หลิงหลานเดินขึ้นไปข้างหน้าแล้วก็พบหน้าจอขนาดใหญ่ บนนั้นมีโค้ดนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งอย่างรวดเร็ว และด้านบนสุดมีภาพรังไหม เต้นกระหน่ำราวกับหัวใจก็ไม่ปาน ขณะเดียวกันด้านข้างก็มีตัวเลขชุดหนึ่งกำลังนับถอยหลัง
หลิงหลานแตะภาพนั้น ถามเสี่ยวซื่อว่า “เป็นเจ้านี่เหรอ?”
“อื้อ อีกสามนาทีกว่าๆ ก็ถือกำเนิดออกมาได้แล้ว ไม่นึกเลยว่าเทคโนโลยีของพวกเธอที่นี่ก็สามารถเพาะเลี้ยงตัวอ่อนของไวรัสนี้ออกมาได้ มหัศจรรย์มากจริงๆ” เสี่ยวซื่ออุทานด้วยความประหลาดใจ
“ไวรัสนี้เป็นอันตรายยังไง?” หลิงหลานนึกถึงไวรัสในชาติก่อนที่มักจะทำให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ติดไวรัสเกิดปัญหาแบบนี้แบบนั้นเสมอ เธอเลยอดถามด้วยความกังวลใจไม่ได้
“มันจะทำให้โลกเสมือนจริงที่นี่พังทลาย แต่ว่ามันเพิ่งเกิดยังเป็นตัวอ่อนอยู่ ทำได้แค่นี้เท่านั้น ถ้าเกิดมันเปลี่ยนเป็นร่างโตเต็มวัยละก็ สามารถกลืนกินคนที่มีพลังจิตอ่อนด้อยจำนวนหนึ่งได้เลย…” เสี่ยวซื่อบอกภัยอันตรายของไวรัสนี้ให้หลิงหลานฟัง “อันที่จริง พอมันโตเต็มวัยแล้วก็เรียกว่าผีซวีรูปแบบเสมือนจริงได้ ขอเพียงพลังจิตอ่อนด้อยกว่ามัน มันก็สามารถทำการกลืนกินเข้าไปได้ทั้งหมด”
“ของสิ่งนี้ชั่วร้ายมากจริงๆ!” หลิงหลานขมวดคิ้ว กำหมัดต่อยไปบนภาพนั้นอย่างรุนแรง “ดูเหมือนว่ามีองค์กรอยากทำลายโลกเสมือนจริงของพวกเรานะ ถึงขนาดที่สังหารชาวสหพันธรัฐ…ไวรัสนี้ชื่อว่าอะไร นายมีวิธีจัดการไหม?”
“แมนโดราเราเรียกมันว่า ดอกไม้โลกาวินาศ เพราะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของร่างโตเต็มวัยของมันเหมือนกับดอกไม้มาก” เสี่ยวซื่อตอบอย่างลำพองใจ “แมนโดราเราจัดการมันได้สำเร็จ ในคลังข้อมูลของฉันมีวิธีจัดการมันอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวมันตอนนี้ที่ยังไม่เกิดเลย”
“งั้นก็ช่วยทำลายมันให้ฉันที ไวรัสชั่วร้ายแบบนี้ไม่ควรมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้” หลิงหลานเอ่ยด้วยความรังเกียจ
“รับทราบลูกพี่ ฉันจะจัดการทันที” หลิงหลานสั่งการลงไป เสี่ยวซื่อย่อมจัดการอย่างสมบูรณ์แบบ วินาทีถัดมา เสี่ยวซื่อหายไปจากในห้วงจิตใจของหลิงหลานอีกครั้ง หลิงหลานรู้ว่าเสี่ยวซื่อต้องไปจัดการไวรัสดอกไม้โลกาวินาศนี้แน่นอน
หลิงหลานเชื่อมั่นในตัวเสี่ยวซื่อ ในเมื่อเสี่ยวซื่อบอกว่าไม่มีปัญหา เช่นนั้นก็ย่อมไม่มีปัญหา เธอเลยปล่อยวางเรื่องนี้ลง จากนั้นก็เดินไปที่ด้านข้างเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลง ลั่วล่างเห็นดังนั้นก็ยืนอยู่ด้านหลังหลิงหลานโดยอัตโนมัติ ส่วนหลี่หลานเฟิงทำตาวาววับและเดินตามเข้าไป…
เขาไม่มีทางมอบตำแหน่งข้างกายกระต่ายให้คนผู้ใดเด็ดขาด! นับจากนี้เป็นต้นไป หลี่หลานเฟิงอยากประกาศเรื่องนี้ให้กับทุกคน
หลิงหลานไม่สนใจการกระทำของหลี่หลานเฟิงกับลั่วล่าง เธอนั่งลงแล้วเคาะที่วางแขน จากนั้นจู่ๆ เธอก็เงยหน้ามองไปที่ D2 แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “พวกนายมาจากกลุ่มอำนาจไหน?”
ในตอนที่หลิงหลานทุบภาพรังไหมอย่างรุนแรงนั้น ในใจ D2 เคร่งเครียดมาก กลัวว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นอะไร และคิดวิธีไปทำลายมันได้ ถึงแม้ว่ายังเหลืออีกสามนาทีกว่าไวรัสจะเสร็จสมบูรณ์ แต่ D2 ก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายสามารถทำลายไวรัส T ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้ ทว่าเพื่อรับประกันความมั่นใจ เขายังไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามสังเกตเห็นอะไรทั้งนั้น
ตอนนี้พอเห็นหลิงหลานปล่อยไวรัสและถามคำถามที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญกับเขาแทน เขาก็โล่งใจทันใด สมองของเขาแล่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตัดสินใจพูดคุยไร้สาระกับอีกฝ่ายสักรอบ อดทนถ่วงเวลาสามนาทีสุดท้ายนี้
D2 ตัดสินใจแล้วก็ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “พวกเราย่อมเป็นคนของฐานที่มั่นซวิ่นหลง พวกนายเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงลอบเข้ามาในฐานที่มั่นพวกเรา?”
หลิงหลานเลิกคิ้วทีหนึ่ง เธอปรบมือช้าๆ เอ่ยว่า “เลิกแสดงละครได้แล้ว นายกับฉันต่างก็เป็นคนจริงๆ ทั้งนั้น เห็นชุดเครื่องแบบของพวกนายก็รู้แล้วว่าเป็นกลุ่มแฮคเกอร์ ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักรู้แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ ถึงได้ส่งพวกเราเข้ามาตรวจสอบดู ฉันไม่อยากฟังนายพูดจาไร้สาระอะไรอีก ถ้านายไม่อยากพูด ก็ได้ ฉันเชื่อว่าจะต้องมีคนยินดีบอกฉันแน่นอน”
หลิงหลานกล่าวถึงตรงนี้ก็หันศีรษะไปทางด้านข้างเล็กน้อย มองไปทางหลี่หลานเฟิงที่ยืนอยู่ข้างกายเธอและพูดว่า “ชีตาห์ ถ้าเขาไม่ยอมพูด นายก็…” หลิงหลานทำท่าปาดคอทีหนึ่ง
หลี่หลานเฟิงรู้ความหมายที่แท้จริงของท่าทางหลิงหลานว่าคืออะไร ย่อมต้องให้เขาใช้พลังผีซวีกำจัดอีกฝ่ายเพื่อแสดงการเชือดไก่ให้ลิงดู
หลี่ซื่ออวี๋ที่กำลังควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างกายฉีหลงเห็นท่าทางหลิงหลานที่บอกใบ้หลี่หลานเฟิง เขาก็อดนิ่วหน้าไม่ได้ ในใจรู้สึกทนไม่ไหวอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม เขาหันหน้ากลับไปอย่างเด็ดเดี่ยว ฝืนทำใจแข็งเข้าไว้ หลี่ซื่ออวี่รู้ดีว่าเวลานี้ไม่อาจปฏิบัติต่อศัตรูอย่างใจอ่อนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝ่ายตรงข้ามให้ผีซวีสองคนทำการโจมตีพวกเขาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าอยากกำจัดพวกเขาทุกคนให้สิ้นซากเหรอ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่หลานเฟิงคือผีซวี ปกป้องคุ้มครองพวกเขาแล้วละก็ เกรงว่าตอนนี้พวกเขาอาจจะตายไปแล้ว
ถึงแม้ว่าหลี่ซื่ออวี๋ใจอ่อนอยู่บ้าง ทว่าเขาเข้าใจดีว่าเวลาไหนสามารถใจอ่อน เวลาไหนไม่อาจใจอ่อน
พวกฉีหลงไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ตอนที่พวกเขาอายุสิบขวบก็เห็นฉากหลิงหลานบังคับหุ่นรบเข่นฆ่าทหารหุ่นรบของประเทศศัตรูกับตาตัวเอง ชินกับความโหดเหี้ยมของหลิงหลานมานานแล้ว บวกกับพวกเขาถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าจะต้องโหดเหี้ยมอำมหิตกับศัตรู
D2 ไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งในคำเตือนของหลิงหลาน เขายังคงตวาดอย่างดื้อดึงว่า “คนร้ายอย่างพวกนาย อย่าคิดว่าจะทำให้ฉันก้มหัวนะ ฉันจะรายงานทหารชั้นผู้ใหญ่อย่างแน่นอน ให้เขาส่งทหารมาฆ่าพวกนายให้หมด…”
หลิงหลานได้ยินถึงตรงนี้ก็ไม่พูดอะไรอีก เธอเพียงแต่ทำมือส่งสัญญาณฆ่าทิ้งให้หลี่หลานเฟิงอย่างเย็นชาไร้ความปรานี
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่หลานเฟิงสังหารคน ไม่ว่าจะเป็นโลกความเป็นจริงหรือว่าโลกเสมือนจริง ล้วนแล้วแต่เป็นครั้งแรก ในใจของหลี่หลานเฟิงมีแรงกดดันสุดขีด แต่เขาไม่อยากเห็นกระต่ายผิดหวังกับเขาอีก ดังนั้นจึงกัดฟันทำใจเหี้ยม โคจรพลังผีซวีของตัวเองกระโจนเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง คนที่อยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตา หากเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปพูดเรื่องเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตอะไร? บางทีเนื่องจากเขากัดฟันแน่นมากเกินไป ในโพรงปากจึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด…
D2 พลันรู้สึกถึงพลังงานรุนแรงสายหนึ่งบดขยี้เข้ามาจากร่างของอีกฝ่าย และพลังจิตที่ทรงอำนาจแต่เดิมของเขาก็ถูกพลังงานสายนี้ทำลายจนแตกกระจายทันที
เขาเห็นร่างกายของตัวเองค่อยๆ เริ่มหายไป ไม่ใช่แสงสีขาวที่ออกจากโลกเสมือนจริง หากแต่แตกสลายเป็นแสงอณูเล็กๆ นับไม่ถ้วนกระจัดกระจายออกไปอย่างช้าๆ
เขามองหลี่หลานเฟิงด้วยความหวาดกลัว ใช้สติสุดท้ายที่หลงเหลือเพียงนิดเดียวฝืนเค้นคำพูดออกมาหนึ่งคำ “ผี…”
หลังจากที่ D2 เอ่ยคำนี้ออกมา ทั่วทั้งร่างก็แตกสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา D3 เห็นฉากนี้ก็ตกใจก้าวยาวๆ ถอยหลังไปด้วยความหวาดหวั่น ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นผู้รุกราน ไม่สามารถออฟไลน์ในฐานที่มั่นซวิ่นหลงละก็ พวกเขาคงต้องเลือกออกไปจากที่นี่ทันทีแน่นอน เนื่องจากการอยู่ต่อหน้าผีซวีในโลกเสมือนจริง พวกเขาก็เหมือนกับเด็กมือเปล่ากลุ่มหนึ่งที่ไม่มีความสามารถในการต้านทานอะไรเลย
หลิงหลานมอง D2 หายไปอย่างเย็นชา หลังจากนั้นก็หันหน้ามองไปทาง D3 เอ่ยถามเสียงเรียบว่า “นายยอมพูดไหม? หรือว่านายก็อยากเป็นเหมือนเขา?”
D3 ได้ยินคำกล่าวก็พยักหน้าโดยพลัน บ่งบอกว่าเขายอมให้ความร่วมมือ เขามองไปยังเขตบ่มเพาะไวรัส T ตามจิตใต้สำนึก เนื่องจาก D2 ได้ถ่วงเวลาไว้ ขอเพียงเขาอดทนต่อไปอีกหนึ่งนาทีกว่าก็พอแล้ว เวลานั้นเขาจะต้องแก้แค้นให้ D2 อย่างแน่นอน
“พวกนายมาจากที่ไหน?” หลิงหลานถามต่อ
แววตาของ D3 เปล่งประกายอย่างฉับไว หลังจากนั้นค่อยตอบว่า “พวกเรามาจากกองทัพอิสระต่อต้านรัฐบาล
“องค์กรก่อการร้ายเหรอ?” มุมปากของหลิงหลานเผยรอยยิ้มหยันออกมา จากนั้นก็ส่งสัญญาณมือฆ่าทิ้งให้กับหลี่หลานเฟิงอีกครั้ง
“ฉันตอบหมดแล้ว ทำไมนายยังอยากฆ่าฉันอีกล่ะ?” D3 ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
การสอบถามอย่างหวาดผวาของ D3 ไม่ได้รับคำตอบจากหลิงหลาน หลิงหลานเพียงแต่ดีดนิ้วเท่านั้น หลี่หลานเฟิงก็โคจรพลังผีซวีบดขยี้ไปโดยไม่ลังเล แป๊บเดียว D3 ก็ตามรอย D2 ไป หายตัวไปจากในโลกเสมือนจริงแห่งนี้ ถ้าหากเขายังมีสติละก็ เกรงว่าเขาคงจะนึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง…
“องค์กรก่อการร้ายเล็กๆ จะมีทรัพยากรกำลังคนกำลังทรัพย์มากขนาดที่เพาะเลี้ยงไวรัสน่ากลัวขนาดนี้ได้เหรอ?” หลิงหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน สายตาจ้องเขม็งไปยังแฮคเกอร์ที่เพาะเลี้ยงไวรัส T คนนั้น “นายว่าใช่หรือเปล่าล่ะ?”
แฮคเกอร์คนนั้นได้ยินคำกล่าวแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด เขาพบว่าเด็กหนุ่มที่เย็นชาตรงหน้านี้รู้เรื่องราวทั้งหมดจริงๆ พวกเขาอยากหลอกลวงอีกฝ่ายก็คือการรนหาที่ตาย
“นายรู้แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวาง? อีกหนึ่งนาทีมันก็จะเกิดแล้ว เวลานั้นโลกเสมือนจริงของสหพันธรัฐก็จะถูกทำลายโดยสมบูรณ์ พอพวกนายไม่มีระบบบัญชาการรวมแล้ว พวกนายก็ไม่สามารถต้านทานกองทัพสัมพันธมิตรของพวกเราได้…” แฮคเกอร์หวาดกลัวจนอดเอ่ยปากถามไม่ได้
“อืม นายซื่อตรงดี ฉันชอบมาก” หลิงหลานพยักหน้า “แต่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้ขัดขวาง?”
คำพูดของหลิงหลานทำให้สีหน้าของแฮคเกอร์คนนั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่เขาก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่เชื่อว่าไวรัสที่แม้กระทั่งพวกเขายังไม่อาจควบคุมได้ อีกฝ่ายจะมีวิธีจัดการมันได้
“จากคำพูดของนาย ยืนยันแล้วว่าพวกนายมาจากประเทศอื่น ขอเพียงดูว่ากองทัพของประเทศไหนบ้างในชีวิตจริงมีการเคลื่อนไหวผิดปกติก็รู้รายชื่อแล้ว” หลิงหลานแทบจะคาดเดาออกมาได้จากในคำพูดที่ไม่ระมัดระวังของอีกฝ่าย “ฉันรู้ว่านายไม่เชื่อที่ฉันพูด งั้นก็ให้เป็นอย่างที่นายต้องการ รอเวลาสุดท้ายจนมันก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง ยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่นะ? หนึ่งนาที หรือว่าอีกไม่กี่สิบวินาที?”
“ห้าสิบเจ็ดวินาที” แฮคเกอร์โพล่งออกมา
“ได้ งั้นฉันให้เวลาพวกนายห้าสิบเจ็ดวินาที ดูว่าเป็นอย่างที่พวกนายคาดหวังไว้หรือเปล่าที่โลกเสมือนจริงของสหพันธรัฐเราจะถูกไวรัสตัวนั้นทำลายจริงๆ” หลิงหลานตอบกลับเรียบๆ
เมื่อเห็นท่าทีสงบนิ่งเฉยชาของหลิงหลาน ในใจของแฮคเกอร์อดเกิดความรู้สึกที่เรียกว่าตื่นตระหนกขึ้นมาไม่ได้ อีกฝ่ายมีวิธีจัดการไวรัสตัวนี้จริงๆ เหรอ? ไม่ พวกเขาศึกษาวิจัยอย่างยากลำบากมาสิบหกปีถึงทำสำเร็จครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ กระทั่งพวกเขาก็ไม่อาจค้นคว้าหาวิธีการรับมือออกมาได้ สหพันธรัฐหัวเซี่ยที่ไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อยจะมีความสามารถมาหยุดยั้งการวิวัฒนาการของไวรัส T ได้อย่างไร?
ช่วงเวลาห้าสิบเจ็ดวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไวรัส T ที่ทำให้พวกแฮคเกอร์เฝ้ารอคอยอย่างหาใดเปรียบไม่ได้นำพาประสิทธิผลอะไรมาเลย โลกเสมือนจริงที่พวกเขาอยู่ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยังคงทำงานเป็นปกติ
แฮคเกอร์คนนั้นกระโจนไปที่เบื้องหน้าของหน้าจอเขตเพาะเลี้ยงอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ จากนั้นก็พบว่าโค้ดที่วิ่งอย่างรวดเร็วแต่เดิมรวมถึงภาพรังไหมซึ่งเป็นตัวแทนของไวรัส T ได้หายไปแล้ว ในหน้าจอว่างเปล่าราวกับว่าไวรัส T ที่พวกเขาเพาะเลี้ยงไม่เคยมีตัวตนอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไวรัส T ถึงล้มเหลว นี่มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้…” แฮคเกอร์ตะโกนลั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ การวิจัยค้นคว้าอย่างยากลำบากสิบหกปี การทุ่มเทจิตใจจนลืมกินลืมนอนตลอดสิบหกปี สุดท้ายสิ่งที่ได้รับกลับเป็นฝันหวาน เมื่อตื่นแล้วก็เป็นเพียงความว่างเปล่า เขารับไม่ได้ อารมณ์ปั่นป่วนขึ้นมาทันใด
————————