การก้าวเท้าหลบหลีกของพวกฉีหลงไม่ใช่การก้าวเท้าที่หลี่ซื่ออวี๋คุ้นเคย มีเพียงหลี่หลานเฟิงที่กำลังต่อสู้กับผีซวีเท่านั้นที่เห็นแล้วแววตาเปล่งประกายขึ้นทันใด เขาเคยเห็นกระต่ายใช้การก้าวเท้าที่คล้ายคลึงกันในตอนที่ผ่านด่านทดสอบเมื่อเจ็ดปีก่อน คิดๆ ดูแล้ว ทักษะเหล่านี้น่าจะเป็นวิชาเฉพาะในสำนักของกระต่าย และการที่พวกฉีหลงสามารถเรียนรู้ได้หมายความว่า ต่อไปเขาก็สามารถเรียนรู้ได้เหมือนกันใช่ไหม?
สาเหตุที่การย่างก้าวชุดนี้ทำให้หลี่หลานเฟิงใฝ่หาขนาดนี้เป็นเพราะว่าทุกก้าวของมันต่างแปลกประหลาดสุดขีด ขัดต่อกฎความเฉื่อยโดยสิ้นเชิง ตำแหน่งที่ปกติคุณคิดว่าไม่สามารถเคลื่อนที่ไปถึงได้ แต่พออาศัยการย่างก้าวชุดนี้กลับสามารถเคลื่อนที่ไปถึงจุดนั้นได้อย่างแม่นยำ วิธีการพุ่งหลบโดยที่ไม่อาจคาดการณ์ได้โดยสิ้นเชิงแบบนี้ทำให้ศัตรูทยอยกันยิงพลาดเป้า
เป็นเหมือนกับที่หลี่หลานเฟิงคาดการณ์ไว้เลย การก้าวเท้าที่พวกฉีหลงใช้ในเวลานี้เป็นสิ่งที่หลิงหลานสอนให้พวกเขาจริงๆ เพียงแต่มันไม่ได้เหมือนกับที่หลี่หลานเฟิงคิดไว้แบบนั้นที่ว่าเป็นวิชาเฉพาะสำนักของหลิงหลาน หากแต่เป็นสิ่งที่หลิงหลานเรียนรู้จากในมิติการเรียนรู้ และก็เป็นการก้าวเท้าหลบหลีกพื้นฐานที่สุดของหุ่นรบในมิติ
การก้าวเท้าหลบหลีกพื้นฐานของมิติการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ได้มาจากการต่อสู้ทดสอบขัดเกลามาอย่างโชกโชน แต่ละก้าวต่างเป็นผลจากการรวบรวมประสบการณ์ที่สั่งสมออกมาหลายหมื่นปีจากทหารหุ่นรบนับไม่ถ้วนของระบบดาวแมนโดรา หลิงหลานเคยทดสอบมาแล้ว ขอเพียงเชี่ยวชาญการก้าวเท้าหลบหลีกชุดนี้ ต่อให้เรียนรู้สิ่งที่เรียกว่าทักษะการหลบหลีกอื่นๆ ของสหพันธรัฐที่ทั้งยากและมีระดับสูงอีกสักแค่ไหนต่างก็เป็นเรื่องง่ายดายสุดขีด
หลิงหลานที่รู้ข้อดีย่อมไม่ลืมพวกเพื่อนๆ แน่นอน หลังจากที่หลิงหลานได้รับการอนุญาตจากอาจารย์หมายเลขสาม เธอก็สอนการย่างก้าวชุดนี้ให้กับพวกฉีหลง เพื่อทำให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนการย่างก้าวชุดนี้มาเป็นสัญชาตญาณ หลิงหลานได้ใช้การฝึกฝนที่โหดร้ายทารุณเหมือนกับอาจารย์หมายเลขสามในมิติการเรียนรู้มาบีบพวกฉีหลงให้ปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเขาฝึกฝนการก้าวเท้าชุดนี้จนกลายเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง
พวกฉีหลงก็คิดว่านี่เป็นมรดกของนายพลหลิงเซียวเช่นกัน ถึงอย่างไรมีเพียงผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะเท่านั้นถึงจะสามารถมีการก้าวเท้าที่มหัศจรรย์และแปลกประหลาดไม่อาจอธิบายได้แบบนี้
หลี่หลานเฟิงคิดถึงการก้าวเท้าที่น่าอัศจรรย์ชุดนี้ของกระต่ายอยู่เสมอตั้งแต่เจ็ดปีก่อน พอตอนนี้พบว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะได้เรียนรู้มัน เขาก็รู้สึกตื่นเต้นโดยพลัน เมื่อเขาตื่นเต้น พลังผีซวีที่เดิมทีสะกดเอาไว้ก็ปะทุออกมาทันที ก่อนจะสะท้อนพลังผีซวีสายหนึ่งที่กำลังโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่งออกไปทันใด
……
“พรูด!” ชายในเสื้อคลุมดำคนหนึ่งในห้องลับพลันเผยอปากกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“พีท นายเป็นอะไรน่ะ?” คาร์เตอร์เห็นแบบนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปยกใหญ่
“จู่ๆ พลังผีซวีของฝ่ายตรงข้ามก็แข็งแกร่งขึ้น การโจมตีของฉันถูกสะท้อนกลับมา ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย” พีทใช้นิ้วมือกดหว่างคิ้วตัวเอง ก่อนจะเริ่มปลอบพลังผีซวีที่ปั่นป่วนเล็กน้อยหลังจากที่ถูกแว้งกัดมาให้สงบลง
“หรือว่าอีกฝ่ายกำลังหยอกพวกเราอยู่?” สีหน้าของคาร์เตอร์เปลี่ยนแปลงไม่หยุด ปกติแล้วพลังของผีซวีจะเสถียรมั่นคง ไม่มีทางเพิ่มขึ้นเยอะมากทันทีทันใด คำอธิบายได้เพียงหนึ่งเดียวก็คืออีกฝ่ายไม่ได้ทุ่มสุดกำลังมาตั้งแต่แรกแล้ว
คำพูดของคาร์เตอร์ทำให้พีทหน้าเปลี่ยนสีตาม “งั้นพวกเราจะทำยังไงดี?” ถ้าเกิดอีกฝ่ายแต่งเป็นหมูมาหลอกกินเสือจริงๆ ละก็ สถานการณ์ของพวกเขาก็เลวร้ายมากแล้ว ไม่มีใครอยากตาย ต่อให้เป็นผีซวีที่เก็บเกี่ยวชีวิตคนอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
“เวรเอ๊ย ยังต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะจัดการกับดักทางฝั่งนั้นได้?” คาร์เตอร์เอ่ยด้วยความเดือดดาล เขาติดต่อไปยัง D2 ที่รักษาการณ์ในศูนย์กลางฐานที่มั่นลับโดยตรง ให้เขาแจ้ง D1 ให้เรียกผีซวีสักคนเข้ามาช่วยเหลือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อรับรองความปลอดภัยของทั้งสองคน
D2 ตอบกลับรวดเร็ว บอกคาร์เตอร์ว่าเวลานี้กำลังมีศึกใหญ่ในกับดักทางฝั่งนั้น ผีซวีที่นั่นแข็งแกร่งมาก หากคิดจะกำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซากจำเป็นต้องอาศัยผีซวีสองคนโจมตีด้วยกัน โยกย้ายคนออกมาได้ยากไปชั่วขณะหนึ่ง ได้แต่ขอให้พวกเขาฝืนประคับประคองต่อไปอีก
คำพูดของ D2 บอกเป็นนัยว่าในเมื่อเป็นผีซวีหนึ่งคนเหมือนกัน การจะกำจัดฝ่ายตรงข้ามในกับดักทางฝั่งนั้นมีปัญหาแค่เรื่องเวลาเท่านั้น ทำไมพวกเขาทางนี้ยังต้องเพิ่มคนอีก? โดยเฉพาะคำพูดที่ว่าให้พวกเขาฝืนประคับประคองต่อไปประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าแฝงไปด้วยร่องรอยความเหน็บแหนม นี่ทำให้คาร์เตอร์โมโหจนอกแทบระเบิด สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันเอ่ยอย่างคั่งแค้นว่า ขอเพียงทหารหุ่นรบจัดการลิ่วล้อพวกนั้นได้ การเอาชนะผีซวีคนนั้น พวกเขาก็ทำได้ง่ายมาก บอกเป็นนัยๆ ว่า พวกทหารหุ่นรบที่ D2 ส่งมาอ่อนแอมากเกินไปหน่อยจริงๆ
การที่พวกเขาสองคนไม่ลงรอยกันขนาดนี้ทั้งหมดเป็นเพราะว่าผีซวีกับแฮคเกอร์อยู่กันคนละระบบ ต่างฝ่ายต่างต่อสู้ขัดแย้งกัน ไม่มีใครยอมใคร ผีซวีคิดว่าพวกเขาคือเทพแห่งโลกเสมือนจริงมาตลอด สามารถควบคุมความเป็นความตายของทุกคนในโลกเสมือนจริงได้ แค่แฮคเกอร์เป็นเพียงกลุ่มตัวป่วนต้อยต่ำ เป็นปัจจัยความไม่สงบของโลกเสมือนจริงเท่านั้น
ส่วนพวกแฮคเกอร์ก็คิดว่าพวกเขาถึงจะเป็นผู้ปกครองโลกเสมือนจริง ความสามารถของพวกเขาสามารถทำการปรับเปลี่ยนแก้ไขโลกเสมือนจริงได้ ถึงขนาดที่สามารถทำลายโลกเสมือนจริงได้ทั้งใบ ทว่าในสายตาของพวกเขา ผีซวีกลับเป็นปีศาจกลุ่มหนึ่งที่แอบซ่อนอยู่ในโลกเสมือนจริง เป็นเห็บชั่วช้าน่ารังเกียงที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวในขณะเดียวกันก็สะอิดสะเอียนสุดขีด…
คาร์เตอร์ตัดการเชื่อมต่อกับ D2 อย่างโกรธเกรี้ยว ถ้าหากไม่ใช่เพราะคราวนี้เบื้องบนสั่งกลุ่มผีซวีของพวกเขาว่าต้องเชื่อฟังคำสั่งของแฮคเกอร์จากกลุ่ม D ละก็ เขาคงให้อีกฝ่ายได้เจอดีสักหน่อยไปนานแล้ว
พอรู้ว่าไม่มีกำลังเสริม คาร์เตอร์กับพีทเลยปรึกษากันอย่างเร่งด่วน ตัดสินใจว่าจะป้องกันความปลอดภัยมากขึ้นหน่อยดีกว่า ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้โจมตีต่อเนื่องกันทีละคน หากแต่ร่วมมือโจมตีด้วยกัน ตอนนั้นที่พวกเขาเลือกโจมตีต่อเนื่องกันทีละคนก็เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมีเวลาพักผ่อน อยากใช้กลยุทธ์ลดทอนพลังผีซวีของอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพลังผีซวีของอีกฝ่ายล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึง เพื่อรับประกันความปลอดภัย พวกเขาสองคนโจมตีด้วยกันจะดีกว่า
ดังนั้น ทั้งสองคนจึงโจมตีหลี่หลานเฟิงพร้อมกัน การโจมตีของพลังผีซวีที่รวมกันแทบจะทำลายเกราะป้องกันจากพลังผีซวีที่ก่อขึ้นมาอย่างแน่นหนาของหลี่หลานเฟิงจนยับเยิน เดิมทีเขายังสามารถควบคุมหุ่นรบให้หลบหลีกการโจมตีจากลำแสงของหุ่นรบศัตรูได้ แต่เวลานี้เขาทำไม่ได้แล้ว หลี่หลานเฟิงเผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังของทั้งสองคนก็จำเป็นต้องทุ่มสุดกำลังถึงจะสามารถยันเอาไว้ได้…
ในช่วงเวลานี้เอง พวกฉีหลงกำลังหลบหลีกไปพลาง ขณะเดียวกันก็ร่วมมือกันทำลายหุ่นรบไปอีกสามตัว เมื่อเทียบกับพวกฉีหลงที่ดูผ่อนคลายแล้ว หลี่ซื่ออวี๋ดูเหมือนเสียแรงไปมาก มีหลายครั้งที่เขาโดนลำแสงของฝ่ายตรงข้ามยิงใส่ โชคดีที่แยกกันยิงโดนเพียงลำแสงสายสองสายเท่านั้น เขาที่มีเกราะแสงป้องกันเลยไม่ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพผิดปกติของหลี่หลานเฟิงถูกหุ่นรบของศัตรูจำนวนไม่น้อยสังเกตเห็น เมื่อเผชิญหน้ากับหุ่นรบตัวอื่นๆ ที่ทำการหลบหลีกอย่างแปลกประหลาดไม่อาจโจมตีโดน หุ่นรบของหลี่หลานเฟิงที่ขยับเขยื้อนตัวแทบไม่ได้นั้นก็คือเป้าหมายอย่างชัดเจน พวกเขาต่างรู้ว่าต้องเลือกบีบลูกพลับนิ่ม ดังนั้นการโจมตีของหุ่นรบศัตรูเหล่านี้จึงค่อยๆ รวมกันไปที่หุ่นรบของหลี่หลานเฟิง
เนื่องจากหลี่ซื่ออวี๋อยู่ใกล้กับหลี่หลานเฟิงมากที่สุด เมื่อเห็นหลี่หลานเฟิงมีอันตรายก็พุ่งเข้าไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว ก่อนจะใช้หุ่นรบของตัวเองเป็นโล่ป้องกัน
“เวรเอ๊ย!” พวกฉีหลงเองก็สังเกตเห็นเรื่องนี้ จากนั้นก็ทยอยไปหาหลี่หลานเฟิงและรวมตัวกัน การเคลื่อนไหวผิดปกตินี้ทำให้ทีมอื่นๆ ที่ยังไม่ได้สังเกตเห็นต่างพบหุ่นรบของศัตรูที่เป็นจุดอ่อนแล้วเช่นกัน ลำแสงที่โจมตีใส่หุ่นรบของหลี่หลานเฟิงเลยยิ่งมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง กระทั่งพวกฉีหลงก็จำเป็นต้องบังคับหุ่นรบให้มาขวางสายตาไว้ สถานการณ์ของพวกเขาตกเป็นฝ่ายรับทันที
หลิงหลานกำลังคิดจะสั่งเสี่ยวซื่อให้ช่วยหลี่หลานเฟิงจัดการผีซวีสองคนนั้น ก็เห็นฉางซินหยวนบังคับหุ่นรบของตัวเองพุ่งไปที่เบื้องหน้าหุ่นรบของหลี่หลานเฟิง ปากตะโกนว่า “พวกนายกำจัดหุ่นรบ ให้ฉันคุ้มกันหลี่หลานเฟิงเอง”
หลังจากเสียงนี้ หุ่นรบของฉางซินหยวนพลันเปลี่ยนแปลงรูปร่างจากหุ่นรบฮิวแมนนอยด์มาเป็นฝาหม้อขนาดใหญ่ เขาให้ฝาหม้อขนาดใหญ่กางออกฉับพลันก่อนจะแผ่คลุมหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงเข้าไปทั้งหมด…
“เชรด ฉางซินหยวน นี่มันอะไรอะ” ฉีหลงเห็นหุ่นรบเปลี่ยนเป็นฝาหม้อขนาดใหญ่ที่ดำสนิท เขาก็อุทานขึ้นมาอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่
“ผลงานออกแบบที่ไม่สมบูรณ์ของฉันน่ะ ฉันควบคุมหุ่นรบไม่เก่ง ก็เลยออกแบบวิธีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพราะกลัวว่าจะถ่วงแข้งถ่วงขาหน่วยรบในอนาคต ฉันเรียกมันว่าเต่าเกราะเทพ ใช้ดึงดูดกระสุนปืนของศัตรู ทำให้พวกเพื่อนร่วมทีมโจมตีโดยไม่ต้องหวาดกลัว…” ฉางซินหยวนอธิบาย “แต่ฉันทำให้มันเป็นได้แค่รูปร่างฝาหม้อแค่ตอนนี้เท่านั้น ยังห่างไกลจากเกราะเต่าที่ฉันคิดไว้ตอนนั้นอยู่บ้าง ขนาดระดับความแข็งแกร่งในการป้องกันก็ไม่ถึงมาตรฐานที่ฉันต้องการเหมือนกัน”
“สามารถต้านทานได้นานเท่าไหร่?” หลิงหลานยิงลำแสงไปพลาง เอ่ยถามไปพลาง เธอเหนี่ยวไกติดต่อกัน โจมตีใส่จุดเดิมของหุ่นรบตัวหนึ่งติดกันสิบครั้ง ในที่สุดก็ทำลายหุ่นรบตัวนั้นได้โดยสมบูรณ์
“ต้านทานปืนเลเซอร์สิบกระบอกที่ยิงร่วมกันได้สิบนาที ฝ่ายตรงข้ามยังเหลือหุ่นรบประมาณยี่สิบตัว ฉันยังต้านไว้ได้ห้านาที” ฉางซินหยวนได้ยินคำพูดของลูกพี่หลานก็รีบตอบ ไม่กล้าพูดเหลวไหลเพิ่มสักประโยค เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงหลาน ฉางซินหยวนยังคงรู้สึกหวั่นเกรงมาก
“ดี ฉางซินหยวน บันทึกความดีความชอบของนายไว้เลย หน่วยรบหลิงเทียนตามฉันมา!” หลิงหลานออกคำสั่งทันทีโดยไม่กังวลใจแล้ว จากนั้นร่างของเธอค่อยพุ่งออกไป
หลิงหลานไม่ใช่คนที่ชอบเป็นฝ่ายรับการโจมตี เธอชอบเป็นฝ่ายบุก ในเมื่อให้ฉางซินหยวนคุ้มครองหลี่หลานเฟิง ไม่มีทางเป็นอันตรายภายในห้านาที เธอเลยตัดสินใจประจันหน้ากับอีกฝ่าย และมีเพียงแบบนี้เท่านั้น ฝ่ายตรงข้ามถึงจะไม่สามารถจู่โจมหลี่หลานเฟิงตามอำเภอใจโดยไม่มีความเกรงกลัว ช่วงเวลาที่ฉางซินหยวนพยุงไว้ได้ก็จะยิ่งนานขึ้น
ส่วนผีซวีสองคนนั้น หลิงหลานเตรียมพร้อมให้หลี่หลานเฟิงเล่นกับพวกเขาต่อแล้ว และให้เสี่ยวซื่อเฝ้าจับตามองป้องกันตลอดเวลา หลิงหลานคิดว่าให้หลี่หลานเฟิงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากหน่อย การเสี่ยงอันตรายก็คุ้มค่าแล้ว ถึงอย่างไรการต่อสู้ระหว่างผีซวีไม่ใช่ว่าจะเจอได้ง่ายขนาดนั้น
พวกฉีหลงพุ่งออกไปตามหลิงหลานท่ามกลางเสียงกู่ร้อง ในที่สุดทั้งสองฝ่ายต่างประจันหน้ากัน ความคิดที่ว่าสามารถอาศัยจำนวนมาบดขยี้คู่ต่อสู้ของหุ่นรบศัตรูถูกหลิงหลานทำลายทิ้งโดยสิ้นเชิง
หลิงหลานใช้หุ่นรบมาตรฐานระดับสูงของกองทัพสหพันธรัฐซึ่งอยู่ระดับเดียวกับหุ่นรบของศัตรูเพื่อแสดงพลังรบของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ และระดับที่แท้จริงของหลิงหลานไปถึงระดับปรมาจารย์หุ่นรบมานานแล้ว เพียงแต่หลิงหลานไม่รู้แน่ชัดว่า เธอไปถึงระดับพิเศษหรือว่าเข้าสู่ระดับไพ่ราชาแล้ว เนื่องจากเธอเคยสัญญากับคุณพ่อไว้ว่า หากเธอยังไม่สามารถได้รับคะแนนที่สัมพันธ์กันในโลกหุ่นรบ เธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ควบคุมหุ่นรบข้ามระดับได้
แน่นอนว่าพอรู้ว่าภารกิจที่เธอได้รับคือ ภารกิจระดับ SSS หลิงเซียวก็มอบหรูอิ่งสุยเฟิงหุ่นรบระดับราชันของตัวเองให้หลิงหลาน เพื่อรับรองความปลอดภัยของเธอ อนุญาตให้เธอใช้ในช่วงเวลาวิกฤติได้ ดังนั้นเมื่อควบคุมหุ่นรบระดับสูงแบบเดียวกัน ความสามารถที่ถูกผนึกไว้ของหลิงหลานค่อยเริ่มปะทุออกมา ทำให้เธอเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งราวกับหมาป่าที่เข้าไปในฝูงแกะ
จากนั้นก็เห็นเธอวาดขาเตะเป็นวงกลมอย่างเฉียบคม ซัดหุ่นรบสี่ห้าตัวที่อยู่รอบกายกระเด็นลอยออกไป ในขณะที่พวกเขาไร้การป้องกัน มือขวาก็ชูปืนลำแสงโดยไม่ลังเล ก่อนจะเล็งไปยังห้องคนขับของพวกเขาแล้วระดมยิงขึ้นมา
ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดล้ำเลิศ กอปรกับทักษะการยิงปืนที่สมบูรณ์แบบแม่นยำ พริบตาเดียวก็ทำให้หุ่นรบสามตัวระเบิดดังลั่น พลังโจมตีที่แข็งแกร่งสุดยอดของหลิงหลานทำให้หุ่นรบศัตรูรอบข้างเซ่อซ่าไปทันที หยุดโจมตีพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จ้องมองหุ่นรบน่ากลัวที่ยืนอย่างทระนงองอาจอยู่ท่ามกลางควันโขมงและเปลวไฟที่ลุกโชนตัวนั้นด้วยความตะลึงงัน
————————-