บรรดาลูกทีมยืนประจำตำแหน่งเรียบร้อยด้วยความรู้ใจกันอย่างมาก ตั้งขบวนรบเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนโดยมีเกาจิ้นอวิ๋นเป็นปลายแหลม มือขวายกปืนลำแสงขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทุกครั้งที่พวกเขาต่อสู้ในโลกหุ่นรบต่างร่วมมือกันแบบนี้ คุ้นชินจนกลายเป็นธรรมชาติ การต่อสู้ครั้งแรกในโลกความเป็นจริง ทุกคนเลยเลือกขบวนรบที่คุ้นชินที่สุดมารับมือการโจมตี
“ยิง!” เกาจิ้นอวิ๋นตะโกนเสียงดัง กดปุ่มยิงปืนลำแสงนำทุกคน
ลำแสงหกสายยิงไปที่หุ่นรบศัตรู ถ้าหากอยู่ในโลกหุ่นรบ เมื่อเผชิญหน้ากับหุ่นรบในระบบ พวกเขามักจะยิงโดนสักสายสองสาย แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาเจอคือนักรบหุ่นรบชั้นสูงที่มีประสบการณ์การรบมากมาย เมื่อเผชิญกับการยิงลำแสงที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง หุ่นรบศัตรูที่ผ่านมานับร้อยศึกก็หลบได้อย่างสบายๆ
จากนั้นก็เห็นอีกฝ่ายใช้ท่าเท้าเคลื่อนที่เป็นตัว Z อย่างสวยงาม หลบลำแสงสี่ห้าสายของทีมเกาจิ้นอวิ๋นได้ทันที ลำแสงสายเดียวที่เขาหลบไม่พ้นก็คือลำแสงที่เกาจิ้นอวิ๋นยิง เนื่องจากสิ่งที่เกาจิ้นอวิ๋นใช้คือการยิงคาดการณ์เคลื่อนไหวล่วงหน้า ถือว่าเป็นการควบคุมที่มีระดับค่อนข้างสูงอย่างหนึ่งของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลาง เขาคำนวณปฏิกิริยาตอบสนอง ที่หุ่นรบศัตรูอาจจะทำแล้วยิงไปตรงตำแหน่งที่อีกฝ่ายอาจจะหลบไปก่อนล่วงหน้า ดังนั้นหุ่นรบศัตรูจึงหลบลำแสงสายนั้นของเขาไม่พ้น
หลังจากที่หุ่นรบศัตรูหลบลำแสงสี่ห้าสายพ้นแล้ว แต่กลับพบว่ามีลำแสงสายหนึ่งยิงมาตรงจุดที่เขาหลบอย่างสมควรตาย เนื่องจากการหลบต้องการการปรับแก้ อยากจะหลบอีกครั้งก็ทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นหุ่นรบศัตรูจึงเปิดใช้โล่แสงหุ่นรบในชั่วพริบตา หลังจากที่ฝืนรับการลำแสงโจมตีของเกาจิ้นอวิ๋นแล้ว ก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างอำมหิต เตรียมตัวเข้าประชิดกำจัดพวกอ่อนด้อยเหล่านี้
การโจมตีครั้งแรกก็ถูกฝ่ายตรงข้ามหลบพ้นได้ง่ายๆ แบบนี้ มีลูกทีมหลายคนตื่นตะหนกขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เกาจิ้นอวิ๋นตะโกนเสียงสูง “ยิงต่อ!”
เสียงตะโกนดังลั่นนี้ทำให้ลูกทีมเหล่านี้ใจเย็นลงในพริบตา พวกเขาได้ยินคำสั่งจากหัวหน้าแล้วก็กดปุ่มยิงในมืออย่างสุดชีวิต ก่อนจะเห็นลำแสงสาดออกมาอย่างบ้าคลั่งจากปากกระบอกปืนยิงไปหาหุ่นรบศัตรูที่พุ่งมา…
การโจมตีอย่างบ้าคลั่งรอบนี้ได้ผลแล้ว ทำให้หุ่นรบศัตรูตัวนั้นหวั่นกลัวอยู่บ้างและเลือกหลบหลีก หยุดการบุกโจมตีซึ่งๆ หน้าของเขา เมื่อเขาเห็นหุ่นรบระดับกลางที่ถึงแม้จะลงมือได้ไม่ประสีประสาอยู่บ้าง แต่การร่วมมือกันกลับรู้ใจกันผิดปกติ นี่ทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย สุดท้ายก็ได้แต่เลือกหลบหนีไป
พวกเกาจิ้นอวิ๋นเห็นหุ่นรบศัตรูตัวนั้นทะยานไปด้านหลังหลายก้าวในตอนที่กำลังหลบหนี เว้นระห่างกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็หายเข้าไปในความมืดยามราตรีโดยไม่เห็นร่องรอย
เกาจิ้นอวิ๋นเห็นดังนั้นก็ลดปืนเลเซอร์ลงอย่างงุนงง ควรรู้เอาไว้ว่า อาศัยความสามารถของอีกฝ่าย ต่อให้พวกเขาโจมตีฉับพลันอีกครั้ง ก็ได้แต่ถ่วงเวลาเท่านั้น ถ้าเกิดอีกฝ่ายยอมฝืนต้านรับก็ยังทำได้ ถึงแม้ว่านี่จะทำให้หุ่นรบของอีกฝ่ายได้รับความเสียหายเพราะเหตุนี้ก็ตามที…
หรือว่าฝ่ายตรงข้ามกลัวว่าหุ่นรบจะเสียหาย ไม่มีสถานที่ซ่อมบำรุงและจะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ถัดไป ดังนั้นเลยเลือกถอยชั่วคราว? เกาจิ้นอวิ๋นรู้สึกว่านี่มีความเป็นไปได้มาก ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของพวกเขา
“พี่สาม ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะยิงจนเขาถอยไปได้ หุ่นรบระดับสูงก็แค่นี้…” ลูกทีมคนหนึ่งเอ่ยด้วยความตื่นเต้นโดยที ไม่เข้าใจความเป็นจริง
“จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าเกิดเขาอยากกำจัดพวกเรา จ่ายค่าตอบแทนนิดหน่อยก็ทำได้แล้ว อีกฝ่ายเลือกหนีไปอาจเป็นเพราะเขาไม่อยากจ่ายค่าตอบแทนอะไรเลย…” เกาจิ้นอวิ๋นได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยค้าน เมื่อเขาพูดถึงไม่อยากจ่ายค่าตอบแทน สมองพลันมีความคิดแล่นวาบ ความสงสัยแต่เดิมได้รับคำตอบทันใด เขาตะโกนด้วยความร้อนรนว่า “ทุกคนเปิดเรดาร์ ศัตรูอาจจะยังอยู่ที่นี่…”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด เกาจิ้นอวิ๋นก็สัมผัสได้ถึงพลังงานรุนแรงสายหนึ่งโจมตีใส่พวกเขาทางด้านขวาของเขาทันใด เสียงแจ้งเตือนของหุ่นรบดังขึ้นทันที เกสจิ้นอวิ๋นตะโกนว่าหลบเร็ว ในขณะเดียวก็ควบคุมหุ่นรบอย่างบ้าคลั่ง ใช้มือข้างหนึ่งกับเท้าข้างหนึ่งเตะและผลักลูกทีมสองคนที่อยู่ด้านหน้าตนออกไป
เสียง ‘ตูม’ ดังสนั่น ลำแสงพุ่งโจมตีมาอย่างกะทันหัน ยิงโดนตัวหุ่นรบของเกาจิ้นอวิ๋นที่เปิดใช้โล่แสงแล้ว เกาจิ้นอวิ๋นเห็นเอเนอร์จอนของหุ่นรบตัวเองหายไปครึ่งหนึ่งเพราะการโจมตีนี้ เขาก็ปวดใจแล้วก็ตกใจไม่หยุด
ดูเหมือนว่าอานุภาพของปืนลำแสงหุ่นรบระดับสูงจะทรงพลังกว่าหุ่นรบระดับกลางของพวกเขามากนัก ถ้าหากปืนลำแสงของหุ่นรบระดับกลางยิงโล่แสงของหุ่นรบระดับกลาง มากสุดก็บริโภคพลังงานเอเนอร์จอนไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางเยอะมากเหมือนในตอนนี้ เกาจิ้นอวิ๋นรู้ว่า ถ้าหากโดนโจมตีอีกครั้ง พลังงานของหุ่นรบเขาก็จะถึงต่ำสุด เวลานั้น เขาก็ได้แต่รอความตายอย่างจนปัญญาแล้ว
ขณะที่เกาจิ้นอวิ๋นกำลังตกใจนั้น การโจมตีของศัตรูก็พุ่งมาอีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้เนื่องจากเพื่อนข้างกายหลบไปด้านข้างแล้ว เกาจิ้นอวิ๋นเลยไม่จำเป็นต้องฝืนรับการโจมตีของอีกฝ่ายเพื่อคุ้มครองลูกทีมเหมือนในครั้งแรก ถึงแม้เกาจิ้วอวิ๋นเป็นเพียงผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลาง แต่ทักษะการควบคุมยังคงดีเลิศ เป็นคนที่มีทักษะการควบคุมดีที่สุดในทีม เขาบังคับหุ่นรบให้หลบเป็นตัว 八 หลบลำแสงสายนี้ออกไป…
แต่นี่เป็นเพียงการโจมตีที่อีกฝ่ายล่อลวงเกาจิ้นอวิ๋นเท่านั้น เมื่อเกาจิ้นอวิ๋นหลบลำแสง เขาก็ได้ยินพวกลูกทีมส่งเสียงร้องอย่างหวาดหวั่นขึ้นในช่องสื่อสารทีมว่า “หัวหน้า หลบเร็วเข้า!”
มีลูกทีมบางคนตาไวมือไว เหนี่ยวไกปืนเลเซอร์ไปบนท้องฟ้าเหนือเขาอย่างบ้าคลั่ง พยายามขัดขวางอะไรบางอย่าง…
เกาจิ้นอวิ๋นพลันตกตะลึง เวลานี้ เขาสัมผัสได้ถึงการคุกคามจากบนฟ้าเหนือหัว เขาปรับสายตาของหุ่นรบไปด้านบนอย่างรวดเร็วแล้วก็เห็นศัตรูที่เพิ่งจะหลบถอยหนีและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยคนนั้น เวลานี้ปรากฏตัวขึ้นอยู่เหนือศีรษะของเขา อาวุธเย็นที่ส่องประกายวาววับกำลังฟันลงมาที่กระหม่อมของเขาอย่างไร้ความปรานี
ถ้าหากเขายืนนิ่งไม่ขยับ อยากหลบการโจมนี้ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะการหลบการโจมตีลำแสงสายที่สอง เขาบังคับหุ่นรบทำท่าหลบแล้ว เนื่องจากปัญหาความเฉื่อยของการทำการเคลื่อนไหวอย่างเสร็จสมบูรณ์ เกาจิ้นอวิ๋นไม่สามารถทำการหยุดทักษะของหุ่นรบในชั่วพริบตาและแก้ไขฉุกเฉินทำท่าหลบใหม่ หรือพูดอีกอย่างก็คือ เกาจิ้นอวิ๋นในเวลานี้ได้แต่เบิกตามองหุ่นรบตัวเองถูกฝ่ายตรงข้ามฟันใส่โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้เอง เกาจิ้นอวิ๋นขบกรามเปิดโล่แสงค่าป้องกันสูงสุดโดยไม่ลังเล ถึงแม้ว่าโล่แสงจะมีค่าป้องกันต่ออาวุธเย็นแย่ที่สุด แต่ตอนนี้ เกาจิ้นอวิ๋นได้แค่เดิมพันสักครั้งแล้ว
อาวุธเย็นกำลังโจมตีโดนหุ่นรบของเกาจิ้นอวิ๋น ก็ได้ยินเสียง ‘เคล้ง!’ ดังก้อง เกาจิ้นอวิ๋นหลับตาลงตามจิตใต้สำนึก รอคอยร่างกายได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจากการบาดเจ็บหนัก แต่เขาก็พลันตระหนักได้ว่า เขาไม่รู้สึกอะไรเลย
เกาจิ้นอวิ๋นตอบสนองรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขาลืมตาขึ้นทันทีและเห็นว่า หุ่นรบระดับสูงที่เดิมโจมตีเขา เวลานี้ได้ออกห่างจากเขาไปประมาณสิบกว่าเมตรแล้ว ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าด้านขวาของเขาเล็กน้อย และอาวุธเย็นที่เกือบจะฟันใส่เกาจิ้นอวิ๋นในมือเขา ตอนนี้ก็หักเป็นสองท่อนแล้ว ส่วนที่หักราบเรียบราวกับถูกอาวุธอะไรบางอย่างที่ทรงพลังและคมกริบฟันโดยตรง
วินาทีถัดมา เกาจิ้นอวิ๋นก็รู้คำตอบแล้ว ตรงบริเวณที่ห่างจากด้านซ้ายของเขาไปยี่สิบกว่าเมตร มีดาบเหล็กยักษ์กว้างหนึ่งเมตรกว่าสูงประมาณสิบกว่าเมตรกำลังเสียบอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าอาวุธเย็นของอีกฝ่ายจะถูกเจ้านี่บินมาก่อนผ่าจนหักโดยพลัน เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เกาจิ้นอวิ๋นยังมีอะไรไม่รู้อีกล่ะ เขาถูกเจ้าของดาบยักษ์เล่มนั้นช่วยไว้อย่างแน่นอน...
ไม่ไกลจากดาบเหล็กยักษ์ เกาจิ้นอวิ๋นยังคงเห็นลูกทีมของเขาสามคนกับหุ่นรบศัตรูมองไปบนฟ้าทางด้านขวาอย่างตะลึงงันเหมือนกัน…
เกาจิ้นอวิ๋นความคิดแล่นวาบ เขาดึงภาพไปที่ท้องฟ้าด้านขวาของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นหุ่นรบตัวหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เกาจิ้นอวิ๋นเห็นแวบแรกก็จำได้ว่า นั่นเป็นหุ่นรบไพ่ราชาของสหพันธรัฐอย่างแน่นอน ในฐานะที่เขาอยากกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา เกาจิ้นอวิ๋นย่อมรู้หุ่นรบไพ่ราชาประเภทต่างๆ ของสหพันธรัฐดีราวกับมือตัวเอง เขาจะจำราชาแห่งการเดิมพันชีวิตรบประชิดตัวที่เขานึกถึงอยู่ตลอดเวลาตัวนี้ไม่ได้ยังไง
เกาจิ้นอวิ๋นตื่นเต้นระคนยินดี แต่ผุดความสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงขึ้นมาไม่ได้ ในฐานะที่เป็นหน่วยหุ่นรบไพ่ราชาที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวซิงสิง พวกเขาไม่ไปเขตที่พักที่วิกฤติที่สุดเพื่อปกป้องพวกนักเรียน แต่มาทำอะไรในสถานที่ที่ไม่ใช่ใจกลางการต่อสู้นี้?
“ผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา? ทหาร? ไม่ หุ่นรบของนายไม่มีตรากองทัพ มีแต่ตราโรงเรียนทหารที่หนึ่งของหัวเซี่ยเท่านั้น ถ้าเดาไม่ผิด นายน่าจะเป็นนักเรียนทหารสินะ…” ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงคนนั้นพลันเปิดลำโพงเสียงของหุ่นรบ เอ่ยกับหุ่นรบไพ่ราชาที่อยู่กลางอากาศตัวนั้น ภาษาจีนของเขาฟังแล้วรู้สึกระคายหูมาก น้ำเสียงทั้งแปลกพิลึกทั้งแข็งทื่อ เห็นได้ว่าเขาไม่ใช่ชาวหัวเซี่ย
หุ่นรบไพ่ราชาที่ลอยอยู่กลางอากาศไม่ได้เอ่ยปากคลายข้อสงสัยของหุ่นรบศัตรู เขาเพียงแต่มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
หุ่นรบศัตรูไม่สนใจที่ผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาไม่ตอบ เขาแค่ตื่นเต้น ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ หาเป้าหมายของภารกิจเจอทันที ถ้าเกิดสามารถกำจัดอีกฝ่ายได้ หลังจากที่กลับไปแล้ว เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษของประเทศพวกเขา
บางทีเขาอาจจะตื่นเต้นกับเกียรติยศที่กำลังจะมา หุ่นรบศัตรูจึงช่างพูดขึ้นมา กล่าวต่อว่า “จากที่พวกเรารู้มา โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งของหัวเซี่ยพวกนาย คนที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาเพียงหนึ่งเดียวเมื่อเร็วๆ นี้ ชื่อว่าเฉียวถิง สมญานามว่า ราชันสายฟ้า เป็นอัจฉริยะระดับปีศาจที่ถัดจากหลิงเซียว พูดได้ว่าเป็นจุดสนใจของผู้คน…คนผู้นี้น่าจะเป็นนายสินะ!” หุ่นรบศัตรูกล่าวถึงตรงนี้ ในปากก็ส่งเสียงจุ๊ๆๆ อย่างเสียใจ “น่าเสียดาย หัวเซี่ยไม่อาจปรากฏหลิงเซียวได้อีกคน”
แววตาของเกาจิ้นอวิ๋นส่องประกาย ผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาที่ช่วยเขาไว้คือราชันสายฟ้าเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ทำให้เขาลำบากใจแล้ว เกาจิ้นอวิ๋นรู้ดีว่า เขาเตรียมตัวติดตามลูกพี่หลาน ต้องมีสักวันที่จะต่อกรกับราชันสายฟ้า
“นายพูดจบแล้วสินะ?” หุ่นรบไพ่ราชาที่ลอยอยู่กลางอากาศเอ่ยปากขึ้นในที่สุด เสียงเย็นเยียบคล้ายกับสามารถแช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ บริเวณได้
เกาจิ้นอวิ๋นได้ยินเสียงนี้ แววตาพลันหดลง ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ…แต่แป๊บเดียว ใบหน้าของเขาก็เผยความยินดีอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ฉีกยิ้มกว้าง ไม่อาจหุบเข้าหากัน เมื่อเกาจิ้นอวิ๋นฝืนข่มกลั้นอารมณ์ตื่นเต้นได้แล้ว เขาก็มองไปยังหุ่นรบไพ่ราชาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสบูชา นับถือ รวมถึงความยินดีและความสุขที่ยากจะปกปิด
“ถ้าฉันบอกว่า พูดจบแล้ว นายคิดจะทำยังไงล่ะ?” น้ำเสียงของหุ่นรบศัตรูแฝงไปด้วยความเยาะหยัน ผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาที่เคยผ่านศึกสงคราม ไม่เคยเห็นเลือด เลื่อนระดับอยู่ในโรงเรียนทหาร ในสายตาของเขาก็เหมือนกับลูกเจี๊ยบที่เพิ่งออกมาสู่โลก ไม่มีค่าพอให้กังวล เขาเชื่อว่า อาศัยประสบการณ์ต่อสู้สิบกว่าปีของเขากำจัดมือใหม่แบบนี้ นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างบทสนทนาเมื่อสักครู่นี้ เขาแจ้งข่าวราชันสายฟ้าเฉียวถิงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ให้กับเพื่อนร่วมทีมแล้ว เชื่อว่าพวกสมาชิกทีมจะต้องรีบมาอย่างรวดเร็ว ที่แท้เขาที่ดูเหมือนพูดมาก ความจริงแล้วคือหาโอกาสส่งข่าวให้เพื่อนร่วมทีมของเขา และถือโอกาสถ่วงเวลาอีกด้วยเพื่อให้พวกเพื่อนรวมทีมของเขามาถึงได้ทันเวลา
—————————————-