มู่หนานจือ – บทที่ 212 พี่น้อง

มู่หนานจือ

แต่เจียงเซี่ยนกลับรู้สึกว่าสองพี่น้องนี้น่าสนใจมาก นางหัวเราะคิกคักตลอด และถามพี่น้องสกุลฉีว่า “จินย่วนคือใคร?”

พี่น้องสกุลฉีแย่งกันตอบว่า “คุณหนูใหญ่ของตระกูลใต้เท้าจินแห่งกองบัญชาการไท่หยวนเจ้าค่ะ”

“นางหน้าตางดงามมาก ทุกคนต่างบอกว่านางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งซานซี”

“นางมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อจินเซียว เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับนาง แล้วก็หน้าตาดีมากเช่นกัน ผู้คนมากมายต่างอยากแต่งงานกับจินเซียว”

ดูเหมือนเรื่องที่จินเซียวไปเมืองหลวงจะไม่ได้แพร่งพรายออกไป

เจียงเซี่ยนยิ้ม

“ใครบอกกัน? ข้าคิดว่าเขาหน้าตาดีไม่เท่าท่านกั๋วกงน้อย”

“ท่านกั๋วกงน้อยนั่นไม่เรียกว่าหน้าตาดี นั่นเรียกว่ารูปงาม”

“ถึงอย่างไรข้าก็คิดว่าท่านกั๋วกงน้อยหน้าตาดีกว่าจินเซียว! ท่านกั๋วกงน้อยสามารถยิงลูกศรดอกเดียวได้อินทรีสองตัว จินเซียวทำได้หรือไม่? จินเซียวก็เป็นแค่คนที่ภายนอกดูดีแต่ไม่มีความรู้และความสามารถ อาศัยว่าบิดาของเขาเป็นแม่ทัพ เปลี่ยนมือกับตระกูลเซ่าแห่งอวี๋หลิน เขาไปเป็นแม่ทัพโหยวจีที่กองบัญชาการอวี๋หลิน ส่วนเซ่าหยางคุณชายรองสกุลเซ่าเป็นรองผู้บัญชาการที่กองบัญชาการไท่หยวน”

พูดได้ดีจริงๆ!

หากหลี่เชียนอยู่ที่นี่ก็ยิ่งดี

ควรให้เขาฟังว่าพี่น้องสกุลฉีประเมินพี่ใหญ่ของนางว่าอย่างไร

มีเจียงลวี่พี่ใหญ่ของนางอยู่ อย่าว่าแต่หลี่เชียนเลย แม้แต่หนุ่มรูปงามอย่างจินเซียวก็ต้องหลีกทางเช่นกัน

เจียงเซี่ยนยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น!

พี่น้องสกุลฉีเหมือนได้รับความกล้า จึงยิ่งเอ่ยอย่างไร้ความกังวล “…เซ่าหยางนั้นเป็นลูกชายคนรอง ถึงแม้จะไม่สามารถสืบทอดกิจการได้ แต่กลับได้รับความโปรดปรานจากใต้เท้าเซ่ามากที่สุด ตอนที่เพิ่งมายังกะว่าจะให้เขาเป็นผู้บัญชาการของกองบัญชาการไท่หยวน ปรากฏว่าเขาไม่รู้เรื่องแม้กระทั่งเรื่องบัญชี แถมยังเชิญผู้ช่วยฝ่ายการเงินคนหนึ่งมาช่วยเขาโดยเฉพาะ แต่เขากลับทำอะไรไม่เสมอต้นเสมอปลาย แม้แต่เงินเดือนทหารก็กล้าถ่วงเวลาไม่จ่าย ใต้เท้าจินไม่มีทางเลือก จึงให้เขาไปเป็นรองผู้บัญชาการ”

ดูเหมือนความสัมพันธ์ของตระกูลจินกับตระกูลเซ่าจะไม่ธรรมดาทีเดียว!

แม้แต่ตำแหน่งอย่างผู้บัญชาการของกองบัญชาการก็สามารถเอาออกมาให้คุณชายรองของตระกูลเซ่าใช้จ่ายเงินตามใจชอบได้!

เจียงเซี่ยนลูบคาง และฟังสองพี่น้องพูดต่อไป

“ถึงอย่างไรเขาก็ไร้ความสามารถ เป็นรองผู้บัญชาการก็ไม่ตั้งใจทำ วันๆ รู้จักแต่หอนางโลมกับซ่องโสเภณี ทั้งเมืองไท่หยวนมีใครไม่รู้ชื่อเสียงอันโด่งดังของคุณชายรองเซ่าบ้าง…”

แม้แต่หอนางโลมกับซ่องโสเภณีก็ออกมาแล้ว

เจียงเซี่ยนมองพี่น้องสกุลฉีพลางยิ้มจนตาเป็นสระอิ

ฮูหยินฉีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางไม่มีเวลาสนใจอะไรอีกแล้ว จึงเข้ามาปิดปากของฉีซวง และขอโทษเจียงเซี่ยนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ “เด็กสองคนหยาบคายจนเป็นนิสัยแล้ว ท่านหญิงอย่าลดตัวลงมาทะเลาะกับพวกนางเลยเจ้าค่ะ”

เจียงเซี่ยรีบเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่สาวทั้งสองต่างคุยสนุกมาก ข้าชอบฟังมาก” แล้วก็สั่งหลิวตงเยว่ “บอกว่าคนครัวที่ท่านพี่เชิญมาทำของว่างใหม่ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังไม่ยกมาอีก? เซียงเอ๋อร์กับจุ้ยเอ๋อร์ล่ะ? ชาของฮูหยินฉีจะเย็นแล้วก็ไม่รู้จักเติมชาให้ฮูหยิน”

คำพูดขัดจังหวะไม่กี่คำทลายวงล้อมให้ฉีตานกับฉีซวง

ทั้งสองคนยิ้มให้เจียงเซี่ยนตลอด ทว่าฮูหยินฉีกลับอยากจะส่งพวกนางออกไป

เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “ฮูหยินไม่ต้องเห็นข้าเป็นคนนอก ข้าอยู่เป็นเพื่อนไทฮองไทเฮามานาน ข้างกายมีแต่นางใน นางในระดับสูง และขันทีที่สุขุมเยือกเย็น ได้เจอคนที่ร่าเริงเหมือนพี่สาวสกุลฉีน้อย ท่านก็ให้พวกนางสองพี่น้องคุยเป็นเพื่อนข้าเถอะ!”

ฮูหยินฉีจะปฏิเสธเจียงเซี่ยนได้อย่างไร นางจำใจปล่อยเลยตามเลย และถลึงตาใส่สองพี่น้องเหมือนส่งสัญญาณเตือน แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หายากที่ท่านหญิงจะชอบพวกนาง ข้าขอบคุณท่านหญิงแทนสองพี่น้องเจ้าค่ะ”

“ตระกูลฉีกับตระกูลของพวกเราสนิทสนมกัน” เจียงเซี่ยนเอ่ยกับนางว่า “ฮูหยินเอ่ยเช่นนี้ ก็เห็นข้าเป็นคนนอกเกินไปแล้ว” แล้วนางก็ถามถึงเรื่องของตระกูลฉี “ฮูหยินเฒ่าสบายดีหรือไม่? หลายวันก่อนได้ยินท่านป้าสะใภ้ใหญ่บอกว่านางยังกินข้าวสองชามยักษ์ได้ทุกมื้อ?”

ฮูหยินเฒ่าผู้นี้เคยได้รับบรรดาศักดิ์ฮูหยินระดับหนึ่งตอนที่เจียงเซี่ยนสำเร็จราชการแทน

ฮูหยินฉียิ้มและเอ่ยว่า “ท่านแม่ร่างกายแข็งแรงมาก…”

ทั้งสองคนคุยกัน ไม่นานก็ถึงเวลานี้รับประทานอาหารเที่ยง

เจียงลวี่ชวนพวกอดีตเพื่อนร่วมงานดื่มจนล้มฟุบไปแล้ว คนที่ยังนั่งอยู่ข้างโต๊ะมีเพียงรองแม่ทัพที่เจียงลวี่กับฉีเซิ่งพามา ทว่าทั้งสองคนต่างก็เมาจนไม่มีใครฟังรู้เรื่องสองคนนี้กำลังพูดอะไร

ตอนบ่ายต้องไม่ไปแล้วอย่างแน่นอน

ฝูเซิงเข้ามาขอคำแนะนำจากเจียงเซี่ยน

ฮูหยินฉีได้ยินก็ร้อนใจ และเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “เหล่าฉีดื่มเหล้าไม่ได้ ก่อนมาหมอก็เคยกำชับแล้ว เขาก็รับปากว่าจะดื่มน้อยหน่อย สุดท้ายเขาก็ยังควบคุมตนเองไม่ได้ เจอท่านกั๋วกงน้อยก็ดื่มจนเมาหัวราน้ำ…”

เจียงเซี่ยนรู้ว่ามีคนดื่มเหล้าจนตาย จึงรีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รีบไปเชิญหมอมาดูเถอะ!”

ฝูเซิงขานรับและจากไป

ฮูหยินฉีกระวนกระวาย

เจียงเซี่ยนชอบสามีภรรยาที่รักใคร่กันมาก พอเห็นแล้วจึงเร่งให้ฮูหยินฉีไปดูแลฉีเซิ่ง “…ช่วยดูแลท่านพี่ให้ข้าด้วย เขาไม่ฟังคำพูดของคนอื่น แต่เขาจะต้องฟังคำพูดของท่านอย่างแน่นอน”

ตอนที่เจียงลวี่อยู่กองบัญชาการต้าถง ต่างก็กินและอยู่ที่ตระกูลฉี ฮูหยินฉีเป็นคนดูแลเขา

ฮูหยินฉีคิดแล้ว สุดท้ายก็ยังเป็นห่วงฉีเซิ่งอยู่ดี จึงลาเจียงเซี่ยนอย่างเกรงใจ และกำชับพี่น้องสกุลฉีว่า “ห้ามก่อเรื่อง” ครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วไปที่ห้องโถงด้านหน้า

พี่น้องสกุลฉีเห็นมารดาไปแล้วก็โล่งอกพร้อมกัน และเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “ท่านพ่อเชื่อฟังแค่ท่านแม่ มีท่านแม่อยู่ ท่านกั๋วกงน้อยกับท่านพ่อก็จะไม่ดื่มเหล้าอีก”

ดูออก!

เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม

ฉีตานก็ถามเจียงเซี่ยนว่า “ท่านหญิงจะอยู่ต้าถงนานแค่ไหนหรือ? ช่วงนี้มีคนมาขายม้าดีจากต้ายวนหลายตัว ท่านพ่อรับปากว่าจะซื้อให้พวกเราสองพี่น้องคนละตัว หากท่านหญิงมีเวลาว่าง ก็ไปดูกับพวกเราดีกว่า? สนุกมาก!”

เจียงเซี่ยนเห็นพวกนางพี่น้องต่างเอวบาง ขายาว แข็งแรง และผอมสูง ก็เดาว่าฝีมือการขี่ม้าของสองพี่น้องนี้น่าจะดีมาก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าก็ไม่กล้ารับปากพวกเจ้าเช่นกัน ต้องถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน”

ฉีซวงพยักหน้า และยิ้มพลางเอ่ยว่า “ท่านต้องดูว่าท่านกั๋วกงน้อยจะอยู่ต้าถงนานแค่ไหนหรือ?”

เจียงเซี่ยนพยักหน้า

ฉีซวงสายตาเป็นประกายทันที และเอ่ยว่า “จะให้ข้าช่วยไปถามท่านกั๋วกงน้อยให้ท่านหรือไม่?”

เจียงเซี่ยนหัวเราะเสียงดัง และเอ่ยว่า “หากเจ้าอยากไปถาม ก็ไปถามเถอะ! ข้าไม่เป็นไร!”

แต่ในใจกลับคิดว่ายังดีที่ตอนนั้นหลี่เชียนปฏิเสธ หากหลี่เชียนตกลง พี่น้องสกุลฉีอาจจะไม่เต็มใจด้วยก็ได้ และถึงเวลานั้นก็สนุกแล้ว

ทว่าเรื่องที่หลี่เชียนดำรงตำแหน่งแม่ทัพโหยวจีที่กองบัญชาการต้าถงน่าจะอีกสามปีหลังจากนี้กระมัง เวลานั้นสองพี่น้องนี้ต่างก็อายุสิบแปดแล้ว…อายุสิบแปดแล้วยังไม่แต่งงาน จะช้าไปหน่อยหรือไม่?

นางควรเป็นแม่สื่อให้สองพี่น้องนี้หรือไม่?

ต่อให้ตระกูลฉีรักลูกสาวมากจนไม่อยากให้พี่น้องสกุลฉีแต่งออกไปเร็วขนาดนั้น ก็หมั้นไว้ก่อนได้นี่นา…เรื่องนี้มอบให้จินเซียวเป็นคนทำได้ เพราะประการแรกเขายังติดค้างบุญคุณกับนางอยู่ และประการที่สองจินเซียวมีพี่น้องเยอะมากไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็ต้องมีญาติที่เกี่ยวดองกันเยอะเช่นกัน จึงย่อมหาผู้ชายที่เหมาะสมกับพี่น้องสกุลฉีได้

เจียงเซี่ยนตัดสินใจอย่างมีความสุขมาก หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงแล้ว ตอนที่ดื่มชาที่ห้องโถงข้างจึงถามถึงงานอดิเรกของสองพี่น้อง

สองพี่น้องก็เอ่ยมามากมาย เป็นคนร่าเริงและเปิดเผยมาก พวกนางเอ่ยถึงเรื่องของตนเองอย่างใจกว้างและเปิดเผยอย่างหมดเปลือก ทว่าตอนที่นางถามอย่างอ้อมค้อมว่าพวกนางอยากแต่งงานกับสามีแบบไหนนั้น ทั้งสองคนต่างก็อยากแต่งงานกับคนแบบเจียงลวี่อย่างพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

เจียงเซี่ยนไม่ออกความเห็น

ยังดีที่สองพี่น้องต่างไม่ใช่คนประเภทที่คิดอะไรละเอียดรอบคอบและเก่งเรื่องมองจิตใจของผู้อื่น พูดไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว และเอ่ยถึงเรื่องฉลองวันเกิดของจินย่วนวันที่ยี่สิบสองเดือนห้า “ถึงเวลานั้นท่านหญิงก็ไปกับพวกเราเถอะ? ว่ากันว่าจะเชิญคณะงิ้วที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาแสดงงิ้วด้วย!”

———————————–

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท