มู่หนานจือ – บทที่ 40 เปิดเผย

มู่หนานจือ

ทำไมครู่เดียวก็คิดออกอีกแล้ว

แต่หลี่เชียนยังคงทำท่าตั้งใจฟัง

เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ข้าเลียนแบบลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทเขียนข้อความให้สตรีที่อยู่ในบ้านนั้น บอกว่าเฉาไทเฮากำลังหานาง ให้นางเข้าวังเดี๋ยวนี้ นางไม่กล้าขัดขืนหรอก”

นางไม่ได้ยินว่าแม่นมฟางลางาน แสดงว่าฮ่องเต้เล่นตุกติกบางอย่างให้นางกลับมาดูแลครรภ์ที่ตรอกใต้เท้าเจิ้ง ทว่าถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่แผนระยะยาว ดังนั้นเขาถึงได้คิดหาทางขอร้องให้ท่านลุงช่วยลงมือให้เขาในขณะที่ไม่ได้เตรียมการใดๆ เลย…โชคดีมากที่ลุงของนางมีเทพเจ้าคุ้มครอง และทำการสำเร็จ หากเรื่องแดงขึ้นมาเล่า?

เจียงเซี่ยนเกลียดจนกำผ้าเช็ดหน้าแน่น

นางไม่คิดที่จะปล่อยคนสกุลฟางไปเช่นนี้ และแน่นอนว่าต้องไม่มีใครรู้

หลี่เชียนได้ยินแล้วกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “คิดไม่ถึงว่าท่านหญิงยังเป็นมือหนึ่งด้านการเขียนตัวอักษรด้วย”

กระทั่งสามารถเลียนแบบลายมือของฮ่องเต้ได้…

เจียงเซี่ยนได้ยินเขาเอ่ยอย่างเฉยชาเช่นนั้น

นางก็อดที่จะปรายตามองหลี่เชียนอย่างเย็นชาครั้งหนึ่งไม่ได้ และเอ่ยว่า “บางทีฝ่าบาทถูกท่านอาจารย์ลงโทษให้เขียนตัวอักษรใหญ่ๆ ข้ากับท่านหญิงชิงฮุ่ยก็จะช่วยฝ่าบาททำการบ้าน”

หลี่เชียนแสร้งทำเป็นยิ้ม และลูบคาง พลางถามเจียงเซี่ยนอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก “ผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่นมของฝ่าบาทจริงหรือ? ได้ยินชีกูบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นอายุเพียงยี่สิบห้ายี่สิบหกปี ฝ่าบาทไม่น่าจะมีแม่นมที่สาวขนาดนี้กระมัง?”

เจียงเซี่ยนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนสกุลฟางอายุเท่าไรกันแน่ ในความทรงจำของนาง คนสกุลฟางเหมือนอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกตลอด

“ได้พบแล้วถึงจะรู้” นางเอ่ยอย่างคลุมเครือ “หากจำคนผิดไปจะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน”

ท่านหญิงเจียหนานมีเรื่องปิดบังเขาอีกแล้ว

หลี่เชียนลูบคาง และคิดอย่างมั่นใจในตนเองมาก ‘ถึงนางจะมีเรื่องปิดบังเขา ด้วยความสามารถของเขาก็สามารถค้นพบได้เช่นกัน’

เขายิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่มีขันทีที่สนิทกัน เกรงว่าคงต้องรบกวนท่านหญิงเลือกคนแล้ว”

เจียงเซี่ยนเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ และเอ่ยว่า “ส่งคนที่เฉลียวฉลาดหน่อยไปสักคนก็ได้แล้ว…ใครจะส่งคนที่รับใช้ใกล้ชิดอยู่ข้างกายตนเองไปส่งของพวกนี้กัน ไม่กลัวถูกคนเห็น และเรื่องแดงขึ้นมางั้นหรือ?”

“ก็จริง!” หลี่เชียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ทว่าในใจกลับพึมพำว่าในวังนี้ช่างวุ่นวายเสียจริง

เจียงเซี่ยนสั่งหลี่เชียนว่าให้ซื้อพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกแบบไหนมา “ของพวกนี้ล้วนเป็นของที่ใช้ในวังมานาน หากคนสกุลฟางนั่นเป็นคนละเอียดก็สามารถมองเบาะแสออกจากของพวกนี้ได้”

หลี่เชียนแปลกใจมาก

เห็นท่านหญิงเจียหนานทำทุกอย่างอย่างเยือกเย็นและใจลอย คิดไม่ถึงว่าพอนางทำอะไรขึ้นมาจริงๆ กลับละเอียดรอบคอบเช่นนี้

เขาสั่งการลงไปทันที

ไม่นานก็มีคนที่แต่งตัวเหมือนเด็กรับใช้อายุสิบห้าสิบหกปีเดินเข้ามาอย่างอ่อนน้อม

เจียงเซี่ยนเห็นเขาสวมเสื้อฝ้ายบุนวมผ้าไหมลู่ลายนกแก้วสีเขียว รูปร่างสมส่วน ขาวเกลี้ยงเกลา หน้าตายังเจือความสุภาพและมีมารยาทเล็กน้อย เดาว่านี่น่าจะเป็นเด็กรับใช้ประจำตัวหลี่เชียน

หลี่เชียนช่วยนางฝนหมึก

เจียงเซี่ยนเขียนข้อความแผ่นหนึ่ง

หลี่เชียนมองครั้งหนึ่งแล้วก็อดที่จะมองอีกไม่ได้ พลางเอ่ยว่า “นี่เหมือนลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทหรือ?”

เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เจ้าคิดว่าลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทน่าจะเป็นอย่างไร? เรียบง่ายและทรงพลังเหมือนสยงจวิ้นหรงพระอาจารย์ของฝ่าบาทหรือเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเหยียนหวาเหนียนราชเลขาธิการสำนักราชเลขาธิการ? เขาไม่ชอบฝึกคัดตัวอักษรที่สุด เขียนได้แบบนี้ก็ไม่เลวแล้ว”

หลี่เชียนพลันรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันใด จึงถามนางอย่างสนใจมาก “งั้นลายมือของท่านเป็นอย่างไร?”

เจียงเซี่ยนหน้านิ่งสนิท และเอ่ยว่า “ก็คล้ายๆ กับอันนี้!”

หลี่เชียนพูดอะไรไม่ออกนานมาก

เจียงเซี่ยนเขียนข้อความเสร็จแล้ว ตอนที่วางพู่กันลงบนที่วางพู่กันถึงเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้สอบจอหงวนเสียหน่อย แล้วข้าก็ไม่ต้องจดบัญชีเองด้วย จะเขียนลายมือสวยขนาดนั้นไปทำไมกัน?”

นั่นก็จริง

เกิดมาเป็นทายาทของตระกูลชนชั้นสูง ชั่วชีวิตนี้นางก็กลุ้มเพียงว่าปีนี้จะสวมเสื้อผ้าใหม่แบบไหน…แล้วก็ทุกข์ใจกับความรักระหว่างชายหญิงของคนที่รักเท่านั้น…

หลี่เชียนคิดอยู่ บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร เขาหยิบกระดาษที่เจียงเซี่ยนเขียน แล้วสั่งให้คนแต่งตัวเป็นขันทีไปส่งจดหมายที่บ้านหลังนั้น

ทว่าเจียงเซี่ยนกลับเตรียมกลับวัง

หลี่เชียนเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “ท่านอยากเห็นผู้หญิงท้องคนนั้นไม่ใช่หรือ?”

เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าต้องรออยู่ในวัง ในวังเป็นสถานที่ของข้า ยังมีที่ไหนสะดวกไปกว่าในวังหรือ?”

หลี่เชียนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ และเอ่ยว่า “ข้าช่างโง่เขลานัก!”

เจียงเซี่ยนยิ้มแต่ไม่เอ่ยสิ่งใด

หลี่เชียนเรียกเซียงเอ๋อร์มาช่วยเจียงเซี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปส่งนางที่พระราชวังต้องห้าม

ในรถม้าเงียบมาก เสียงตะโกนข้างนอกทำให้ในรถม้าเงียบยิ่งขึ้น

เจียงเซี่ยนเหลือบตาลงและนั่งอยู่ตรงข้ามหลี่เชียนอย่างเงียบๆ หลังตรงจนเหมือนต้นไม้ ขนตายาวเป็นแพสั่นเบาๆ เหมือนผีเสื้อที่อยู่ท่ามกลางดอกไม้

ทันใดนั้นหลี่เชียนก็รู้สึกว่าตนเองเหมือนเผชิญหน้าอยู่กับภาพวาดหมึกจีน

หากเวลาสามารถหยุดลงตอนนี้ได้จะดีสักแค่ไหนกัน!

หลี่เชียนลอบถอนหายใจ มองเห็นพระราชวังต้องห้ามแล้ว

เจียงเซี่ยนลงจากรถม้า นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยกับหลี่เชียนเสียงเบาว่า “คุณชายหลี่ เรื่องในวันนี้ขอบใจเจ้ามาก ตระกูลของพวกเจ้าอยากกลับซานซีใช่หรือไม่? ถึงเฉาไทเฮาจะเห็นด้วยแล้ว แต่ฝ่าบาทไม่เห็นด้วย ก็เกรงว่าตระกูลของพวกเจ้าก็ยากที่จะสมปรารถนาเช่นกัน บางทีเรื่องพวกนี้ให้กรมกลาโหมออกหน้าจะดีกว่า” นางเอ่ยพลางไปยังประตูเสินอู่โดยไม่หันกลับมาอีก

ท่านหญิงเจียหนานหมายความว่าอย่างไร?

หลี่เชียนรู้สึกตกใจ

จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เจียงเซี่ยนทำในวันนี้มองออกได้ว่า นางไม่ใช่คนพูดจาเหลวไหล

นางรู้ได้อย่างไรว่าตระกูลหลี่อยากกลับซานซี?

เรื่องนี้ที่ตระกูลหลี่ก็มีคนรู้เพียงสองสามคนเท่านั้น

เวลานี้เฉาไทเฮากุมอำนาจทางการเมือง ทำไมนางถึงบอกเขาว่าตระกูลหลี่ของพวกเขาอยากกลับซานซีก็ต้องให้ฮ่องเต้เห็นชอบด้วย?

กรมกลาโหมกับกองบัญชาการห้าทัพไม่เคยแยกจากกัน คนที่ควบคุมกองบัญชาการห้าทัพก็คือเจียงเจิ้นหยวนเจิ้นกั๋วกงลุงของเจียงเซี่ยน นางเอ่ยเช่นนี้คือให้เขาเข้าหาเจียงเจิ้นหยวนมากขึ้นหรือ?

การคาดเดาต่างๆ นานาทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ในสมองของหลี่เชียนตีกันยุ่งเหยิงในชั่วพริบตา เขายังอยากถามอีกเล็กน้อย เงาร่างของเจียงเซี่ยนก็หายไปจากประตูเสินอู่เสียแล้ว

หลี่เชียนหมดหนทาง และกลัวจะถูกคนที่สนิทเห็นเข้า เขาจึงกระโดดขึ้นรถม้าอย่างไว และไปจากพระราชวังต้องห้าม

คนที่ถูกส่งไปตรอกใต้เท้าเจิ้งก็ตอบมาแล้ว “คนที่รับข้อความและออกไปข้างนอกคือผู้หญิงคนนั้น นางสวมชุดพิธีการตามฐานะ และนั่งเกี้ยวที่ผ้าม่านรอบด้านเป็นลายที่วาดลงบนเครื่องปั้นดินเผาสีน้ำเงินขาว ข้างกายมีสาวใช้ติดตามอยู่คนหนึ่ง อย่างมากที่สุดครึ่งชั่วยามก็ถึงประตูเสินอู่แล้วขอรับ”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นางคือคนที่เจียงเซี่ยนต้องการหา

ฮ่องเต้ที่ชอบเจียงเซี่ยน ผู้หญิงที่ตั้งท้องอย่างไม่อาจอธิบายได้ ท่านหญิงที่จับชู้ เฉาไทเฮาที่ว่าราชการหลังม่าน ไทฮองไทเฮาที่เก็บตัวอยู่ในวังหลัง เจิ้นกั๋วกงที่กุมกองทัพที่ทรงพลังอยู่ในมือ หวังจ้านที่ไปศาลเจ้าเป็นเพื่อนแม่ เจียงลวี่ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน…แต่ละคนหมุนวนอยู่ในสมองของเขาไม่หยุดเหมือนโคมขี่ม้า[1]

เขาร้อง “เฮ้ย” อย่างตกใจครั้งหนึ่ง และลุกขึ้นมานั่งทันที พลางรีบสั่งเว่ยสู่ที่ขับรถ “เร็วเข้า รีบกลับตรอกหมวก”

เสียงร้อนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เว่ยสู่ตกใจ จึงขานรับติดกันหลายครั้ง แล้วสะบัดแส้เฆี่ยนม้าให้มุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หลี่เชียนสีหน้าหม่นหมองเหมือนน้ำ และยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่เป็นระยะๆ

หากวันนี้เข

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท