“ต่อให้เป็นแบบนี้ ฝ่ายตรงข้ามอยากฆ่าเขาก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ชีตาห์ของเธอยังประคับประคองได้อีกนาน นอกจากนี้ รอบๆ บริเวณไม่มีศัตรูคนอื่นด้วย นี่เป็นโอกาสดี ให้ชีตาห์ของเธอต่อสู้มากหน่อย บางทีอาจจะทำให้เขาหารูปแบบการควบคุมของตัวเองเจอได้ง่ายขึ้น”
ในเมื่อไม่มีศัตรูอื่นอยู่ใกล้ๆ เสี่ยวซื่อก็สบายใจขึ้นมาเหมือนกัน เขาเลียอมยิ้มที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนไปพลาง แสดงความคิดเห็นของตัวเองไปพลาง เสี่ยวซื่อที่คอยแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องหุ่นรบกับอาจารย์หมายเลขสามมาตลอด เวลานี้เขากลับมีบุคลิกท่าทางของอาจารย์หุ่นรบเล็กน้อย แน่นอนว่าต้องเลิกสนใจอมยิ้มในมือของเขากับร่างกายเตี้ยๆ รวมถึงดวงหน้าอ่อนเยาว์นั้นก่อน
หลิงหลานเห็นด้วยกับความคิดของเสี่ยวซื่อมาก นี่เป็นโอกาสที่ชีตาห์จะเลื่อนความสามารถอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย เธอตัดสินใจนิ่งดูดายอยู่ด้านข้างก่อน ดังนั้นเลยสั่งเสี่ยวซื่อว่า “เสี่ยวซื่อ จับตามองสถานการณ์รอบๆ ไว้ ถ้าเกิดมีศัตรูเข้าใกล้ รีบแจ้งฉันทันที” กล่าวจบ หลิงหลานก็กุมดาบยักษ์ในมือ ถ้าเกิดมีศัตรูเข้ามาใกล้จริงๆ ละก็ เธอจำเป็นต้องลงมือเพื่อรับประกันความปลอดภัยของพวกเพื่อนๆ
เสี่ยวซื่อได้ยินคำกล่าว ก็ตบหน้าอกรับรองทันทีว่าให้เขารับผิดชอบทุกอย่างเอง
หลิงหลานคิดว่าถึงแม้เสี่ยวซื่อจะทำพลาดเล็กๆ น้อยๆ เป็นครั้งคราว แต่เขาไม่เคยทำให้เธอผิดหวังที่เชื่อใจในเรื่องใหญ่มาก่อน ดังนั้นก็เลยวางใจเช่นกัน เธอขับหุ่นรบให้พุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เห็นหุ่นรบของเธอหายวับไปจากที่เดิม และวินาทีถัดมาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงตำแหน่งของลั่วล่างที่อยู่ใกล้กับเธอมากที่สุด
แม้ว่าเสี่ยวซื่อจะบอกย้ำแล้วว่า พวกฉีหลงสามคนไม่เป็นไร แค่โดนพลังระเบิดตัวเองกระแทกจนมึนงงเท่านั้น แต่หลิงหลานยังไม่วางใจ เลยตัดสินใจมาตรวจสอบด้วยตนเองรอบหนึ่ง
เวลานี้เอง หุ่นรบห้าตัวที่กำลังต่อสู้บนฟ้า ความจริงเปลี่ยนเป็นฉากต่อสู้ของหลี่หลานเฟิงกับหุ่นรบระดับพิเศษแล้ว หลี่ซื่ออวี๋ หานจี้จวินกับหลินจงชิงสามคนไม่อาจสอดมือเข้าไปในการต่อสู้ของทั้งคู่ได้เลย อย่างมากสุดก็ได้แต่หาโอกาสยิงปืนลำแสงสนับสนุนหลี่หลานเฟิงจากที่ไกลๆ
สาเหตุที่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ ประการแรกเป็นเพราะว่าความสามารถของคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเนื่องจากการระเบิดพลังเพราะความโกรธเกรี้ยว พวกเขาไม่อาจขึ้นหน้าไปต้านทานเหมือนอย่างในตอนแรกอีกแล้ว เวลานี้หากพวกเขาฝืนรุกหน้าไปต่อกรขัดขวางละก็ พวกเขาจะต้องถูกดาบของอีกฝ่ายสลัดออก พวกเขาไม่สามารถต้านทานหุ่นรบระดับพิเศษในแง่ของพละกำลังได้ในตอนนี้
ประการที่สอง เป็นเพราะว่าหลี่หลานเฟิงกลับมาอีกครั้ง พลังรบก็พุ่งขึ้นสูงเช่นเดียวกัน ถึงแม้หุ่นรบที่ขับอยู่คือหุ่นรบระดับสูง แต่ในด้านความสามารถและทักษะไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายเท่าไหร่เลย หลายครั้งตอนที่พวกเขาตกอยู่ในวิกฤติโดยไม่ทันระวัง ล้วนแต่อาศัยการช่วยเหลือที่เก่งกาจของหลี่หลานเฟิงหลีกหนีอันตรายมาได้ ความเป็นจริงเหล่านี้ทำให้พวกเขาเข้าใจดีว่า พวกเขาไม่สามารถสอดมือเข้าไปในการต่อสู้เวลานี้เลย
หลังจากที่สู้ไปได้หนึ่งถึงสองนาที ในที่สุดหลี่หลานเฟิงก็ปรับตัวเข้ากับพลังโจมตีและจังหวะจู่โจมของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว สถานการณ์ดีขึ้นกว่าในตอนแรกมาก นี่ทำให้พวกหลี่ซื่ออวี๋สามคนที่ได้แต่หาโอกาสยิงปืนลำแสงรู้สึกโล่งใจ พวกเขากลัวอย่างมากว่าวินาทีถัดมาหลี่หลานเฟิงที่ต่อกรกับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเพียงลำพังจะเกิดอันตรายได้ นี่ทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวนมาโดยตลอด
เมื่อหลิงหลานมาถึงทางฝั่งลั่วล่าง เธอก็เห็นว่าแสงเรืองรองที่เป็นตัวแทนของโล่แสงตรงเปลือกนอกหุ่นรบของลั่วล่างแทบจะมองไม่เห็นแล้วเนื่องจากโดนพลังระเบิดตัวเองของหุ่นรบระดับพิเศษเข้าไป ทั่วทั้งร่างของหุ่นรบดูมืดสลัวไร้สิ้นแสง บนเปลือกนอกของหุ่นรบเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายนับไม่ถ้วนทั้งลึกและทั้งตื้น มีร่องรอยความเสียหายหลายรอยที่ถึงขนาดทะลุไปถึงก้น สามารถมองเห็นอะไหล่และสายไฟที่เบียดชิดกันด้านในได้อย่างรางๆ สิ่งที่สมกับเป็นความโชคดีคือ ห้องคนขับที่มีค่าป้องกันน้อยที่สุดไม่มีความเสียหายถึงแก่ชีวิตอะไรเลย นี่ทำให้หลิงหลานโล่งใจโดยพลัน รู้แล้วว่าลั่วล่างไม่มีทางเกิดปัญหาใหญ่อะไร
เวลานี้เอง เสี่ยวซื่อที่เอาแต่สนใจการต่อสู้บนฟ้าแววตาเปล่งแสงวาววับขึ้นมาทันใด บอกหลิงหลานว่า ลั่วล่างที่อยู่ในห้องคนขับมีการตอบสนองแล้ว
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็เชื่อมต่อกับปุ่มสนทนาของลั่วล่างทันที ก่อนจะตะโกนว่า “ลั่วล่าง ฉันคือหลิงหลาน ได้ยินแล้วตอบด้วย”
“ลูกพี่…” หลังจากที่ร้องเรียกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเสียงอ่อนระโหยโรยแรงของลั่วล่างก็ดังขึ้นที่อีกฝั่งหนึ่งของช่องสนทนา
“ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า อยากให้หลี่ซื่ออวี๋ลงมารักษาหน่อยไหม” หลิงหลานถามอย่างกังวลใจ
“ไม่ต้องหรอก ลูกพี่ รุ่นพี่ซื่ออวี๋ให้ยารักษาฉุกเฉินพวกเราหลายหลอดไว้เป็นยาสำรองก่อนออกเดินทางแล้ว เมื่อตะกี้ฉันดื่มลงไป ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” เสียงของลั่วลางมีพลังมากกว่าในตอนแรกมาก ยืนยันว่าสภาพของเขากำลังดีขึ้นจริงๆ
เมื่อรู้ว่าลั่วล่างไม่เป็นไร หลิงหลานก็คิดจะไปตรวจดูสถานการณ์ของฉีหลงที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบเมตร ทว่าเธอยังไม่ทันได้เคลื่อนไหวก็เห็นหุ่นรบของฉีหลงพลันนั่งขึ้นมา
หลิงหลานยินดีในใจ วินาทีต่อมาก็มาถึงข้างกายฉีหลง “ฉีหลง นายรู้สึกยังไงบ้าง?”
เสี่ยวซื่อบอกว่าอาการบาดเจ็บที่ฉีหลงได้รับใกล้เคียงกับลั่วล่าง ตอนนี้ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายที่เป็นเหมือนสัตว์ประหลาดของฉีหลงจะไม่ใช่ของปลอมจริงๆ ลั่วล่างได้รับบาดเจ็บจนต้องพึ่งยารักษาฉุกเฉินถึงค่อยฟื้นฟูร่างกายช้าๆ แต่สภาพของฉีหลงดูดีกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด
อย่างที่คิดไว้เลย คำตอบของฉีหลงยืนยันเรื่องนี้แล้ว “ไม่เป็นไร ลูกพี่ ฉันแค่มึนหน่อยๆ ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร” เสียงดังทรงพลังของฉีหลงยืนยันว่าตอนนี้เขายังคงแข็งแรงมาก...
“ในเมื่อไม่เป็นไร นายไปดูเซี่ยอี๋กับฉัน ฉันคิดว่าครั้งนี้เซี่ยอี๋ได้รับบาดเจ็บไม่เบาเลย” คนที่หลิงหลานเป็นห่วงคือเซี่ยอี๋ ดังนั้นเธอจึงสั่งฉีหลง ทั้งสองคนมาถึงในป่าทึบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเจอเซี่ยอี๋ที่ชนต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าอย่างหนักหน่วงจนหักไปหลายต้นเพราะแรงระเบิดตัวเอง
ความเป็นจริงยืนยันแล้วว่า การคาดเดาของหลิงหลานนั้นถูกต้อง เซี่ยอี๋เป็นคนที่ย่ำแย่มากที่สุดจริงๆ เนื่องจากเขาอยู่ใกล้กับหุ่นรบที่ระเบิดตัวเองมากที่สุด เลยได้รับแรงระเบิดตัวเองมากที่สุด จากนั้นก็ชนติดต่อกันอีก ทำให้หุ่นรบของเซี่ยอี๋เสียหายยับเยิน ทั่งทั้งร่างของหุ่นรบไม่มีแสงเรืองรองที่ควรมีของโล่แสงแล้ว สีสันที่ปรากฏบนตัวหุ่นรบคือสีเทาสลัว
นอกจากนี้ไม่อาจรับรองได้แล้วว่าหุ่นรบอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แขนซ้ายของมันขาดตรงไหล่แล้ว เผยให้เห็นสายไฟขาดๆ ต่างๆ นานาที่มีประกายไฟส่องแสงวูบวาบ แขนขวายิ่งแหลกเป็นผุยผงเนื่องจากโดนระเบิดของแรงระเบิดตัวเอง ส่วนห้องคนขับก็เป็นรอยตะปุ่มตะป่ำ ถึงขนาดที่มีรอยบุ๋มลึกตรงบริเวณขอบเฉขึ้นไป…
เมื่อเห็นร่องรอยความเสียหายที่น่ากลัวนั้นบนห้องคนขับ สีหน้าของฉีหลงก็เปลี่ยนไปทันใด เขารีบบังคับหุ่นรบ ให้หุ่นรบอยู่ในสภาพคุกเข่าข้างหนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตูห้องคนขับออกอย่างรวดเร็ว เขารอแท่นยกที่เลื่อนลงอย่างเชื่องช้าไม่ไหว ฉีหลงเลยเลือกกระโดดลงมาจากในห้องคนขับโดยตรง
ฉีหลงที่ตกลงมาบนพื้นก็ฉวยจังหวะกลิ้งออกไป ลดทอนแรงที่ตกลงมา จากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้นมาจากพื้น ใช้มือเท้าปีนขึ้นไปบนห้องคนขับของหุ่นรบเซี่ยอี๋
รหัสที่ตั้งค่าสำหรับห้องคนขับของสมาชิกทีมนั้นเหมือนกันหมด สาเหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ ต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีม จากนั้นก็เห็นฉีหลงใช้นิ้วมือทั้งห้าจับตำแหน่งหนึ่งทางด้านซ้ายของห้องคนขับไว้แน่น แล้วใช้แรงแงะฝาเหล็กเล็กๆ ออกโดยพลัน เผยให้เห็นปุ่มกรอกตัวเลข เขาใส่ตัวเลขชุดหนึ่งลงไปบนปุ่มตัวเลขอย่างเร็ว ก่อนจะได้ยินเสียงดัง ‘คลิก’ กลอนในห้องคนขับถูกเปิดออก ห้องคนขับพลันเด้งออกมาโดยอัตโนมัติ เผยให้เห็นช่องสำหรับให้ผู้ใหญ่เข้าไปหนึ่งคน
ฉีหลงมุดตัวเข้าไปทันที ไม่นานเขาก็อุ้มเซี่ยอี๋ออกมา เวลานี้เซี่ยอี๋สลบไสลไม่ได้สติ มุมปากยังมีคราบเลือดหลงเหลืออยู่จากการกระอักเลือดออกมาเพราะได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสมาก
“สภาพของเซี่ยอี๋เป็นยังไงบ้าง?” หลิงหลานเห็นดังนั้น ก็รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ยังดีอยู่ ได้รับบาดเจ็บภายในนิดหน่อยเท่านั้น เมื่อตะกี้ฉันกรอกยารักษาฉุกเฉินที่รุ่นพี่ซื่ออวี๋ให้มาให้กับเขาแล้ว น่าจะไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ตอนนี้สีหน้าของฉีหลงดีขึ้นเล็กน้อย พอเห็นเซี่ยอี๋ที่สีหน้าซีดเผือดแทบจะไม่มีลมหายใจ ก็เกือบทำให้เขาตกใจกลัวมากจริงๆ เขาหวาดกลัวจริงๆ ว่า เจ้าคนร่าเริงแจ่มใสที่อยู่กับพวกเขามาสามปีกว่าจะจากพวกเขาไปแบบนี้
แต่ยารักษาฉุกเฉินของรุ่นพี่ซื่ออวี๋ก็ไม่เลวมากจริงๆ กรอกลงไปหลอดเดียว ไม่กี่วินาที สีหน้าของเซี่ยอี๋ก็ดูดีขึ้นมา ลมหายใจอะไรพวกนี้ก็สม่ำเสมอเช่นกัน ดูเหมือนว่าต่อไปต้องคุยกับรุ่นพี่ซื่ออวี๋ดีๆ สักรอบแล้ว ฉีหลงคิดเช่นนี้พลางจ้องมองหลี่ซื่ออวี๋ที่กำลังหาโอกาสยิงโจมตีอยู่บนฟ้า
เมื่อรู้ว่าเซี่ยอี๋ไม่เป็นไร หลิงหลานก็วางใจแล้ว และสั่งฉีหลงดูแลเซี่ยอี๋ให้ดี
“เข้าใจแล้ว ลูกพี่” ฉีหลงตอบอย่างเอาจริงเอาจัง เขาเดินกลับไปที่หุ่นรบของตัวเอง ก่อนจะขึ้นไปบนแท่นยก อุ้มเซี่ยอี๋เข้าไปในหุ่นรบของตัวเอง จากนั้นก็วางเซี่ยอี๋ลงบนที่นั่งเสริมของเขาอย่างระมัดระวังแล้วใช้เข็มขัดนิรภัยรัดเขาไว้ดีๆ
หลังจากที่ทำทุกอย่างนี้เรียบร้อยแล้ว ฉีหลงค่อยปิดประตูห้องคนขับและเปิดใช้งานหุ่นรบ ทะยานขึ้นไปบนฟ้าช้าๆ ฉีหลงรู้ดีว่า นับจากนี้ไป เขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองอีกแล้ว แต่ว่าต้องต่อสู้เพื่อปกป้องเซี่ยอี๋ด้วย เขาต้องทำให้แน่ใจว่าหุ่นรบของเขาจะโดนสอยร่วงไม่ได้เป็นอันขาด เพราะว่านอกจากเขาแล้ว ในหุ่นรบยังมีเซี่ยอี๋อยู่ด้วย
“เซี่ยอี๋ พวกเราจะต้องรอดไปให้ได้” แววตาของฉีหลงมีความอำมหิตพาดผ่าน เขากระซิบกับตัวเอง ขณะที่เอ่ยกับเซี่ยอี๋ ก็พูดให้ตัวเองฟังไปด้วย
ฉีหลงที่จดจ่ออยู่กับการควบคุมไม่ทันสังเกตเห็นว่า เซี่ยอี๋ที่หมดสติอยู่ด้านข้างส่งเสียงหนึ่งที่แทบจะไม่ได้ยินออกมา—อื้อ!
เซี่ยอี๋ถูกย้ายเข้าไปที่หุ่นรบของฉีหลง นี่ทำให้หลิงหลานวางใจไม่น้อย หลังจากที่จัดการเรื่องของพวกฉีหลงสามคนเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดหลิงหลานก็เพ่งความสนใจมาที่ตัวหลี่หลานเฟิงที่กำลังต่อสู้อยู่
“เอ๋? กู้สถานการณ์กลับมาได้แล้วนี่นา?” หลิงหลานตะลึงงันนิดหน่อย ตอนที่เธอไปตรวจดูลั่วล่าง หลี่หลานเฟิงยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เลย ได้แต่ป้องกันไม่อาจตอบโต้ได้
“ใช่แล้ว ลูกพี่ ชีตาห์ของเธอมีพรสวรรค์ด้านควบคุมหุ่นรบมากจริงๆ นะ แป๊บเดียวก็ปรับตัวเข้ากับความสามารถหลังจากที่เลื่อนระดับได้แล้ว นอกจากนี้ยังระเบิดความสามารถที่แฝงอยู่ในหุ่นรบระดับสูงออกมาได้หมดเลยด้วย” เสี่ยวซื่อคอยจับตาดูการต่อสู้ของหลี่หลานเฟิงมาโดยตลอด พอเห็นลูกพี่ตัวเองประหลาดใจก็เอ่ยปากอธิบาย
“อืม พรสวรรค์ในการควบคุมของชีตาห์ดีมากจริงๆ นั่นแหละ” แรกเริ่มเดิมทีเธอก็รู้เรื่องนี้แล้ว ตอนที่ทั้งสองฝึกฝนควบคุมพื้นฐานด้วยกัน เธอได้รับการฝึกฝนเป็นเวลาหลายเท่าตัวเนื่องจากมีอุปกรณ์โกงอย่างมิติการเรียนรู้ แต่สุดท้ายผลคะแนนของเธอก็ดีกว่าชีตาห์นิดหน่อยเท่านั้น ถ้าเกิดเธอไม่มีนิ้วทองคำพวกนี้สนับสนุนละก็ บางทีตอนนั้นเธออาจจะแพ้ชีตาห์ไปแล้ว
เสี่ยวซื่อได้ยินหลิงหลานเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ก็คลี่ยิ้มสดใสทันที ทว่าไม่นานดวงหน้าซาลาเปาก็นิ่วหน้าขึ้นมาอีกครั้ง คิ้วเล็กๆ ขมวดเป็นปม เอ่ยอย่างสับสนว่า “แต่ว่าชีตาห์ของเธอดูเหมือนจะมีปัญหาด้านสุขภาพนิดหน่อยนะ”
หลิงหลานเลิกคิ้ว “หมายความว่ายังไง?”
“ดูเหมือนพลังกายชีตาห์ของเธอจะหมดลงแล้ว…อย่างมากสุดเขาก็ฝืนต่อสู้ได้แค่สองนาทีเท่านั้น” เสี่ยวซื่อที่คอยเฝ้าจับตามองมาโดยตลอดรู้สภาพของหลี่หลานเฟิงในเวลานี้ดี