ตอนนี้เอง ผู้ควบคุมที่เฝ้าตรวจตราเรดาร์พลันตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ปรากฏวัตถุบินได้ไม่แน่ชัด จำนวน ประเมินขั้นต้นคือสิบเก้าครับ”
เสียงนี้ดึงดูดความสนใจของกัปตันเช่นเดียวกัน เขารีบสั่งการว่า “ขยายภาพวัตถุบินได้ไม่แน่ชัดให้ใหญ่ที่สุด”
ผู้ควบคุมที่ค้นหาภาพได้รับพิกัดจากผู้ควบคุมเรดาร์แล้วก็เริ่มทำการค้นหาขึ้นมา แป๊บเดียวเขาก็เจอวัตถุเป้าหมาย จากนั้นก็เริ่มจับภาพ ไม่นานภาพก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ของห้องควบคุม เริ่มจากจุดสีดำสิบเก้าอัน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนท้ายที่สุดก็มองเห็นรูปลักษณ์ขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าความละเอียดต่ำมาก ดูบิดเบือนจากความจริงอยู่บ้าง แต่ทุกคนยังคงมองออกว่า รูปลักษณ์ภายนอกของวัตถุบินได้เหล่านี้น่าจะเป็นพวกยานรบ
ยานบินที่พลเรือนใช้กับยานรบมีความแตกต่างกันอย่างมาก แยกจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ง่ายมาก เมื่อเห็นฉากนี้ทุกคนต่างใจกระตุก ยานรบที่ไม่แน่ชัดเหล่านี้มาจากที่ไหน ทำไมพวกเขาไม่เคยได้รับแจ้งเตือนว่ามียานรบเดินทางมาที่เขตดาวของพวกเขาเลยล่ะ?
“ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายแจ้งสถานะ” กัปตันขบกรามออกคำสั่ง ถึงแม้เขาสัมผัสได้ถึงเรื่องใหญ่ที่ท่าจะไม่ดีแล้ว แต่ในใจยังคงมีความหวังว่ายานรบกลุ่มนี้มาจากพันธมิตร
“ติดต่อภาคพื้นดิน รายงานสถานการณ์ลงไป” กัปตันทำการเตรียมตัวสองด้าน สั่งการให้เจ้าหน้าที่สื่อสารรายงานสถานการณ์ให้กับกองกำลังป้องกันภาคพื้นดิน
“กัปตันครับ พวกเราติดต่อภาคพื้นดินไม่ได้ ดาวเทียมไม่ทำงานหมดเลยครับ” หัวหน้ากลุ่มบอกความจริงที่โหดร้ายให้กัปตันฟังด้วยสีหน้าซีดเผือด
กัปตันได้ยินก็ลุกขึ้นโดยพลัน แผดเสียงคำรามดังลั่นว่า “ต้องติดต่อให้ได้ นี่เป็นการโจมตีของศัตรูแน่นอน” เวลานี้กัปตันยังมีอะไรไม่เข้าใจอีกล่ะ นี่ย่อมเป็นการจู่โจมของศัตรูแน่นอน ความหวังเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้คือพวกเขาสามารถรายงานข่าวนี้ให้กับกองกำลังภาคพื้นดินได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้น…กัปตันคิดถึงตรงนี้ ร่างกายพลันสั่นระริก เหงื่อเย็นๆ หลั่งออกมาจากทั่วทั้งร่าง
ถ้าเกิดอีกฝ่ายลอบโจมตีสำเร็จละก็ โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่ตั้งอยู่ในดาวซินสิงด้านล่าง…จะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน!
“อีกฝ่ายไม่ตอบครับ กัปตัน ตอนนี้จะทำยังไงดีครับ?” เวลานี้เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณที่พยายามติดต่อกองยานรบของฝ่ายตรงข้ามลองพยายามดูหลายครั้งแต่ก็ยังล้มเหลว เขาถามกัปตันด้วยความร้อนใจ
ในสมองของกัปตันมีความคิดแล่นวาบขึ้นมา เขากัดฟันทันทีแล้วสั่งการอย่างเฉียบขาดว่า “เปลี่ยนเส้นทางยานอวกาศทันที หันเก้าสิบองศา หนีออกไปด้วยความเร็วสูงสุด!”
เมื่อออกคำสั่งนี้ลงไป บรรดาทหารควบคุมฝ่ายเทคนิคทั้งหมดในห้องควบคุมหลักเริ่มควบคุมงานกันอย่างเคร่งเครียด ยานลาดตระเวนหันออกไปเก้าสิบองศาอย่างสวยงามในน่านฟ้าอวกาศ จากนั้นก็หลบหนีไปยังน่านฟ้าอวกาศด้านตะวันตกด้วยความเร็วสูง รองกัปตันที่อยู่ข้างกายกัปตันอดถามเสียงแผ่วเบาไม่ได้ว่า “กัปตัน แบบนี้จะดีเหรอครับ?” สิ่งที่กองทัพสหพันธรัฐลงโทษหนักมากที่สุดก็คือหลบหนีโดยไม่รบ ถ้าหากถูกกองทัพล่วงรู้เข้า กัปตันย่อมถูกส่งไปขึ้นศาลทหารแน่นอน
“ฝ่ายตรงข้ามมียานรบสิบเก้าลำ พวกเราบุ่มบ่ามเข้าไปก็เป็นแค่การส่งตัวเองไปตาย ฉันไม่มีทางให้พี่น้องใต้บังคับบัญชาไปตายอย่างเสียเปล่าเด็ดขาด นอกจากนี้เรายังมีภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือติดต่อกองกำลังภาคพื้นดินให้สำเร็จ บอกสถานการณ์ทางนี้ให้อีกฝ่าย และการทำทุกอย่างนี้ เราจำเป็นต้องรอด! ต่อให้ถูกส่งขึ้นศาลทหารเพราะเรื่องนี้ ฉันก็ไม่เสียใจ” แววตาของกัปตันแฝงไปด้วยความแน่วแน่ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “รองกัปตัน ถ้าเกิดดาวซินสิงถูกลอบโจมตีสำเร็จละก็ นักเรียนและอาจารย์ทุกคนในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่ตั้งอยู่บนดาวจะต้องถูกล้างบางจนหมด…”
“ไม่ว่าอีกฝ่ายมาจากกลุ่มอำนาจไหน เกรงว่าเป้าหมายก็คือต้องการทำให้สหพันธรัฐของเราขาดการสืบทอด บุคลากรครูของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งคือยอดหัวกะทิจากทั่วทั้งสหพันธรัฐเรา พวกเราไม่อาจให้พวกมันทำแผนชั่วสำเร็จได้” กัปตันเอ่ยอย่างเด็ดขาด
เวลานี้กองยานรบที่ตั้งขึ้นจากยานรบสิบเก้าลำนั้นก็สังเกตเห็นยานลาดตระเวนที่หลบหนีของสหพันธรัฐลำนั้นแล้วเช่นกัน ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของยานรบเริ่มแจ้งเตือนว่า “พบยานลาดตระเวนด้านหน้าหนึ่งลำ ล็อกเป้าหมาย เป้าหมายหลบหนี โปรดออกคำสั่งใหม่ ไล่ตาม OR ปล่อยไป?”
ผู้บัญชาการใหญ่ของกองยานรบได้รับข่าวนี้ก็สั่งการโดยไม่ลังเลว่า “ล้มเลิกการไล่ตาม ปฏิบัติตามแผนการเดิม” ยานลาดตระเวนลำนั้นคิดว่าหนีไปทางด้านตระวันตกแล้วจะปลอดภัยเหรอ? มุมปากของผู้บัญชาการใหญ่เผยรอยยิ้มหยันที่เย็นเยียบ เห็นได้ชัดว่าแฝงไปด้วยร่องรอยเยาะเย้ย
เป็นอย่างที่คาดไว้เลย ทันใดนั้นเองก็มีกองยานรบสองกองปรากฏตัวขึ้นจากอีกสองทิศทาง กองยานรบหนึ่งมียานรบเก้าลำ ส่วนอีกกองกลับมีถึงสิบสามลำ แม้ว่ายานลาดตระเวนของสหพันธรัฐจะเปลี่ยนมุมองศาอย่างเร่งด่วนแล้ว แต่มันยังคงหัวทิ่มเข้าไปในกองยานรบสิบสามลำ
“บัดซบ ยิงปืนใหญ่โจมตี!” เมื่อเห็นว่าตัวเองตกอยู่ในวงล้อมหนาแน่นของอีกฝ่าย กัปตันก็รู้ว่าพวกเขาไม่มีโอกาสแล้ว แววส่องประกายความอำมหิตขึ้นมาแวบหนึ่ง ต่อให้ตายก็จะลากสักคนไปด้วย เขาแผดเสียงคำรามดังลั่น
ปืนใหญ่หลักของยานลาดตระเวนยิงออกไปในที่สุด เปลวไฟจรวดปืนใหญ่ลากหางที่พราวพร่างละลานตาของมันไปทั่งทั้งน่านฟ้าในชั่วพริบตา โจมตีใส่ยานรบหนึ่งในนั้นทันที เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างกะทันหันของยานลาดตระเวน ยานรบลำนั้นก็เริ่มหลีกหนี จรวดเฉียดผ่านตัวยานทำให้โล่แสงที่เดิมทีส่องแสงเรืองรองมืดลงไปโดยพลัน…
ขอเพียงยิงอีกครั้ง บางทีอาจจะมอบการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวให้อีกฝ่ายได้จริงๆ น่าเสียดายที่ยานลาดตระเวนไม่มีโอกาสยิงปืนใหญ่เป็นครั้งที่สอง เนื่องจากกองยานรบกองนั้นไม่ให้โอกาสมันอีกต่อไปแล้ว จากนั้นก็เห็นฝ่ายตรงข้ามระดมยิงปืนใหญ่มา เมื่อเผชิญหน้ากับจรวดปืนใหญ่ที่ปกคลุมน่านฟ้า ต่อให้ยานลาดตระเวนพยายามหลบหนีอย่างสุดชีวิต เปิดโล่แสงเต็มกำลังก็ต้านทานไว้ไม่อยู่ เสียงตูมดังขึ้น ตัวยานถูกจรวดนับไม่ถ้วนยิงใส่ก่อนจะระเบิดทันใด ยานทั้งลำถูกเปลวไฟขนาดใหญ่ที่พุ่งทะยานกลืนกินไปอย่างรวดเร็วราวกับดอกไม้ไฟที่ผลิบานก็ไม่ปาน พริบตาต่อมามันก็กลายเป็นเศษซากในน่านฟ้าอวกาศผืนนี้แล้ว
“รานงาน จัดการยานลาดตระเวนด้านตะวันออกได้หนึ่งลำแล้วครับ!” กองยานรบที่มาจากด้านตะวันออกรายงานการรบให้กับกองยานรบหลักทันที จากนั้นยานรบด้านตะวันตกก็รายงานการรบเช่นกันว่า ยานลาดตระเวนที่คิดจะหลบหนีเมื่อสักครู่นี้ถูกพวกเขาทำลายแล้ว บวกกับยานลาดตระเวนหนึ่งลำที่เดิมทีลาดตระเวนด้านตะวันตก ทำลายยานลาดตระเวนทั้งหมดสองลำแล้ว
ผู้บัญชาการใหญ่ได้รับรายงานการรบที่ส่งมาจากกองยานรบทั้งสองกอง เขาก็ผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า “ยานลาดตระเวนสามลำที่บอกไว้ในข่าวกรองถูกทำลายหมดแล้ว ดาวเทียมรอบๆ บริเวณทั้งหมดก็ถูกปลดสัญญาณแล้ว ถึงเวลาปฏิบัติการขั้นต่อไป ตอนนี้ฉันขอสั่งให้เริ่มปฏิบัติการกำจัดลูกเจี๊ยบอย่างเป็นทางการ!”
สิ้นคำสั่งของผู้บัญชาการใหญ่ กองยานรบทั้งสามกองก็รวมกันเป็นกองยานรบขนาดมหึมา ยานรบทั้งหมดมาถึงน่านฟ้าเหนือตำแหน่งที่ตั้งจริงของโรงเรียนทหารชายหนึ่งในดาวซินสิง เริ่มเปิดท่าส่งตัวของพวกเขา ไม่นานก็มีวัตถุโลหะทรงกลมสีดำนับไม่ถ้วนร่วงจากในท่าส่งตัวลงไปในดาวซินสิงอย่างรวดเร็ว…
“เทคโนโลยีที่จักรวรรดิฮิงูเระให้มานี้ไม่เลวเลยจริงๆ สามารถหลบเลี่ยงการค้นหาของเรดาร์ภาคพื้นดินได้ บวกกับตอนนี้เป็นเวลากลางดึก คาดว่ากว่ากองกำลังป้องกันภาคพื้นดินจะสังเกตเห็น คนของเราก็ร่อนลงพื้นสำเร็จแล้ว จากนี้ไปก็ดูที่กำลังรบของกันและกันแล้ว” ผู้บัญชาการใหญ่เห็นวัตถุโลหะทรงกลมเหล่านี้ปกคลุมเต็มทั่วทั้งท้องฟ้าเหนือโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งราวกับฝนในฤดูใบไม้ผลิ เขาก็อดเอ่ยพลางเผยรอยยิ้มพึงพอใจไม่ได้
“ใช่ครับ ท่านนายพล ปฏิบัติการครั้งนี้จะต้องมอบบทเรียนเลือดให้กับชาวหัวเซี่ยอย่างแน่นอน!” ผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายตอบอย่างเคร่งครัดเย็นชา แววตามีความแค้นและความกระหายเลือดพาดผ่าน เลือดของจักรวรรดิซีซาร์ไม่อาจไหลรินอย่างเสียเปล่าเป็นอันขาด!
……
“ลูกพี่ ตื่นๆ! ลูกพี่ ตื่นๆ!” หลิงหลานตกใจตื่นขึ้นมา เธอไม่ได้ลืมตา ยังคงรักษาท่วงท่าหลับสนิทไว้ แต่พลังจิตถูกเปิดใช้ในพริบตาก่อนจะจับสัมผัสสถานการณ์ภายในห้องทันที เมื่อพบว่าทุกอย่างปกติไม่มีอันตราย เธอถึงค่อยเอ่ยถามในห้วงจิตใจว่า “เสี่ยวซื่อ มีเรื่องอะไร?”
“เมื่อตะกี้จู่ๆ ฉันก็สูญเสียการเชื่อมต่อกับดาวเทียมรอบๆ ดวงดาวทั้งหมดเลย นี่มันผิดปกติมากๆ” เสี่ยวซื่อรีบบอกสถานการณ์ให้หลิงหลานฟัง
“เชื่อมต่อใหม่อีกทีไม่ได้เหรอ?” หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ใจกระตุกฉับพลัน
“เชื่อมต่อไม่ติดแล้ว ตอนนี้ฉันเปิดใช้งานเรดาร์ทั้งของภาคพื้นดินรวมถึงอุปกรณ์กล้องวงจรปิดทั้งหมดในโรงเรียนทหารแล้ว…ตอนนี้ยังไม่พบอะไรผิดปกติ แต่ฉันรู้สึกไม่ดีมากๆ มาตลอดเลย เหมือนกับมีอันตรายกำลังจะมา” เสี่ยวซื่อตอบอย่างเคร่งเครียด “ฉันค้นเจอกรณีที่คล้ายคลึงกันในคลังข้อมูลของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหารแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่ามาจากสงครามข้อมูลของประเทศศัตรู…”
“ปิดตาพวกเราทั้งสองข้างไม่ให้รู้สถานการณ์ด้านนอก หรือว่าพวกเขาอยากลอบโจมตีเหรอ?” หลิงหลานขมวดคิ้ว เธออดนึกถึงเหตุการณ์ของฐานที่มั่นซวิ่นหลงไม่ได้ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นหรือเปล่า หรือว่าเธอเปิดเผยพิรุธที่ไหนสักแห่งเลยถูกศัตรูพบเจอแล้ว?”
เสี่ยวซื่อได้ยินคำพูดของหลิงหลาน แววตาก็เปล่งประกาย พยักหน้าติดๆ กันและกล่าวว่า “ใช่เลย ใช่เลย มีความเป็นไปได้สูงว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คือทำเพื่อลอบโจมตี!”
หลิงหลานตัดสินใจในพริบตา เธอสั่งเสี่ยวซื่อว่า “เสี่ยวซื่อ มีสถานการณ์ใหม่ก็รีบรายงานฉันทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเฝ้าจับตามองสถานการณ์ในท้องฟ้า นายคงไม่ลืมเรื่องเมื่อหกปีก่อนสินะ” หลิงหลานอดนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนดาวสัตว์อสูรในตอนนั้นไม่ได้ที่เคยถูกจักรวรรดิฮิงูเระโจมตีทางอากาศสำเร็จมาก่อน
สาเหตุที่หลิงหลานคิดแบบนี้เป็นเพราะว่าตำแหน่งของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอยู่ที่นี่ กองกำลังภาคพื้นดินเฝ้าตรวจตราพื้นดินอย่างเคร่งครัดมากมาโดยตลอด ประเทศศัตรูอยากให้กองทัพขนาดใหญ่ลักลอบเข้ามาให้สำเร็จ นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่พวกเขาใช้วิธีการเล่นใหญ่ปิดสัญญาณทั้งหมด ก็หมายความว่าการลอบโจมตีของพวกเขาในครั้งนี้ไม่มีทางเล็กแน่นอน ในเมื่อลอบเข้าทางภาคพื้นดินไม่ได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะลงมาจากบนฟ้าโดยตรง นี่ก็คือเหตุผลที่หลิงหลานให้เสี่ยวซื่อคอยจับตามองบนฟ้าเป็นพิเศษ
หลิงหลานสั่งเสี่ยวซื่อเรียบร้อยแล้ว เธอก็ลืมตาขึ้นทันที มือขวาพลันยันตัวกระโดดลงมาจากบนเตียง เธอสวมชุดเครื่องแบบโรงเรียนทหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดประตูห้อง เดินไปไม่กี่ก้าวก็มาถึงห้องที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุด
หลิงหลานไม่ได้เลือกเคาะประตูอย่างมีมารยาท หากแต่เตะอย่างองอาจไปตรงๆ
เสียง ‘ปัง!’ ดังสนั่น หลิงหลานเตะประตูห้องให้เปิดออกในครั้งเดียว ประตูพลันกระแทกเข้าไปในห้องตามพละกำลังมหาศาลนี้
‘โครม’ ประตูห้องกระเด็นไปได้ครึ่งทางก็ถูกพลังสายหนึ่งโจมตีจนแหลกละเอียด จากนั้นพละกำลังสายหนึ่งก็ระเบิดออกมาสั่นสะเทือนเศษชิ้นส่วนพวกนี้ทันที
สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหลานคือกำปั้น จากนั้นก็เห็นคนบนเตียงพลิกตัวลงมาที่พื้นโดยพลัน ฉีหลงที่เปลือยร่างกายครึ่งท่อนบน สวมเพียงกางเกงในหนึ่งตัว มือข้างหนึ่งยันพื้นราวกับเสือชีตาห์ ขอเพียงเห็นโอกาสก็จะออกหมัดจู่โจม
หลิงหลานเหลือบมองร่างกายที่แข็งแรงทรงพลังรวมถึงกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ของฉีหลงแวบหนึ่งอย่างเรียบนิ่ง ข่มกลั้นความอิจฉาในใจ เธอเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ศัตรูบุก เตรียมตัวต่อสู้!” ชาตินี้เธอคงไม่มีทางได้ครอบครองรูปร่างที่กำยำแบบนี้แน่นอน หลิงหลานคิดด้วยความเสียใจ
เมื่อฉีหลงที่เดิมทีตึงเครียดหลังจากการปลุกเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูคือลูกพี่ตัวเอง เขาก็ผ่อนคลายลงทันใด แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของลูกพี่ อารมณ์ก็เคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เขาลุกขึ้นฉับพลัน หยิบเครื่องแบบที่แขวนไว้บนไม้แขวนเสื้อข้างเตียง ก่อนจะสวมใส่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบเดินตามหลิงหลานเอ่ยถามด้วยความร้อนใจว่า “ลูกพี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
—————————-