มู่หนานจือ – บทที่ 88 รอแต่งงาน

มู่หนานจือ

ชาติก่อนตอนที่เจียงเซี่ยนเป็นท่านหญิงอยู่ในวัง คุณหนูใหญ่ไช่ไม่มีโอกาสได้รู้จักนาง ตอนที่เจียงเซี่ยนเป็นฮองเฮา คุณหนูใหญ่ไช่ก็แต่งงานแล้ว จึงไม่มีสิทธิรู้จักนาง ดังนั้นเจียงเซี่ยนจึงไม่คุ้นเคยกับคุณหนูใหญ่ไช่แม้แต่นิดเดียว หากไม่ใช่ว่าคุณหนูใหญ่ไช่เคยก่อเรื่องพวกนั้นขึ้นมา และเคยเป็นพี่สาวของสามีไป๋ซู่ เจียงเซี่ยนก็คงจะจำคนๆ นี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ส่วนหานถงซินนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ก็พูดจาเอะอะเสียงดังจนน่ารำคาญ เจียงเซี่ยนไม่ค่อยมีความอดทนกับนางมากนักเช่นกัน

พอได้ยินว่าหานถงซินกับคุณหนูใหญ่ไช่มาเยี่ยมนาง นางก็รู้สึกว่าจะแต่งตัวใหม่เพื่อเจอสองคนนี้ก็ยุ่งยากเกินไป จึงปฏิเสธไปทันที “บอกไปว่าข้าหลับแล้ว ไว้พวกนางเข้าวังมาครั้งหน้าค่อยว่ากัน”

ฉิงเค่อขานรับและจะออกไป แต่กลับถูกไป๋ซู่เรียกไว้

นางตำหนิว่า “เป่าหนิง อย่างไรเจ้าก็ต้องมีเพื่อนไว้หลายๆ คน ไม่อย่างนั้นเจ้าแต่งงานแล้ว จะไปมาหาสู่กับใคร”

เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยว่า “แม้คนร่ำรวยจะอยู่ที่เปล่าเปลี่ยวก็จะมีคนไปเยี่ยมเยียนอยู่ดี ส่วนคนจนอยู่ย่านที่เจริญของเมืองก็ไม่มีใครมาถามสารทุกข์สุกดิบ ตราบใดที่ลุงของข้ายังควบคุมกองบัญชาการห้าทัพอยู่ก็มีคนไปมาหาสู่กับข้า”

“เป่าหนิง!” ไป๋ซู่สีหน้าจริงจัง “เจ้ากลายเป็นคนสุดโต่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร! ถึงแม้สรรพสิ่งในโลกนี้จะมีทั้งหยินและหยาง แต่ในหยางก็ยังมีหยินอยู่จุดหนึ่ง ในหยินก็ยังมีหยางอยู่จุดหนึ่ง เจ้าไม่สามารถมองคนกับเรื่องราวเป็นสีดำกับสีขาวได้ ตรงกลางยังมีสีเทา…พวกนางก็ไม่ได้กีดขวางอะไรเจ้าเสียหน่อย แค่มาเจอเท่านั้น แต่หลังจากพวกนางกลับไปกลับสามารถคุยโวโอ้อวดกับคนอื่นได้ว่าเคยติดต่อกับเจ้า แล้วทำไมจะไม่ทำเล่า? เจ้าดูตัวเจ้าเอง ปกติดีกับข้าแค่ไหน กับพวกนางก็ยิ้มให้มากขึ้นหน่อยไม่ได้เชียวหรือ”

เจียงเซี่ยนไม่อยากแม้แต่นิดเดียว ทว่านางไม่อยากทำให้ไป๋ซู่ลำบากใจ คนในวังฉือหนิงต่างรู้ว่าไป๋ซู่เป็นสหายนาง พวกนางไม่กล้าว่าเจียงเซี่ยน แต่กลับจะว่าไป๋ซู่

“งั้นก็ให้พวกนางเข้ามาแล้วกัน!” เจียงเซี่ยนยังคงไม่อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นเดิม จึงถือโอกาสมวยผมตนเองตามใจชอบ และเอียงตัวอยู่บนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่างพบหานถงซินกับคุณหนูใหญ่ไช่

หานถงซินบ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “เป่าหนิง พวกเราเป็นแขก นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะต้อนรับพวกเราเช่นนี้”

“พวกเราพี่น้องกัน จะมากพิธีขนาดนั้นไปทำไมกัน?” เจียงเซี่ยนเจอหานถงซินแล้วก็คิดว่าถึงเวลานั้นพวกนางยังต้องใช้ตนเองยกให้พวกนางสูงขึ้นอีก ก็ไม่อยากให้นางพูดต่อไป จึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าทำแบบนี้เพราะเห็นว่าเจ้าเป็นคนกันเอง เจ้าว่าถูกหรือไม่? คุณหนูใหญ่ไช่ พี่น้องบ้านไหนเจอกันยังต้องสวมชุดพิธีการและเครื่องประดับเต็มยศตามระดับตำแหน่งบ้าง”

คุณหนูใหญ่ไช่หัวเราะและเอ่ยว่า “ข้าชื่อหรูอี้ ท่านหญิงเรียกข้าว่าหรูอี้ก็พอ”

เดิมทีหานถงซินยังอยากต่อสู้ไปมากับเจียงเซี่ยนสักสามร้อยครั้ง พอเห็นว่าคุณหนูใหญ่ไช่เพื่อนสนิทของตนเองไม่คิดที่จะสู้แม้แต่นิดเดียว แถมยังเป็นฝ่ายผูกมิตรกับเจียงเซี่ยนเอง นางจึงทำได้เพียงหยุดสู้ชั่วคราว

เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ไช่เป็นคนน่าสนใจคนหนึ่ง จึงยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าชื่อเล่นว่าเป่าหนิง เจ้าเรียกข้าว่าเป่าหนิงก็พอ” แล้วก็แนะนำไป๋ซู่ “นี่พี่จ่างจู”

ไป๋ซู่ยิ้มพลางคารวะคุณหนูใหญ่ไช่และหานถงซิน และเอ่ยว่า “ข้าเกิดเดือนเดียวกันปีเดียวกันกับเป่าหนิง ควรจะเรียกทั้งสองท่านว่าพี่ใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว” คุณหนูใหญ่ไช่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ากับถงซินต่างปักปิ่นแล้ว…”

ทั้งสองคนเริ่มทักทายกัน และคุยตั้งแต่หลายวันนี้อากาศเป็นอย่างไรจนถึงช่วงนี้ในเมืองหลวงนิยมกระโปรงแบบไหนบ้าง

เจียงเซี่ยนฟังอยู่ตรงนั้นไปเรื่อยๆ แต่หานถงซินกลับแลดูเหมือนกังวล ถึงอย่างไรเจียงเซี่ยนก็นึกไม่ออกว่าเวลานี้ในชาติที่แล้วเกิดอะไรขึ้นกับหานถงซินบ้าง นางจึงทำได้เพียงหยิบผลไม้บนโต๊ะชามากิน

หานถงซินเห็นแล้วก็ร้อนใจ นางเอ่ยกับเจียงเซี่ยนเสียงเบาว่า “เจ้าก็รู้จักแต่กิน! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเมืองหลวงแล้ว?”

ทว่าเจียงเซี่ยนกลับไม่เชื่อว่าตนเองจะไม่รู้ ‘เรื่องใหญ่’ ที่พวกสตรีในวังได้ยินมา

นางเอ่ยอย่างเหม่อลอยว่า “เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ? ฟ้าถล่มลงมามีชายร่างสูงยันไว้อยู่แล้ว”

หานถงซินเอ่ยอย่างหวังว่านางจะดีขึ้นว่า “เจ้ารู้ว่าอ๋องเหลียวกับซื่อจื่อจิ้งไห่โหวต่างมาถึงเมืองหลวงแล้วใช่หรือไม่? ได้ยินว่าฝ่าบาทจะเลือกชายาให้ทั้งสองคนน่ะ? เจ้าไม่กลัวน้องจ่างจูจะแต่งงานไปงั้นหรือ?”

นางรู้ว่าไป๋ซู่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเจียงเซี่ยน

อ๋องเหลียวอยู่เหนือสุด จิ้งไห่โหวอยู่ใต้สุด สำหรับสตรีที่เติบโตในเมืองหลวง นั่นเป็นสถานที่ที่จะไม่ไปแม้เดินผิดทาง และเป็นสถานที่ที่ไม่มีวันไปชั่วชีวิต แต่งงานไปอยู่แดนไกลสองที่นั้น ก็หมายความว่าชีวิตที่เหลืออาจจะไม่ได้เจอพ่อแม่และพี่น้องของตนเอง และอ๋องเหลียวยังเป็นพ่อหม้ายที่มีอนุภรรยาสองคนกับลูกชายที่เกิดจากภรรยาเอกสองคน ใครจะอยากไปทำเรื่องชั่วตามคนอื่นกัน!

เจียงเซี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย

ชาติก่อนนางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย

หรือว่าชาตินี้มีอะไรเปลี่ยนไปงั้นหรือ?

เจียงเซี่ยนขมวดคิ้วทันที

หานถงซินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจมากว่า “ท่านแม่พาข้าเข้าวังก็เพราะได้ยินเรื่องนี้มา พี่หรูอี้ก็เหมือนกัน พวกเราต่างก็ไม่อยากแต่งงานไปอยู่เหลียวตงหรือฝูเจี้ยน”

พวกเจ้าอยากแต่งงานกับเฉาเซวียน!

เจียงเซี่ยนเอ่ยในใจ โดยไม่ส่งเสียงใดๆ

หานถงซินร้อนใจขึ้นมา จึงใช้ข้อศอกสะกิดนาง และเอ่ยว่า “ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็พูดอะไรบ้างเถอะ!”

เสียงนางดังเล็กน้อย จึงรบกวนไช่หรูอี้กับไป๋ซู่ที่กำลังคุยกันอยู่

ไป๋ซู่มองหานถงซินครั้งหนึ่ง แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

หานถงซินเอ่ยเรื่องที่พูดไปเมื่อครู่อีกรอบ

ไป๋ซู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ไช่หรูอี้เหลือบตาลง

เวลานี้เจียงเซี่ยนถึงได้เข้าใจ ในราชสำนักล้างไพ่ใหม่ ก็จำเป็นต้องเริ่มการแต่งงานรอบใหม่

ชาติก่อนนางไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย ดังนั้นไป๋ซู่ถึงได้แต่งงานกับไช่หยวนซื่อจื่อจิ้นอันโหวในเวลานี้และจิ้นอันโหวในภายภาคหน้าหรือ?

เจียงเซี่ยนบีบมือของไป๋ซู่ ส่งสัญญาณให้นางไม่ต้องกังวล

ไป๋ซู่ยิ้มและพยักหน้าให้นาง

เจียงเซี่ยนเริ่มครุ่นคิดเรื่องพวกนี้อย่างละเอียด

ตระกูลไป๋กลายเป็นคนที่นับว่าอยู่ในวงชนชั้นสูงของเมืองหลวงได้ก็เพราะไป๋ซู่ ชาติก่อนนางแต่งงานกับซื่อจื่อจิ้นอันโหวก็เป็นญาติกับคนที่มีฐานะสูงกว่าแล้ว และชาติก่อนเฉาไทเฮาเสียชีวิต เฉาเซวียนสูญเสียคุณสมบัติในการแต่งงาน แน่นอนว่าก็ไม่มีใครเห็นว่าเขาจะเป็นลูกเขยที่ดีได้เช่นกัน ทว่าเวลานี้เฉาไทเฮาลาออกจากตำแหน่งและกลับมาอยู่วังหลัง หากอยากจะรักษาตระกูลเฉาไว้ ตระกูลเฉาก็ต้องเกี่ยวดองกับตระกูลขุนนางที่มีอำนาจมาก ตัวนางเองต้องไม่ได้อย่างแน่นอน ในเมื่อไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดก็ต้องได้สิ่งที่ค่อนข้างดีหน่อย หานถงซินกลับกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว กระทั่งไช่หรูอี้คุณหนูใหญ่แห่งจวนจิ้นอันโหวที่ครั้งนี้ยืนถูกฝ่ายแล้วก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเช่นกัน

ตระกูลเฉาจะไม่คิดเรื่องอื่นมากเกินไป เพราะสิ่งที่พวกเขาเลือกในเวลานี้คืออำนาจ

ไป๋ซู่เทียบกับพวกนางแล้วก็ห่างไกลมากทีเดียว

แต่เจียงเซี่ยนคิดว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเช่นกัน

เพียงแค่นางคิดก็สามารถทำได้

ทว่านางก็ต้องเตือนไป๋ซู่สักหน่อย

หากไป๋ซู่แต่งงานกับเฉาเซวียนแล้ว ต่อไปก็ต้องติตต่อกับสตรีชนชั้นสูงแบบหานถงซินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากมีการคิดวางแผนลอบทำร้ายคนที่ไม่คิดจะป้องกัน ไป๋ซู่จะต้องเสียเปรียบแน่

นางถามหานถงซินอย่างไม่รู้อะไรเลย “งั้นเจ้ากับหรูอี้ใครคิดจะแต่งงานกับเฉาเซวียนล่ะ?”

ทั้งสองคนสีหน้าแดงก่ำในชั่วพริบตา

หานถงซินลุกขึ้นมาเอ่ยว่า “เจียงเป่าหนิง เจ้าพูดกับพวกเราแบบนี้ได้อย่างไร?”

“อ้อ!” เจียงเซี่ยนแสร้งทำเป็นเข้าใจทันที และเอ่ยว่า “ข้าเห็นพวกเจ้ามักจะถามถึงเฉาเซวียน ข้ายังคิดว่าพวกเจ้ามีใครอยากแต่งงานกับเขา ในเมื่อพวกเจ้าต่างไม่ได้คิดเช่นนี้ งั้นข้าก็จะไปบอกไทฮองไทเฮา จะได้ไม่จับคู่พวกเจ้ากับเฉาเซวียน เฉาเซวียนนั่นเหลาะแหละเกินไปหน่อย ข้าไม่ชอบ!”

ทั้งสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะพูดอะไรดี

ทว่าความว่างเปล่ากลับฉายวาบผ่านไปในดวงตาของไป๋ซู่

——————–

Related

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท