาในเขตมือใหม่คนนั้นจริงๆ ด้วย
ส่วนหลี่ซื่ออวี๋กับฉางซินหยวนตกตะลึงสุดขีด พวกเขาไม่สามารถเอาสิ่งมีชีวิตที่น่ารักไร้พิษภัยอย่างกระต่ายมาเชื่อมโยงกับหลิงหลานได้เลยจริงๆ
“ฉันไม่เป็นไร!” หลิงหลานที่นำหน้าสุดมาอยู่ที่ด้านหลังสุดในชั่วพริบตา เธอใช้นิ้วชี้กดไปที่ริมฝีปากของหลี่หลานเฟิง แววตาเย็นชาคมกริบเตือนหลี่หลานเฟิงให้เงียบเสียงไว้ ด้านหน้ามีทหารคุ้มกันทางเข้าออกอยู่ เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็น NPC หรือว่ามนุษย์จริงๆ ถ้าเกิดเป็น NPC เสี่ยวซื่อสามารถปกปิดทุกอย่างนี้ได้ แต่ถ้าเกิดเป็นมนุษย์จริงๆ ละก็ เธอไม่สามารถรับรองได้เต็มร้อยว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด ดังนั้นหลิงหลานจึงไม่กล้าประมาทเลินเล่อ
เมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของนิ้วมือหลิงหลานที่ส่งผ่านมาทางริมฝีปากตัวเอง หลี่หลานเฟิงเหมือนกับตกใจจนเสียขวัญก็ไม่ปาน เขาได้แต่จ้องมองดวงหน้าเคร่งขรึมเย็นชาของหลิงหลานที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาด้วยความเซ่อซ่า ไม่ขยับเขยื้อนตัว
“ปลดการป้องกันของนายซะ ฉันจะได้เชื่อมต่อพลังจิตของนายได้ง่ายๆ” เสียงของหลิงหลานแทบจะดังขึ้นที่ข้างหูของหลี่หลานเฟิง ลมหายใจอุ่นๆ ทำให้หูของหลี่หลานเฟิงเริ่มแดงขึ้นมา สุดท้ายมันก็แดงก่ำ
หลิงหลานเตือนหลี่หลานเฟิงแล้วค่อยแผ่พลังจิตออกมาอีกครั้งพยายามเชื่อมต่อเข้ากับพลังจิตของหลี่หลานเฟิง ขณะเดียวกันหลี่หลานเฟิงที่ได้คำเตือนจากหลิงหลานก็พยายามสะกดพลังผีซวีที่ตื่นตัวของเขาไว้ ถึงทำให้หลิงหลานเชื่อมต่อพลังจิตของเขาได้สำเร็จ
สถานการณ์ด้านหลังทางเดินได้แสดงขึ้นในห้วงความคิดของทุกคนในทีมอย่างแท้จริง นี่ก็คือกระบวนท่าประจำสำนักของสำนักบัญชาเทวะ—แบ่งปันจิตวิญญาณ! ควรรู้เอาไว้ว่าสาเหตุที่หน่วยรบของหลิงเซียวสามารถรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะว่าหลิงเซียวก็มีความสามารถนี้เหมือนกัน
หลังจากที่เชื่อมต่อพลังจิตของหลี่หลานเฟิงสำเร็จแล้ว หลิงหลานก็ใช้พลังจิตออกคำสั่งว่า “ฉีหลง ลั่วล่าง พวกนายสองคนลงมือ”
ฉีหลงกับลั่วล่างได้ยินคำสั่งก็รีบเดินข้ามทุกคนออกมาทันที พวกเขารู้ว่าด้านหลังทางเดินมีทหารลาดตระเวนแค่สองคน รับรู้การเคลื่อนไหวทุกอย่างของพวกเขาอย่างทะลุปรุโปร่งเนื่องจากการแบ่งปันจิตวิญญาณ พวกเขาควบคุมฝีเท้าของตัวเองไม่ให้ส่งเสียงออกมา แล้วไปยังด้านหน้าสุดของทางเดินอย่างเร็วไวก่อนจะซุ่มตัวเตรียมจู่โจมในช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด
ทุกคนต่างถูกฉีหลงกับลั่วล่างดึงดูดความสนใจไป ไม่ได้สังเกตเลยว่า หลี่หลานเฟิงที่อยู่ด้านหลังสุดเอามือขวากดไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างเงียบเชียบ ราวกับกำลังปลอบอะไรบางอย่าง
ชั่วพริบตาที่หลิงหลานเข้าใกล้เขานั้น หลี่หลานเฟิงที่เห็นดวงหน้าของหลิงหลานในระยะใกล้พลันสังเกตเห็นว่าแท้จริงแล้วกระต่ายหน้าตาดีมาก…ไม่รู้ว่าเป็นความหวาดหวั่นหรือเป็นเพราะความประหลาดใจ หัวใจของหลี่หลานเฟิงในเวลานั้นเต้นกระหน่ำ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นหลายองศา…
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการควบคุมตัวเองของหลี่หลานเฟิงยอดเยี่ยมมาก ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็กลับมาสงบดังเดิม เวลานี้เอง ฉีหลงกับลั่วล่างสองคนที่สั่งสมพลังรอลงมือเห็นชั่วพริบตาที่สายตาของทหารสองคนไม่ได้อยู่ตรงทางปากเดิน พวกเขาพลันพุ่งตัวออกไปราวกับเสือชีตาห์สองตัวที่แอบซุ่มอยู่ในที่ลึก บุกโจมตีใส่เหยื่อทันใด
ทั้งสองคนใช้มือซ้ายปิดปากอีกฝ่ายไว้ทันที มือขวาจับเข็มฉีดยาขนาดเล็กแทงเข้าไปที่คอของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
เข็มฉีดยาขนาดเล็กเป็นของที่หลี่ซื่ออวี๋เตรียมมา ยาสลบได้ผลชะงัดในเข็มฉีดยาก็คือยาที่หลี่ซื่ออวี๋จัดมา แต่การที่เข็มฉีดยาทั่วไปเปลี่ยนเป็นอาวุธโจมตีถึงขนาดที่สามารถเอาชีวิตคนได้นั้น อันที่จริงแล้วเป็นคำสั่งของหลิงหลาน นับตั้งแต่ที่หลี่ซื่ออวี๋เข้าร่วมทีม หลิงหลานก็ไม่เคยคิดให้หลี่ซื่ออวี๋เป็นแพทย์ทหารทำการรักษาเพียงอย่างเดียว หากแต่ใช้ความรู้ด้านการแพทย์ของหลี่ซื่ออวี๋อย่างเต็มที่ ให้หลี่ซื่ออวี๋คิดค้นอาวุธยาต่างๆ ที่เพิ่มกำลังรบและพลังทำลายล้างของทีม ยกตัวอย่างเช่น เข็มฉีดยาสลบขนาดเล็กที่ธรรมดาและพกพาง่ายดายที่สุดนี้
เมื่อทหารสองคนถูกแทงเข้าที่ลำคอก็ประกาศผลสุดท้ายของพวกเขาแล้ว ยาสลบที่หลี่ซื่ออวี๋สร้างขึ้นเป็นพิเศษนั้นมีฤทธิ์รุนแรงกว่ายาของปืนยาสลบระดับพิเศษของทางกองทัพ เดิมทีฉีหลงกับลั่วล่างกำลังเตรียมตัวทุ่มกำลังทั้งหมดรับมือการตอบโต้กลับอย่างเข้าตาจนของฝ่ายตรงข้าม ไม่คาดคิดว่าแทงเข็มฉีดยาหลอดเดียวใส่อีกฝ่าย กล้ามเนื้อของฝ่ายตรงข้ามที่เดิมทีเกร็งแน่นพลันอ่อนยวบ วินาทีถัดมาก็หมดสติไปทันที
ฉีหลงกับลั่วล่างวางทั้งสองคนไว้ที่ด้านข้างหน้าประตูอย่างระมัดระวัง ส่วนคนอื่นๆ ที่เห็นพวกเขาจัดการสำเร็จในห้วงสติแล้วก็เดินออกมาจากปากทางเดิน ฉีหลงเห็นหลี่ซื่ออวี๋ออกมาก็เผยสีหน้าละโมบ เอ่ยขอร้องในห้วงสติว่า “รุ่นพี่ซื่ออวี๋ เข็มฉีดยาสลบรุ่นเล็กที่นายทำออกมาใช้ดีมากเหลือเกินจริงๆ ครั้งหน้าเตรียมให้พวกเราหลายๆ อันเลยนะ”
ทรงพลังแข็งแกร่งสามารถล้มศัตรูได้ในพริบตา ขนาดเล็กสามารถพกพาได้ปริมาณมาก ต่อให้ใช้เป็นอาวุธลับก็สามารถทำได้ อาวุธที่สามารถแอบซ่อนและมีประโยชน์แบบนี้ ฉีหลงย่อมจ้องตาเป็นมันอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ยาสลบในเข็มฉีดยาขนาดเล็กสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว การใช้งานครั้งต่อไปจำเป็นต้องเติมยาสลบใหม่อีกครั้ง แต่หลี่ซื่ออวี๋ค่อนข้างคัดค้านที่จะทำเรื่องพวกนี้ ทุกคนในทีมเลยได้แต่แบ่งเข็มฉีดยาสลบรุ่นเล็กกันคนละสามหลอด หลังจากที่ใช้แล้วยังต้องดูหลี่ซื่ออวี๋ด้วยว่าจะอารมณ์ดียินดีช่วยเติมให้พวกเขาเมื่อไหร่…ยานอนหลับถูกควบคุมอยู่ในมือของหลี่ซื่ออวี๋ หากเขาไม่ยอมทำ ใครก็บังคับอะไรเขาไม่ได้
พอหลี่ซื่ออวี๋ได้ยินคำกล่าวของฉีหลง ดวงหน้าขาวเนียนของเขาก็ดำทะมึนฉับพลัน แม่งเอ๊ย เขาเป็นแพทย์ทหารนะ เป็นเทวดาช่วยชีวิตรักษาอาการเจ็บป่วย ไม่ใช่ปีศาจที่เชี่ยวชาญการสร้างอาวุธทำร้ายผู้คนเหล่านี้…
“ใช่แล้ว รุ่นพี่ซื่ออวี๋ มีอาวุธยาสลบของนายอยู่ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนแล้ว” หลิงหลานเตะทหารสองคนที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนพื้นอย่างเฉยชา “นายทำให้พวกเราไม่ต้องไปแปดเปื้อนบาปกรรม ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณนายยังไงดี” หลิงหลานเอ่ยคำขอบคุณออกมาจากปาก แต่สายตาที่มองไปยังหลี่ซื่ออวี๋นั้นกลับเย็นเยียบอย่างหาใดเปรียบ ราวกับกำลังบอกหลี่ซื่ออวี๋ว่า เขาจะไม่ทำก็ได้ อย่างมากคือทำให้เด็กหนุ่มเหล่านี้ทำบาปกรรมล่วงหน้า มือแปดเปื้อนไปด้วยเลือดเท่านั้น
หลี่ซื่ออวี๋กัดริมฝีปาก พอเห็นเหล่าเด็กหนุ่มที่ยังบริสุทธิ์ตรงหน้าทำสายตาคาดหวังกลุ่มนี้ หัวใจเขาก็อ่อนยวบอีกครั้ง ตอบว่า “รู้แล้ว มีเวลาฉันจะช่วยทำให้พวกนายนิดหน่อย ใช้หมดแล้วค่อยมาให้ฉันเติม”
เอาเถอะ หลิงหลานกุมจุดอ่อนในใจหลี่ซื่ออวี๋ไว้หมดแล้ว หลี่ซื่ออวี๋ไม่อาจทำใจให้บรรดารุ่นน้องที่เพิ่งจะเข้าปีหนึ่งเหล่านี้สัมผัสกับการเข่นฆ่าและบาปกรรมล่วงหน้าจริงๆ ยอมรับแรงกดดันและการประณามทางจิตใจจนเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นอย่างมาก ไม่อาจข่มตาหลับในยามค่ำคืนได้
หลี่ซื่ออวี๋ไม่มีทางลืมว่า เขาเคยเห็นเคสหลายรายในศูนย์วิจัยแพทย์ทหารต่างเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่สนามรบ หลังจากที่ฆ่าคนครั้งแรกก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากบาปกรรมในใจได้ สุดท้ายก็ตกสู่ท่ามกลางความซึมเศร้าอย่างรุนแรง ถึงขนาดที่มีแนวโน้มว่าจะฆ่าตัวตาย…
ถ้าเกิดหลี่ซื่ออวี๋รู้ว่าพวกเด็กปีหนึ่งที่ใสซื่อบริสุทธิ์ในสายตาเขาเคยเข้าร่วมกลุ่มผจญภัยชาวบ้าน สัมผัสการเข่นฆ่าเปื้อนเลือดจนหัวใจได้เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งและเลือดเย็นอย่างยิ่งยวดมาก่อนที่จะเข้าโรงเรียนละก็ เขาย่อมเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแน่นอน ควรพูดว่าหลี่ซื่ออวี๋ก็เหมือนกับกระต่ายขาวบริสุทธิ์จิตใจดี ทำเพื่อกระต่ายกลุ่มหนึ่งในสายตาเขา แต่ความจริงแล้วพวกนั้นกลับเป็นบรรดาหมาป่าชั่วร้ายที่ห่มหนังกระต่าย เขาปรับเส้นบรรทัดฐานของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำลายสามมุมมองแต่เดิมของเขา วิวัฒนาการไปเป็นกระต่ายดำโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว…
หลี่หลานเฟิงเห็นหลี่ซื่ออวี๋เลือกยอมอ่อนข้อให้อีกครั้งก็รู้ว่าน้องชายที่บริสุทธิ์น่ารักของเขาคนนั้นใกล้จะหายไปแล้ว ในใจเกิดความรู้สึกประดังประเดเข้ามา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี สุดท้ายก็ได้แต่เปลี่ยนเป็นถอนหายใจเท่านั้น…
คำตอบของหลี่ซื่ออวี๋ทำให้พวกฉีหลงร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้นในห้วงจิตใจ หลี่ซื่ออวี๋เห็นท่าทีดีอกดีใจของรุ่นน้องเหล่านี้ อารมณ์กลัดกลุ้มใจเล็กน้อยแต่เดิมก็หายวับไปทันที
หลิงหลานที่หันหลังให้พวกเขาดูราวกับกำลังศึกษาวิจัยประตูเห็นแบบนั้น มุมปากก็ยกขึ้นมาน้อยๆ ทำไมนักเรียนดีเด่นหลี่คนนี้ถึงได้หลอกง่ายขนาดนี้นะ คนของตระกูลหลี่เหมือนกัน แต่ชีตาห์หน้าเนื้อใจเสือกว่ามาก…
เสี่ยวซื่อไม่ได้เปิดประตูออก เขาแสดงเหตุการณ์ด้านหลังประตูขึ้นในห้วงจิตใจของหลิงหลานตามความเป็นจริง แน่นอนว่าหลิงหลานแบ่งปันภาพเหล่านี้ให้บรรดาลูกทีมทันที เหล่าสมาชิกทีมที่เดิมทียังคงอยู่ในความตื่นเต้นก็ใจเย็นลงฉับพลัน รู้ว่านี่เป็นด่านยาก เพราะว่าด้านหลังประตูมีทหารสองคนที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรจ้องเขม็งออกมาทางหน้าประตูเช่นกัน ขอเพียงเปิดประตู พวกเขาก็จะรู้ได้ และต่อให้พวกเขาเลือกโจมตีทันที ระยะห่างสิบเมตรก็เพียงพอให้พวกเขามีปฏิกิริยาตอบสนองเปิดกริ่งเตือนภัย
“ลูกพี่ เอายังไงดี?” ทุกคนต่างมองไปทางหลิงหลาน รอคอยคำสั่งของหลิงหลาน
ถ้าเกิดอยู่ในโลกความเป็นจริงละก็ หลิงหลานสามารถใช้การจู่โจมทางจิตล้มอีกฝ่ายได้ แต่เวลานี้อยู่ในโลกเสมือนจริง มันกลับจำกัดกระบวนท่าสังหารนี้ของเธอไว้ ในขณะที่หลิงหลานกำลังคิดว่าจะจัดการอย่างสมบูรณ์แบบอย่างไรดี หลี่หลานเฟิงเอ่ยปากเสนอแนะว่า “ฉันกับลูกพี่หลานเป็นแฮคเกอร์ สามารถทำการปลอมแปลงบางอย่างได้” เขาชี้ไปยังทหารสองคนที่นอนสลบไสลไม่ได้สติตรงด้านข้างพลางกล่าวต่อว่า “สองคนในทีมปลอมตัวเป็นคนคุ้มกันยืนอยู่หน้าประตู ส่วนฉันกับลูกพี่หลานปลอมตัวเป็นคนของฐานที่มั่นเดินเข้าไป ฉันคิดว่าพวกเขาคงไม่สงสัยทันที ขอเพียงสามารถเข้าใกล้พวกเขาได้หลายก้าว ฉันกับลูกพี่หลานก็จะมีโอกาสจัดการพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะเปิดสัญญาณเตือนภัย”
————————–