มู่หนานจือ – บทที่ 172 ไม่เชื่อ

มู่หนานจือ

เฉาเซวียนมองต้นไม้ใบหญ้าในลานบ้านอย่างเหม่อลอยไปพักหนึ่ง ไป๋ซู่ถึงเดินมาโดยห้อมล้อมไปด้วยเหล่าสาวใช้และแม่บ้านอย่างแน่นหนา

ไป๋ซู่สวมเสื้อคลุมยาวลายเปี้ยนตี้จินและลายคนโทสีบานเย็น ทาแป้ง ทาปาก ผมสีดำสนิทเกล้าเป็นมวยทรงก้นหอยคู่ ปักปิ่นทองที่ฝังอัญมณีนานาชนิดและดอกไม้ใหญ่ที่ประดับด้วยขนนกกระเต็นสีฟ้า แต่งตัวสีสันสดใสและงดงามมาก แต่กลับยากที่จะปิดบังความกลัดกลุ้มบนหน้าได้

หลังจากสาวใช้นำชากับของว่างมาให้แล้ว นางก็ไล่คนรับใช้ข้างกายออกไปหมด และเอ่ยเสียงเบาด้วยสีหน้ากังวลว่า “เป่าหนิงนาง…” นางยังพูดไม่จบแม้แต่ประโยคเดียวก็น้ำตาคลอเบ้าแล้ว “หลายวันนี้ข้านอนไม่หลับด้วยซ้ำ” นางพึมพำว่า “พอหลับตาก็นึกถึงภาพที่พวกเราเจอกันครั้งแรก และเจียหนานยัดถั่วปากอ้าใส่ปากข้า…”

เรื่องที่เจียงเซี่ยนหายตัวไป นางไม่ได้บอกแม้กระทั่งบิดามารดาของตนเอง

ส่วนพวกคนที่ตามไปรับใช้นั้น ก็อ้างว่าจะแต่งงานแล้ว และกักตัวพวกนางทั้งหมดให้ทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ในเรือนของตนเอง

นางทั้งตกใจทั้งกลัว และอึดอัดมาก พอเจอคนที่รู้เรื่องจึงพูดมากกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว

เฉาเซวียนขมวดคิ้ว

เขามองออกว่า ไป๋ซู่เป็นห่วงเจียงเซี่ยนอยู่จริงๆ

ทว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมตอนที่เจียงเจิ้นหยวนถามทุกคนนางกลับไม่พูดอะไรเลย?

ไป๋ซู่คิดว่าหลี่เชียนเป็นคนที่เหมาะสมกับเจียงเซี่ยนอย่างนั้นหรือ?

เช่นนั้นเจียงเซี่ยนหนีตามหลี่เชียนไป ก็สมใจทั้งสองคนพอดีไม่ใช่หรือ?

ไป๋ซู่กังวลอะไรอยู่อีกล่ะ?

เฉาเซวียนรู้สึกสงสัยในตัวนางมาก

เขาอดที่จะตั้งใจมองนางชัดๆ ไม่ได้

ไป๋ซู่ยังเป็นหญิงงามจริงๆ

ไม่เพียงแต่หน้าตาสะสวย ท่าทางยังอ่อนโยนและสุภาพด้วย

แต่ว่าผู้หญิงแบบนี้มีมากมาย

ใครจะมองออกได้ว่าพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่?

ตอนแรกก็ตระกูลหลี่ทรยศ ต่อมาไป๋ซู่ก็ไม่พูดออกมาจากใจจริง เฉาเซวียนรู้สึกว้าวุ่นใจขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหนื่อยมาก

และไม่อยากอ้อมค้อม

“ข้าเพิ่งมาจากจวนเจิ้นกั๋วกง” เฉาเซวียนดื่มชาอึกหนึ่ง และเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้ให้ไป๋ซู่ฟังด้วยสีหน้าเฉยชา

พอไป๋ซู่ได้ยินก็กระโดดขึ้นมา และเอ่ยอย่างตื่นตระหนกว่า “เป็นไปไม่ได้” “เจียหนานไม่มีทางหนีตามคนอื่นไป! พวกเจ้าไปฟังใครพูดมา? ในเมื่อจินเซียวหลอกพวกเราครั้งหนึ่งได้ก็หลอกพวกเราสองครั้งได้ ท่านลุงเจียงเชื่อคำพูดโกหกแบบนี้ได้อย่างไร? ข้าอยู่กับเจียหนานทุกวัน หากเจียหนานชอบพอกับหลี่เชียน ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?”

นางพูดอยู่ก็หยุดไปอย่างกะทันหัน และมองไปทางเฉาเซวียนด้วยสีหน้าซีดเซียว

“ท่านลุงเจียงให้เจ้ามาบอกเรื่องนี้กับข้า เขากำลังโกรธข้าใช่หรือไม่? คิดว่าเจียหนานหนีตามหลี่เชียนไปแล้ว แต่ข้ากลับปล่อยเลยตามเลย…”

ยังถือว่าไม่โง่!

เฉาเซวียนแอบถอนหายใจ

ทว่าไป๋ซู่กลับร้อนรนขึ้นมาทันที นางดึงแขนเสื้อของเฉาเซวียน “เจ้าพาข้าไปพบท่านลุงเจียง เจียหนานไม่มีทางหนีตามคนอื่นไป หากนางอยู่กับหลี่เชียนจริงๆ ก็ต้องถูกหลี่เชียนลักพาตัวไปอย่างแน่นอน!”

เฉาเซวียนไม่เชื่อคำพูดของนาง เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ และซักถามนาง “เจ้ามีหลักฐานอะไร?”

ไป๋ซู่หน้าแดงขึ้นมาทันที และอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นานมากก็ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

เฉาเซียนคิดว่าไป๋ซู่อาจจะปิดบังเรื่องของเจียงเซี่ยนกับหลี่เชียน พอเห็นนางเป็นแบบนี้จึงไม่ค่อยสบอารมณ์ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า “ตอนนี้มันยามไหนแล้ว เจ้ายังทำเป็นเขินอายอยู่ตรงนี้ บางครั้งคำพูดประโยคเดียวก็สามารถตัดสินความเป็นความตายของคนๆ หนึ่งได้ เจ้าบอกว่าเจียหนานไม่มีทางหนีตามคนอื่นไป ทว่าเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นเจิ้นกั๋วกงหรือจินเซียวต่างก็คิดว่าเจียหนานหนีตามคนอื่นไปแล้ว…”

ไป๋ซู่เข้าใจทันที

หากเจียงเซี่ยนไม่ได้หนีตามหลี่เชียนไป แต่ถูกลักพาตัวไปอย่างที่นางบอก การปิดบังของนางก็อาจจะฆ่าเจียงเซี่ยนได้

ไป๋ซู่กัดริมฝีปาก แล้วตัดสินใจในชั่วพริบตา และเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าชอบเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ต่อมาเจียหนานรู้เข้า เจียหนานก็สนับสนุนให้ข้าแต่งกับเจ้า แต่ตอนนั้นไทเฮายังกุมอำนาจอยู่ และข้าคิดว่าฐานะของทั้งสองตระกูลแตกต่างกันมาก จึงไม่ให้นางเอ่ยถึงเรื่องนี้ ตอนหลังไทเฮาไปพักผ่อนอย่างสงบที่ภูเขาวั่นโซ่วแล้ว เจียหนานก็ถามข้าอีกว่ายินดีแต่งงานกับเจ้าหรือไม่ ข้าบอกว่าข้ายินดี นางจึงไปขอร้องท่านลุงเจียง และทำให้การแต่งงานของพวกเราสำเร็จ”

เฉาเซวียนมองไป๋ซู่อย่างตกใจ

เขาเข้าใจมาตลอดว่าไป๋ซู่ถูกบังคับให้แต่งงานกับเขา

ความรู้สึกของเฉาเซวียนกลายเป็นลุ่มลึกมากทันที เขามองไป๋ซู่อย่างงุนงง และนิ่งไปนานมาก

ไป๋ซู่กระแอมเบาๆ อย่างลำบากใจและอึดอัดใจครั้งหนึ่ง แล้วหลุบตาลงและเอ่ยต่อว่า “หรือว่าความสัมพันธ์ของตระกูลหลี่กับตระกูลเจียงในเวลานี้ซับซ้อนมากกว่าพวกเราในตอนนั้นอีกอย่างนั้นหรือ? หากเจียหนานอยากแต่งงานกับหลี่เชียน จะไม่มีวิธีได้อย่างไร? และคนที่เจียหนานใส่ใจที่สุดคือไทฮองไทเฮา นางเคยบอกข้าว่า นางยินดีอยู่ในวังตลอดไป เพื่อให้ไทฮองไทเฮาอายุยืน ดังนั้นนางไม่มีทางทอดทิ้งไทฮองไทเฮาและตามหลี่เชียนไปซานซี ตอนนั้นที่จ้าวเซี่ยวคุยเรื่องแต่งงานกับเจียหนาน สาเหตุหลักที่เจียหนานตกลงแต่งงานกับจ้าวเซี่ยวก็เพราะจ้าวเซี่ยวเคยสัญญาต่อหน้าไทฮองไทเฮาว่าจะอยู่เมืองหลวงสักห้าหกปี ดังนั้นนางไม่มีทางทอดทิ้งไทฮองไทเฮาและตามหลี่เชียนไปซานซีแน่”

ส่วนที่เจียงเซี่ยนคิดว่าสามีไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ชอบอยู่ด้วยกันก็ใช้ชีวิตด้วยกัน ไม่ชอบแล้วก็แยกกันนั้น คำพูดแบบนี้ผิดธรรมเนียมและน่าตกใจมากเกินไป อย่างไรนางก็ไม่กล้าบอกเฉาเซวียน

เฉาเซวียนได้ยินก็สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

หรือว่าจะเข้าใจผิดจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

จินเซียวถูกหลี่เชียนหลอก?

หรือว่าจินเซียวกับหลี่เชียนรวมหัวกันหลอกทุกคน?

หากเจียงเซี่ยนไม่ได้ชอบพอกับหลี่เชียนจริงๆ แต่ถูกหลี่เชียนลักพาตัวไป…ตระกูลเจียงจะคิดว่าเรื่องนี้ตระกูลเฉาสนับสนุนหลี่เชียนอยู่เบื้องหลังหรือไม่?

เฉาเซวียนเหงื่อตกเต็มศีรษะ

หลี่เชียนเจ้าคนสารเลวนั่น ทำให้ตระกูลเฉาลำบากเสียแล้ว!

เฉาเซวียนตะโกนด่าอยู่ในใจ ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ

ในเมื่อตระกูลหลี่แอบไปพึ่งพาอาศัยตระกูลเจียงแล้ว หลี่เชียนก็น่าจะประจบเจียงเซี่ยนไม่ทันเสียด้วยซ้ำ แล้วจะลักพาตัวเจียงเซี่ยนไปได้อย่างไร?

หลี่เชียนไม่กลัวตระกูลเจียงกับตระกูลหลี่แตกหักกันหรือ?

ต้องรู้ว่ารอบๆ ตระกูลเจียงนั้นมีคนที่อยากฉวยโอกาสเลื่อนตำแหน่งแบบตระกูลหลี่มากมาย ตระกูลหลี่ไม่อยากทำแล้ว ข้างหลังก็ยังมีคนต่อแถวอยู่อีก! ทว่าการได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเจียงและได้ลงเรือของตระกูลเฉาและติดต่อกับไทเฮานั้นกลับเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตระกูลหลี่เลื่อนตำแหน่งได้เร็วขึ้นมาก

ตระกูลหลี่จะกล้าล่วงเกินตระกูลเจียงได้อย่างไร?

แต่ไป๋ซู่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องโกหก…

เช่นนั้นมันผิดตรงไหนกันแน่?

ทันใดนั้นเฉาเซวียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

ตอนวันเกิดไทเฮา เขาอยู่กับพวกลูกหลานของตระกูลขุนนาง ต่อมาถึงได้ยินว่า หลี่เชียนล่วงเกินท่านหญิงเจียหนาน จึงถูกท่านหญิงเจียหนานลงโทษให้คุกเข่าที่ท่าเรือวารีเคียงพฤกษาหลายชั่วยาม

เขาอาฆาตแค้นอย่างนั้นหรือ?

เฉาเซวียนอดที่จะถามไป๋ซู่ไม่ได้ “หลังจากภูเขาวั่นโซ่ว หลี่เชียนกับเจียหนานยังเคยติดต่อกันอีกหรือไม่?”

ไป๋ซู่ได้ยินแล้วก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ท่าเรือวารีเคียงพฤกษาเช่นกัน

“เจ้าจะบอกว่าหลี่เชียนอาฆาตแค้นเจียหนานหรือ?” นางเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “หลังจากนั้นเจียหนานก็ไม่ได้หาเรื่อง ตอนหลังหลี่เชียนเคยมาเยี่ยมเยียนเจียหนาน เจียหนานก็สุภาพและเป็นมิตรกับเขามาก เขาก็เคารพนับถือเจียหนานมากเช่นกัน ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ แล้วเขาจะอาฆาตแค้นเจียหนานได้อย่างไร?”

“ดังนั้น…หลังจากภูเขาวั่นโซ่ว พวกเขาเคยไปมาหาสู่กัน?” เฉาเซวียนเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

ไป๋ซู่พยักหน้า และเอ่ยว่า “ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็บอกไม่ได้เช่นกันว่าเจียหนานสมัครใจตามหลี่เชียนไปซานซี เรื่องบางเรื่องเจ้ากับข้าต่างก็จะเจอ…คุยกันหัวเราะกันก็พอจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่เรื่องทิ้งครอบครัวทิ้งงานการตามคนๆ หนึ่งไปนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

เฉาเซวียนรู้สึกว่าไป๋ซู่พูดมีเหตุผล

ทว่าสายตาของไป๋ซู่กลับทอประกายอย่างเบาบางจนแทบมองไม่เห็น

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท