มู่หนานจือ – บทที่ 199 มีขโมย

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนใจลอยไปชั่วครู่

ทว่า…ตั้งแต่นี้ไปนางก็ต้องใช้ชีวิตกับหลี่เชียนไปตลอดชีวิตแล้ว

นางทำแบบนี้ถูกหรือไม่กันแน่…

แม้เจียงเซี่ยนจะเลือกแล้ว แต่ในใจกลับยังคงไม่มั่นใจเช่นเดิม

หลิวตงเยว่คิดเพียงว่าเจียงเซี่ยนดีใจกับการแต่งงานของตนเอง และรู้ว่าเจียงเซี่ยนชอบเอาชนะ เวลานี้ดีใจจนลืมตัวไปหน่อย พอได้สติกลับมาและคิดได้ว่าถูกเขาเห็นเข้าแล้ว เกรงว่าเจียงเซี่ยนจะรู้สึกไม่พอใจ จึงถอยออกไปอย่างแผ่วเบาตอนที่นางหัวเราะอย่างเต็มที่ จนกระทั่งในห้องไม่มีเสียงแล้ว เขาถึงยื่นหน้าเข้าไป และเห็นว่าเจียงเซี่ยนนอนหลับตาอยู่บนเตียงอรหันต์ เหมือนหลับไปแล้ว เขาอดที่จะเข้าไปเรียกเบาๆ ไม่ได้ว่า “ท่านหญิง” พอเจียงเซี่ยนลืมตา เขาถึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านจะนอนก่อนสักครู่แล้วค่อยตั้งอาหารหรือจะรับประทานอาหารเย็นแล้วค่อยนอนสักครู่ขอรับ?”

“ตั้งอาหารเย็นก่อนแล้วกัน?” เจียงเซี่ยนครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้นางก็จะตามเจียงลวี่กลับไปเมืองหลวงแล้ว คืนนี้หลี่เชียนจะต้องแอบมาพบนางอย่างแน่นอน และนางก็มีเรื่องจะกำชับหลี่เชียนเหมือนกัน ทว่าเจียงลวี่ไม่มีทางปล่อยหลี่เชียนกลับมาเร็วขนาดนั้นแน่ เขาจะต้องบังคับให้หลี่เชียนดื่มเหล้าอย่างแน่นอน ชาติก่อนเจียงลวี่คอแข็งไม่เท่าหลี่เชียน…หากหลี่เชียนจะมาก็จะต้องดึกมากแน่ๆ นางรับประทานอาหารเร็วหน่อย นอนสักตื่นและค่อยรอหลี่เชียนมาดีกว่า

หลิวตงเยว่ขานรับและจากไป

ไม่นานก็ยกหน้าโต๊ะเข้ามา

เป็นอาหารมังสวิรัติทั้งหมดเหมือนกับเมื่อวาน

รสชาติบอกได้เพียงว่าพอใช้ได้ ดีที่เจียงเซี่ยนคิดว่าตนเองก็ไม่ใช่คนที่ทนความลำบากไม่ได้ จึงไม่ได้ปล่อยให้ตนเองหิวเช่นกัน

รับประทานอาหารแล้วก็เดินเล่นในห้องสองสามรอบ เจียงเซี่ยนล้างหน้าและบ้วนปากอย่างลวกๆ แล้วก็ขึ้นเตียงและนอนลง

อาจจะเพราะวันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย นางพลิกตัวไปมา อย่างไรก็นอนไม่หลับ

เดี๋ยวก็คิดว่านางทำแบบนี้ถึงจะถือว่าฟื้นคืนชีพแล้วจริงๆ และเดินในเส้นทางที่แตกต่างจากชาติก่อนอย่างสิ้นเชิง เดี๋ยวก็คิดว่าไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร หลี่เชียนจะทรยศนางเหมือนชาติก่อนหรือไม่ เดี๋ยวก็คิดว่าหลังจากนี้นางก็ไม่รู้ว่าจะช่วยหลี่เชียนได้หรือไม่เหมือนกัน ถึงอย่างไรชาติก่อนกับชาตินี้ก็มีหลายเรื่องที่ไม่เหมือนกันแล้ว เดี๋ยวก็คิดว่ากลับถึงเมืองหลวงแล้ว ควรจะอธิบายเรื่องนี้กับไทฮองไทเฮาอย่างไรดี…ในสมองเหมือนโคมขี่ม้า อยากพักก็พักไม่ได้

กว่าจะง่วงเล็กน้อยได้ก็ไม่ง่ายเลย ทันใดนั้นเสียงตะโกนว่า “จับขโมย” ก็ดังขึ้นข้างนอก

นางลุกขึ้นมานั่งอย่างตกใจ และถามหลิวตงเยว่ที่เข้าเวรอยู่นอกห้องว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

พวกนางพักอยู่ในวัดมาสองวันก็ไม่มีอะไร แต่องครักษ์ของเจียงลวี่กับผู้คุ้มกันของหลี่เชียนต่างเฝ้าอยู่นอกเรือน กลับมีขโมยขึ้นมา

หลิวตงเยว่ก็งุนงงเหมือนกัน ทว่ากลับไม่กล้าอยู่ห่างจากเจียงเซี่ยนแม้แต่ก้าวเดียว และเอ่ยว่า “มีคุณชายใหญ่กับใต้เท้าหลี่ไม่ใช่หรือ? นี่หากเป็นแผนล่อเสื้อออกจากถ้ำจะทำอย่างไร?”

เจียงเซี่ยนคิดถึงจ้าวเซี่ยวที่กลับไป แล้วก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย นางให้หลิวตงเยว่ไปตรวจดูว่าหน้าต่างปิดเรียบร้อยหรือยัง แล้วทั้งสองคนก็เฝ้าอยู่ในห้อง รอคนของหลี่เชียนหรือเจียงลวี่มาคุ้มกันพวกนาง

หลิวตงเยว่พยักหน้าติดๆ กัน แล้วตรวจดูประตูกับหน้าต่างอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ถึงจะวางใจ และหยิบไม้พลองมาเฝ้าอยู่หน้าเตียงของเจียงเซี่ยน

เจียงเซี่ยนเห็นแล้วก็ขำ จึงเอ่ยว่า “เจ้าใช้เป็นหรือ?”

หลิวตงเยว่ยิ้มพลางเอ่ยว่า “อวิ๋นหลินบอกว่าหากข้าอยากเรียน เขาสามารถสอนข้าได้ขอรับ”

ในเมื่อตัดสินใจแต่งงานกับหลี่เชียนแล้ว เจียงเซี่ยนก็จะทุ่มเทสุดกำลัง

ดังนั้นนางรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

ต่อไปนางแต่งไปอยู่ตระกูลหลี่แล้ว คนที่อยู่ข้างกายอยู่ร่วมกับคนของตระกูลหลี่ได้อย่างกลมเกลียว ถึงจะทำให้นางยืนหยัดได้ไวขึ้น

แต่นางรู้ว่าอวิ๋นหลินมีความสามารถในการเป็นแม่ทัพ เวลานี้ไม่รู้ว่าหลี่เชียนค้นพบความสามารถของอวิ๋นหลินหรือยัง? หากค้นพบก็คงจะไม่ให้เขาอยู่เรือนด้านในแล้ว

นางคิดแล้วก็เอ่ยกับหลิวตงเยว่เสียงเบาว่า “อวิ๋นหลินไม่ธรรมดา เจ้าสู้เขาไม่ได้หรอก ต่อไปอยู่ต่อหน้าเขาต้องซื่อสัตย์ แล้วก็ต้องปฏิบัติกับเขาอย่างจริงใจเช่นกัน แต่ปิงเหอนั้นเจ้าต้องติดต่อบ่อยๆ หน่อย ตระกูลหลี่มีใครบ้าง? ทุกคนนิสัยเป็นอย่างไร? ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างไร…เจ้าเติบโตในวังตั้งแต่เด็ก ตระกูลหลี่จะซับซ้อนแค่ไหน ก็ไม่ซับซ้อนเท่าในวัง เรื่องพวกนี้คิดว่าข้าไม่สอนเจ้าเจ้าก็ทำเป็นเช่นกัน ข้าก็ไม่พูดมากแล้ว”

หลิวตงเยว่พยักหน้าติดๆ กันอย่างดีใจจนออกนอกหน้า

ท่านหญิงมอบหมายงานพวกนี้ให้เขา ก็หมายความว่าต้องการใช้งานเขา

ซึ่งก็หมายความว่า ท่านหญิงรักษาคำพูดที่จะให้เขาอยู่ข้างกายนางแล้ว

หลิวตงเยว่จึงเล่าสิ่งที่พบเจอในช่วงสองสามวันนี้ให้เจียงเซี่ยนฟัง “ท่านหญิงดูคนแม่นจริงๆ อวิ๋นหลินทำให้ข้าเดาไม่ค่อยได้ว่าเขาเป็นคนอย่างไรจริงๆ ข้ายังคิดว่าสองสามวันนี้จะพยายามหลอกถามเขา พอได้ยินท่านเอ่ยเช่นนี้ ยังดีที่ข้าไม่ทำอะไรไปโดยพลการ…”

ทั้งสองคนกำลังคุยกันสนุก เสียงฝีเท้าที่สับสนก็ดังขึ้นนอกประตู

ทั้งสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

หลิวตงเยว่อดไม่ได้ที่จะจับไม้พลองในมือให้แน่น

ทว่าจู่ๆ เสียงของเจียงลวี่กลับดังขึ้นนอกประตู “เจียหนาน วัดป่าโอสถมีขโมย เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่? รีบเปิดประตูให้ข้าเข้าไปดูหน่อย?”

เรื่องแบบนี้ควรจะเครียดมากไม่ใช่หรือ?

ทำไมในน้ำเสียงของท่านพี่กลับฟังดูได้ใจและมีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่นอยู่อย่างเบาบางเล่า?

สมองของเจียงเซี่ยนก็แล่นเร็วมากเช่นกัน

หรือท่านพี่จะสงสัยว่าขโมยคนนั้นคือหลี่เชียนอย่างนั้นหรือ?

และสงสัยว่าตอนนี้ขโมยคนนี้ก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องด้านในของนาง?

เจียงเซี่ยนรู้สึกปวดศีรษะ

พี่ชายดีๆ คนหนึ่งของนาง ทำไมหลังจากเจอหลี่เชียนถึงกลายเป็นโง่เหมือนหลี่เชียนไปแล้ว?

เจียงเซี่ยนขี้เกียจที่จะหลอกเป็นเพื่อนพวกเขาแล้วจริงๆ

นางสั่งหลิวตงเยว่ “เจ้าให้ท่านพี่เข้ามา แล้วแต่เขาจะค้นอย่างไร!”

หากหาหลี่เชียนเจอจริงๆ นางจะลากหลี่เชียนออกไปด้วยมือของนางเอง

หลิวตงเยว่รีบไปเปิดประตู

เจียงลวี่เดินเข้ามาอย่างเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าทั้งตัว เขาหาในห้องรอบหนึ่ง นอกจากเจียงเซี่ยนกับหลิวตงเยว่แล้ว ก็ไม่เห็นแม้แต่สิ่งมีชีวิตตัวที่สาม

เขาอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ และพึมพำว่า “เป็นไปไม่ได้…ข้าเห็นอยู่ชัดๆ…”

เจียงเซี่ยนมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เขายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน

ฝูเซิงเรียกว่า “ซื่อจื่อ” อยู่ข้างนอก

เจียงลวี่รีบเดินออกไปจากห้องด้านใน

เจียงเซี่ยนส่งสายตาให้หลิวตงเยว่

หลิวตงเยว่ตามไปทันที ไม่นานก็เข้ามาบอกนางด้วยเสียงเบามาก “ฝูเซิงบอกว่าพบขโมยที่ทางตะวันออกของวัดแล้ว จึงถามคุณชายใหญ่ว่าจะตามไปหรือไม่ขอรับ?”

สถานที่ที่เจียงเซี่ยนพักอยู่ทางใต้ของวัด

นั่นก็หมายความว่า พบร่องรอยของขโมยที่อื่นอีก

เจียงเซี่ยนพยักหน้า

เจียงลวี่เดินเข้ามาอย่างโกรธแค้น และเอ่ยว่า “เป่าหนิง เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ ข้าจะลองไปดูอื่น!”

เจียงเซี่ยนพยักหน้าอย่างเย็นชา ไม่นานเจียงลวี่ก็พาคนออกไปจากเรือนด้านใน

หลิวตงเยว่โล่งอก

มีคนเคาะหน้าต่างของพวกนาง

หลิวตงเยว่ตกใจมาก เขาวิ่งไปที่หน้าหน้าต่างและกดคอลงพลางถามอย่างระวังตัวว่า “ใคร”

“หลี่เชียน!” คนข้างนอกหัวเราะเบาๆ และเอ่ยว่า “รีบเปิดหน้าต่าง ข้ากลัวว่าแผนการซ่อนตัวของข้าปิดบังท่านกั๋วกงน้อยของพวกเจ้าไม่ได้แล้ว เขาจะหันกลับมาโจมตีข้า…”

หลิวตงเยว่ได้ยินแล้วก็รีบเปิดหน้าต่าง

หลี่เชียนที่สวมชุดพรางตัวสีดำอยู่กระโดดเข้ามา และบ่นกับเจียงเซี่ยนว่า “ข้าสาบานว่า ข้าเคารพเจียงลวี่ที่สุดแล้ว เขาให้ข้าดื่มสองถ้วย ข้าก็ไม่กล้าดื่มถ้วยเดียว เขาบอกว่าพระจันทร์กลม ข้าก็บอกว่าเหมือนจานเงิน…เช่นนี้ เขายังวางกับดักข้า พาคนไปจับขโมยกลางดึก ไล่ล่าข้าจนเหมือนนกนางแอ่นบิน เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว! เป่าหนิง เจ้าต้องช่วยข้า พี่ชายของเจ้าชอบอะไรกันแน่ หากไม่พิชิตใจพี่ชายของภรรยาให้เรียบร้อย ข้าเกรงว่าต่อไปคงจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแม้แต่วันเดียว…”

เขาพูดจ้อไปนานมาก ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา จึงอดที่จะมองไปทางเจียงเซี่ยนไม่ได้

เจียงเซี่ยนกำลังจ้องเขาอยู่โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท