มู่หนานจือ – บทที่ 180 ทางแคบ

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนหายใจติดขัด และเอ่ยว่า “เจ้ามีสิทธิอยากไปหรือไม่อยากไปตั้งแต่เมื่อไร?”

หลิวตงเยว่รีบทำหน้าเศร้าขอความเมตตาว่า “ท่านหญิง ข้าพูดผิดแล้ว…”

เจียงเซี่ยนขี้เกียจที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับเขา จึงเอ่ยว่า “เรื่องที่ข้าให้หลอกถามปิงเหอล่ะ เจ้าถามอะไรมาได้หรือไม่?”

ปิงเหอเด็กรับใช้ของหลี่เชียนรอพวกเขาอยู่ที่ด่านเหนียงจื่อ

หลิวตงเยว่ส่ายหน้าอย่างจนใจ และเอ่ยว่า “เจ้าเด็กนั่นฉลาดมากทีเดียว! ข้าถามเขาสิบประโยค เขาตอบข้าได้สักประโยคก็ไม่เลวแล้ว ข้ากลับรู้สึกว่าอวิ๋นหลินใช้ได้ มีเรื่องอะไรถามเขา เขายังบอกข้าได้” หลิวตงเยว่เอ่ยพลางแอบเลิกม่านรถขึ้นสายตามองออกไปข้างนอก และเอ่ยว่า “ท่านหญิง คนที่ชื่อจงเทียนอี้นั่นเข้าป่าไปเป็นเพื่อนใต้เท้าหลี่แล้ว อวิ๋นหลินยังคุมและเร่งให้คนพวกนั้นตั้งค่ายอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเราฉวยโอกาสนี้ถามอวิ๋นหลินว่า ใต้เท้าหลี่คิดจะพาพวกเราไปที่ไหน?”

เจียงเซี่ยนยิ้มเยาะ และเอ่ยว่า “อวิ๋นหลินเป็นคนเจ้าปัญญา เขาจะให้เจ้าหลอกถามได้ง่ายๆ หรือ?”

หลิวตงเยว่ก้มหน้าและไม่พูดอะไร

คิดในใจว่า ท่านหญิง ท่านยังบอกว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรกับหลี่เชียนอีก แล้วทำไมถึงรู้หมดว่าผู้ติดตามข้างกายหลี่เชียนเป็นคนอย่างไร

ดูเหมือนเรื่องบางเรื่องเขาจะเก็บเอาไว้ไม่ได้แล้ว เขาต้องพูดกับท่านหญิงให้ชัดเจน

หลิวตงเยว่ให้กำลังตนเองอยู่ในใจนานมาก ถึงจะรวบรวมความกล้าเอ่ยว่า “ท่านหญิง ต่อไปข้าจะติดตามอยู่ข้างกายท่านและรับใช้ท่านตลอดไป ท่านว่าดีหรือไม่?”

เจียงเซี่ยนอึ้งไป

หลิวตงเยว่รีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง ข้าก็รู้ว่าเรื่องนี้มันผิดกฎ แต่กฎนี้คนก็เป็นคนกำหนดไม่ใช่หรือ? บ้านน้ำพุร้อนที่ภูเขาเสี่ยวทังของท่านยังซ่อมไม่เสร็จ กุญแจยังอยู่ในมือข้าอยู่เลย! แล้วไทฮองไทเฮาก็ให้กรมวังออกเงิน จัดหาที่ดินให้ท่านหลายแปลง ที่ดินหลายแปลงนั้นเมื่อก่อนเป็นที่ดินของราชสำนัก พวกผู้ใหญ่บ้านมีไหวพริบมากทีเดียว คนธรรมดาไปก็ไม่มีทางคุมได้ นอกจากนี้คนรับใช้ข้างกายท่านมีแต่พวกนางในกับแม่นม และขันทีไม่กี่คน ท่านอยากไปซื้อพวกเครื่องสำอางก็ไม่มีคนวิ่งเต้นทำงานให้สักคนไม่ใช่หรือ? ท่านหญิง ให้ข้าอยู่ข้างกายท่านเถอะ! ข้าเคยเรียนในวัง ท่อง ‘คัมภีร์สามอักษร[1]’ ได้ และยังคิดเลขเป็นด้วย”

ใช่แล้ว!

ต้องโทษหลี่เชียน

ไม่อย่างนั้นเวลานี้หลิวตงเยว่ก็น่าจะช่วยนางตกแต่งบ้านน้ำพุร้อนอยู่ที่ภูเขาเสี่ยวทังไม่ใช่วิ่งเพ่นพ่านตามนางไปทั่วโดยไม่ทำอะไรเลยแบบนี้

เจียงเซี่ยนคิดแล้วก็รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย ทว่านางก็รู้เช่นกันว่าหลิวตงเยว่กำลังกังวลอะไร

ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นชีวิตคนๆ หนึ่ง

ถึงจะเลี้ยงใครสักคนก็ไม่สามารถไปทำร้ายเขาตามใจชอบได้

นางรับรองกับเขา “เจ้าวางใจ ข้ามีกินเจ้าก็มีกิน เจ้าสนใจแค่ติดตามอยู่ข้างกายข้าก็พอแล้ว”

หลิวตงเยว่ดีใจจนออกนอกหน้า และคุกเข่าขอบคุณเจียงเซี่ยนในรถม้า

เจียงเซี่ยนจับมือเขา และกำชับเขาว่า “พวกเราต่างต้องกลับไปอย่างปลอดภัยถึงจะถูก มีเรื่องอะไรเจ้าก็คิดให้ดีก่อนทำ อย่างไรก็ต้องเหลือชีวิตเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะมั่งคั่งและมีอำนาจแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์”

หลิวตงเยว่พยักหน้าติดกันหลายครั้ง

มีคนเคาะตัวรถม้า และเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านหญิง ข้าอวิ๋นหลิน นำน้ำร้อนมาให้ท่านขอรับ”

เจียงเซี่ยนส่งสัญญาณให้หลิวตงเยว่ไม่ต้องพูดอะไรอีก

หลิวตงเยว่พยักหน้า และไปรับน้ำร้อน แล้วถามเจียงเซี่ยนว่าจะให้ชงชาให้นางหรือไม่

เจียงเซี่ยนส่ายหน้า และตัดสินใจว่าจะนอนเร็วหน่อย

หากตอนที่หลี่เชียนกลับมานางยังไม่นอน เขาจะต้องชวนนางไปย่างปลาเล่นอย่างแน่นอน ทว่าเพียงแค่นางปรากฏตัว จงเทียนอี้ก็จะแอบมองนางอย่างอยากรู้อยากเห็น นี่ทำให้นางอดที่จะเดาไม่ได้ว่าหลี่เชียนไปพูดอะไรกับจงเทียนอี้หรือไม่ หรือจงเทียนอี้กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่โดยคิดว่าตนเองคิดถูก นี่ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ

หลิวตงเยว่ช่วยปูเตียงให้เจียงเซี่ยน ดับไฟ และเฝ้าเจียงเซี่ยนที่หายใจอย่างสม่ำเสมอยาวเหยียดท่ามกลางความมืด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ข้างนอกมีความเคลื่อนไหว

เขาจึงเลิกม่านรถดู

พวกหลี่เชียนจับปลากลับมาแล้ว

จงเทียนอี้สูงไล่เลี่ยกับหลี่เชียน ทั้งสองคนพูดคุยและหัวเราะกันเสียงเบาแล้วแยกกันข้างกระโจม จงเทียนอี้ไปที่กระโจมที่อวิ๋นหลินพักผ่อน ส่วนหลี่เชียนเดินมาหาเขาโดยถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ

หลิวตงเยว่ไม่กล้าล่วงเกินเขา จึงแง้มม่านรถเล็กน้อย

หลี่เชียนถามเขาเสียงเบาเหมือนยุงและแมลงวัน “ท่านหญิงนอนแล้วหรือ?”

หลิวตงเยว่พยักหน้า

หลี่เชียนยื่นหน้าเข้ามา อาศัยแสงจันทร์ที่สาดเข้ามามองเงาร่างที่กำลังหลับสนิทของเจียงเซี่ยน ครู่ใหญ่ถึงจะยื่นของในมือให้หลิวตงเยว่ “เจ้ามอบสิ่งนี้ให้ท่านหญิง”

หลิวตงเยว่ขานรับเสียงเบา “ขอรับ”

หลี่เชียนถึงจะค่อยๆ ไปจากรถม้า

จงเทียนอี้ไม่รู้โผล่มาจากไหน เขายิ้มและใช้ไหล่ชนไหล่ของหลี่เชียน แล้วเอ่ยว่า “ข้าว่าท่านหญิงนั่นยังงามไม่เท่าพี่เกาเลย ทำไมเจ้าถึงจะเป็นจะตายเพราะนาง ต้องเป็นนางให้ได้?”

หลี่เชียนปรายตามองจงเทียนอี้ครั้งหนึ่งเหมือนดูถูก และเอ่ยว่า “ข้าว่าเจ้าฉลาดกว่าน้องชายเจ้ามาก ทำไมท่านลุงจงถึงอยากมอบทรัพย์สินในบ้านให้น้องชายเจ้าล่ะ?”

จงเทียนอี้ได้ยินก็เอ่ยว่า “ตอนเด็กเจ้าไม่ได้เป็นคนแบบนี้ ทำไมไม่เจอกันไม่กี่ปี กลับพูดจาฟังไม่ได้แม้แต่คำเดียว”

หลี่เชียนไม่เห็นด้วย และเอ่ยว่า “เจ้ารู้ดีว่าท่านหญิงเป็นคนที่ข้ารักที่สุดยังพูดจาเหลวไหล และยังอยากฟังข้าชมเจ้าอีก ข้าไม่ได้เป็นบ้าใช่หรือไม่?”

จงเทียนอี้อยากพูดแต่ก็หยุดไว้

หลี่เชียนเหมือนมองไม่เห็น และเอ่ยว่า “ดึกแล้ว เจ้าก็นอนเร็วหน่อยเถอะ! พรุ่งนี้พวกเรายังต้องรีบเดินทางอีก”

จงเทียนอี้ได้ยินก็เอ่ยอย่างตลกขบขันว่า “พวกเรานี่เรียกว่ารีบเดินทางหรือ? นี่มันเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติกระมัง?”

หลี่เชียนไม่สนใจเขา และไปทางกระโจมของตนเอง

จงเทียนอี้เอ่ยกับแผ่นหลังของหลี่เชียนว่า “เฮ้” และเอ่ยว่า “จงเฉวียน เจ้าคงจะไม่ได้คิดที่จะจัดการเรื่องราวที่นี่ใช่หรือไม่?”

หลี่เชียนไม่ได้ตอบเขา เพียงแค่หันข้างมาโบกมือให้เขา

มีเสียงกระพือปีกของนก

หลี่เชียนกับจงเทียนอี้มองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกัน

นกกระเต็นขนาดเท่าฝ่ามือตัวหนึ่งตกลงบนบ่าของจงเทียนอี้

จงเทียนอี้อึ้งไปเล็กน้อย และแกะแผ่นกระดาษที่ผูกอยู่กับขานกกระเต็นออกมา

หลี่เชียนเดินมาหาด้วยสีหน้าจริงจัง

จงเทียนอี้อาศัยแสงจันทร์อ่านอยู่ชั่วครู่ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “คิดไม่ถึงว่าซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงคนนั้นยังพอมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ…พวกเขาถึงเมืองติ้งแล้ว เป็นเช่นนี้ต่อไป อย่างมากที่สุดสองวันก็ตามพวกเราได้ทันแล้ว” เขาเอ่ยพลางยื่นแผ่นกระดาษให้หลี่เชียน

หลี่เชียนหยิบมาอ่านครู่หนึ่ง แล้วฉีกมันเป็นเศษเล็กเศษน้อย และเอ่ยว่า “พรุ่งนี้พวกเราน่าจะไปถึงหยางเฉวียนได้ใช่หรือไม่?”

“อือ!”

“ข้าจำได้ว่าหยางเฉวียนมีวัดป่าโอสถ ต้นสนกับต้นไป่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี ทิวทัศน์งดงามน่าชม” หลี่เชียนพึมพำ “หลายวันนี้ท่านหญิงเร่งรีบเดินทางตลอด ร่างกายอ่อนเพลีย พรุ่งนี้พวกเราไปหยุดพักที่วัดป่าโอสถเป็นอย่างไร? จะได้ให้ท่านหญิงพักผ่อนสักหน่อยด้วย”

จงเทียนอี้เหลือกตามองบน

วัดป่าโอสถนั้นต้นสนกับต้นไป่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี ทิวทัศน์งดงามน่าชมจริงๆ แต่ลักษณะพื้นที่ก็เป็นภูเขาสูงชันและร่องน้ำลึกมากเช่นกัน หากไม่ระวังและตกลงไป ก็จะตายแบบร่างกายแหลกละเอียด ไม่มีศพ…

เขาอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “จงเฉวียน เจ้าไปเมืองหลวงมาเที่ยวหนึ่ง การพูดจาก็สุภาพแล้ว ข้าว่าเจ้าเหมือนพวกคนในหน่วยงานราชการและศาลาว่าการนั้นมากขึ้นทุกทีแล้ว เจ้าอยากจัดการซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกง เจ้าก็พูดมาตรงๆ จะมาบอกว่าทิวทัศน์งดงามน่าชมทำไม…”

หลี่เชียนได้ยินก็ยิ้มออกมา และเอ่ยว่า “เทียนอี้ เจ้าคิดว่าซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงจัดการง่ายมากหรือ?”

จงเทียนอี้คิดแล้วก็เอ่ยว่า “ในเมืองชายแดนทางเหนือที่สำคัญทั้งเก้าเมืองคนที่ข้าชอบที่สุดคือจินเซียว หรือว่าเขาเก่งกว่าจินเซียวอีกอย่างนั้นหรือ?”

หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยว่า “ดังนั้นข้าให้เจ้าไปดูที่เมืองหลวง เจ้าไปเมืองหลวงแล้ว ถึงจะรู้ว่าลูกหลานตระกูลที่ร่ำรวยกับลูกหลานตระกูลขุนนางที่แท้จริงเป็นอย่างไร”

จงเทียนอี้ฟังจบก็อยากไปดูสักครั้ง จึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นข้านำหน้าไปให้เจ้าก่อนแล้วกัน?”

หลี่เชียนปิดปากเงียบ

———————————–

[1] คัมภีร์สามอักษร แบบเรียนขั้นพื้นฐานสำหรับหัดอ่านเบื้องต้น โดยเขียนเป็นข้อความวรรคละสามตัวอักษร

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท