มู่หนานจือ – บทที่ 217 ตัดสินใจ

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนหัวใจเต้นตึกตัก และรู้สึกตึงมือเล็กน้อย

ฮูหยินฝางสังเกตเห็นความผิดปกติของนางทันที จึงรีบตบบ่าของนางเหมือนปลอบใจ และหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยว่า “ไม่มีอะไร! ในเมืองหลวงไม่มีอะไรจริงๆ ข้าได้รับมอบหมายจากไทฮองไทเฮาและลุงของเจ้าให้มาเยี่ยมเจ้า”

อีกไม่นานนางก็จะกลับเมืองหลวงแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมไทฮองไทเฮากับท่านลุงยังต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และให้ท่านป้าสะใภ้กับไป๋ซู่เดินทางมาด้วย

เจียงเซี่ยนอยากถามอย่างละเอียด แต่มีเสียงดังเอะอะที่จอแจและสับสนวุ่นวายดังมาจากนอกรถม้าตลอด จึงไม่ใช่สถานที่ดีสำหรับการคุยกันนัก

นางจำเป็นต้องถามฮูหยินฝางเรื่องการเดินทางระหว่างทางก่อน

ฮูหยินฝางตอบนางอย่างอ่อนโยนว่า “องครักษ์ของลุงเจ้าคุ้มกันพวกเรามา จึงราบรื่นมากตลอดทาง” แล้วถามเจียงเซี่ยนขึ้นมาว่า “หลายวันนี้เจ้าสบายดีหรือไม่? หลี่เชียนนั่น…ข้าเห็นว่าเขาดูไม่เลว พวกเจ้ารู้จักกันได้อย่างไรหรือ?”

ก่อนหน้านี้ดูไม่ออกแม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างนั้นไป๋ซู่ก็คงจะไม่ประหลาดใจขนาดนั้นเช่นกันตอนที่รู้ว่าเจียงเซี่ยนเลือกแต่งงานกับหลี่เชียน!

เจียงเซี่ยนรู้ว่าป้าสะใภ้กำลังถามเรื่องราวทั้งหมดกับนางแทนไทฮองไทเฮาและลุงใหญ่ของนาง

นางไม่อยากให้คนในครอบครัวกังวล แล้วก็ไม่อยากให้พวกเขาเข้าใจหลี่เชียนผิดเช่นกัน จึงจำเป็นต้องเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “ก่อนหน้านี้เขาเป็นองครักษ์อยู่ที่หน่วยองครักษ์ เคยเจอกันหลายครั้ง รู้สึกว่าเขาเป็นคนร่าเริง ใจกว้าง ละเอียดและเอาใจใส่คนอื่น แล้วก็เป็นคนเข้ากับคนง่ายมาก แต่ก็เพียงแค่นี้เท่านั้น…ตอนหลังเสด็จยายเลือกจ้าวเซี่ยว ข้าอย่างไรก็ได้ ทว่าเขากลับรู้สึกทนไม่ไหว…ตอนที่ข้าตัดสินใจว่าจะไปกับเขา ทั้งสองตระกูลก็แลกเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีและเวลาเกิดแล้ว…เพราะไม่มีทางเลือกถึงคิดวิธีนี้…” นางพูดไปก็คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ไทฮองไทเฮากับท่านลุงทำเพื่อนาง แล้วก็อดที่จะซาบซึ้งและละอายใจปนกันไม่ได้ เสียงก็เบาลงอีกเล็กน้อย “ท่านป้า ขอโทษ ข้าไม่ดีเอง เอาแต่ใจเกินไปแล้ว…”

“พูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ?” ฮูหยินฝางได้ยินแล้วก็รีบกอดนาง และเอ่ยเสียงเบาว่า “หากเจ้าแต่งงานกับจ้าวเซี่ยวไปอย่างไม่รู้อะไรเลย พวกเราถึงจะเสียใจจริงๆ! เจ้าคงไม่รู้ว่า หลังจากเฉาเซวียนเข้าวัง ไทฮองไทเฮาถึงรู้ว่าเจ้าหายตัวไป พอเฉาเซวียนเอาราชโองการไป ไทฮองไทเฮาก็เรียกลุงของเจ้าไปต่อว่าอย่างรุนแรงทันที ข้ากลัวว่าลุงของเจ้าจะไม่สบายใจ จึงเตรียมเหล้าชั้นดีกับอาหารดีๆ เอาไว้อยากดื่มเป็นเพื่อนลุงของเจ้าสักจอก แต่ปรากฏว่าลุงของเจ้ากลับบอกข้าว่า พวกเราที่เป็นผู้อาวุโสระมัดระวังมาก และฝืนใจคล้อยตามคนอื่นเพื่ออะไร? ก็เพื่อให้พวกเจ้าที่เป็นคนรุ่นหลังได้มีชีวิตอยู่อย่างสบายใจและมีความสุข และใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองต้องการไม่ใช่หรือ? ส่วนพวกชื่อเสียง ฐานะ และทรัพย์สินเงินทองที่คนนอกให้ความสำคัญนั้น ตระกูลของพวกเราก็คิดว่าไม่คุ้มที่จะใช้พวกเจ้ามาแลกเปลี่ยนตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเสด็จตากับเสด็จยายของเจ้าก็คงจะไม่ตกลงให้พ่อของเจ้าอภิเษกกับองค์หญิงแล้ว”

เจียงเซี่ยนกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไปจึงปล่อยให้ร่วงลงมา

ไป๋ซู่ยิ้มและยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้

เจียงเซี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย และเอ่ยเสียงเบามากว่า “ขอบใจ”

ไป๋ซู่เม้มปากยิ้ม ในดวงตาสีดำสนิทเหมือนดวงดาวมากมายส่องแสงระยิบระยับ และเอ่ยว่า “ใครใช้ให้เจ้าทำให้ข้าเสียใจล่ะ ข้าก็ต้องให้เจ้าลิ้มลองรสชาติของความเสียใจเช่นกัน!”

ที่แท้เมื่อครู่นั้นเล่นละครใส่นาง!

เจียงเซี่ยนคิดถึงความรู้สึกที่หัวใจลอยอยู่กลางอากาศเมื่อครู่ นางก็หยุดร้องไห้ทันทีและยิ้มออกมา แล้วเอ่ยว่า “คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร?”

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะจัดการข้าอย่างไรล่ะ?” ไป๋ซู่ยิ้มและเอ่ยอย่างล้อเล่นว่า “ข้าจะคอยดู!”

เจียงเซี่ยนทำเสียงไม่พอใจ และเอ่ยว่า “ไว้ตอนที่พี่เขยมารับเจ้าไปแต่งงาน ข้าก็จะขวางอยู่หน้าประตู ต้องให้อั่งเปาเก้าร้อยเก้าสิบเก้าซอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่ให้เขาเข้าไปข้างใน และทำให้เกี้ยวเจ้าสาวไม่สามารถออกไปก่อนฤกษ์ได้!”

“เจ้าก็ร้ายกาจเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!” ไป๋ซู่เอ่ยด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ทว่าในสายตาของเจียงเซี่ยนที่สนิทสนมและรู้จักนางเป็นอย่างดี รอยยิ้มนี้กลับไม่ได้มีความสุขขนาดนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ

ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ยังมีเรื่องปิดบังนางอยู่!

เจียงเซี่ยนกัดปาก พลางคิดว่าจะถามเรื่องนี้อย่างไร รถม้าก็ถึงประตูข้างของเรือนด้านหลังของกองบัญชาการต้าถงแล้ว

ฮูหยินฉีช่วยเลิกม่านขึ้นให้ฮูหยินฝางด้วยตนเอง

เจียงเซี่ยนกดเรื่องที่จะถามลงไปยังก้นบึ้งของหัวใจ และลงจากรถม้า ประคองฮูหยินฝางไปยังห้องพักแขกที่อยู่ข้างนาง ส่วนไป๋ซู่นั้นถูกจัดให้อยู่ห้องข้างตะวันออกของห้องพักแขกของเจียงเซี่ยน

เจียงลวี่กับหลี่เชียนมาคารวะฮูหยินฝาง

ฮูหยินฝางยิ้มตาหยีและมอบสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือให้หลี่เชียนชุดหนึ่งเป็นของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรก

หลี่เชียนก็รู้สึกกังวลและไม่ค่อยสบายใจทันที

ตระกูลเจียงเป็นครอบครัวตระกูลขุนนางมาอย่างยาวนาน มอบของขวัญสำหรับการพบกันครั้งแรกแบบนี้ให้ลูกเขยก็อาจจะแลดูเฉยเมยไปหน่อย

ฮูหยินฝางรีบมาจากเมืองหลวง อาจจะแสดงถึงท่าทีของเจียงเจิ้นหยวนกับไทฮองไทเฮา เขาสงสัยว่าไทฮองไทเฮาหรือเจียงเจิ้นหยวนไม่พอใจกับการแต่งงานนี้

ทว่าฮูหยินฝางวางตัวสนิทสนมมาก นางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะรีบมา จึงไม่ได้เตรียมของดีมาให้เจ้า ทำให้เจ้าน้อยใจแล้ว ไว้วันหลังค่อยชดเชยให้เจ้า”

หลี่เชียนเอ่ยอย่างถ่อมตนว่า “ฮูหยินพูดอะไรกัน ทุกอาชีพล้วนต่ำต้อย มีแต่การเรียนหนังสือและเข้ามาเป็นขุนนางในราชสำนักเท่านั้นที่เป็นทางที่ถูกต้อง แม้สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือนี้จะดูธรรมดา แต่กลับเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับการพบกันครั้งแรก ข้าชอบมาก รบกวนฮูหยินแล้วขอรับ”

วาจาคมคาย!

ฮูหยินฝางแอบพยักหน้า และยกชาขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง สื่อไปในทางว่าส่งแขก

หลี่เชียนรู้ว่าฮูหยินฝางคิดอะไรอยู่ในใจจึงบอกลา

เจียงลวี่มานั่งข้างกายฮูหยินฝางทันที เขาพิงหมอนอิงใบใหญ่อย่างเล่นๆ และเอ่ยว่า “หลายวันนี้ข้าเหนื่อยแทบตาย ถูกท่านอาฉีลากไปดื่มเหล้าทุกวัน ตอนนี้ข้าได้กลิ่นเหล้าก็จะอ้วกแล้ว”

ฮูหยินฝางได้ยินก็ยิ้มตลอด และลูบศีรษะของลูกชายอย่างเอ็นดู พลางเอ่ยว่า “ข้าว่าเจ้าผอมลงกว่าแต่ก่อนมาก ข้ามาแล้ว เรื่องของน้องสาวเจ้าก็มอบให้ข้าแล้วกัน เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ ฟื้นฟูเนื้อที่หายไปกลับมา”

เจียงลวี่ยิ้มและพยักหน้า และถามฮูหยินฝางว่า “แล้วทำไมท่านถึงมาอย่างกะทันหัน?”

“พ่อเจ้าเป็นคนให้ข้ามา” ฮูหยินฝางตอบคำหนึ่งก็เปลี่ยนเรื่อง “ท่านหูจากฝ่ายบัญชีก็ตามข้ามาด้วย พ่อเจ้าให้ข้าพบเจ้าแล้วก็เร่งให้เจ้าไปพบท่านหู”

ตระกูลเจียงควบคุมต้าถงกับเมืองเซวียนมาหลายรุ่น แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องที่ไม่อาจให้คนนอกรู้ได้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีรีดเงินของตระกูลเจียง ที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็มีแต่ผู้นำตระกูลของตระกูลเจียงเท่านั้นที่รู้

เจียงลวี่ได้ยินแล้วยังคิดว่ามารดามาเพื่อตบตาสายตาของคนนอก จึงไม่ได้ถามอะไรมากนัก เขาคุยเรื่องส่วนตัวกับมารดาไม่กี่คำ ก็ลุกขึ้นบอกลา และคิดหาทางไปพบท่านหูจากฝ่ายบัญชีโดยไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น

ฮูหยินฉีพาฉีตานกับฉีซวงมาเยี่ยมฮูหยินฝาง

สตรีพบกัน ย่อมมีความรู้สึกคิดถึงที่แยกจากกันมานาน หลังจากฉีเซิ่งมาคารวะฮูหยินฝางแล้ว ฮูหยินฉีก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับฮูหยินฝางที่โถงบุปผา และยังเชิญสตรีสองนางเข้ามาเล่านิทานในจวนด้วย

อาหารมื้อหนึ่งกินจนถึงยามสองจึงจะแยกย้าย

เจียงเซี่ยนส่งฮูหยินฝางกลับห้อง

ฮูหยินฝางไล่คนรับใช้ข้างกายออกไป แล้วจับมือของเจียงเซี่ยนพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “เป่าหนิง ครั้งนี้ไทฮองไทเฮากับลุงของเจ้าให้ข้ากับไป๋ซู่มาต้าถง เพราะให้พวกเรามาส่งตัวเจ้า!”

“ส่งตัวข้า?!” เจียงเซี่ยนเหมือนฟังบทความที่เข้าใจยาก ในสมองว่างเปล่าในชั่วพริบตา และไม่เข้าใจความหมายของฮูหยินฝางอย่างสิ้นเชิง

ฮูหยินฝางเห็นแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ และเอ่ยว่า “เป่าหนิง ฝ่าบาทจะแต่งตั้งเจ้าเป็นองค์หญิง และสร้างจวนองค์หญิงให้เจ้าที่เมืองหลวง แต่กลับไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องตั้งฮองเฮาอย่างเด็ดขาด ไทฮองไทเฮารู้สึกว่าไม่เหมาะสม หลังจากปรึกษากับลุงของเจ้าแล้ว จึงตัดสินใจฉวยโอกาสที่ราชโองการแต่งตั้งของฝ่าบาทยังไม่ออกมา ให้เจ้าแต่งงานกับหลี่เชียน และอยู่ที่ซานซี…”

————————————

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท