มู่หนานจือ – บทที่ 24 ว้าวุ่นใจ

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนตกใจ นางกลืนชื่อที่มาถึงปากแล้วลงไป และอดที่จะแอบดีใจไม่ได้ ยังดีที่ขันทีคนนี้พูดมากและพูดมาประโยคหนึ่งแล้ว ไม่อย่างนั้น หากนางเรียกชื่อ ‘เซียวหรงเหนียง’ ไปก็เปิดเผยจุดประสงค์ที่ตนเองกับหวังจ้านมาแล้ว

แต่ว่า…นางในคนนี้คือเซียวหรงเหนียงจริงๆ หรือ?

เจียงเซี่ยนแสร้งทำเป็นพยักหน้าส่งสัญญาณให้ขันทีคนนั้นอย่างเขินอาย ทว่าหางตากลับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเซียวหรงเหนียงตลอด

ไฝตรงหว่างคิ้วนั้น รอยแผลเป็นเล็กๆ ตรงขมับนั้น เหมือนกับเซียวหรงเหนียงในชาติก่อนไม่มีผิด

ต่อให้เป็นแฝด ก็ไม่มีทางที่จะเหมือนกันจนถึงขั้นนี้

สายตาของเจียงเซี่ยนไล่ลงไปตามไหล่ของนาง และจดจ้องอยู่ที่เอวที่เล็กมากนั้น

ในสมองของนางว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเกิดความผิดพลาดตรงไหน นานมากกว่าจะได้สติกลับมา แต่พอนางได้สติกลับมาก็ได้ยินหลิวชิงหมิงเอ่ยกับหวังจ้านว่า “การตัดเสื้อผ้าและการเย็บปักถักร้อยของกองพระภูษาต้องเก่งกว่าพวกเราอย่างแน่นอน แต่หากจะว่ากันเรื่องการปะชุน ฝ่ายซักล้างของพวกเรายอมรับว่าเป็นที่สอง ใต้หล้าก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าตนเองเป็นที่หนึ่ง แม้แต่ฮูหยินฟางแห่งวังเฉียนชิง ตอนที่มีอะไรไม่สะดวกก็จะเอาของมาปะชุนที่ฝ่ายเราเหมือนกัน ครั้งที่แล้วเสื้อคลุมยาวทอลายโบตั๋นลอดพุ่มดอกไม้นั้น ก็เอามาปะชุนที่ฝ่ายเรา ดูไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว…”

ฮูหยินฟางแห่งวังเฉียนชิง?

แม่นมของจ้าวอี้?

ฮูหยินเฟิ่งเซิ่งแซ่ฟาง?

ราวกับค้อนหนักทุบหน้าอกของเจียงเซี่ยนหนึ่งที ทำให้นางหน้าซีดเผือด

หวังจ้านคอยสังเกตสีหน้าของเจียงเซี่ยนตลอด

เขาเห็นแล้วก็อดที่จะแอบร้อนใจไม่ได้ ทว่าอย่างไรก็ปลอบใจนางอย่างเปิดเผยไม่ได้ จึงทำได้เพียงไออย่างร้อนใจมากหลายครั้ง

เจียงเซี่ยนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

หวังจ้านร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาตอบหลิวชิงหมิงอย่างขอไปทีไม่กี่คำ ก็ลุกขึ้นจะไป “…ต้องรีบกลับไปก่อนพระกระยาหารเที่ยง ในวังยังรอพวกเรารายงานผลอยู่”

หลิวชิงหมิงรีบลุกขึ้นส่งพวกเขา

เจียงเซี่ยนถึงได้รู้สึกตัว และฝืนเรียกสติขึ้นมา แล้วตามหวังจ้านออกไปข้างนอก

ข้างนอกอากาศดีมาก ป่าไผ่ยื่นออกมาจากในกำแพงสีขาวของฝ่ายซักล้าง เขียวขจีจนเหมือนจะหยดน้ำลงมา

เจียงเซี่ยนมึนงงไปชั่วขณะ

หวังจ้านมองหลิวชิงหมิงที่พยักหน้าค้อมตัวน้อมส่งพวกเขา แล้วเตือนนางเสียงเบา “รีบเดิน มีอะไรกลับวังแล้วค่อยว่ากัน”

เจียงเซี่ยนพยักหน้า และขึ้นรถม้าโดยหวังจ้านคอยพยุง

หลิวชิงหมิงเห็นก็อึ้งไป

หวังจ้านหันกลับมาบอกลาเขาแล้ว

หลิวชิงหมิงยิ้มและบอกลาเขาทันที และมองตามหลังรถม้าของหวังจ้านจากไป ทว่าในใจกลับอดที่จะพึมพำไม่ได้ ‘ไม่รู้ว่าขันทีน้อยที่มากับใต้เท้าหวังนั้นเป็นใคร? ขันทีระดับหกอย่างใต้เท้าหวังกลับประคองขันทีน้อยที่ไร้ระดับขึ้นรถม้า แถมยังท่าทางเป็นธรรมชาติเสียด้วย…หรือว่า ขันทีน้อยคนนั้นจะไม่ใช่ขันทีแต่เป็นนางใน?’

ฝ่ายซักล้างอยู่นอกวัง จึงตัดขาดกับข่าวสารในวัง มีหลายเรื่องที่ไม่ค่อยรู้ พูดถึงมีข้อดีก็มีข้อเสียเช่นกัน ข้อดีคือทะเลาะกันน้อย และมักจะชนชั้นสูงมาเยี่ยมเยือน ช่วยชนชั้นสูงทำเรื่องส่วนตัวและค่อนข้างเป็นความลับบางเรื่อง ก็ทำให้เขามีเส้นสายอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ข้อเสียคือติดอยู่ที่นี่ และไร้ความหวังที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง…

เขาส่ายหน้า ไม่คิดอะไรมากอีก และหันตัวกลับฝ่ายซักล้าง

หลี่เชียนนั่งอยู่บนรถม้า และแง้มม่านรถมองออกไปข้างนอก

นึกไม่ถึงว่าหวังจ้านกับท่านหญิงเจียหนานจะแต่งตัวเป็นขันทีและแอบออกจากวังมาฝ่ายซักล้าง

ฝ่ายซักล้างที่นางในระดับสูง สนมในวังหลังกระทั่งครอบครัวของขุนนางที่กระทำความผิดถูกริบทรัพย์และเนรเทศมา

พวกเขามาเยี่ยมใคร?

แต่หลายสิบปีนี้ไม่ได้ยินว่าสนมหรือครอบครัวของขุนนางที่กระทำความผิดคนไหนถูกริบทรัพย์และเนรเทศมาฝ่ายซักล้างนี่นา!

หลี่เชียนยิ้ม และสั่งเว่ยสู่ “พวกเราก็รีบกลับวังกันเถอะ”

เว่ยสู่ขานรับ แล้วสะบัดบังเหียน

รถม้าค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังวังหลวง

หลี่เชียนเอ่ยว่า “เดี๋ยวเจ้าให้หลินอวิ๋นมาหาข้า”

เว่ยสู่ตอบรับอย่างระมัดระวัง

หลี่เชียนตามหลังหวังจ้านกับเจียงเซี่ยนเข้าวังหลวง

ยังอีกครึ่งชั่วยามจึงจะถึงเวลาพระกระยาหารเที่ยง

หลี่เชียนอดที่จะแอบพยักหน้าไม่ได้

กลับมาได้ทันเวลาพอดี

ดูเหมือนซื่อจื่อชินเอินป๋อผู้นี้จะไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่ขุนนางในเมืองหลวงพวกนั้นเอ่ยกัน!

และเวลานี้หวังจ้านก็กลับมาที่อุทยานหลวงกับเจียงเซี่ยนแล้ว

เขารอเจียงเซี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างอดทน พอแต่งตัวเสร็จแล้วถึงลากนางมาประชิดตัวและเอ่ยว่า “เจ้าบอกความจริงข้ามา เซียวหรงเหนียงนั่นมันอย่างไรกันแน่? ทำไมเจ้าถึงได้เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง และซีดเผือดไปทั้งตัว เซียวหรงเหนียงนั่นเคยล่วงเกินอะไรเจ้าหรือเปล่า? ไม่ใช่สิ เซียวหรงเหนียงนั่นเข้าวังก็อยู่ในฝ่ายซักล้าง นางจะมีโอกาสเจอเจ้าได้อย่างไร…หรือมีคนในครอบครัวของนางล่วงเกินเจ้า…”

“ไม่มีอะไร!” เจียงเซี่ยนเอ่ยแทรกการคาดเดาของหวังจ้าน

ตอนที่นางสงบลงจากที่ดีใจที่ฟื้นคืนชีพแล้วก็ตัดสินใจแล้วว่าชีวิตนี้จะต่างคนต่างเดินและไม่ติดต่อกับจ้าวอี้อีกชั่วชีวิต ส่วนการหมั้นหมายของทั้งสองคนนั้น คนอื่นมองว่าลุงของนางสร้างผลงานชิ้นใหญ่ขนาดนี้ การแต่งงานของนางกับจ้าวอี้ก็เป็นทั้งการแสดงความจงรักภักดีของตระกูลเจียง และเป็นความโปรดปรานที่จ้าวอี้มีต่อขุนนางและครอบครัวตระกูลขุนนางเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถึงนางจะมีความทรงจำของชาติก่อน ก็ไม่มั่นใจที่จะให้คนในครอบครัวยืนอยู่ข้างนางเช่นกัน

แต่เวลานี้นางกลับสับสนเป็นอย่างมาก

เซียวหรงเหนียงยังคงเป็นเซียวหรงเหนียง ทว่าไม่ได้ตั้งครรภ์

เช่นนั้นจ้าวสี่โผล่มาจากไหน?

ด้วยนิสัยของจ้าวอี้แล้ว จ้าวสี่ต้องเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขาอย่างแน่นอน ทายาทของราชวงศ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชายของฮ่องเต้ การบันทึกชื่อลงในบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายประจำราชวงศ์นั้นมีขั้นตอนอยู่ และควบคุมโดยกรมวังและกรมพิธีการ ต่อให้เป็นจ้าวอี้ก็ไม่มีทางที่จะชี้มั่วซั่ว และบันทึกชื่อของเด็กคนหนึ่งลงไปใต้ชื่อของเขาได้

หากมารดาของเด็กคนนี้พบเจอผู้คนไม่ได้ และในขณะที่ปิดบังไทฮองไทเฮาและเจียงเซี่ยนอยู่ เด็กคนนี้ก็ได้บันทึกชื่อลงในบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายประจำราชวงศ์แล้ว ฮ่องเต้น้อยที่ยังนั่งบัลลังก์ได้ไม่มั่นคงอย่างจ้าวอี้ต้องใช้ฝีมือแค่ไหนกัน และจากที่นางรู้จักจ้าวอี้ จ้าวอี้ก็ไม่ใช่คนที่มีความอดทนและรักคนอื่นเลย เขาทุ่มเทแรงใจแบบนี้ ต้องเคารพรักมารดาของจ้าวสี่แค่ไหนกันถึงจะทำได้

นางนึกถึงอ๋องเจี่ยนที่ควบคุมกรมวัง

อ๋องเจี่ยนจะคัดค้านการว่าราชการหลังม่านของเฉาไทเฮาได้ก็เพราะเฉาไทเฮาวางแผนฆ่าทายาทของราชวงศ์

เรื่องนี้จะได้รับการสนับสนุนจากอ๋องเจี่ยนด้วยหรือเปล่า?

แต่อ๋องเจี่ยนน่าจะรู้ จ้าวอี้ยังไม่ได้แต่งงานก็มีลูกชายคนโตที่เกิดจากสนมแล้ว ลูกชายคนโตที่เกิดจากสนมนี้จะก่อความวุ่นวาย กระทั่งอาจจะเป็นภัยต่อการสืบทอดบัลลังก์ อ๋องเหลียวเป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี อ๋องเจี่ยนไม่น่าจะเลอะเลือนถึงขนาดนั้น

เจียงเซี่ยนคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติ

ตั้งแต่นางฟื้นคืนชีพ นางไม่ได้แก้ไขเรื่องใดเลยแม้แต่เรื่องเดียว ทำไมจ้าวสี่ถึงได้กลายเป็นเด็กที่มีชาติกำเนิดไม่ชัดเจน?

ความทรงจำในชาติก่อนเกิดความผิดพลาดได้อย่างไร?

สรุปแล้วชาตินี้มีจ้าวสี่หรือไม่กันแน่?

หากมีจ้าวสี่ ใครเป็นคนให้กำเนิดเขากันแน่? แล้วเกิดมาได้อย่างไร?

หากไม่มีจ้าวสี่ เฉาไทเฮายังจะถูกปิดล้อมที่ภูเขาวั่นโซ่วหรือไม่? จ้าวอี้ยังจะว่าราชการด้วยตนเองหรือไม่? นางแต่งงานกับจ้าวอี้แล้ว จ้าวอี้ยังจะเมินนางหรือไม่? แผนการหลังจากฟื้นคืนชีพของนางยังจะดำเนินไปอย่างราบรื่นหรือไม่?

เจียงเซี่ยนนึกถึงหลี่เชียน

เห็นๆ อยู่ว่าชาติก่อนทั้งสองคนไม่เคยพบกัน แต่จู่ๆ ชาตินี้ก็รู้จักกันก่อนแล้ว

หรือว่า…นี่เป็นเพียงความฝันมายา!

ถึงจะเป็นความฝันมายา ถ้าอย่างนั้นใครคือตัวจริง? ใครคือตัวปลอม? ความพยายามของนางทำให้คนในครอบครัวหลุดพ้นจากโชคชะตาในชาติก่อนหรือว่าทำให้คนในครอบครัวของนางตกอยู่ในวิกฤตมากกว่าเดิมจนกระทั่งสูญเสียชีวิตเล่า?

และสิ่งที่นางพึ่งพิงก็เป็นแค่สิ่งที่เคยพบเจอในชาติก่อน

หากสิ่งที่เคยพบเจอเหล่านี้ผิดล่ะ?

เจียงเซี่ยนตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง

ทันใดนั้นนางก็ไข้ขึ้น

———————————-

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท