คนทั่วไปแต่งงานก็จะขอให้คนที่สนิทกับอีกฝ่ายไปลองสอบถามความเห็น หากทั้งสองฝ่ายต่างคิดเช่นเดียวกัน ถึงจะขอให้ผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงหรือคนที่มีวาสนาครอบครัวสมบูรณ์พาแม่สื่อไปสู่ขออย่างเป็นทางการ แล้วทำนายดวงชะตาว่าทั้งสองฝ่ายดวงสมพงศ์กันหรือไม่ และให้คนไปส่งจดหมายถามชื่อกับวันเดือนปีและเวลาเกิดของฝ่ายหญิงที่บ้านของฝ่ายหญิงอย่างพอเป็นพิธี หลังจากนั้นฝ่ายชายส่งสินสอดให้ฝ่ายหญิง
เฉาไทเฮาขอให้ฮูหยินเหยียนนำวันเดือนปีและเวลาเกิดของเฉาเซวียนไปสู่ขอเลยแบบนี้ ก็เท่ากับจะบังคับให้แต่งงานแล้ว
ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟ่ยต่างสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
“ราชเลขาธิการเหยียนจะเกษียณไม่ใช่หรือ?” ไทฮองไท่เฟยหน้านิ่งดุจสายน้ำ พลางเอ่ยว่า “ทำไมเขาถึงมายุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองพวกนี้ได้?”
ฮูหยินเป่ยติ้งโหวส่ายหน้าอย่างงุนงง และเอ่ยว่า “ราชเลขาธิการเหยียนยังไม่เกษียณเจ้าค่ะ…และถึงเขาจะเกษียณ มีใครไม่รู้บ้างว่าเขาเป็นขุนนางคนสนิทของเฉาไทเฮา ช่วยเฉาไทเฮาทำงานทั้งเรื่องน้อยเรื่องใหญ่ ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกับการกระโดดออกมาประจบเฉาไทเฮาตอนที่เฉาไทเฮาตกอับ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุด และรักษาชื่อเสียงขุนนางผู้ซื่อสัตย์ของเขาไว้ให้ได้”
นี่ก็ยุ่งยากแล้ว!
ไทฮองไท่เฟยไม่มีความเห็นใดให้กับเรื่องนี้ นางมองไทฮองไทเฮาอย่างไม่พอใจ และเอ่ยว่า “คนสกุลเฉาจะทำอะไรกันแน่? นางไม่รู้หรือว่าหม่อมฉันไม่คิดคุยกับนางอีกแล้วชั่วชีวิตนี้ ทั้งที่นางรู้ดีว่าหลังจากนี้ตระกูลเฉาจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเช่นนี้ไปชั่วชีวิต แล้วยังมีหน้ามาทำให้จ่างจูของพวกเราลำบากไปด้วยได้อย่างไร? ครั้งที่แล้วพวกเขายังจะให้จ่างจู…”
นางยังพูดไม่จบ ไทฮองไทเฮาก็เอ่ยด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าพูดให้มันน้อยๆ หน่อย นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรเอ่ยถึง!”
ฮูหยินเป่ยติ้งโหวคิดว่าพวกนางกำลังคุยเรื่องไป๋ซู่อยู่ แต่มีเรื่องอะไรที่นางไม่รู้หรือ?
นางมองไทฮองไทเฮาอย่างไม่เข้าใจ แล้วก็มองไทฮองไท่เฟยอีกครั้ง
ใช่แล้ว!
เฉาไทเฮาอยากให้ไป๋ซู่หมั้นกับหลี่เชียน ตอนนั้นหลี่ฉางชิงยังเป็นผู้บัญชาการที่ตั้งมั่นรักษาการณ์อยู่ที่หนึ่ง ทว่าตอนนี้หลี่ฉางชิงเป็นเพียงรองค่ายทหารเสินจีเล็กๆ พูดออกมามีแต่จะทำให้ไป๋ซู่เสียหน้า…มีอะไรน่าพูดหรือ?
ไทฮองไท่เฟยเม้มปากจนเป็นเส้นตรง
ส่วนไทฮองไทเฮานั้นหลังจากตกใจมากในตอนแรก เวลานี้จิตใจก็สงบลงบ้างแล้ว นางจึงเอ่ยกับฮูหยินเป่ยติ้งโหวอย่างอ่อนโยนว่า “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว เจ้าบอกว่าท่านโหวไปหาเจิ้นกั๋วกงแล้วมิใช่หรือ? ฝ่าบาทเคารพเจิ้นกั๋วกงมาก จ่างจูก็เติบโตในวังตั้งแต่เล็ก ฝ่าบาทน่าจะยังเห็นแก่นางอยู่บ้าง สุดท้ายแล้วเรื่องแต่งงานนี้เหมาะสมหรือไม่ พวกเราลองปรึกษากับเจิ้นกั๋วกงก่อน”
เรื่องนี้ก็ต้องขอความเห็นจากเจิ้นกั๋วกงแล้ว
ฮูหยินเป่ยติ้งโหวได้ยินก็ผ่อนคลายมากขึ้น และเอ่ยว่า “ชินเอินป๋อก็บอกแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นท่านโหวของพวกเราจึงไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงแต่เช้าแล้ว…”
“เช่นนั้นก็ดี” ไทฮองไทเฮาได้ยินก็สบายใจมากขึ้นเช่นกัน และเอ่ยว่า “เจิ้นกั๋วกงเป็นคนที่จริงใจที่สุดแล้ว เจ้าวางใจเถอะ”
ฮูหยินเป่ยติ้งโหวถอนหายใจยาวเหยียด ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง และเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ขอสิ่งอื่นเช่นกัน หวังเพียงว่าจ่างจูจะได้แต่งงานกับคนที่ให้เกียรตินาง”
ความนัยที่แฝงในนั้นคือ จวนเป่ยติ้งโหวก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับจวนจิ้นอันโหวเสมอไปเช่นกัน หลักๆ ยังคงดูที่คนที่แต่งงานด้วยจะรักและดีกับไป๋ซู่หรือไม่
ไทฮองไทเฮาพยักหน้าอย่างเข้าใจ และให้ฮูหยินเป่ยติ้งโหวอยู่รับประทานอาหารเที่ยง
ไม่นานข่าวก็แพร่ไปถึงตำหนักตงซานและตำหนักซีซาน
ไป๋ซู่ไปทักทายมารดาของตนเองตามธรรมเนียม แต่เจียงเซี่ยนกลับนอนครุ่นคิดอยู่เงียบๆ คนเดียวบนเตียง
นึกไม่ถึงว่าเฉาไทเฮาจะตัดสินใจให้เฉาเซวียนแต่งงานกับไป๋ซู่เร็วขนาดนี้
จะเห็นได้ว่าหลี่เชียนทำได้ไม่เลวทีเดียว
นางแค่นึกไม่ถึงเล็กน้อยว่าเวลานี้ราชเลขาธิการเหยียนยังจะกล้าออกหน้าแทนตระกูลเฉา
ชาติก่อนนางไม่ได้สนิทสนมกับราชเลขาธิการเหยียนนัก เพียงแค่ได้ยินเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและขันทีตำหนิคนๆ นี้ว่าเขาขี้ขลาดและไร้ความสามารถ ได้เลื่อนตำแหน่งเพราะประจบเฉาไทเฮา โจมตีคนที่เห็นต่าง เป็นเหมือนสุนัขเชื่องๆ ที่เฉาไทเฮาเลี้ยงไว้ใช้งาน ไม่ได้มีความดีความชอบต่อบ้านเมืองแม้แต่น้อย
จะเห็นได้ว่าชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร หนังสือประวัติศาสตร์ก็เขียนโดยคนรุ่นหลังเช่นกัน คำพูดเหล่านี้ยังคงมีเหตุผลอยู่บ้าง
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนรุ่นหลังเหล่านั้นจะพูดถึงตนเองอย่างไร
ตำหนักตงซานเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด พอคิดว่าไป๋ซู่คงกำลังคุยกับแม่ของตนเองอย่างสนิทสนม นางก็รู้สึกเหงาเล็กน้อย จึงเรียกฉิงเค่อเข้ามาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัว และไปที่ห้องอุ่นตะวันออก
ฮูหยินเป่ยติ้งโหวกำลังกอดไป๋ซู่อยู่และนั่งอยู่ต่ำกว่าไทฮองไท่เฟย
นางจิตใจสงบลงแล้ว ตอนที่เห็นเจียงเซี่ยนยังชมว่าเสื้อคลุมยาวที่ใส่วันนี้สวยเป็นพิเศษ
เจียงเซี่ยนยิ้มและไม่เอ่ยสิ่งใด นั่งลงข้างไทฮองไทเฮา และฟังพวกนางพูดคุยกัน
ไป๋ซู่ส่งสายตาให้เจียงเซี่ยน
ทั้งสองคนหาจังหวะไปคุยกันที่ห้องชา
“เป่าหนิง” ไป๋ซู่จับมือของเจียงเซี่ยน “ขอบคุณนะ! ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ข้าก็ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำเพื่อข้า”
“ถ้าข้ารับปาก เจ้าก็วางใจเถอะ” เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้มอย่างไม่ใส่ใจนัก และเอ่ยว่า “สุดท้ายแม่ของเจ้า ไทฮองไทเฮา และไทฮองไท่เฟยก็จะตกลง แต่เจ้าก็ต้องใช้ชีวิตกับเฉาเซวียนดีๆ เช่นกัน ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็อย่ายอมแพ้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นจะทำให้แม่ของเจ้าเสียใจ และข้าก็จะเสียใจเช่นกัน”
ไป๋ซู่พยักหน้าซ้ำๆ ทั้งสองคนยกชาซิ่งเหรินที่ชงให้พวกไทฮองไทเฮาไปที่ห้องอุ่นตะวันออก
—
เฉาเซวียนไม่อยากสาดเกลือลงไปบนความสัมพันธ์ระหว่างเฉาไทเฮากับเจียงเจิ้นหยวนอีกแล้ว เขาจึงไม่ได้บอกเฉาไทเฮาเรื่องที่เจียงเจิ้นหยวนเคยพบหลี่เชียน เพียงแค่บอกเฉาไทเฮาว่า เขาถูกใจไป๋ซู่ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในวังแล้ว แต่ตอนนั้นเฉาไทเฮาคิดแต่จะให้เขาแต่งงานกับเจียงเซี่ยน เขาจึงเก็บความรู้สึกชอบพอไป๋ซู่นั้นไว้ก้นบึ้งของหัวใจ
เวลานี้ตระกูลเฉาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เขาคิดว่าแทนที่จะรอเจียงเซี่ยนอย่างมองไม่เห็นความหวัง สู้แต่งงานกับไป๋ซู่ดีกว่า “…อย่างน้อยนางก็หน้าตาโดดเด่น เป็นคนสุภาพและเยือกเย็น สบายใจกว่าอยู่กับเจียงเซี่ยนมาก…รายนั้นกล้าลูบคมแม้กระทั่งฝ่าบาท แล้วนับประสาอะไรกับข้า?”
เฉาไทเฮาเข้าใจเจตนาของเฉาเซวียนทันที
ชอบหรือไม่วางไว้ข้างๆ ก่อน ทว่าตระกูลเฉาในเวลานี้เป็นอย่างที่เฉาเซวียนเอ่ยจริงๆ ได้แต่งงานกับคนอย่างไป๋ซู่ก็ถือว่าฐานะของทั้งสองฝ่ายเหมาะสมกันแล้วเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นเฉาเซวียนอายุไม่น้อยแล้ว ส่วนนางก็อันตรายอยู่ตรงหน้า หากนางตาย เฉาเซวียนก็แต่งงานกับคนอย่างไป๋ซู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ
เฉาไทเฮาจึงตัดสินใจทันที นางลงมือเขียนจดหมายให้เหยียนหวาเหนียนด้วยตนเอง
วันรุ่งขึ้นเหยียนหวาเหนียนก็เอาวันเดือนปีและเวลาเกิดของเฉาเซวียนไปที่จวนเป่ยติ้งโหว…
จวนเป่ยติ้งโหวถึงได้ทำอะไรไม่ถูก
—
เวลานี้ฮูหยินเป่ยติ้งโหวได้รับคำแนะนำจากไทฮองไทเฮาก็สงบจิตใจลงได้ จึงกลับไปจวนเป่ยติ้งโหวอย่างอารมณ์ดี
ใครจะรู้ว่าเป่ยติ้งโหวที่เพิ่งกลับมาจากจวนเจิ้นกั๋วกงก็เรียกตัวนางมาหารือเรื่องนี้ในทันที
“เจียงเจิ้นหยวนแนะนำให้พวกเราตอบรับการแต่งงานนี้” เป่ยติ้งโหวเอ่ย “ข้าก็คิดว่าที่เขาพูดมีเหตุผลเหมือนกัน ซื่อจื่อจิ้นอันโหวเป็นคนใจร้อน ไม่ใช่คนที่คิดทำการใหญ่ ตระกูลไช่ก็มากหมอมากความ และไช่ติ้งจงก็มักจะทำอะไรตามใจตนเอง แทนที่จะแต่งงานกับตระกูลไช่ สู้แต่งงานกับตระกูลเฉาดีกว่า อย่างน้อยจ่างจูก็เป็นคนที่เฉาไทเฮาทรงเลือกด้วยพระองค์เอง และเฉาเซวียนเป็นคนที่พวกเราเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต เฉาเซวียนคงไม่กล้าไม่ให้เกียรติจ่างจู…”
นั่นก็หมายความว่า เจียงเจิ้นหยวนสนับสนุนการแต่งงานนี้
ลูกสาวไม่แต่งงานไม่ได้!
น้ำตาของฮูหยินเป่ยติ้งโหวร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง และเอ่ยว่า “เดิมทีนี่เป็นเรื่องของผู้ชายอย่างพวกท่านไม่ใช่หรือ? ทำไมจะต้องเอาจ่างจูของข้าไปเป็นเครื่องมือด้วย? จ่างจูของพวกเรายังเด็กขนาดนั้น เมื่อก่อนตอนที่ตระกูลเฉาเรืองอำนาจก็คิดแต่จะให้เฉาเซวียนแต่งงานกับเป่าหนิง พอมาตอนนี้ตระกูลเฉาตกอับ ก็จะให้แต่งงานกับจ่างจูของพวกเรา เรื่องแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน?”
——————