เมื่อเสมียนลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในแววตาของเขาก็ไม่มีความเสียใจสักนิดเดียวอีกต่อไป หลงเหลือเพียงความเย็นชาอย่างไร้ที่สิ้นสุด ในเมื่อตี้ซวีทิ้งความหวังในการมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาแล้ว เช่นนั้นเขาจำต้องทำภารกิจที่ตี้ซวีมอบหมายให้เขา คุ้มครองบรรดาลูกทีมหนีออกไปจากที่นี่ให้สำเร็จ
เสมียนจ้องมองศัตรูที่เริ่มสับสนอลหม่านเหล่านั้นด้วยแววตาเย็นชา เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่าง ฝืนโคจรพลังผีซวีที่เกือบหมดแล้วมากำจัดสติของคนพวกนี้อย่างบ้าคลั่ง ให้คนพวกนี้กลายเป็นของเซ่นไหว้ของตี้ซวีเถอะ…
แต่การฝืนใช้และฝืนดึงพลังผีซวีมากเกินไปทำให้เสมียนจ่ายค่าตอบแทนอย่างแสนสาหัส นั่นก็คือภายในเวลาช่วงหนึ่งหลังจากนี้ เขาไม่อาจใช้พลังผีซวีได้อีก แต่เสมียนคิดว่ามันคุ้มค่าแล้ว!
ผู้บัญชาการกับผู้ช่วยบัญชาการเห็นเสมียนกำจัดศัตรูจนหมดเกลี้ยงแล้ว ในใจโล่งอกทันที มองดูบรรดาลูกทีมที่รอดมาได้อย่างโชคดี ก็รู้สึกเหมือนรอดชีวิตจากภัยพิบัติใหญ่หลวง ทว่าอารมณ์ของพวกเขาหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เพราะเสมียนบอกพวกเขาว่า เขาสูญเสียพลังผีซวีไปในช่วงเวลาสั้นๆ พูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่อาจปกป้องพวกเขาได้อีกแล้ว หากรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปเกรงว่าจะมีอันตราย เนื่องจากไม่มีใครรู้เหมือนกันว่า กลุ่มอำนาจที่ไม่แน่ชัดกลุ่มนั้นยังมีผีซวีคนอื่นอีกหรือเปล่า
ผู้บัญชาการได้ยินคำกล่าวก็ตัดสินใจพาทุกคนถอนตัวจากที่นี่ทันที ระหว่างทางไม่ลืมส่งข้อความยึดยานบินให้เพื่อนที่เฝ้ารักษาการณ์ หลบหนีออกจากฐานที่มั่นซวิ่นหลงตามแผนการเดิม
ถึงแม้พวกเขาไม่แน่ใจว่ากลุ่มอำนาจที่ไม่แน่ชัดนี้มาจากที่ไหนกันแน่ แต่พวกเขารู้แล้วว่าฐานที่มั่นซวิ่นหลงถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมแล้ว ภารกิจของพวกเขาก็ถือว่าสำเร็จไปเจ็ดแปดส่วน นอกจากนี้ผู้บัญชาการกลัวว่าฐานที่มั่นยังมีผีซวีอยู่ เขาจึงต้องพาพวกลูกทีมหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของบรรดาลูกทีม
เสี่ยวซื่อที่เฝ้าจับตามองพวกเขาอย่างลับๆ มาตลอดรีบหยุดข้อความนี้ไว้ แล้วปลอมแปลงข้อความของฝ่ายรักษาการณ์ตอบผู้บัญชาการว่าดำเนินการตามคำสั่ง
ขณะนี้เอง ในท่าดวงดาวของฐานที่มั่นซวิ่นหลง ทหารสหพันธรัฐที่ปฏิบัติการก่อนหน้านี้สามารถยึดยานอวกาศลำนั้นได้โดยที่ไม่ได้พบอุปสรรคใดๆ พวกเขาไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่ง่ายดายแบบนี้เป็นเพราะว่าเสี่ยวซื่อจัดการแฮคเกอร์ระดับสุดยอดของซีซาร์ที่ควบคุมฐานที่มั่นจนหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นต่อให้พวกเขามีแฮคเกอร์ทำการอำพรางสร้างข้อมูลเท็จ พวกเขาก็ยังถูกพวกแฮคเกอร์ที่เฝ้าตรวจตราฐานที่มั่นพบเจออยู่ดี
พวกเขาอยู่บนยานอวกาศอดทนรอคอยการมาถึงของผู้บัญชาการ เมื่อพวกเขาควบคุมยานอวกาศได้แล้วก็ส่งข้อความว่าสำเร็จให้กับผู้บัญชาการ แต่ทีมของผู้บัญชาการคล้ายกับเจออุปสรรคอะไรบางอย่าง เขาเพียงแต่รีบร้อนส่งข้อความมาว่าให้อดทนรอคอยและไม่ได้บอกอะไรอีก นี่ทำให้พวกเขาเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา
อย่างที่คิดไว้เลย ไม่นานพวกเขาก็พบว่าการเฝ้าระวังของฐานที่มั่นซวิ่นหลงเปลี่ยนเป็นเคร่งครัดมากขึ้น ก่อนจะเริ่มตรวจสอบบรรดา NPC ที่รอดชีวิตในค่ายที่พักชั่วคราวอย่างเข้มงวด นี่ทำให้ในใจพวกเขายิ่งร้อนรนและเป็นห่วง ร้อนใจว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะถูกเปิดเผยทันที และกังวลว่าอุปสรรคในการลอบกลับมาที่ยานอวกาศของพวกผู้บัญชาการจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รอประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้บัญชาการก็ส่งข้อความมาอีกครั้งว่า ‘มาถึงแล้ว เปิดช่องทางฉุกเฉิน ขึ้นยาน’ การมาของข้อความนี้ทำให้เหล่าทหารที่รักษาการณ์สบายใจในพริบตา
พวกผู้บัญชาการขึ้นยานอวกาศอย่างเงียบเชียบ การมาถึงอย่างราบรื่นตลอดทางทำให้พวกเขาไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่ามีหลายครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังจะพบพวกเขา แต่อีกฝ่ายกลับถูกอะไรบางอย่างดึงดูดความสนใจอย่างน่าประหลาดและเลี้ยวไปอีกทางแทน พวกเขาที่ขบคิดไม่เข้าใจทำได้เพียงคิดว่าวันนี้พวกเขาโชคดีอย่างหาใดเปรียบ ถึงได้หลบหลีกหายนะได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ทหารสหพันธรัฐที่มาถึงก่อนได้สังหารทหาร NPC ที่รักษาการณ์บนยานอวกาศหมดแล้วเพื่อรับรองความปลอดภัย นี่ทำให้ทีมของผู้บัญชาการที่ขึ้นยานอวกาศผ่อนคลายลงโดยพลัน พวกเขาไปที่ห้องควบคุมหลักของยานอวกาศทันทีโดยไม่ลังเลพวกเขาไม่มีคนมากนัก ทำได้เพียงรับรองความปลอดภัยในการเปิดใช้งานยานอวกาศก่อนเท่านั้น ไม่อาจจัดการดูแลสถานที่แห่งอื่นได้แล้ว
ผู้บัญชาการที่ร้อนใจอยากไปรวมกลุ่มกับบรรดาเพื่อนร่วมรบไม่ได้สังเกตเลยว่า พวกเขาออกจากช่องทางฉุกเฉินได้ไม่นาน ช่องทางฉุกเฉินก็เปิดอย่างเงียบเชียบอีกครั้ง หลิงหลานที่ตามหลังพวกเขามาตลอดเข้าไปในยานอวกาศอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
เสี่ยวซื่อควบคุมยานอวกาศลำนี้ได้ทันที แป๊บเดียวเขาก็หาที่ซ่อนของพวกฉีหลงเจอ
หลิงหลานเดินไปยังจุดที่พวกฉีหลงซ่อนตัวอยู่ทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย การเตรียมการก่อนหน้านี้ของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ก็แค่อดทนรอทหารสหพันธรัฐเหล่านี้เปิดใช้งานยานอวกาศพาพวกเขาหนีกลับไปยังเขตศูนย์กลางเท่านั้น
เสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้วงจิตใจไม่ลืมอวดผลงานตัวเองในระหว่างทางที่ไปรวมกลุ่มกับพวกฉีหลง เพราะความจริงแล้วการติดต่อของทหารสหพันธรัฐทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นของปลอม ข้อความทั้งหมดถูกเขาสกัดไว้แล้วค่อยส่งออกไปอีกครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสม ลบร่องรอยฝีมือของเขาจนหมด
เมื่อผู้บัญชาการมาถึงห้องควบคุมหลัก เขาก็สั่งให้บรรดาลูกทีมควบคุมขั้นตอนสำคัญต่างๆ ของยานอวกาศทันทีโดยไม่รอให้ลมหายใจผ่อนลง หลังจากที่ทุกอย่างเตรียมพร้อมดำเนินการต่อไปแล้ว เขาก็สั่งให้ติดเครื่องยนต์ยานอวกาศ
ตอนที่ยานอวกาศซุ่มนิ่งไม่ขยับนั้น NPC ของฐานที่มั่นซวิ่นหลงไม่ได้สนใจสถานการณ์ตรงนี้เลย ทว่าทันทีที่มันเปิดใช้งาน เสียงดังลั่นของเครื่องยนต์รวมถึงการตอบสนองของพลังงานได้ปลุกท่าอวกาศที่เงียบสงบแห่งนี้ให้สะดุ้งตกใจตื่นในชั่วพริบตา ทุกคนในฐานที่มั่นซวิ่นหลงต่างรู้แล้วว่า ยานอวกาศของพวกเขาถูกกลุ่มอำนาจที่ไม่แน่ชัดยึดไปแล้ว
นี่ทำให้พวกระดับสูงของฐานที่มั่นซวิ่นหลงเดือดดาลสุดขีด ส่งกองทัพจรวดติดเกราะของฐานที่มั่นยิงจรวดโจมตีใส่ยานอวกาศอย่างบ้าคลั่ง พยายามทำลายมันก่อนที่ยานอวกาศจะติดเครื่องยนต์
ทุกคนในยานอวกาศมองความคืบหน้าในการติดเครื่องยนต์ของยานอวกาศอย่างเคร่งเครียด การที่ยานอวกาศจะติดเครื่องยนต์ออกบินได้สำเร็จจำเป็นต้องสั่งสมพลังงานหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ และช่วงเวลาในการสั่งสมพลังงานต้องการเวลาสามนาที ทุกคนรู้ดีว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เวลาสั่งสมพลังงานสามนาทีนี้จะตัดสินว่าพวกเขาสามารถหลบหนีออกไปจากฐานที่มั่นซวิ่นหลงได้หรือไม่
“ผู้บัญชาการ พวกเขายิงจรวดโจมตีแล้วครับ” ลูกทีมที่เฝ้าจับตามองเรดาร์เห็นในหน้าจอเรดาร์ส่งเสียงเตือนว่าถูกโจมตีก็รีบรายงาน
“เปิดใช้งานโล่ป้องกันก่อน” ในสมองผู้บัญชาการผุดความคิดมากมายขึ้นมากอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเขาก็กัดฟันสั่งการ
“ครับ!” ลูกทีมอีกคนที่รับผิดชอบระบบป้องกันเปิดใช้งานโล่ป้องกันโดยไม่ลังเล พลังงานที่เดิมทีสะสมได้สิบเปอร์เซ็นต์ก็ลดลงถึงจุดต่ำสุด หรือพูดอีกอย่างก็คือ ยานอวกาศจำเป็นต้องเริ่มสั่งสมพลังงานใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คำสั่งของผู้บัญชาการถูกต้องแล้ว การเปิดใช้งานโล่แสงทำให้จรวดหลายลูกที่โจมตีเข้ามาไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับตัวยานอวกาศ ทว่าต่อให้เป็นแบบนี้ การระเบิดอย่างรุนแรงของจรวดทำให้คนที่อยู่ภายในยานอวกาศสั่นโคลงจนโซเซ
ภายในห้องหุ่นรบหมายเลขสามของยานอวกาศ พวกหลิงหลานนั่งอย่างสงบเงียบอยู่ในหุ่นรบมาตรฐานของยานอวกาศลำนี้ซึ่งถูกล็อกติดกับยานเอาไว้แล้ว ระบบป้องกันการสั่นสะเทือนของตัวหุ่นรบมั่นคงกว่ายานอวกาศ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเหมือนกัน แต่ไม่ได้ตกที่นั่งลำบากเหมือนคนในห้องควบคุมหลัก
ฉีหลงเห็นแบบนี้ก็ตะโกนขึ้นในช่องสื่อสารทีมด้วยเสียงแปดหลอดอีกครั้งว่า “เชี่ย ภารกิจนี้น่าตื่นเต้นมากเกินไปแล้วจริงๆ ไม่ว่าขามาหรือขากลับก็ใจหายใจคว่ำทั้งนั้นเลย”
“ถ้าไม่ใจหายใจคว่ำแล้วจะเรียกว่าระดับ SSS ได้เหรอ?” หานจี้จวินตอบกลับด้วยคำถามหนึ่งประโยคอย่างเฉยชา ทำให้ฉีหลงพูดไม่ออกทันที
ในช่องสื่อสารปรากฏเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างเลือนรางขึ้นหลายเสียง เป็นพวกเซี่ยอี๋ หลินจงชิงและคนอื่นๆ หากต้องการให้ฉีหลงหุบปากละก็ นอกจากลูกพี่หลานแล้ว ก็มีแค่หานจี้จวินเท่านั้นที่ทำได้
คนอื่นๆ ยังดี แต่ฉางซินหยวนกลับเครียดอยู่บ้าง เขาอดเอ่ยถามไม่ได้ว่า “พวกเราจะไม่เป็นไรใช่ไหม”
นับตั้งแต่ที่หลิงหลานเตือนว่าหากเสียชีวิตที่นี่ก็จะต้องฟื้นคืนชีพในฐานที่มั่นซวิ่นหลง ไม่อาจกลับไปยังเขตศูนย์กลางได้ ฉางซินหยวนนึกถึงการควบคุมหุ่นรบที่ห่วยแตกสุดขีดของตัวเอง เขากลัวว่าตัวเองจะตายที่นี่ ถ่วงขาของทีม ท้ายที่สุดยังต้องรบกวนพวกลูกพี่หลานกลับมาช่วยเหลือเขาใหม่
“ไม่หรอก พอเปิดใช้งานโล่ป้องกันแล้ว จรวดป้องกันทางอากาศของฐานที่มั่นสร้างความเสียหายต่อยานอวกาศไม่มากนัก” หลิงหลานตอบกลับเรียบๆ เสี่ยวซื่อแสดงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องควบคุมมาที่ห้วงจิตใจเธอตามความเป็นจริง
คำพูดของหลิงหลานทำให้สมาชิกทีมสงบเงียบลง พวกเขารู้ว่า คิดจะหลบหนีออกจากฐานที่มั่นซวิ่นหลงไม่ได้ง่ายดายอย่างที่ลูกพี่หลานพูดขนาดนั้น ฐานที่มั่นแต่ละแห่งต่างมีอาวุธสุดยอดมาจัดการกับยานอวกาศและหุ่นรบที่แข็งแกร่ง ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาคือผู้บัญชาการสูงสุดของฐานที่มั่นซวิ่นหลงจะเป็นห่วงทหารของฐานที่มั่นที่อยู่บนยานอวกาศ เลยไม่ใช้งานอาวุธชิ้นนั้น
ในที่สุดยานอวกาศก็สั่งสมพลังงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้บัญชาการกล่าวด้วยความยินดีอย่างยิ่งว่า “ติดเครื่องยนต์ความเร็วต่ำ!”
ลูกทีมที่รับผิดชอบควบคุมยานอวกาศค่อยๆ ดึงส่วนหัวของยานอวกาศขึ้นท่ามกลางเสียงคำสั่งนี้ ยานอวกาศลอยขึ้นไปบนฟ้าช้าๆ
เวลานี้เอง บรรดาทหารในกองบัญชาการเห็นฉากนี้ก็มองไปที่ผู้บัญชาการสูงสุดของฐานที่มั่นซวิ่นหลงด้วยความกระวนกระวายใจ รอคอยคำสั่งสุดท้ายของเขา
ผู้บัญชาการสูงสุดซูมภาพยานอวกาศอย่างใจเย็น หลังจากนั้นก็ทุบหน้าจอทันทีแล้วออกคำสั่งว่า “เปิดใช้งานอาวุธระดับสุดยอดปืนใหญ่ลำแสงพลังงานแม่เหล็ก”
เมื่อคำสั่งนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไป ถึงแม้มีบางคนคิดว่าไม่เหมาะไม่ควรอยู่บ้าง แต่ระดับความเคร่งครัดในโลก NPC ทำให้ทหารระดับต่ำไม่กล้าเอ่ยความเห็นคัดค้าน
เวลานี้ยานอวกาศออกห่างจากพื้นดินประมาณหลายร้อยเมตรแล้ว ขอเพียงขึ้นสูงถึงระดับสองพันเมตรก็สามารถสับเปลี่ยนจากความเร็วต่ำไปเป็นความเร็วสูงได้ หลังจากนั้นก็จะหลุดพ้นจากแรงดึงดูดของดาวฐานที่มั่น มาถึงอวกาศอย่างแท้จริง เวลานั้นพวกเขาถึงนับว่าปลอดภัยจริงๆ หน้าผากของทุกคนในห้องควบคุมหลักของยานอวกาศเริ่มหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา เนื่องจากเวลานี้มักจะเป็นช่วงเวลาอันตรายมากที่สุดของยานอวกาศ ถูกอาวุธจากภาคพื้นโจมตีได้ง่ายมากที่สุด
ทันใดนั้นเอง ลูกทีมที่เฝ้าตรวจตราสภาพแวดล้อมรอบๆ บริเวณก็เบิกตาโต ตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ฐานที่มั่นเปิดใช้งานอาวุธระดับสุดยอดแล้ว พวกเราจะถูกยิงตก…”
ผู้บัญชาการได้ยินคำกล่าวก็พุ่งปราดเข้าไป จากนั้นก็เห็นยอดเขาลูกใหญ่ที่เดิมทีดูเหมือนภูเขาที่แห้งแล้งตรงบริเวณชายขอบฐานที่มั่นแยกออกฉับพลัน กระบอกปืนใหญ่มหึมากำลังไต่สูงขึ้นมาจากด้านล่างช้าๆ ถึงแม้ว่าจะเผยแค่ส่วนหัว แต่ผู้บัญชาการเห็นของสิ่งนั้นแวบเดียวก็รู้ว่านี่คืออะไร สีหน้าของเขาซีดเผือดขึ้นมาในพริบตา
ถ้าหากยานอวกาศถูกทำลาย ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ตายจริง แต่จุดฟื้นคืนชีพอยู่ที่ฐานที่มั่นซวิ่นหลง ไม่นานพวกเขาจะต้องกลายเป็นนักโทษของฝ่ายตรงข้ามแน่นอน ผู้บัญชาการไม่มีความมั่นใจว่าเขาสามารถนำพาสมาชิกทีมหลบหนีได้สำเร็จเป็นครั้งที่สอง หากรอคอยกองบัญชาการสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ท่าไม่ดีแล้ว และส่งคนเข้ามาช่วยเหลืออีกครั้ง อย่างเร็วสุดก็ต้องหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน….สิ่งที่ทำให้ผู้บัญชาการรู้สึกกังวลมากกว่านั้นคือ ถ้าเกิดกลุ่มอำนาจที่ไม่แน่ชัดยังมีผีซวีซ่อนตัวอยู่ในฐานที่มั่นซวิ่นหลงอีกละก็ พวกเขาอาจจะต้องทิ้งชีวิตอยู่ตรงนี้อย่างแท้จริง
เวลานี้เอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการที่ยืนอย่างเงียบสงบอยู่ด้านหลังผู้บัญชาการมาตลอดพลันเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “ผมไปเองครับ”
————————