มู่หนานจือ – บทที่ 157 ผิดพลาด

มู่หนานจือ

“น่าจะใช่กระมัง?” หลิวตงเยว่เล่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ให้เจียงเซี่ยนฟังอย่างตะกุกตะกัก “…หากไม่ใช่ทางสายหลัก จะกว้างและราบเรียบขนาดนี้ได้อย่างไร”

“รอบๆ มีผู้คนมากหรือไม่?” เจียงเซี่ยนถาม

หลิวตงเยว่กะพริบตาปริบๆ และมองเจียงเซี่ยนใบหน้าน่าเวทนามาก “ข้า…ข้าก็ไม่กล้ามองมากนักขอรับ!”

เจียงเซี่ยนโกรธขึ้นมาทันที และเอ่ยว่า “เจ้าตั้งใจหน่อยไม่ได้หรือ!”

หลิวตงเยว่ก้มหน้า ปิดปากเงียบ

เพียงแค่เขาคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฉาไทเฮา เขาก็รู้สึกเหน็บหนาวแล้ว

หลิวตงเยว่รีบบอกสิ่งที่ตนเองคาดเดากับเจียงเซี่ยน

เจียงเซี่ยนเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ใครก็มีความเป็นไปได้ที่จะสนับสนุนให้หลี่เชียนลักพาตัวนางทั้งนั้น แต่เฉาไทเฮานั้น… เป็นไปไม่ได้

หากหลี่เชียนแต่งงานกับนาง ก็เท่ากับเกี่ยวดองกับตระกูลเจียง ด้วยการให้ความสำคัญที่ตระกูลเจียงมีต่อนาง และกำลังที่แท้จริงของตระกูลเจียง ไม่ช้าก็เร็วหลี่เชียนก็ต้องยอมจำนน หากทั้งสองตระกูลเพียงแค่อยากรักษาความรักใคร่กลมเกลียวแบบผิวเผินนี้เอาไว้ มีการแต่งงานของไป๋ซู่กับเฉาเซวียนก็เพียงพอแล้ว

ทว่านางจะมีหน้าไปบอกหลิวตงเยว่ได้อย่างไรว่าหลี่เชียนอยากได้ตัวนาง?

เจียงเซี่ยนทำได้เพียงเอ่ยอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ต้องไม่ใช่เฉาไทเฮาอย่างแน่นอน หลี่เชียนเป็นคนของเฉาไทเฮา ข้าอยู่ในกำมือของหลี่เชียน ตระกูลเจียงกับไทฮองไทเฮาจะสงสัยเฉาไทเฮาเป็นคนแรก นางไม่มีทางทำเรื่องโง่แบบนั้นหรอก”

“เช่นนั้นหลี่เชียนคิดจะทำอะไรกันแน่?” หลิวตงเยว่กุมศีรษะ และเอ่ยว่า “เขาลักพาตัวท่านแล้วจะทำอะไรได้? ใช้ท่านข่มขู่เจิ้นกั๋วกง? ต่อไปเขายังจะยืนอยู่ในราชสำนักได้หรือ…” พอเอ่ยถึงตรงนี้ จู่ๆ หลิวตงเยว่ก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าฉายแววตื่นตระหนก และเอ่ยอย่างรีบร้อนว่า “ท่านหญิง พวกเขาไม่ปิดบังต่อหน้าพวกเราแม้แต่นิดเดียว หรือว่าพวกเขาคิดจะฆ่าปิดปากอย่างนั้นหรือ?”

พวกเขาไม่มีทางขังท่านหญิงเจียหนานไว้ได้ตลอดไป หากเจรจาเงื่อนไขกันเสร็จสิ้นแล้วก็ควรจะปล่อยท่านหญิงกลับไป แต่เห็นพวกเขาทำอะไรเปิดเผย และไม่คิดที่จะปิดบังแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าไม่กลัวท่านหญิงเจียหนานกับเขาเห็น ซึ่งก็หมายความว่า พวกเขาไม่กลัวจวนเจิ้นกั๋วกงรู้ ไม่กลัวฮ่องเต้รู้ และไม่กลัวไทฮองไทเฮารู้

คนแบบไหนที่จะรักษาความลับได้

นั่นก็คือคนตายที่ไม่มีทางเอ่ยปากพูดแล้ว!

หลี่เชียนคิดจะฆ่าท่านหญิงเจียหนานกับเขาหลังจากไปถึงจุดหมายแล้ว…

เป็นครั้งแรกที่หลิวตงเยว่รู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้

เขาอดที่จะตัวสั่นไม่ได้ จนฟันกระทบกันกึกกึก

เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าหลิวตงเยว่ขี้ขลาดมาก และเอ่ยว่า “เจ้ากลัวอะไรเล่า? หลี่เชียนไม่มีทางฆ่าพวกเราหรอก”

ท่านหญิงใช้คำว่า ‘ไม่มีทาง’ ไม่ใช่ ‘ไม่กล้า’

นางแน่ใจขนาดนี้ได้อย่างไร

หลิวตงเยว่ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง หลี่เชียนก็ถามพวกเขาผ่านม่านว่า “ท่านหญิง ข้างหน้ามีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง ข้าจะให้หลิวตงเยว่พาท่านออกไปเดินเล่นสักหน่อย อีกหนึ่งเค่อพวกเราจะออกเดินทาง” แล้วก็เรียก “หลิวตงเยว่” และเอ่ยว่า “เจ้าออกมาก่อน ให้อวิ๋นหลินบอกเจ้าว่าไปทางไหน”

ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สบตากันครั้งหนึ่ง หลิวตงเยว่ก็ออกไปจากรถม้าอย่างว่าง่าย

หลี่เชียนขึ้นมาบนรถม้า และถามเจียงเซี่ยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เหนื่อยหรือไม่?”

“เหนื่อย!” เจียงเซี่ยนพิงหมอนอิงใบใหญ่อย่างเกียจคร้าน และเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนประชดว่า “ข้าบอกว่าเหนื่อยแล้วเจ้าจะจอดพักอย่างนั้นหรือ?”

หลี่เชียนได้ยินก็เงียบไปชั่วครู่ และเอ่ยว่า “จอดพักไม่ได้ก็จริง แต่เจ้าสามารถนอนสักตื่นได้ เวลาเดินทางพอนอนก็จะรู้สึกว่าเวลาไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น”

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถามนางว่าเหนื่อยหรือไม่จะมีความหมายอะไร?

เจียงเซี่ยนเบือนหน้าไปทางอื่น เหมือนขี้เกียจที่จะสนใจเขา

หลี่เชียนยิ้มอย่างจนใจ และออกไปจากรถม้า

หลิวตงเยว่คลานเข้ามา และเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านหญิง ข้างหน้ามีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง พวกเขาไปหาผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว และยืมส้วมในบ้านของผู้ใหญ่บ้านคนนั้น…”

ความนัยที่แฝงในนั้นก็คือ รถม้าตั้งใจจอดที่นี่โดยเฉพาะ เพื่อให้เจียงเซี่ยนได้เข้าห้องน้ำ

เจียงเซี่ยนสีหน้าแดงก่ำ ทว่ากลับจำเป็นต้องรับความหวังดีของหลี่เชียน ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวนางก็จำเป็นต้องจัดการเรื่องนี้ในพงหญ้าข้างทางแล้ว เช่นนั้นนางยอมกลั้นใจตายดีกว่า

หลิวตงเยว่ประคองนางลงจากรถม้า

นางถึงเห็นว่ารถม้าจอดอยู่ในเรือนของผู้ใหญ่บ้านคนนั้น

น่าจะปัดกวาดสถานที่แล้ว ในเรือนสี่ประสาน[1]ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นสามส่วนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเงียบสงัด ข้าวของต่างก็เก็บจนสะอาดสะอ้าน เหมือนทำความสะอาดล่วงหน้ามาแล้ว

หลิวตงเยว่ดูแลให้เจียงเซี่ยนเข้าส้วม ใช้จ่าวโต้ว[2]ที่วางอยู่บนตั่งเล็กข้างส้วมล้างมือ และขึ้นรถม้าอีกครั้ง

หลี่เชียนขี่ม้าและเดินอยู่ข้างรถม้า เหมือนคอยปกป้อง

แต่เจียงเซี่ยนกลับหนักใจขึ้นมา

หลี่เชียนไม่เพียงแต่ใช้ทางหลัก ทว่ายังวางตัวตามสบาย และไม่เปลี่ยนแม้แต่การแต่งตัว เหมือนไม่กลัวคนจำเขาได้สักนิด

แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ยโสโอหัง อวดดี และบุ่มบ่ามแบบนั้น

ตรงกันข้าม ในความทรงจำของเจียงเซี่ยน หลี่เชียนไม่เพียงแต่วางแผนรอบคอบและคิดการณ์ไกลมาก ทว่ายังคิดและไตร่ตรองสิ่งต่างๆ อย่างถี่ถ้วน สามารถปรับตัวได้ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะดีหรือแย่ กล้าหาญ เด็ดขาด และแข็งแกร่ง…แล้วเขาจะทำพลาดแบบนี้ได้อย่างไร

เรื่องนี้อธิบายได้เพียงอย่างเดียวก็คือ…หลี่เชียนไม่กลัวเจียงลวี่ตามทันสักนิด

ทำไมเขาถึงไม่กลัวเจียงลวี่ตามทันล่ะ?

เจียงเซี่ยนคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ใครยังช่วยหลี่เชียนรับผิดชอบได้อีก?

หลิวตงเยว่ไม่ได้นอนมาสิบห้าชั่วยามแล้ว พอแข็งใจผ่านช่วงเวลาที่ยากที่จะทนได้ในตอนแรกสุดไปได้ เขาก็เริ่มสัปหงกอีกครั้ง

แต่เขากล้าหลับที่ไหนกัน

เขาหยิกต้นขาของตนเองติดกันหลายครั้งอย่างแรง แล้วถึงเอ่ยกับเจียงเซี่ยนเสียงเบาว่า “ท่านหญิง ข้าแอบผูกผ้าเช็ดหน้าของท่านไว้บนกิ่งนอกส้วมแล้วขอรับ”

เจียงเซี่ยนพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก นางยังคงคิดอยู่ว่าทำไมหลี่เชียนถึงเหิมเกริมแบบนี้

หลิวตงเยว่ก็เอ่ยเสียงเบาแล้วว่า “ท่านหญิง ข้าว่าหลี่เชียนรู้ความใช้ได้ทีเดียว จัดหาส้วมให้ท่านก็รู้จักหาบ้านที่สะอาดที่สุด แถมยังวางจ่าวโต้วกล่องหนึ่งไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างส้วมด้วย…ข้าดูมาอย่างละเอียดแล้ว ด้วยเครื่องเรือนในบ้านของผู้ใหญ่บ้านคนนั้น ต้องไม่รู้ว่าจ่าวโต้วคืออะไรอย่างแน่นอน ดังนั้นจ่าวโต้วต้องเป็นสิ่งที่หลี่เชียนพกติดตัวมาแน่ๆ ท่านว่าพวกเราควรเจรจาเงื่อนไขกับเขาหรือไม่ คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าชื่อเสียง ฐานะ และผลประโยชน์ เขาต้องการอะไร คนอื่นรับปากได้ พวกเราก็ต้องรับปากได้อย่างแน่นอน…”

เจียงเซี่ยนปรายตามองเขาอย่างเย็นชา

หลิวตงเยว่กลืนคำพูดที่ยังพูดไม่จบลงไป

ทว่าเจียงเซี่ยนกลับเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

หลี่เชียนกล้าทำแบบนี้ ก็ไม่พ้นสองปัจจัย หนึ่งคือไม่กลัวพี่ชายของนางหาเจอ แต่เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่นางเริ่มคุยเรื่องแต่งงานกับจ้าวเซี่ยว ต่อให้นางเลือกสามี ตระกูลหลี่ก็มีคุณสมบัติไม่เพียงพอและไม่อยู่ในตัวเลือกด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นหลี่เชียนยังลักพาตัวนาง ไม่ว่าจะมองจากด้านความรู้สึกหรือสถานการณ์ ตระกูลเจียงก็ไม่มีทางรับปากให้นางแต่งงานกับเขาทั้งนั้น คิดว่าเรื่องนี้หลี่เชียนคงรู้ดี

ยังมีอีกปัจจัย…ก็คือหลี่เชียนมีคนคอยหนุนหลัง และคนๆ นี้จะครอบงำการตัดสินใจของเจียงลวี่ จนกระทั่งทำให้เจียงลวี่เดินเข้าสู่ทางแยก และหลี่เชียนก็มีความมั่นใจเพียงพอว่าคนๆ นี้จะทำสำเร็จ

เจียงเซี่ยนคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที

คนๆ นี้ที่สามารถครอบงำการตัดสินใจของเจียงลวี่ได้ไม่เพียงแต่สนิทกับเจียงลวี่ ทว่ายังสามารถทำให้เจียงลวี่เชื่อถือและนับถือ จนทำตามความเห็นของเขา

คนๆ นี้เป็นใครกัน?

วันนี้เขาสามารถทำงานให้หลี่เชียนได้ สักวันหนึ่งเขาก็สามารถทำงานให้เฉาไทเฮาได้เหมือนกันหรือไม่?

เจียงลวี่เป็นผู้สืบทอดในอนาคตของจวนเจิ้นกั๋วกง หากข้างกายเขามีคนแบบนี้สักคน จวนเจิ้นกั๋วกงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากอย่างนั้นหรือ!

————————————

[1] เรือนสี่ประสาน บ้านที่ล้อมด้วยกำแพงทั้งสี่ด้านโดยมีลานบ้านอยู่ตรงกลาง

[2] จ่าวโต้ว สิ่งที่ใช้แทนสบู่ในสมัยโบราณ ทำจากผงถั่วผสมกับยา โดยจะปั้นเป็นก้อนกลม

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท