มู่หนานจือ – บทที่ 183 หยุดพัก

มู่หนานจือ

ทว่าจงเทียนอี้กลับเด้งตัวขึ้นมาทันทีเหมือนถูกเข็มตำ และเอ่ยเสียงดังว่า “จงเฉวียน เสียแรงที่ข้านับถือเจ้าเป็นวีรบุรุษ! เวลานี้เจ้าเหมือนวีรบุรุษที่ไหน แทบจะ…แทบจะ…สนใจแต่ผู้หญิงจนเมินเพื่อนแล้ว!”

คนทั้งลานต่างก้มหน้าลง

ท่ามกลางความเงียบสงัด หลี่เชียนปรายตามองเขา เหมือนมองเด็กที่ไม่รู้ความคนหนึ่งก่อความวุ่นวายอยู่ตรงนั้น

จงเทียนอี้หน้าแดง และพูดต่อไปไม่ได้แล้ว เหมือนลูกบอลยางที่ลมรั่วออกมาทันที

เจียงเซี่ยนมุมปากกระตุกเล็กน้อย

ถึงพบว่าที่แท้จงเทียนอี้ก็โง่ ตนเองโกรธเขา และเป็นพวกหาเรื่องใส่ตัวอย่างสิ้นเชิง

นางส่งสายตาให้หลิวตงเยว่ ส่งสัญญาณบอกเขาว่าไม่ต้องสนใจจงเทียนอี้

หลิวตงเยว่มองเจียงเซี่ยนอย่างซาบซึ้งใจ

ท่านหญิงออกหน้าให้เขา และใต้เท้าหลี่ยังชมเขาด้วย…หากไม่ใช่ว่ามีคนนอกอยู่ เขาอยากก้มลงไปคุกเข่าคำนับท่านหญิงกับใต้เท้าหลี่จริงๆ

ดีที่หลังจากนั้นจงเทียนอี้ไม่ทำอะไรน่าตกใจอีก ทั้งสามคนดื่มชาครู่หนึ่งอย่างเงียบๆ เจียงเซี่ยนปฏิเสธคำชวนของหลี่เชียนทางอ้อม และรับประทานอาหารเย็นคนเดียว พอกลับถึงห้องก็นอนลงทันที

หลิวตงเยว่เตือนเจียงเซี่ยนเสียงเบาว่า “ท่านจะออกไปเดินเล่นสักหน่อยไหมขอรับ? ย่อยอาหารสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

“ช่างเถอะ!” เจียงเซี่ยนไม่สนใจ และเอ่ยกับหลิวตงเยว่เสียงเบาว่า “ข้ารู้สึกกระวนกระวาย อย่างไรก็รู้สึกไม่สบายใจ เจ้าว่า…หลี่เชียนหยุดพักที่วัดป่าโอสถ แถมยังปล่อยให้ข้าหยุดพักที่นี่อีกวัน คงจะไม่ได้มีแผนการอะไรใช่หรือไม่?”

ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ นางก็ไม่เคยเอาชนะเขาได้เลย ทุกครั้งที่เกิดอะไรขึ้น คนที่ตกลงไปในกับดักนั้นก็มักจะเป็นนางเสมอ

เวลานี้นางมีความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว

หากหลิวตงเยว่เป็นคนโง่ก็คงจะไม่ถูกไทฮองไทเฮาจัดให้รับใช้ข้างกายเจียงเซี่ยนเช่นกัน ทว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขามาไกลขนาดนี้ จนไม่รู้แม้กระทั่งว่าตนเองอยู่ที่ไหน ไหนเลยจะมองแผนการของหลี่เชียนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง?

“ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันขอรับ!” เขาทำหน้ากลุ้มและเอ่ยว่า “ข้าว่าท่านไปถามใต้เท้าหลี่ตรงๆ เลยดีกว่า ข้ารู้สึกว่าใต้เท้าหลี่เป็นคนไม่เลวทีเดียว ท่านไปถาม เขาจะต้องบอกท่านตามความจริงอย่างแน่นอนขอรับ”

เจียงเซี่ยนจ้องเขาครั้งหนึ่ง และเอ่ยว่า “สองวันก่อนเจ้ายังบอกว่าหลี่เชียนเป็นคนเลวอยู่เลย? ทำไมวันนี้น้ำเสียงถึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง?”

นางไม่สงสัยว่าหลิวตงเยว่จะทรยศนาง หลิวตงเยว่เป็นลูกศิษย์ของหลิวเสี่ยวหม่าน ถึงเขาจะไม่คิดถึงตนเอง ก็ต้องคิดถึงหลิวเสี่ยวหม่านอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นชาติก่อนก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีที่ไปที่ดีแต่กลับปรนนิบัติและเลี้ยงดูหลิวเสี่ยวหม่านตลอด จึงเป็นคนที่ไว้ใจได้

หลิวตงเยว่กล้าบอกที่ไหนว่าเขาทำไปตามสถานการณ์ หากเจียงเซี่ยนชอบหลี่เชียน แน่นอนว่าเขาก็ต้องเคารพและเอาใจหลี่เชียนเช่นกัน หากเจียงเซี่ยนไม่ชอบหลี่เชียน ถึงแม้เขาจะไม่ถึงกับเข้าไปเหยียบหลี่เชียนสักสองสามทีอย่างไร้สาเหตุ ทว่าต่อให้รู้สึกชอบหลี่เชียนก็ไม่กล้าแสดงความสนิทสนมออกมาแม้แต่นิดเดียวเช่นกัน

เขารีบเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้เจอใต้เท้าหลี่ไม่ใช่หรือขอรับ? หลายวันนี้ใต้เท้าหลี่วันหนึ่งต้องมาหาสักสี่ห้ารอบ ข้าจึงคิดว่าจริงๆ แล้วใต้เท้าหลี่ก็ไม่เลวทีเดียว!”

เจียงเซี่ยนเงียบไป

หลายวันนี้ไม่ว่าหลี่เชียนจะมีธุระหรือไม่ก็จะมาหานาง แม้แต่หลิวตงเยว่ก็รู้สึกได้ว่าเขาดีกับนางเหมือนกันกระมัง?

ทว่านี่จะมีประโยชน์อะไรเล่า?

นางเอ่ยกับหลิวตงเยว่เสียงเบาว่า “เจ้าเก็บของของพวกเราไว้ให้เรียบร้อย ไว้คุณชายใหญ่มาแล้ว พวกเราก็ไป!”

หลี่เชียนซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้นางหลายชิ้น นางรู้ว่าเขาพยายามดีกับนางอย่างที่สุดแล้ว แต่สำหรับนางผ้าพวกนี้ก็ยังเป็นผ้าที่หยาบที่สุดเท่าที่เคยใส่มา

นางคิดว่าจะเอาไปด้วย

ถือว่าเป็นที่ระลึกแล้วกัน

ตอนกลางคืน นางฟังเสียงแมลงร้องนอกห้องและเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน

ทว่าเจียงลวี่กับหวังจ้านกลับนั่งแทะเสบียงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

ฝูเซิงถือถุงน้ำมาสองถุง และเอ่ยกับทั้งสองคนเสียงเบาว่า “คุณชายใหญ่ ซื่อจื่อ ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะขอรับ!”

เจียงลวี่รับมาก็ดื่มอึกใหญ่ติดกันสองสามอึก แล้วก้มหน้าเริ่มแทะขนมอีก

แต่หวังจ้านกลับกังวลมากจนไม่อยากอาหาร เขาดื่มน้ำแล้วก็กินขนมนั้นไม่ลงอีกแล้ว

เจียงลวี่จำเป็นต้องเตือนเขา “ไม่อยากกินก็ต้องกิน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเจ้าจะไม่มีแรงรีบเดินทาง” และเอ่ยอีกว่า “พวกเราเข้าสู่อาณาเขตของซานซีแล้ว กองบัญชาการต้าถงนั้นอย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้ก็จะมีคนมาเสริมกำลัง หากพวกเราหาเป่าหนิงเจอก็ดี…” เขาเอ่ยจบก็กินขนมอีกสองสามคำ เศษขนมสีขาวตกกระจัดกระจายอยู่บนเสื้อด้านหน้าของเจียงลวี่ เขากินต่อเหมือนมองไม่เห็น

หวังจ้านนึกถึงมาดของลูกหลานตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจที่รูปงามและมีความสามารถตอนที่เขาเข้าวัง แล้วก็อดที่จะรู้สึกนับถือไม่ได้ จึงเอ่ยว่า “ท่านพี่อาลวี่ มิน่าเล่าคนอื่นต่างบอกว่าท่านลุงเจียงมีคนสืบทอดงานแล้ว ท่านก็ทำสงครามเก่งมากเหมือนกันใช่หรือไม่?”

“เรื่องทำสงครามจะบอกว่าดีหรือไม่ดีได้อย่างไร?” เจียงลวี่ได้ยินก็วางขนมในมือลง และเอ่ยอย่างไม่ค่อยสบายใจว่า “แม่ทัพที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นต่างเกิดมาจากกองกระดูกของผู้คนมากมาย…”

หวังจ้านไม่เอ่ยสิ่งใด

มีทหารสอดแนมวิ่งมาหา และเอ่ยด้วยเสียงดังกระชั้นว่า “คุณชายใหญ่ พวกเราพบร่องรอยของท่านหญิงแล้วขอรับ พวกเขาเข้าซานซีทางด่านเหนียงจื่อ หากเดาไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาอาจจะเลาะไปตามผิงติ้ง หยางเฉวียน โซ่วหยางและไปยังไท่หยวนขอรับ”

เจียงลวี่กับหวังจ้านลุกขึ้นยืนทันที หวังจ้านเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ!”

เรื่องราวเกี่ยวพันถึงสถานการณ์โดยรวม ทหารสอดแนมก็ไม่กล้ารับประกันเช่นกัน แต่เอ่ยว่า “คนๆ นั้นไม่ได้ปิดบังร่องรอยของตนเอง สองวันก่อนพวกเขายังซื้อพวกเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ร้านขายเครื่องประดับเงินทองที่เมืองติ้งด้วย เส้นทางที่ใกล้ที่สุดจากที่นี่ไปไท่หยวนก็คือผ่านหยางเฉวียนไปยังโซ่วหยาง พวกเขาน่าจะรีบกลับไท่หยวนขอรับ”

ต้าถงเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลเจียง ทว่าไท่หยวนกลับเป็นเขตอิทธิพลของตระกูลจิน เวลานี้หลี่ฉางชิงเป็นแม่ทัพซานซี ซานซีก็เป็นซ่องโจรของตระกูลหลี่ ในความคิดของเจียงลวี่ หากหลี่เชียนไม่รีบกลับไท่หยวนไปทำงานให้เสร็จจนแก้ไขอะไรไม่ได้อีก ก็อาจจะซ่อนตัวและหลบหนีอยู่ที่บ้านเกิดอย่างเฝินหยาง…

“ไป!” เจียงลวี่ออกคำสั่งทันที “คืนนี้พวกเรารีบเดินทาง”

ไม่มีใครคัดค้านสักคน ทุกคนเตรียมตัวอย่างเงียบๆ ไม่นานก็ไปหยางเฉวียน

วันรุ่งขึ้นรับอาหารเช้าแล้ว เจียงเซี่ยนก็ไปถ้ำหินเย็นกับหลี่เชียน

คนที่ไปด้วยกันยังมีจงเทียนอี้ด้วย

ครั้งนี้เขาไม่จ้องหลิวตงเยว่อีกแล้ว แต่ตามอยู่หลังพวกเขาอย่างเซื่องซึม แลดูจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว

เจียงเซี่ยนทำเป็นมองไม่เห็น

หลิวตงเยว่ก็ไม่ส่งเสียงเช่นกัน เขายังคงวางตัวว่านอนสอนง่ายเช่นเดิม นอกจากรับใช้เจียงเซี่ยนแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว

แต่ปิงเหอเด็กรับใช้ของหลี่เชียนกลับทนไม่ไหว เขาหาโอกาสเอ่ยกับหลิวตงเยว่เสียงเบาว่า “เมื่อคืนนายท่านของพวกเราไปขี่ม้า และทิ้งนายท่านจงไปสองท่าเรือ นายท่านจงยังเรียกตนเองว่าจอมยุทธพเนจรอีก ได้ยินว่าโกรธจนไม่ได้นอนทั้งคืน”

หลิวตงเยว่มองปิงเหอครั้งหนึ่ง อยากถามเขามากว่า เจ้าแอบคุยกับข้าแบบนี้ได้หรือ? ใต้เท้าหลี่รู้หรือไม่? ทำไมคนนอกวังต่างโง่เขลาเช่นนี้? นี่หากอยู่ในวัง ก็ถูกคนจัดการจนไม่เหลือศพไปตั้งนานแล้ว

ทว่าอย่างไรปิงเหอก็เป็นเด็กรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายหลี่เชียน เขาต้องผูกมิตรกับปิงเหอหรือไม่?

ท่านหญิงบอกว่าคุณชายใหญ่มาแล้วก็ไป พวกเขาไปได้จริงๆ หรือ?

หากไปไม่ได้ แล้วท่านหญิงได้แต่งงานกับใต้เท้าหลี่เล่า?

พวกเขาอยู่กับใต้เท้าหลี่จะกินอะไร? และพักอาศัยที่ไหนเล่า?

ดูพวกคนรับใช้และคนที่ติดตามรับใช้ข้างกายใต้เท้าหลี่สิ ไร้กฎระเบียบเกินไปแล้วเช่นกัน ต่อไปเขาต้องช่วยสั่งสอนหญิงรับใช้ของเรือนด้านในจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

ทันใดนั้นหลิวตงเยว่ก็รู้สึกว่าหลังจากนี้ตนเองกับเจียงเซี่ยนคงจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมากนัก…

เขาคุยกับปิงเหออย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กี่คำ ก็เดินไปข้างกายเจียงเซี่ยนอย่างรวดเร็ว ทิ้งระยะห่างกับปิงเหอ

เจียงเซี่ยนยังคิดว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเหลือบมองหลิวตงเยว่

หลิวตงเยว่ยิ้มอย่างลำบากใจ และเข้าไปประคองเจียงเซี่ยนที่กำลังลงบันไดอย่างระมัดระวัง

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท