มู่หนานจือ – บทที่ 80 อวยพรวันเกิด

มู่หนานจือ

ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง!

คิดไม่ถึงว่าหานถงซินก็ชอบเฉาเซวียนเหมือนกัน

เจียงเซี่ยนล่วงรู้ความลับของเด็กสาวทั้งสองในชั่วพริบตา

นางเม้มปากยิ้ม

ชาติก่อน ก่อนที่นางจะแต่งงาน นางไม่เคยมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้เพียงคนเดียวเลย จึงยิ่งไม่มีทางที่จะสนใจคนอื่นนอกจากไป๋ซู่และจ้าวอี้ เพราะนางคิดว่าราชสำนักนี้นอกจากไป๋ซู่และจ้าวอี้แล้ว ทุกคนล้วนเคยได้รับความกรุณาจากเฉาไทเฮา จิตใจของพวกเขาทุกคนต่างเอนเอียงไปทางเฉาไทเฮา เจียงเซี่ยนจึงไม่คิดจะสนิทกับพวกนาง พอนางเป็นฮองเฮา ปีแรกก็กังวลกับอาการป่วยของไทฮองไทเฮา ปีให้หลังก็โกรธคนสกุลฟาง แล้วก็เป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทนอีก โอกาสที่จะติดต่อกับสตรีบรรดาศักดิ์ข้างในและข้างนอกเหล่านี้จึงยิ่งน้อย

ความรักของเด็กสาวแบบนี้ทำให้เจียงเซี่ยนรู้สึกสนใจมาก

นางยิ้มพลางมองเฉาเซวียนที่เดินเข้ามาอย่างหล่อเหลา และทักทายสตรีแต่ละคนอย่างนุ่มนวลและอ้อมค้อม ทันใดนั้นความคิดมากมายก็ผุดขึ้นมา

เฉาเซวียนรู้ว่าจะจ้าวอี้ยึดอำนาจไทเฮาหรือยัง?

หากเขารู้ว่าเฉาไทเฮาถูกพวกลุงของนางใช้กำลังบังคับให้ยอมทำตามแล้ว เขายังจะรักษาความสุขอันผิวเผินนี้ไว้ได้หรือไม่?

ชาติก่อนพอเฉาไทเฮาตายไป เขาก็จำเป็นต้องพึ่งพาตนเอง ดังนั้นจึงเติบโตขึ้นมาก

ชาตินี้ลุงของนางจะคิดหาทางรักษาชีวิตของเฉาไทเฮาไว้บีบบังคับให้จ้าวอี้ยอมทำตาม เขาจะทำอย่างไร? จะกลายเป็นคนแบบไหนกัน?

เจียงเซี่ยนเหลือบตาลง ขนตายาวทิ้งเงามืดไว้บนเปลือกตา

เฉาเซวียนมาคารวะนาง

นางคารวะตอบอย่างเฉยชา วางตัวเงียบขรึมเหมือนท่านหญิงเจียหนานเมื่อก่อน

เฉาเซวียนไม่ได้ใส่ใจ

แต่คุณหนูใหญ่ไช่กับหานถงซินกลับมองนางอย่างอิจฉาริษยา

เจียงเซี่ยนลอบถอนหายใจ

พวกหานถงซินนี่ ต่อไปก็ติดต่อกันน้อยๆ เหมือนเมื่อก่อนดีกว่ากระมัง?

นางไม่ถนัดรับมือกับการโต้ตอบกันไปมาระหว่างผู้หญิงแบบนี้

เฉาเซวียนคุยกับท่านหญิงตงหยาง คุณหนูใหญ่ไช่กับหานถงซินล้อมอยู่ข้างกายท่านหญิงตงหยาง หานถงซินยังกอดแขนของมารดา และคุยกับเฉาเซวียนด้วยเสียงที่ทำให้คนรู้สึกทั้งหวานและเลี่ยน

เจียงเซี่ยนเบ้ปาก

มีฮูหยินอาวุโสมาคุยกับนาง

นางตอบอย่างเกรงใจและห่างเหิน

ไม่นาน ไปๆ มาๆ ที่นางกลายเป็นคึกคักกว่าท่านหญิงตงหยางเสียอีก

บางคนเจียงเซี่ยนยังจำชื่อกับฉายาได้ แต่จำหน้าไม่ได้ บางคนยังจำหน้าได้ ทว่ากลับจำชื่อไม่ได้ แต่สำหรับนางคนส่วนใหญ่ล้วนแปลกหน้ามาก นางจำชื่อได้ไม่หมด แล้วก็จำหน้าได้ไม่หมดเช่นกัน ดังนั้นนางถึงพบว่าไม่เพียงแต่มารดาของหวังจ้านและป้าสะใภ้ใหญ่ของนางที่ไม่มา เจี่ยนหวางเฟย[1]กับบรรดาลูกสะใภ้ของนางก็ไม่มาเช่นกัน

เจียงเซี่ยนจึงยิ่งรู้สึกเบื่อแล้ว

ยังดีที่ทักทายกันไม่นาน เสียงฟาดแส้ก็ดังขึ้นข้างนอก

ฮ่องเต้คงจะออกมาแล้ว

พวกผู้หญิงต่างพากันไปที่ตำหนักไผอวิ๋นที่อยู่ข้างหลัง

มีแต่เฉาเซวียนกับเจียงเซี่ยนที่อยู่ที่อุโบสถ

เฉาเซวียนมองเจียงเซี่ยน สีหน้าฉายแววแปลกใจ

เจียงเซี่ยนถึงรู้ตัวว่าตนเองยืนผิดที่…เวลานี้นางยังเป็นสตรีธรรมดา ควรจะตามพวกท่านหญิงตงหยางไปรอที่ตำหนักไผอวิ๋น และยกอุโบสถให้กับเชื้อพระวงศ์และขุนนางทั้งราชสำนัก

ทว่าแบบนี้ นางก็จะไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่อุโบสถน่ะสิ

นางคิดแล้วก็ถอยออกไป แต่นางไม่ได้เดินไปไกล ทว่ายืนอยู่บนขั้นบันไดตรงประตูหลังตำหนัก

ไม่นาน เสียงฟาดแส้ก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง

มีขันทีเข้ามาจัดการสถานที่ แล้วก็มีชนชั้นสูงที่มีบรรดาศักดิ์กับขุนนางระดับสูงบางส่วนเริ่มเข้ามาเตรียมอวยพรวันเกิดเฉาไทเฮาเช่นกัน

เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็ไปตำหนักไผอวิ๋นดีกว่า

นางอยู่ที่นี่ หากเจอขุนนางคนไหนเข้าก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก

เข้าไปในตำหนักไผอวิ๋น เจี่ยนหวางเฟยไม่อยู่ ตามลำดับศักดิ์ ท่านหญิงตงหยางกับท่านหญิงอู่หยางก็นั่งตำแหน่งประมุข

ท่านหญิงตงหยางกำลังจะหาเจียงเซี่ยน

พอเจอเจียงเซี่ยนก็รีบยิ้มพลางเรียกนางมา “เจ้าก็นั่งกับพวกเราเถอะ?”

เจียงเซี่ยนเป็นท่านหญิงเหมือนกับพวกนาง ทว่าอย่างแรกนางยังไม่แต่งงาน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานก็ฐานะสูงกว่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมาตลอด อย่างที่สองความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดกับจ้าวอี้มากกว่า แม้จะสกุลเจียง แต่หากไม่มีลำดับศักดิ์กดทับอยู่ คนที่ควรจะนั่งตำแหน่งประมุขในวันนี้ก็คือนาง เจียงเซี่ยนเติบโตในวังตั้งแต่เด็ก ใครควรนั่งตรงไหน ใครควรยืนตรงไหน สลักอยู่ในกระดูกแล้ว ดังนั้นกวาดตาผ่านครั้งเดียวก็รู้แล้ว

ของที่นางสมควรได้ทำไมจะต้องผลักออกไปด้วย

ต่อให้นางผลักออกไปแล้ว คนอื่นก็อาจจะไม่รับน้ำใจของนางเช่นกัน และจะคิดแค่ว่านางโง่

เจียงเซี่ยนเข้าใจหลักการนี้มานานมากแล้ว

นางจึงนั่งลงอย่างดีใจ

เสียงฟาดแส้ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม

มีนางในเข้ามากระซิบกับท่านหญิงตงหยาง กำชับนางว่าอีกเดี๋ยวจะพาพวกผู้หญิงทุกคนไปอวยพรวันเกิดเฉาไทเฮา

ท่านหญิงตงหยางคุ้นแคยกับพิธี ทว่าสนมในวังก็ไม่ได้จัดงานวันเกิดแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วเช่นกัน แถมยังเป็นครั้งแรกที่ไทเฮาสำเร็จราชการแทน กรมพิธีการตั้งใจวางลำดับเพื่องานวันเกิดนี้โดยเฉพาะ ท่านหญิงตงหยางก็กลัวจะเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน จึงตั้งฟังใจ

ไม่นาน เสียงฟาดแส้ก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สี่

เจียงเซี่ยนมองของตกแต่งในตำหนักไผอวิ๋นอย่างสบายๆ

หานถงซินตามมากระซิบกับนาง “เป่าหนิง เดี๋ยวอวยพรไทเฮาแล้ว ข้ากับพี่ไช่คุยกันว่าจะไปดูกายกรรมที่ตำหนักเที่ยวหย่วน เจ้าไปหรือไม่?”

เจียงเซี่ยนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ อวยพรวันเกิดเสร็จ เรื่องของเฉาไทเฮาก็ชัดเจนแล้ว นางก็ควรกลับวังแล้วเช่นกัน

“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ!” เจียงเซี่ยนตอบนางอย่างขอไปที “หากอวยพรวันเกิดเสร็จแล้ว ไทเฮาไม่รั้งข้าไว้ ข้าก็ไปกับพวกเจ้า”

“ไปเถอะ ไปเถอะ” ความจริงแล้วหานถงซินไม่ได้สนิทกับเจียงเซี่ยนมากนัก เจียงเซี่ยนเล่นแต่กับไป๋ซู่ ทว่าวันนี้ไป๋ซู่ไม่อยู่ เทียบกันแล้วเวลานี้หานถงซินก็กลายเป็นคนที่สนิทกับเจียงเซี่ยนที่สุดแล้ว นางคอยยุเจียงเซี่ยน “พวกเราก็ไป…”

เจียงเซี่ยนพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก ทว่าคำพูดที่เอ่ยออกมานั้นกลับไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว “ไว้อวยพรวันเกิดแล้วค่อยว่ากัน”

หานถงซินได้ยินก็ไม่ค่อยพอใจขึ้นมา

นางอยู่บ้านก็เป็นแก้วตาดวงใจเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีตาแบบอ๋องเจี่ยน แม้แต่เฉาไทเฮาก็ทำลายกฎและแต่งตั้งให้นางเป็นท่านหญิง

“เดี๋ยวพวกท่านแม่จะไปดูงิ้วที่ตำหนักอี๋เล่อ ถ้าเจ้าไม่ไปกับพวกเรา ข้าจะต้องถูกท่านแม่จับไปตำหนักอี๋เล่อเป็นเพื่อนพวกนางอย่างแน่นอน” หานถงซินเอ่ย “พี่ไช่บอกว่า พวกพี่ชายของนางก็จะไปดูกายกรรมที่ตำหนักเที่ยวหย่วน พวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ!”

เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็ยิ้มเยาะในใจ และเอ่ยว่า “เฉิงเอินกงไปหรือไม่? เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเกลียดเขาที่สุด? หากเขาไป ข้าก็ไม่ไป!”

ใบหน้าของหานถงซินเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดทันที

เจียงเซี่ยนก้มหน้าดื่มชา พลางนึกถึงเฉาเซวียน

อวยพรวันเกิดเสร็จ ก็เกรงว่าเขาคงจะไม่ว่างไปดูกายกรรมแล้วเช่นกัน

เฉาไทเฮาจะต้องสั่งหลานชายเพียงคนเดียวของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างแน่นอน

หานถงซินจากไปอย่างโมโห นางลากคุณหนูใหญ่ไช่ไปพลางชี้มาที่เจียงเซี่ยนและแอบซุบซิบข้างเสาของตำหนักข้าง

คุณหนูใหญ่ไช่มองเจียงเซี่ยนอย่างตกใจ แล้วนัยน์ตาก็ฉายแววเคารพนับถือ พลางเอ่ยกับหานถงซินเสียงเบาว่า “ข้าก็บอกเจ้าแล้วว่าแบบนี้ไม่ดี เจ้าก็จะล่อลวงให้นางทำผิดไปด้วยให้ได้ ก็ไม่แปลกที่นางจะโกรธเช่นกัน ข้าว่าพวกเราคิดหาทางอื่นดีกว่า!”

“แต่ว่าถ้านางไม่ไป ท่านแม่ต้องให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนนางและไม่ให้ข้าไปแน่” หานถงซินเอ่ยพลางทำปากจู๋ “ข้าไม่ชอบเข้าวังที่สุดเลย ทุกครั้งที่เข้าวังก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนนาง หากนางนิสัยดีก็แล้วไป แต่เจ้าดูนางสิ ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ใครทำให้นางไม่พอใจ นางก็พูดจาให้คนอื่นเจ็บใจได้ ถึงจะอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ ก็ไม่นุ่มนวลแม้แต่นิดเดียว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฝ่าบาทถึงชอบเล่นกับนางขนาดนั้น? ทำทุกอย่างตามที่นางบอกทุกครั้ง พวกเราก็ต้องคอยเกาะติดนางตลอด แต่นางก็ดันเข้ากับเฉิงเอินกงไม่ได้ ทุกครั้งที่เฉิงเอินกงเห็นนางอยู่ก็ทำได้เพียงทักทายและจากไป เพราะแบบนี้ เฉิงเอินกงถึงไม่มีโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทเลย…”

———————————–

[1] หวางเฟย ตำแหน่งพระชายาเอกในอ๋อง ซึ่งตำแหน่งนี้อ๋องสามารถแต่งตั้งได้คนเดียว

Related

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท