มู่หนานจือ – บทที่ 87 ดีใจ

มู่หนานจือ

ไทฮองไทเฮาได้ยินก็ดีใจ นางกอดเจียงเซี่ยนไว้และเรียกว่า “หลานรัก” น้ำตาคลอเบ้าและเอ่ยพลางถอนหายใจว่า “ตอนนี้ก็มีแต่เป่าหนิงของข้าที่จะปลอบข้าแบบนี้แล้ว!”

เดิมทีฮ่องเต้มาวังฉือหนิงก็เพราะที่ตำหนักของเฉาไทเฮาไม่มีที่อยู่ เวลานี้ว่าราชการด้วยตนเองแล้วก็ต้องทุ่มเทสมาธิทั้งหมดไปที่ราชสำนัก แน่นอนว่าคงจะไม่ได้มาที่วังฉือหนิงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไทฮองไทเฮาอายุมากแล้วก็ชอบให้มีคนอยู่ข้างกาย บรรยากาศจะได้คึกคัก ก็ไม่แปลกที่นางจะพูดแบบนี้

ไป๋ซู่รีบเข้ามาร่วมสนุก “ไทฮองไทเฮาทรงลำเอียงจริงๆ ในสายพระเนตรมีแต่เป่าหนิงไม่มีหม่อมฉันหรือเพคะ?”

นางหยอกจนไทฮองไทเฮาหัวเราะไม่หยุด และกอดไป๋ซู่พลางเอ่ยว่า “เจ้าก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน ไว้ตอนเจ้าแต่งงาน ข้าจะพระราชทานงานสมรสและของขวัญแต่งงานให้เจ้า”

นี่เป็นความโปรดปรานที่คนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะคิด ทำให้ไทฮองไท่เฟยก็ขอบคุณไทฮองไทเฮาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

บรรยากาศดีเป็นพิเศษชั่วขณะ

ไทฮองไทเฮาให้คนของห้องครัวเล็กทำขาหมูตงพัว และเอ่ยว่า “ไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว วันนี้มีความสุข ก็ไม่ห้ามเรื่องพวกนั้นแล้วเช่นกัน อยากทำอะไรก็ทำ!”

หากเป็นเมื่อก่อน เจียงเซี่ยนจะต้องขวางไว้แน่ ทว่าในเวลาที่สถานการณ์ไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรรอตนเองอยู่ หาอะไรที่ทำแล้วมีความสุขทำดีกว่า จะได้ไม่พลาดสิ่งดีๆ ในชาตินี้

นางยิ้มและเล่นไปด้วย “ข้าอยากกินแกงไก่หน่อไม้!”

ไทฮองไท่เฟยอึ้งไป นางเห็นความเสียใจที่ฉายวาบผ่านไปในดวงตาของเจียงเซี่ยน แล้วก็อึ้งไปเล็กน้อย ทันใดนั้นความรู้สึกมากมายก็ปะปนกันในใจอย่างบอกไม่ถูก และเอ่ยด้วยรอยยิ้มเศร้าสร้อยว่า “ได้ ได้ ได้ ข้าจะไปสั่งเดี๋ยวนี้ ขาหมูตงพัวกับแกงไก่หน่อไม้ จ่างจู เจ้าอยากกินอะไร? วันนี้ทุกคนมีความสุข ให้เจ้าตามใจตนเองได้หนึ่งครั้ง”

ไป๋ซู่เห็นท่าทางของแต่ละคนอย่างชัดเจน จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นข้าเอาขนมพุทราแดงถั่วลิสงเม็ดบัว”

นี่เป็นของว่างที่ไทฮองไทเฮาโปรดมาก ทว่าเพราะหวานเกินไป จึงไม่ได้ทำมาหลายปีแล้ว โชคดีที่ไป๋ซู่ยังจำได้

ไทฮองไท่เฟยมองไป๋ซู่อย่างชื่นชมครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นของว่าง ไม่นับ เจ้าสั่งอาหารอีกอย่างหนึ่ง”

ไป๋ซู่เอ่ยทันทีว่า “งั้นข้าเอาเต้าหู้รากบัว”

ชื่ออาหารนี้แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเป็นอาหารมังสวิรัติ ไม่มีอะไรจะเหมาะกับไทฮองไทเฮาไปกว่านี้แล้ว

ไทฮองไทเฮาหัวเราะ ท่าทางพอใจมาก

เจียงเซี่ยนเห็นแล้วก็เม้มปากยิ้ม แต่กลับแอบถอนหายใจในใจ

หากไม่มีไป๋ซู่อยู่เป็นเพื่อนนางกับไทฮองไทเฮา ด้วยนิสัยที่ไม่สนใจอะไรเลยในชาติก่อนของนาง ไทฮองไทเฮาจะมีความสุขบ่อยๆ ได้อย่างไร

คนอื่นต่างคิดว่าไป๋ซู่ควรจะขอบคุณนาง หากไม่มีนาง ไป๋ซู่ก็ไม่มีทางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านหญิง

ทว่าความจริงแล้วนางกลับควรขอบคุณไป๋ซู่ที่กตัญญูต่อไทฮองไทเฮาแทนนาง

ทุกคนรับประทานมื้อเย็น แล้วย้ายไปดื่มชาและคุยกันที่ห้องพักผ่อน

ไทฮองไทเฮาจึงถามถึงเรื่องที่ภูเขาวั่นโซ่ว

เจียงเซี่ยนบอกทุกสิ่งที่ตนเองรู้กับไทฮองไทเฮา

ไทฮองไทเฮาเดี๋ยวก็กังวล เดี๋ยวก็จริงจัง เดี๋ยวก็ไม่กังวลไปตามคำพูดของนาง ทว่าสุดท้ายกลับขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “ให้คนสกุลเฉาอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่ว นี่เป็นกฎที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่ตั้งแคว้น ฝ่าบาทบุ่มบ่ามรับปากไปแบบนี้ วังจี่เต้าก็ไม่ห้ามหรือ? แถมยังให้นางเลือกองครักษ์ที่ภูเขาวั่นโซ่วเองอีก ฝ่าบาทไม่ได้คิดถึงผลจากการทำแบบนี้อย่างถี่ถ้วนหรือ?”

เปลี่ยนการปกครองในราชสำนักเป็นแผนของเจียงเจิ้นหยวน แต่ทำให้ราชสำนักมั่นคงเป็นงานของเหล่าขุนนางที่ช่วยฮ่องเต้บริหารราชการแผ่นดินจากสำนักราชเลขาธิการ

เจียงเซี่ยนไม่อยากให้ไทฮองไทเฮากังวล จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากไม่เหมาะสม หม่อมฉันว่าท่านลุงก็น่าจะออกหน้าขัดขวาง ในเมื่อท่านลุงอนุญาตไปโดยปริยายแล้ว หม่อมฉันก็คิดว่าท่านลุงจะต้องมีแผนของตนเองอย่างแน่นอน เสด็จยายอย่าทรงกังวลไปเลย และหม่อมฉันคิดว่าไทเฮาไม่กลับวังก็ดีเหมือนกัน นางจะได้ไม่ถอยจากราชสำนักกลับมาอยู่วังหลัง และไม่มีอะไรทำก็มาทรมานเด็กอย่างพวกเรา ตอนไม่มีงานก็เรียกให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนางฆ่าเวลา”

ไทฮองไทเฮาได้ยินก็หัวเราะ และชี้เจียงเซี่ยนพลางเอ่ยกับไทฮองไทเฟ่ยว่า “เจ้าดูเด็กคนนี้สิ ถูกข้าตามใจจนกลายเป็นคนอย่างไรแล้ว นี่ต่อไปหากแต่งงานจะเป็นอย่างไร!”

เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ก็ทนไปสิ! ทนไม่ได้ก็ต่างคนต่างใช้ชีวิต ยากตรงไหน”

ทีนี้แม้แต่ไทฮองไท่เฟยก็ยิ้มออกมาแล้ว

เจียงเซี่ยนถือโอกาสบอกไทฮองไทเฮาเรื่องที่เจียงเจิ้นหยวนฝากให้นางส่งข่าวให้จวนเจิ้นกั๋วกงกับจวนชินเอินป๋อ

“ก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ” ไทฮองไทเฮาพยักหน้าหลายครั้ง และเอ่ยว่า “พรุ่งนี้เช้าก็ไปจัดการซะ”

เจียงเซี่ยนจึงบอกไทฮองไทเฮาเรื่องที่ตนเองอยากซื้อจวนที่มีน้ำพุร้อนที่ภูเขาเสี่ยวทังอีก

ทีนี้ไม่เพียงแต่ไทฮองไทเฮาที่สนใจ ไทฮองไท่เฟยกับไป๋ซู่ต่างก็บอกว่าดี พอได้ยินว่าเจียงเซี่ยนอยากได้หลิวตงเยว่ไปใช้งานหลายวัน ไทฮองไทเฮาก็ยิ่งเอ่ยว่า “ก็ให้เขาอยู่รับใช้เจ้าแล้วกัน”

ถึงเจียงเซี่ยนจะได้รับเงินเดือนของชินอ๋อง แต่ก็เป็นเพียงท่านหญิงคนหนึ่ง จึงยังไม่มีสิทธิใช้ขันที

ทว่าเวลานี้แม้แต่เฉาไทเฮาก็จะไม่อยู่ในวังแล้ว ไทฮองไทเฮาอนุญาตแล้ว ใครยังจะไปหาความผิดของนางในเรื่องนี้กัน

ทุกคนคุยกันอย่างมีความสุข เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในความทรงจำของเจียงเซี่ยนมาก่อน นางจึงยิ้มอย่างมีความสุขเป็นพิเศษ พอถึงวันรุ่งขึ้นก็ส่งคนไปแจ้งข่าวกับจวนเจิ้นกั๋วกงและจวนชินเอินป๋อ และส่งหลิวตงเยว่ไปซื้อจวนที่ภูเขาเสี่ยวทัง แล้วก็ยุ่งอยู่กับการเจอคนที่มาส่งข่าวกลับจากจวนเจิ้นกั๋วกงและจวนชินเอินป๋อ นางยุ่งจนถึงเวลาจุดโคมไฟ ทางภูเขาวั่นโซ่วถึงส่งข่าวมาว่างานเลี้ยงวันเกิดของเฉาไทเฮาเพิ่งจะได้เริ่มก็ตอนเย็นแล้ว เหล่าสตรีที่มาอวยพรวันเกิดต่างกลับไม่ทัน จึงพักที่วัดต้าเป้าเอินเหยียนโซ่วหนึ่งคืน แต่เฉาไทเฮาพักที่ตำหนักอวี้หลาน เช้าวันนี้ฮ่องเต้ก็พาขุนนางทั้งหมดกลับเมืองหลวงทางบกจากประตูวังทางทิศตะวันออก ส่วนองครักษ์ที่ภูเขาวั่นโซ่วมอบให้เป็นหน้าที่ของเฉาไทเฮาแล้ว เฉาไทเฮาก็ย้ายจากตำหนักอวี้หลานไปตำหนักอี๋อวิ๋นแล้วเช่นกัน ส่วนเหล่าสตรีบรรดาศักดิ์ที่มาอวยพรวันเกิดเฉาไทเฮานั้นนั่งเรือขุนนางกลับเมืองหลวงจากท่าเรือวารีเคียงพฤกษาแล้ว

ตอนกลางคืนฮ่องเต้มาคารวะไทฮองไทเฮา อยู่ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาก็อ้างว่ายังต้องจัดการฎีกาที่ขุนนางถวายมาและจากไปอย่างรวดเร็ว

คนของวังฉือหนิงเห็นแล้วต่างก็รู้สึกผิดหวัง

ท่านหญิงตงหยางกับท่านหญิงอู่หยางส่งสาส์นเข้ามาว่าอยากมาคารวะไทฮองไทเฮา

ไทฮองไทเฮาถาม “มีแค่พวกนางสองคนที่ส่งสาส์นมาหรือ?”

“ยังมีฮูหยินอันกั๋วกง ฮูหยินเว่ยกั๋วกง ฮูหยินจิ้นอันโหว ฮูหยินอันลู่โหว…” เมิ่งฟางหลิงแจ้งชื่อสิบกว่าคนรวดเดียวตามยศของขุนนาง

ไทฮองไทเฮาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พึมพำว่า “งั้นก็เชิญท่านหญิงทั้งสอง ฮูหยินอันกั๋วกง ฮูหยินจิ้นอันโหว และฮูหยินอันลู่โหวเถอะ!”

เจียงเซี่ยนได้ยินก็รู้สึกแย่แทนฮูหยินเว่ยกั๋วกงเล็กน้อย

เป็นหนึ่งในซานกงเหมือนกัน ทว่ากลับไม่อาจเทียบแม้กระทั่งจวนโหวจวนหนึ่งได้

แต่นี่ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน

ในราชสำนักก็ไร้ความเมตตาเช่นนี้

เวลานี้นางยังคงเป็นเด็กสาวที่อายุยังไม่ครบสิบห้าปีเต็มในสายตาคนอื่น ซ่อนอยู่ที่ตำหนักของตนเองก็ไม่มีใครว่านางเสียมารยาท นางก็ขี้เกียจที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้แล้วเช่นกัน จึงซ่อนอยู่ในห้องกับไป๋ซู่และซุบซิบคุยกัน “เจ้ายังอยากแต่งงานกับเฉาเซวียนหรือไม่?”

“อยาก!” ไป๋ซู่แสดงออกอย่างแน่วแน่มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน “หากเฉาไทเฮายังสำเร็จราชการแทนอยู่ ข้าคิดว่าข้าแต่งงานกับเขา ถึงจะดี แต่อย่างไรก็เป็นการทรยศเจ้ากับตระกูลไป๋ ทว่าเวลานี้เฉาเซวียนเป็นผู้แพ้แล้ว…ข้าสงสารเขา…ไม่แน่ว่าข้าแต่งงานกับเขาแล้ว เขาอาจจะได้ใช้ชีวิตสบายขึ้นหน่อย…” พอเอ่ยถึงตรงนี้ สีหน้านางก็ฉายแววมึนงง และเอ่ยว่า “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าอยากแต่งงานกับเขา เขาอาจจะไม่อยากแต่งงานกับข้าก็ได้…เมื่อก่อนเขาเป็นคนห้าวหาญและมั่นใจในตนเอง ตอนนี้จู่ๆ ก็ตกลงไปในโคลน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนไหวหรือไม่…”

วางใจเถอะ!

เฉาเซวียนแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคิดร้อยเท่า

เจียงเซี่ยนมองไป๋ซู่และยิ้ม

ฉิงเค่อเข้ามารายงานว่า “ท่านหญิงทั้งสอง ท่านหญิงชิงอี๋กับคุณหนูใหญ่แห่งจวนจิ้นอันโหวอยากมาพบท่านเจ้าค่ะ”

————————-

Related

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท