มู่หนานจือ – บทที่ 132 เงินอุดหนุน

มู่หนานจือ

คืนนั้นหลี่เชียนดื่มสุราไปเยอะมาก แต่แปลกที่เขาไม่เมา ตรงกันข้ามยิ่งดื่มสมองก็ยิ่งปลอดโปร่ง ยิ่งดื่มสมองก็ยิ่งแล่นไว!

เขาไม่ยอม!

ไม่ยอมให้จบไปแบบนี้

ทว่าเขาไม่ให้จบไปแบบนี้แล้วจะทำอะไรได้?

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาฝูเจี้ยนก็เป็นสถานที่อยู่อาศัยในต่างถิ่น แต่ซานซีกลับยังเป็นซากปรักหักพัง ต่อให้เขาแต่งงานกับเจียงเซี่ยน เจียงเซี่ยนจะอยู่ที่ไหน? กินอะไร? แล้วเขาสามารถจัดให้นางอยู่ที่ไหนได้?

ใกล้รุ่งสาง หลี่เชียนลุกขึ้นยืนอย่างโซเซ

เขาตัดสินใจว่าจะไม่คิดอีกแล้ว!

ไม่คิดอีกต่อไปแล้ว!

เขาล้มตัวลงบนเตียงและหลับตาลง อยากให้สมองว่างเปล่า ทว่าสุดท้ายสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาเพียงชั่วพริบตากลับเป็นดวงตาสดใสที่เจือความเจ้าเล่ห์เล็กน้อยของเจียงเซี่ยน

“เจียงเซี่ยน!” เขาพึมพำเสียงเบา

บอกตนเองว่านี่เป็นครั้งสุดท้าย

หลังจากนี้…ต่อให้คิดถึงก็ต้องซ่อนไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจลึกๆ

ถึงอย่างไรนางก็ต้องแต่งงาน

ไม่แต่งกับจ้าวเซี่ยว ก็อาจจะแต่งกับเติ้งเฉิงลู่หรือจินเซียวอยู่ดี

เขาไม่อยากสร้างปัญหาให้นางเพราะความสะเพร่าของตนเอง!

หลี่เชียนหลับสนิท

น้ำตาหยดหนึ่งร่วงจากหางตาลงไปในจอนผมอย่างเงียบๆ และค่อยๆ เลือนหายไป

วันรุ่งขึ้นหลี่เชียนใช้น้ำเย็นล้างหน้า และดื่มน้ำแกงสร่างเมา

ถึงแม้อาการปวดศีรษะมากหลังจากเมาค้างจะยังคงทรมานเขาอยู่ แต่ภายนอกเขาดูหน้าตาสดชื่นแล้ว

หลี่เชียนเปิดประตูด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แสงแดดยามรุ่งอรุณอันอบอุ่นสาดส่องลงบนตัวเขา เป็นวันใหม่อีกวัน

เขาไปคารวะเฉาไทเฮาที่ตำหนักอี๋อวิ๋น

เฉิงเต๋อไห่กำลังคุยกับเฉาไทเฮาอยู่ พอเห็นเขาเข้ามาก็เงียบเสียง ทว่าใครจะรู้ว่าเฉาไทเฮากลับเอ่ยว่า “คนกันเองทั้งนั้น พูดได้ไม่เป็นไร”

เฉิงเต๋อไห่ยิ้มพลางขานว่า “พ่ะย่ะค่ะ” เขาปรายตามองหลี่เชียนครั้งหนึ่งด้วยสายตาลุ่มลึกมาก แล้วถึงจะเอ่ยต่อว่า “ถึงแม้เด็กจะผอมไปหน่อย แต่กินได้นอนได้ หน้าตาก็โตขึ้นแล้วเช่นกัน แม่นมฟางให้นมเด็กคนนั้นด้วยตนเอง และเอาใจใส่ลูกเป็นอย่างมาก รังนกที่ไทเฮาส่งไปก็ให้คนตุ๋นกินทุกวัน สีหน้าก็ไม่เลว…”

หลี่เชียนเหลือบตาลง

หลังจากคนสกุลฟางมา เฉาไทเฮาก็มอบคนสกุลฟางให้เฉิงเต๋อไห่ นางไม่ได้ติดต่อกับคนสกุลฟาง ทุกวันเฉิงเต๋อไห่จะเป็นคนมารายงานสถานการณ์ของคนสกุลฟาง

ตอนที่ซ่งเสียนอี๋ไป เฉิงเต๋อไห่กลัวมาก

ทว่าช่วงนี้ถึงแม้เฉาไทเฮาจะเย็นชากับคนสกุลฟาง แต่ตรงที่ควรดูแลก็ดูแลหมดแล้ว เฉิงเต๋อไห่ถึงค่อยๆ ดูดีขึ้น

เฉาไทเฮาฟังเขาพูดนานมาก และโบกมือให้เขาถอยออกไป แล้วเรียกหลี่เชียนไปถามเขาว่าเรื่องที่ไปซานซีเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว

“ทุกอย่างราบรื่นดีมากพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เชียนเอ่ยเสียงเบา “กระหม่อมอาจจะต้องไปซานซีล่วงหน้าสองสามวัน ถึงแม้ในจวนยังมีคนที่รู้จักมานานอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ไปหามานานขนาดนี้ ก็ต้องไปทักทายล่วงหน้าสักหน่อย แล้วยังทางตะวันตกเฉียงเหนือนั่นก็ต้องไปนั่งคุยเล่นสักหน่อยเช่นกัน…ซานซีนั้นข้างหน้ามีกองกำลังรักษาพระนคร ข้างหลังมีส่านซี ถูกศัตรูโจมตีขนาบทั้งหน้าและหลัง ในเมื่อกองกำลังรักษาพระนครสามารถเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถได้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือนั้นก็ต้องคิดหาทางเป็นพันธมิตร เพียงแต่กระหม่อมอายุยังน้อยและมีความรู้ไม่มากนัก ไม่รู้ว่าจะติดต่อแม่ทัพไท่หยวนดีหรือติดต่อแม่ทัพอวี๋หลินดี หากไม่ได้จริงๆ แม่ทัพด่านซานไห่ก็ได้เช่นกัน ถึงอย่างไรเงินเดือนทหารก้อนนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ และซานซีก็เป็นสถานที่ที่ไม่มีอะไรเด่น แม้ภาษีใต้หล้าจะเป็นของเจียงหนาน เจียงหนานร่ำรวย แต่กิจการที่ทำก็มีมากเช่นกัน ทว่ามีเมืองเป่าติ้งกั้นอยู่ตรงกลางแบบนี้ พวกเราก็ลงใต้ลำบาก หากขึ้นเหนือก็มีอ๋องเหลียวอยู่ที่เหลียวตง จึงจำเป็นต้องคิดหาทางทำการค้าเกลือและม้าแล้ว”

ก็หมายความว่า หลังจากตระกูลหลี่ไปซานซีแล้วจะคิดหาทางเลี้ยงทหารส่วนตัว และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงทหารส่วนตัวก็ได้มาจากการส่งเกลือและม้าขาย

เฉาไทเฮาคิดแล้วก็พึมพำว่า “ได้! ข้าจะคิดหาทางให้ฝ่าบาทอนุญาตให้พวกเจ้าจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธหลังจากถึงซานซีแล้ว แบบนี้พวกเจ้าก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับสมัครคนแล้ว แล้วก็หูอี่เหลียงเป็นคนโลภมาก หากเจ้ารู้ว่าเขาอยากได้อะไร ก็รู้ว่าจะติดต่อกับเขาอย่างไรแล้ว ส่วนเงินเดือนทหารก้อนนี้ เจ้าใช้ได้อย่างเต็มที่ ข้าจะเขียนจดหมายให้เจ้า แล้วเจ้าไปพบกัวหย่งกู้ผู้ว่าราชการมณฑลเสฉวน เสฉวนอยู่ห่างไกลจากผู้คน แล้วก็มีบ่อเกลือ จึงง่ายกว่านำเกลือมาจากไหวหนานมาก”

หลี่เชียนรีบขอบคุณเฉาไทเฮา เขาเยือกเย็น ควบคุมตนเอง และลุ่มลึกจนไม่เหมือนวัยรุ่น

เฉาไทเฮาอดที่จะแอบพยักหน้าไม่ได้ นางหยิบกล่องลงรักสีแดงเล็กๆ ออกมาจากใต้โต๊ะของเตียงอุ่น และเอ่ยเสียงเบาว่า “ในนี้มีตั๋วเงินห้าแสนตำลึง เจ้าเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน…ทุกสิ่งทุกอย่างยากที่การเริ่มต้น หากแข็งใจผ่านด่านนี้ไปได้ เส้นทางหลังจากนี้ก็เดินสบายแล้ว”

“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เชียนตกใจ และยืนกรานปฏิเสธ “นี่เป็นเงินส่วนพระองค์ของไทเฮา และอีกไม่นานเฉิงเอินกงก็จะแต่งงานแล้ว ไทเฮาเก็บไว้ให้เขาดีกว่า! ตระกูลหลี่ยังมีกิจการอยู่ที่ฝูเจี้ยนอีกเล็กน้อย บิดาของกระหม่อมเริ่มให้คนย้ายทั้งหมดออกไปแล้ว ราคาอาจจะไม่ได้ดีเท่ายามปกติ ทว่าก็สามารถประคับประคองได้สักปีสองปี กระหม่อมไม่อาจขอเงินจากไทเฮาได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“วันหลังเจ้าคืนให้ข้าก็พอแล้ว” เฉาไทเฮายัดกล่องใส่อ้อมแขนของหลี่เชียนทันที และเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่านี่เป็นเงินส่วนตัวก้อนสุดท้าย ก็น่าจะใช้อย่างรู้ค่า ขอเพียงเจ้าสามารถปักหลักอยู่ที่ซานซีได้ เงินห้าแสนตำลึงของข้าก็ไม่สูญเปล่าแล้ว”

หลี่เชียนบอกปัดครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ยังไม่อาจเอาชนะเฉาไทเฮาได้ จึงรับเงินไว้อย่าง ‘ซาบซึ้ง’

เฉาไทเฮาให้เขาไปพบเฉาเซวียน และเอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าฝ่าบาทกำลังทำอะไรอยู่ ถึงได้โน้มน้าวให้ไทฮองไทเฮามาพักผ่อนที่ภูเขาวั่นโซ่ว ข้าไม่อยากเจอนาง ถึงเวลานั้นเจ้ากับเฉาเซวียนช่วยข้าต้อนรับพวกนางแล้วกัน!”

พวกนาง?

ยังมีใครจะมาอีก?

หลี่เชียนรู้สึกว่าตนเองตายเหมือนขี้เถ้าไปแล้ว ในชั่วพริบตาก็มีชีวิตขึ้นมาอีกเหมือนถูกกรอกสุรารสเลิศลงไป

เขาเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “กระหม่อมต้องเตรียมสิ่งใดบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”

เฉาไทเฮาลังเลอยู่ชั่วครู่ และเอ่ยว่า “เดิมทีเรื่องนี้ควรจะให้เฉิงเต๋อไห่ไปทำจะเหมาะที่สุด เพียงแต่ไทฮองไทเฮาเสด็จมา ฝ่าบาทก็ต้องมาด้วยแน่ คนสกุลฟางแยกกับเฉิงเต๋อไห่ไม่ได้ เฉาเซวียนก็ไม่เคยทำเรื่องพวกนี้ จึงจำเป็นต้องรบกวนเจ้าแล้ว ถึงเวลานั้นพวกท่านหญิงเจียหนานกับซื่อจื่อจิ้งไห่โหวก็ต้องมาด้วย เจ้าเก็บกวาดทางประตูวังทางทิศตะวันออกให้พวกเขาพัก และเก็บกวาดตำหนักเล่อโซ่วให้ไทฮองไทเฮาประทับ…”

เจียงเซี่ยน…จะมากับจ้าวเซี่ยว!

เสียงหึ่งหึ่งดังอยู่ในหูของหลี่เชียนตลอด ราวกับมีผึ้งหนึ่งพันตัวร้องตะโกนอยู่ใกล้หูเขา หลังจากนั้นเฉาไทเฮาพูดอะไรไปบ้าง หลี่เชียนก็ใช้เวลานานมากกว่าจะสติได้ และสงบสติอารมณ์และฟังให้ชัดเจน

เขายิ้มพลางรับปาก และไปที่ตำหนักเล่อโซ่วก่อน

ปีที่แล้วภูเขาวั่นโซ่วซ่อมแซมไปรอบหนึ่งแล้วเพราะต้องจัดงานวันเกิดของเฉาไทเฮา

เสาสีแดงเข้ม ผ้าม่านหน้าต่างสีขาวราวกับหิมะ ภาพสีแบบเมืองซูสีน้ำเงินเขียว ดอกไม้และต้นไม้เต็มลาน ดูเป็นระเบียบและสวยงาม ไม่มีตรงไหนต้องจัดเก็บ แต่หลี่เชียนก็ยังคงตั้งใจดูทั้งในและนอกตำหนัก เขาตรวจดูทั้งตำหนักหลักที่ไทฮองไทเฮากับไทฮองไทเฟยพักและตำหนักข้างตะวันออกที่เจียงเซี่ยนพักอย่างละเอียด รู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องเพิ่มหรือลดแล้ว ถึงจะไปที่ประตูวังทางทิศตะวันออก

ส่วนทางเจียงเซี่ยนเริ่มเก็บสัมภาระแล้ว

ตามคำสั่งของไทฮองไทเฮา พวกนางจะค้างที่ภูเขาวั่นโซ่วสองคืนถึงกลับ

เจียงเซี่ยนสงสัยเล็กน้อยว่าไทฮองไทเฮาไปภูเขาวั่นโซ่วด้วยเรื่องของตนเอง ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ยังรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องอยู่สองคืน…คืนเดียวก็พอแล้ว

คนอย่างเฉาไทเฮาคุยแบบผิวเผินก็พอแล้ว พูดมากไป กลับทำให้นางเกิดความสงสัยได้ง่าย

และยังทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจด้วย ส่วนจ้าวอี้ก็จะตามไปให้ได้

เจียงเซี่ยนไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจ้าวอี้ไม่มีทางทำไปเพื่อแสดงความกตัญญูต่อหน้าไทฮองไทเฮากับเฉาไทเฮา…เขาตั้งใจไปเยี่ยมคนสกุลฟางกับจ้าวสี่โดยเฉพาะต่างหาก

เจียงเซี่ยนคิดถึงเรื่องพวกนี้ ก็อดที่จะเบ้ปากไม่ได้

———————-

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท