การตัดสินใจของหลิงหลานเกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น จากนั้นก็เห็นดาบแสงของหุ่นรบระดับพิเศษตัวนั้นแทงไปที่ห้องคนขับของหลี่หลานเฟิงอย่างอำมหิต ผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคนต่างรู้ว่า เมื่อทำลายห้องคนขับของคู่ต่อสู้แล้วก็หมายความว่าสิ้นสุดการต่อสู้ เป็นเจ้าของชัยชนะในท้ายที่สุด
“หลบสิ!”
“ระวัง!”
“อันตราย!”
สมาชิกคนอื่นๆ ของทีมหลิงหลานที่ชมการต่อสู้เห็นฉากอันตรายนี้ก็ได้แต่ร้องอุทานขึ้นมาอย่างอับจนหนทาง เนื่องจากฉีหลงกับลั่วล่างไม่เชี่ยวชาญการโจมตีระยะไกล จึงได้แต่อยู่บนพื้นจ้องมองสถานการณ์เสี่ยงอันตรายที่เกิดขึ้นตาปริบๆ ทำอะไรไม่ถูก
เนื่องจากพวกเขาชอบการต่อสู้ระยะประชิด ทักษะการควบคุมของทั้งคู่ก็เลยโน้มเอียงไปทางต่อสู้ประชิดตัว และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับทักษะการโจมตีระยะไกล ทว่าเวลานี้ พวกเขาสองคนนึกเสียใจแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมลูกพี่หลานเอ่ยพวกคำเตือนกับพวกเขาแบบส่งๆ ว่าต่อให้พวกเขาชำนาญทักษะการต่อสู้ระยะประชิดแล้ว ก็อย่าทิ้งการโจมตีระยะไกลไปจนหมดอย่างเด็ดขาด…
ที่แท้เมื่อเพื่อนพบวิกฤติถึงแก่ชีวิต ทักษะที่เรียนรู้เพิ่มเติมอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์ ช่วยเหลือเพื่อนได้…ก็เหมือนกับตอนนี้ ถ้าหากพวกเขาเชี่ยวชาญการโจมตีระยะไกล เวลานี้พวกเขาคงกระหน่ำยิง ช่วยหลี่หลานเฟิงต้านทานศัตรูไปนานแล้ว
ยามนี้หลี่ซื่ออวี๋ หานจี้จวินและหลินจงชิงสามคนรู้สึกถึงความไร้ประโยชน์ของตนเองพร้อมกัน ถ้าเกิดความสามารถในการบังคับหุ่นรบของพวกเขาสูงขึ้นอีกหน่อย ก็คงไม่ถูกพวกเขาทิ้งห่างไปไกลขนาดนี้ พวกเขาก็สัมผัสได้เหมือนกันว่า การร่วมมือระหว่างสมาชิกทีมมีปัญหามาก ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ พวกเขาไล่ตามหลี่หลานเฟิง แต่ไม่ได้คิดเรื่องกระจายตัวกันออกไปทั้งสามคน ผลของการดันไปด้วยกันก็คือวิถีการยิงของพวกเขาถูกหลี่หลานเฟิงขวางเอาไว้…
พูดอีกอย่างก็คือ ถึงแม้พวกเขามีความสามารถยิงโจมตีระยะไกล แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้ายิง เนื่องจากพวกเขาไม่อาจรับประกันได้ว่า ก่อนที่จะยิงโดนหุ่นรบระดับพิเศษนั้น พวกเขาจะยิงโดนหลี่หลานเฟิงที่อยู่ใกล้ด้านหน้าไปก่อนก้าวหนึ่งหรือเปล่า
ทุกคนทำได้เพียงเบิกตามองดาบแสงเล่มนั้นแทงใส่ห้องคนขับของหลี่หลานเฟิง…
‘ฉัวะ!’ นี่เป็นเสียงดาบแสงแทงทะลุหุ่นรบ พวกหลี่ซื่ออวี๋สามคนที่ตามหลังหลี่หลานเฟิงเห็นดาบแสงเล่มหนึ่งทะลุผ่านร่างของหลี่หลานเฟิงฉับพลัน และโผล่ขึ้นที่ด้านหลังของเขา ในใจทุกคนต่างสิ้นหวังพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย คนใจดีที่อ่อนโยนมีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดกาลคนนั้นถูกเด็ดปีกตรงนี้เหรอ?
มีเพียงหลิงหลานที่ยืนชมการต่อสู้อยู่บนพื้นเท่านั้นที่ลดมือขวาของหุ่นรบที่ชูขึ้นสูงลงอย่างสงบนิ่ง ก่อนจะบังคับหุ่นรบให้ห้อยปืนพกลำแสงกระบอกนั้นกลับไปที่หลังเอวของตัวเองอย่างเอื่อยเฉื่อย
หลิงหลานเพิ่งจะเสร็จสิ้นการกระทำนี้ หุ่นรบที่หยุดนิ่งกลางอากาศสองตัวก็ขยับตัวทันใด จากนั้นก็เห็นหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงยกขาขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะเตะหุ่นรบระดับพิเศษที่ประกบติดหุ่นรบของเขาออกไปอย่างรุนแรง
หุ่นรบระดับพิเศษตัวนั้นลอยขึ้นไปนอนอยู่กลางอากาศเพราะลูกเตะของหลี่หลานเฟิง ยังไม่ทันได้ทำการตอบโต้กลับใดๆ คนที่มีสายตาเฉียบคมสุดขีดสามารถมองเห็นว่า บนห้องคนขับของเขามีวัตถุที่ลักษณะคล้ายกับด้ามดาบเล่มหนึ่งนูนขึ้นมา ตรงหลังเอวของหุ่นรบยังมีลำแสงที่รางเลือนสายหนึ่งกำลังส่องแสงกระพริบ…
หุ่นรบระดับสูงที่ลอยอยู่บนฟ้าไม่ได้ทำการต้านทานใดๆ ร่างของหุ่นรบเริ่มร่วงลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็วภายใต้แรงโน้มถ่วงที่ได้รับจากดาวซินสิง เวลานี้เอง วัตถุที่คล้ายด้ามดามซึ่งนูนขึ้นมาเล่มนั้นพลันร่วงลงมาจากบนห้องคนขับของเขา ขณะเดียวกัน ลำแสงที่ส่องวูบวาบด้านหลังก็ดับลง
เมื่อไม่มีการบดบังจากวัตถุที่เหมือนด้ามดาบ ก็เผยให้เห็นรูกลมๆ ที่มืดสนิทขนาดใหญ่บนห้องคนขับหุ่นรบซึ่งทะลุผ่านเข้าไปอีกฝั่ง…
เสียง ‘ตูม’ ดังสนั่น หุ่นรบระดับพิเศษตกลงไปที่พื้นอย่างหนักหน่วง ฝุ่นละลองนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็นขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะโครงสร้างร่างกายของหุ่นรบระดับพิเศษแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด มันเลยไม่ได้เกิดเหตุการณ์ตกลงมาจนแตกเสียหาย
เวลานี้เอง ผู้คนที่ตกอยู่ท่ามกลางความตกตะลึงตระหนักได้ทันทีว่า ความจริงแล้วผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้คือหลี่หลานเฟิงเพื่อนของพวกเขา ไม่ใช่หุ่นรบระดับพิเศษซึ่งเป็นศัตรูอย่างที่พวกเขาคิดไว้
พวกหลี่ซื่ออวี๋สามคนที่พุ่งไปหาหลี่หลานเฟิงอย่างสุดชีวิต อยากจะคว้าความหวังเพียงน้อยนิดโดยไม่ยอมตัดใจ เห็นแบบนี้ ในใจก็พลันยินดีอย่างเหลือล้น ขณะที่พวกเขากำลังคิดจะบินเข้าไปเหาหลี่หลานเฟิงเพื่อแสดงความยินดี พวกเขาก็เห็นหลี่หลานเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างองอาจหลังจากที่ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ จู่ๆ สูญเสียการควบคุมหุ่นรบ ก่อนจะร่วงลงไปทันใด
ฉากที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้บรรดาลูกทีมที่เดิมทีตื่นเต้นยินดีมากสีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่อีกครั้ง พวกเขาขับหุ่นรบให้พุ่งเข้าไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย…คนที่อยู่กลางอากาศคาดหวังว่าฉุดรั้งหุ่นรบที่ร่วงลงไปได้ ขณะเดียวกันคนที่อยู่บนพื้นก็หวังว่าจะสามารถรับหุ่นรบก่อนที่มันจะตกลงสู่พื้นได้…
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่า พวกเขาที่อยู่ค่อนข้างไกลอยากจะบรรุเป้าหมายนี้ให้สำเร็จนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ทว่าต่อให้เป็นแบบนี้ พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงเปิดใช้งานแรงขับเคลื่อนเครื่องยนต์ไอพ่นของหุ่นรบจนถึงขีดสุด…
หลิงหลานมีการเตรียมพร้อมในใจเล็กน้อย ในชั่วพริบตาที่หุ่นรบของหลี่หลานเฟิงเสียการควบคุม หุ่นรบของเธอก็พุ่งไปทันที หายไปจากบนพื้นที่เคยยืนอยู่ในตอนแรก...และวินาทีต่อมา เธอก็โผล่มาอยู่ข้างใต้หลี่หลานเฟิงที่ร่วงลงไป หุ่นรบกระโดดด้วยกำลังมหาศาล บินขึ้นไปบนฟ้าสิบกว่าเมตร ก่อนจะกอดเอวของหุ่นรบหลี่หลานเฟิงที่กำลังตกลงมาได้พอดี…
สมาชิกคนอื่นๆ ของทีมหลิงหลานเห็นฉากนี้ หัวใจก็ผ่อนคลายลงโดยพลัน พวกเขาลืมไปเลยว่า ด้านล่างยังมีลูกพี่หลานคุ้มกันอยู่ ทุกคนบังคับหุ่นรบให้หยุดนิ่ง
มีเพียงเสี่ยวซื่อคนเดียวเท่านั้นที่เห็นภาพนี้เข้าก็จะเป็นบ้าไปแล้ว ‘นี่มันอะไรกันเนี่ย? วีรบุรุษช่วยสาวงาม? สาวงามช่วยวีรบุรุษ? หรือว่าเป็นวีรบุรุษช่วยเหลือวีรบุรุษ? หรือควรพูดว่าสาวงามช่วยสาวงามดีล่ะ….อ้าๆๆ แผ่นชิปของเขาใกล้จะประมวลผลไม่ไหวแล้ว!’
เสี่ยวซื่อค้างไปทันที ทั่วทั้งร่างนิ่งงัน แต่เขาก็ถ่ายภาพนี้ไว้ตามจิตใต้สำนึกแล้วเก็บเข้าไปในคลังข้อมูลของตัวเอง เตรียมพร้อมศึกษาวิจัยปัญหาข้อนี้ต่อหลังจากที่แผ่นชิปของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว
“ชีตาห์ นายรู้สึกยังไงบ้าง?” หลิงหลานกอดหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงไว้อย่างหมดจด ก่อนจะขับหุ่นรบของตัวเองให้ร่อนลงพื้นอย่างนุ่มนวล แทบจะไม่มีการสั่นสะเทือนใดๆ เลย เธอยืนนิ่งแล้วก็รีบเชื่อมต่อกับช่องสื่อสารของหลี่หลานเฟิง เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
ถึงแม้น้ำเสียงของหลิงหลานยังคงเย็นเยียบเหมือนปกติ แต่หลี่หลานเฟิงยังฟังออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยของหลิงหลานที่แฝงอยู่ข้างใน
หลี่หลานเฟิงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ความอบอุ่นไหลระลอกคลื่นในหัวใจ กระต่ายของเขาห่วงใยเขามากจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาช่วยเขาได้ทันเวลาในชั่วพริบตาที่เขาร่วงลงพื้น…
เวลานี้หน้ากากโลหะครอบครึ่งหน้าที่หลี่หลานเฟิงสวมไว้ตลอดได้หลุดลงมาแล้วเนื่องจากการต่อสู้อันดุเดือด ถ้าเกิดมีคนเห็นรอยยิ้มเจิดจรัสที่มาจากใจจริงนี้เข้าละก็ ไม่ว่าชายหรือหญิงที่มีแรงต้านทานต่ำเล็กน้อยต่างก็ต้องใจเต้นโครมครามขึ้นมา
“ฉันไม่เป็นไร!” หลี่หลานเฟิงยิ้มพลางตอบกลับ ดวงตารู้สึกร้อนผ่าวอยู่บ้าง เขาฝืนยกมือขึ้นไปปาดเหงื่อที่ไหลลงมาที่ตา แค่ทำการเคลื่อนไหวง่ายๆ แบบนี้ หลี่หลานเฟิงก็ทำอย่างยากลำบากมาก เขารู้สึกว่าตอนนี้แขนสองข้างของตนไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไปแล้ว
“หุ่นรบของนายไม่มีพลังงานสำหรับสู้ต่อไปอีกแล้ว” หลิงหลานตรวจสอบหุ่นรบของหลี่หลานเฟิงอย่างฉับไว เปลือกหุ้มด้านนอกที่เป็นสีเทาสลัวไม่มีพลังงานใดๆ ทำให้เธอขมวดคิ้ว อยู่ในสนามรบที่อันตรายแบบนี้ หากไม่มีการป้องกันของหุ่นรบก็เป็นเรื่องที่อันตรายมาก...หลิงหลานทำการตัดสินใจในชั่วพริบตา “เดี๋ยวนายมานั่งในหุ่นรบของฉันนะ”
“อะ โอ้ ได้~!” คำพูดประโยคนี้ของหลิงหลานทำให้หลี่หลานเฟิงตะลึงงันไปทันที เขาได้สติกลับมาได้อย่างรวดเร็วก่อนจะตอบด้วยความลิงโลด นี่เป็นการยืนยันว่า ผลงานของเขาในครั้งนี้ทำให้กระต่ายยอมรับเขาแล้วใช่หรือเปล่า? เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทั่วทั้งร่างของหลี่หลานเฟิงก็ตื่นเต้นขึ้นมา ร่างกายที่เดิมทีขยับเขยื้อนไม่ได้คล้ายกับมีพลังงานขึ้นมาใหม่
เขาสวมหน้ากากโลหะที่หล่นลงไปด้านข้างอีกครั้ง เมื่อหลิงหลานวางหุ่นรบของเขาลงพื้น เขาก็เปิดห้องคนขับแล้วพยายามฝืนปีนออกมา แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของเขาในยามนี้ไม่ได้คล่องแคล่วว่องไวเหมือนในยามปกติ ถึงขนาดที่ดูลำบากมาก เนื่องจากเขากึ่งคลานกึ่งร่วงออกไป
เขาคลานขึ้นมาจากพื้นแล้วค่อยเดินไปที่เท้าหุ่นรบของหลิงหลานทีละก้าว นี่ดูเหมือนเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายสุดขีดในยามปกติ ทว่าตอนนี้หลี่หลานเฟิงต้องทุ่มกำลังอย่างสุดความสามารถถึงจะทำได้
หลี่หลานเฟิงเพิ่งจะมาถึงเท้าหุ่นรบของหลิงหลาน เวลาเดียวกันแท่นยกสำหรับขึ้นไปที่หุ่นรบก็มาถึงพื้นแล้ว หลี่หลานเฟิงยิ้มขมขื่น ดูท่ากระต่ายเองก็รู้สภาพของเขาดีเหมือนกัน แทบจะคำนวณเวลาในการมาถึงของเขาได้อย่างแม่นยำ ถึงแม้หลี่หลานเฟิงจะคับข้องใจและอับอายอยู่บ้าง แต่อารมณ์ตื่นเต้นก็ขับไล่ความคิดที่สับสนเหล่านี้ออกไปอย่างรวดเร็ว…เขาสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ก่อนจะยกขาเหยียบขึ้นไปอย่างเด็ดเดี่ยว
แท่นยกไต่ขึ้นไปช้าๆ ยังไม่ทันมาถึงห้องคนขับ หลี่หลานเฟิงก็เห็นหลิงหลานยืนอยู่ด้านนอกห้องคนขับแล้ว เวลานี้กำลังยื่นมือเข้ามา…
มุมปากของหลี่หลานเฟิงยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะวางมือลงไปที่มือของหลิงหลานโดยไม่ลังเล นิ้วมือของหลิงหลานเย็นเยียบนิดหน่อย แต่ฝ่ามือกลับอบอุ่นมาก ความอบอุ่นนี้ทำให้หัวใจที่เต้นกระหน่ำของเขาสงบนิ่งลงฉับพลัน พอถูกคนที่ตัวเองเชื่อใจจับไว้แน่นๆ ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างนี้เอง…
ขณะที่หลี่หลานเฟิงทอดถอนใจด้วยความหดหู่สารพัด แรงทรงพลังสายหนึ่งก็มาจากบนมือของหลิงหลาน วินาทีถัดมา ร่างของเขาถูกอีกฝ่ายลากเข้าไปในห้องคนขับก่อนจะถูกเหวี่ยงเข้าไปตรงที่นั่งเสริม…
“นั่งดีๆ!” หลิงหลานออกคำสั่งทันที สายตาเย็นเยียบกวาดมองไปที่หลี่หลานเฟิงอย่างเรียบนิ่ง ราวกับไม่พอใจต่อการกระทำที่อืดอาดชักช้าของหลี่หลานเฟิงเมื่อสักครู่นี้อย่างมาก สายตานี้ทำให้หลี่หลานเฟิงสั่นไปทั่วทั้งตัว สมองพลันกระจ่างแจ้ง ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ที่ไร้ความหมายในใจเหล่านั้นถูกกวาดออกไปจนหมด เขาไม่กล้ายืดยาดอีกต่อไป รีบใช้เข็มขัดนิรภัยมารัดตัวเองให้แน่นๆ บนที่นั่งเสริม
ฮือๆๆ เขาไม่อยากให้กระต่ายคิดว่าเขาเป็นภาระนี่นา!!! เวลานี้หลี่หลานเฟิงที่นึกกลัวในภายหลังอยู่บ้างรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความไม่สบายตัวต่างๆ นานาบนร่างกายไม่ได้แล้ว ตอนที่ทำเรื่องพวกนี้ก็ดูคล่องแคล่วกว่าในตอนแรกมากอย่างเห็นได้ชัด อย่างที่คิดไว้เลย เมื่อความสนใจของคนเราถูกเบี่ยงเบนออกไปแล้ว ก็ส่งผลในการระงับความเจ็บปวด
พอเห็นท่าทางของหลี่หลานเฟิงฉับไวขึ้นมา หลิงหลานค่อยปิดห้องคนขับด้วยความพึงพอใจแล้วติดเครื่องยนต์หุ่นรบ เมื่อสักครู่นี้เห็นการเคลื่อนไหวชักช้าของชีตาห์ เธอก็รำคาญมากจริงๆ นั่นแหละ อย่างที่คิดไว้เลยเธอเป็นคนใจร้อนจริงๆ ด้วย… ‘ดูท่า เธอต้องคิดวิธีช่วยชีตาห์แก้ปัญหาเรื่องสุขภาพให้หายขาดแล้วจริงๆ’ หลิงหลานคิด
เนื่องจากรอบบริเวณไม่มีศัตรูอื่น หลิงหลานเลยไม่ได้ให้เสี่ยวซื่อทำการติดเครื่องยนต์ฉุกเฉิน หากแต่เลือกติดเครื่องยนต์แบบธรรมดา ผ่านไปสองนาที หุ่นรบก็ติดเครื่องยนต์สำเร็จเป็นปกติ
นี่เป็นผลลัพธ์ที่เสี่ยวซื่อถ่วงเวลามากๆ แล้ว ไม่เช่นนั้น ต่อให้เป็นการติดเครื่องยนต์ธรรมดา ออปติคัลคอมพิวเตอร์ที่ถูกเสี่ยวซื่อปรับให้หมาะสมแล้วย่อมสามารถดำเนินขั้นตอนติดเครื่องยนต์สำเร็จได้ภายในหนึ่งนาที ทว่าต่อให้เป็นหุ่นรบระดับราชันก็ไม่สามารถติดเครื่องยนต์สำเร็จได้ในหนึ่งนาที ถึงแม้หลิงหลานจะเชื่อใจชีตาห์ แต่ตัวตนของเสี่ยวซื่อพิเศษมากเกินไป หลิงหลานเลยเลือกปกปิดเอาไว้อยู่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากและก็เพื่อปกป้องเสี่ยวซื่อ