มู่หนานจือ – บทที่ 164 ร้อยเรียงเรื่องราว

มู่หนานจือ

ความโกรธของเจียงเซี่ยนแล่นมาอย่างกะทันหัน ราวกับแมวขี้เกียจที่อาบแดดอยู่ แล้วจู่ๆ ก็ถูกคนเหยียบหาง จึงกระโดดขึ้นมาทันที และเข้าไปข่วนคนที่เหยียบนางอย่างไร้ซึ่งความปราณี แม้แต่หลิวตงเยว่ก็ตั้งตัวไม่ทันจนอึ้งไปตรงนั้นเช่นกัน

ทว่าหลี่เชียนกลับถอนหายใจยาวเหยียด

มีเรื่องราวและคนมากมายครอบครองสายตาและความคิดของเจียงเซี่ยนอยู่ และคนที่สามารถทำให้นางอารมณ์ร้อนขึ้นมาได้ก็ล้วนเป็นคนที่นางใส่ใจทั้งนั้น

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่เขาเห็นเจียงเซี่ยนรู้ว่าจ้าวเซี่ยวได้รับบาดเจ็บแล้วจะส่งยาให้จ้าวเซี่ยว ในใจถึงได้ทั้งลนลานจนทำอะไรไม่ถูกและเสียใจและไม่สบายใจในเวลาเดียวกัน

เจียงเซี่ยนไม่สนใจเขา เขากลับรู้สึกห่อเหี่ยว นางระเบิดอารมณ์ใส่เขา เขากลับสบายใจกว่า

“ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น” หลี่เชียนรีบอธิบายว่า “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสนใจเรื่องนี้ขนาดนี้ เจ้าน่าจะรู้ว่า ตระกูลเจียงมีบุญคุณที่ช่วยประคับประคองข้า ข้าจึงไม่มีวันทรยศตระกูลเจียง ข้าคิดว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ เพียงแต่ข้าอยากให้เจ้าไปซานซีกับข้ามาก ข้าพยายามคิดทุกวิถีทางแล้วก็คิดวิธีอื่นที่ดีกว่าไม่ออก จึงจำเป็นต้องขอให้เพื่อนคนหนึ่งช่วย ข้ารับรองด้วยชีวิตได้ว่า เขาจะไม่ทำลายตระกูลเจียงและจะไม่ทำร้ายเจียงลวี่อย่างแน่นอน หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าสาบานได้…”

เจียงเซี่ยนไม่รับความหวังดีด้วยซ้ำ นางยิ้มเยาะและเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าไม่บอก แล้วข้าจะเดาไม่ได้หรือ?”

หลี่เชียนอ้าปาก และไม่พูดอะไรออกมาอยู่นานมาก

เขาไม่คิดว่าเจียงเซี่ยนจะเดาได้ว่าเป็นใครจริงๆ?

ทว่าพอเจียงเซี่ยนเอ่ยเช่นนี้ เขาก็นึกถึงความฉลาดของเจียงเซี่ยน และกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่ก็สกับเป็นนาง

ทว่าก็เป็นเพราะเจียงเซี่ยนฉลาดเกินไปแล้วเช่นกัน จึงไม่อาจตัดไปได้ว่านางหลอกเขา

หลี่เชียนอดไม่ได้ที่จะลำบากใจเล็กน้อย

เขาไม่อยากทำสงครามเย็นกับเจียงเซี่ยนแบบนี้ต่อไปแล้ว ขอเพียงเจียงเซี่ยนยอมคุยกับเขา ขอเพียงเจียงเซี่ยนยังยอมทะเลาะกับเขาต่อไป เขาก็มีโอกาสเอาใจนาง ง้อนาง ทำให้นางมีความสุข แต่หากเจียงเซี่ยนคิดจะหลอกเขา เรื่องนี้ก็ไม่จบไม่สิ้น สิ่งที่รอเขาอยู่ก็อาจจะเป็นใบหน้าที่เคร่งขรึมมากขึ้นและการปฏิบัติที่เย็นชามากขึ้น

สมองของหลี่เชียนแล่นอย่างรวดเร็ว

เหมือนจะไม่มีวิธีที่ดีกว่ามาแก้ไขเรื่องนี้แล้ว…เช่นนั้นก็สารภาพแล้วกัน

บางครั้ง…การสารภาพก็เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด

“ข้ารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะรู้” หลี่เชียนมองเจียงเซี่ยนอย่างเยือกเย็น และเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ข้าไม่เคยคิดจะหลอกเจ้าเลย แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ระหว่างทาง จึงไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดเท่านั้นเอง เจ้าน่าจะเข้าใจ สองแคว้นรบกัน ยังห้ามสังหารทูตที่อีกฝ่ายส่งมาเลย ดังนั้นเจ้าจะตัดสินโทษของข้าแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นไว้เรื่องราวจบแล้วพวกเราค่อยว่ากัน? ตอนนี้ก็หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาความผิดของข้า และให้โอกาสข้ากลับตัวใหม่สักครั้ง…”

คนๆ นี้ต่อหน้านางกลับทำตัวไร้ยางอายจนเป็นนิสัย

นางหน้าด้านไม่เท่าเขาจริงๆ

เจียงเซี่ยนอดที่จะแอบด่าหลี่เชียนในใจสักสองสามคำไม่ได้

นางโกรธมาก ทว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็เคยเป็นไทเฮาที่ว่าราชการหลังม่านหลายปี ไม่เหมือนกับตอนนั้นที่เป็นฮองเฮา พออารมณ์มาแล้วใครก็ขวางไม่อยู่ทั้งนั้น เวลานี้นางก็รู้เช่นกันว่ายิ่งเจอเรื่องราวก็ยิ่งต้องใจเย็น

อารมณ์ของนางมาเร็ว ไปก็เร็วเช่นกัน ไม่นานนางก็เริ่มคาดการณ์ว่าใครกำลังช่วยหลี่เชียน

หลังจากนั้นนางคิดได้ว่าจุดยืนของทั้งสองคนแตกต่างกัน จะมีความคิดต่างกันก็เป็นเรื่องปกติ จึงไม่ค่อยโกรธหลี่เชียนแล้ว

แค่รู้สึกเบื่อเล็กน้อย และขี้เกียจจนไม่มีอารมณ์ไปทำอย่างอื่น

คิดไม่ถึงว่านางเพิ่งจะกดน้ำเต้าแห่งความโกรธแค้นในใจตนเองลงไป เขากลับรนหาที่ตายด้วยการวิ่งมาตรงหน้านางและเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก แถมยังบอกนางว่าเขาบอกไม่ได้ด้วยท่าทางเหมือนสารภาพอย่างตรงไปตรงมา ทว่าความจริงแล้วมีเจตนาร้ายแอบแฝง

เหมือนเหล่าขุนนางใหญ่ในราชสำนักในชาติก่อนตอบตอนนั้น

ความโกรธที่เดิมทีหยุดไปแล้วของนางจึงถูกเขากระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้

เจียงเซี่ยนตอบโต้เขาอย่างเจ็บแสบ

แต่เรื่องราวยังคงเหมือนชาติก่อน คนๆ นั้นอยากหนีคำถามนี้ จึงเริ่มพูดจาอ้อมค้อมกับนาง

แล้วนางจะให้เขาสมปรารถนาได้อย่างไร?!

“ให้แม่ทัพใหญ่หลี่ที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังในอนาคตขอโทษข้า ข้าไม่กล้ารับหรอก” นางเลิกคิ้วพลางยิ้ม ความท้าทายปนดูถูกและความเจ้าเล่ห์ในการวางแผนเล็กน้อย ทำให้หัวใจของหลี่เชียนเต้นผิดจังหวะอย่างควบคุมไม่ได้ “ให้ข้าเดา ใครกันที่ใจกล้ามากขนาดนี้ ไม่เห็นความน่าเกรงขามของราชวงศ์อยู่ในสายตา และกล้ายุให้สายของตระกูลเจียงช่วยเจ้า…พวกเรามาดูกันก่อนว่าการหายตัวไปของข้าจะทำให้ใครได้ประโยชน์ไป? จ้าวเซี่ยว? เขาเป็นคนหนึ่งที่เสียหายหนักที่สุด ตัดออกได้เลย ไป๋ซู่? พวกเราสนิทกันเหมือนพี่น้อง นางไม่มีทาง เฉาเซวียน? นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้แล้ว เขาหมั้นแล้ว และเป็นพันธมิตรกับตระกูลเจียงแล้ว ข้าหายตัวไป ไม่เป็นผลดีต่อเขาแม้แต่นิดเดียว จินเซียว? ต่อให้ข้าแต่งงานกับเติ้งเฉิงลู่ก็คงไม่มีทางแต่งงานกับเขาได้กระมัง? หรือว่าจะเป็นเติ้งเฉิงลู่?”

เจียงเซี่ยนจ้องหลี่เชียน มุมปากปรากฏความเย็นชาออกมาอย่างเบาบาง

หลี่เชียนฝืนยิ้มอย่างจนใจ

ณ จวนเจิ้นกั๋วกง ห้องหนังสือที่เรือนด้านนอกของเจียงเจิ้นหยวนเจิ้นกั๋วกง เวลานี้โคมไฟกลับสาดส่องสว่างไสว

เจียงเจิ้นหยวนนวดคลึงระหว่างคิ้ว ความอ่อนเพลียที่ยากจะปิดบังได้ปีนขึ้นไปตรงบริเวณหว่างคิ้วของเขาแล้ว เสียงที่แหบเล็กน้อยเพราะร้อนใจจนเป็นร้อนในของเขาดังขึ้นในห้องหนังสืออย่างแผ่วเบา “ข้าก็รู้ว่าดึกมากแล้ว แต่พวกเราก็ชักช้าไม่ได้แม้แต่เค่อเดียวแล้วเช่นกัน พวกเราลองคิดดูอีกครั้ง ก่อนเจียหนานจะหายตัวไป เห็นอะไรผิดปกติหรือไม่?”

พวกจ้าวเซี่ยวนั่งล้อมอยู่ข้างกายเจียงเจิ้นหยวน

บางครั้งโคมวังหลวงแบบตั้งพื้นตรงมุมกำแพงก็ส่งเสียงไส้ตะเกียงที่ไหม้จนกลายเป็นรูปดอกไม้ออกมาอย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่เจียงเซี่ยนหายตัวไป จ้าวเซี่ยวก็แทบจะไม่ได้นอน เขาไม่เพียงแต่ผ่ายผอมไปมาก ทว่านัยน์ตาที่สดใสก็ยังกลายเป็นสูญเสียความสดใสสวยงามไปด้วย

หากฮ่องเต้ไม่ได้ลักพาตัวเจียงเซี่ยนไป ไม่สิ ต่อให้ฮ่องเต้เป็นคนลักพาตัวเจียงเซี่ยนไป ก็เท่ากับตบหน้าเขาเช่นกัน เพียงแต่เพราะเป็นฮ่องเต้ คนอื่นรู้แล้วก็คงจะคิดว่าเขาสมควรถูกตบเช่นนี้แล้ว หากเป็นคนอื่น เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกของราชสำนักและประชาชน

ใครกันที่จะทำร้ายเขาแบบนี้!

เฉาเซวียนคิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะลักพาตัวเจียงเซี่ยนไป? ลักพาตัวเจียงเซี่ยนไปจะมีประโยชน์อะไร?

เมื่อก่อนเฉาไทเฮาอยากให้เขาแต่งงานกับเจียงเซี่ยน ตอนหลังเขาหมั้นกับไป๋ซู่แล้ว เขาก็คอยหลบเลี่ยงเจียงเซี่ยน จึงไม่ได้สนใจจริงๆ ว่าข้างกายเจียงเซี่ยนมีใครบ้าง

ส่วนจินเซียวก็ขยับตัวอย่างไม่สบายใจ และมองหวังจ้านที่จิตใจห่อเหี่ยวไปหมดทั้งตัวแล้ว

มีแต่เติ้งเฉิงลู่ที่ยังดูเหมือนเดิม เขามองที่ทับกระดาษรูปกวางหมอบที่แกะสลักจากหยกมันแพะบนโต๊ะเขียนหนังสืออย่างเหม่อลอย ราวกับจิตใจล่องลอยไปที่อื่น และมีแต่ร่างกายที่อยู่ในโลกมนุษย์

เมื่อความโกรธกระทบกระเทือนจิตใจ เจียงลวี่จึงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย และถามจินเซียวว่า “เจ้าเป็นคนเช่าหมู่บ้าน แล้วเจ้าก็เป็นคนเสนอให้ไปเที่ยว ยากที่เจ้าจะไม่เห็นจุดที่น่าสงสัยแม้แต่นิดเดียว? ต้องรู้ว่า พวกเราทุกคนต่างอยู่ที่หมู่บ้าน และองครักษ์กับผู้ติดตามที่พาไปก็ไม่น้อย เช่นนั้นปกติแล้วหากโจรไม่มาสังเกตการณ์คนที่จะลักพาตัวก่อนลงมือ จะรู้ได้อย่างไรว่าเจียหนานพักที่ไหน? และการวางผังของหมู่บ้านเป็นอย่างไร?”

ทุกคนเหมือนเพิ่งจะได้สติกลับมาในเวลานี้ สายตาของทุกคนค่อยๆ จับจ้องไปที่จินเซียว

จินเซียวสีหน้าแดงก่ำ ทว่าก็ไม่อาจแก้ต่างได้ เขากลั้นหายใจอยู่ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง นานมากทีเดียวถึงจะทำตาแดงและเอ่ยว่า “ข้าก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้เหมือนกันนี่นา! ก่อนหน้านี้อ๋องเหลียวชวนข้าไปเที่ยว ไม่สิ ก็ไม่ได้ชวนข้าคนเดียวเช่นกัน ชวนผู้บัญชาการกับแม่ทัพโหยวจีที่มาจากเมืองสำคัญตามชายแดนอย่างพวกเราทุกคน เซ่าเจียงลูกชายของท่านลุงเซ่าแม่ทัพอวี๋หลินก็ไปแล้ว ข้าก็ถูกเซ่าเจียงลากไปด้วย…”

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท