มู่หนานจือ – บทที่ 225 เดิน

มู่หนานจือ

ไม่มีเงิน?

ข้ออ้างแบบนี้ก็พูดออกมาได้!

คนที่หน้าด้านถึงระดับเขานี้หายาก

หลี่เชียนอดที่จะมองซุนซื่อติ่งใหม่ไม่ได้

“ดังนั้นครั้งนี้ข้ารู้ว่าหลานจะแต่งงานแล้ว แถมยังแต่งงานกับท่านหญิงเจียหนาน ต้องใช้เงินเยอะมากอย่างแน่นอน ข้าจึงโอนหน้าร้านหลายแห่งในตระกูลออกไป และยืมจากญาติกับเพื่อนอีกเล็กน้อย รวมทั้งหมดสองหมื่นตำลึงและนำมา” ซุนซื่อติ่งเอ่ยพลางผลักกล่องใบเล็กที่ใส่ตั๋วเงินเอาไว้มาตรงหน้าหลี่เชียน “ถึงแม้สำหรับข้าเงินนี้แทบจะเป็นทรัพย์สินทั้งตระกูลแล้ว แต่สำหรับท่านหญิงอาจจะเป็นเพียงเงินค่าเครื่องสำอางหนึ่งปีของนางก็ได้ ทว่าอย่างไรนี่ก็เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้า ไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้หลานช่วยมอบให้ท่านหญิงให้ข้าด้วย”

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตระกูลหลี่เป็นเพียงขุนนางธรรมดา และตัวเขาก็ก่อตั้งตระกูลเองแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องประจบตระกูลหลี่เหมือนเมื่อก่อน ใครจะรู้ว่าชั่วพริบตาตระกูลหลี่ก็เกี่ยวดองกับตระกูลเจียงแล้ว เขาจึงอยากไปมาหาสู่กับตระกูลหลี่ และรู้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองล่วงเกินหลี่เชียนแล้ว ดังนั้นครั้งนี้เขามาถึงบ้านของตระกูลหลี่เอง ก็คิดจะมอบเงินให้

เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาพูดจาเด็ดขาดเกินไป ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าของพวกนั้นเป็นของที่ตระกูลหลี่ให้เขาเก็บรักษาและดูแล แต่เล่นลิ้นบอกว่าของพวกนั้นเป็นเงินตั้งตัวที่ตระกูลหลี่มอบให้เขา

คำพูดนี้ยังคงดังก้องอยู่ข้างหู เขาก็ไม่อาจกลับคำพูดใหม่ได้ชั่วขณะเช่นกัน

และจำต้องบอกว่าเงินนี้มอบให้ท่านหญิง

ดังนั้นซุนซื่อติ่งจึงนำตั๋วเงินมาทีเดียวสองหมื่นตำลึง

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้คิดที่จะเอาตั๋วเงินสองหมื่นตำลึงนี้ออกมาทีเดียวเช่นกัน

เขาคิดว่าจะลองหยั่งเชิงหลี่เชียนก่อน และลงมือไปตามสถานการณ์

แต่ใครจะรู้ว่าหลี่เชียนกลับพูดคุยกับเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าวอย่างมาก

ซุนซื่อติ่งจึงจำเป็นต้องตัดสินใจจ่ายเงินทั้งหมด

เขาไม่เชื่อหรอกว่าหลี่เชียนจะไม่หวั่นไหว

แต่คิดไม่ถึงว่าหลี่เชียนจะไม่หวั่นไหวจริงๆ ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมรับเงินสองหมื่นตำลึงนี้เอาไว้

ซุนซื่อติ่งไม่มีทางเลือก จึงจำต้องเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าคิดว่าเจ้าไม่อาจมอบเงินก้อนนี้ให้ได้ เช่นนั้นข้าจะรอหลานสะใภ้แต่งเข้ามาแล้วค่อยว่ากัน”

หลี่เชียนยิ้มพลางพยักหน้า ทว่าในใจกลับเอ่ยว่า ‘เจ้าไม่ได้ไม่อยากมอบให้ แต่ไม่มีช่องทางก้าวเข้าไปทางประตูใหญ่ของกองบัญชาการต้าถง จึงไม่มีทางมอบให้ได้กระมัง’

ซุนซื่อติ่งไม่ใส่ใจ ทางนี้ไปไม่ได้ก็คิดหาทางอื่น และเอ่ยว่า “พูดถึงครั้งนี้พ่อเจ้าก็ใจแข็งกับเรื่องแต่งงานของเจ้ามากเลยนะ แค่สินสอดก็ทองสองพันตำลึง เงินห้าหมื่นตำลึงแล้ว…เจ้าก็รู้เช่นกันว่า เวลานี้เก็บเกี่ยวได้น้อยลงทุกปี ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยคนที่ออกปล้นสะดมชาวบ้าน สินสอดทำให้คนอยากได้ หลานชาย จะคุ้มกันเงินทองชุดนี้จากไท่หยวนมาต้าถงอย่างไรไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่อย่างนั้น…ข้าให้หลานยืมกำลังคนจำนวนหนึ่ง ช่วยหลานลำเลียงสินสอดชุดนี้?”

“ขอบคุณนายท่านหกซุนมาก!” หลีเชียนยิ้มพลางเอ่ยอย่างสุภาพว่า “คนที่จะคุ้มกันตอนส่งสินสอดนั้นข้าจัดไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้จึงยังไม่ขาดกำลังคน หากวันไหนทำไม่ทัน ค่อยขอให้นายท่านหกช่วยออกหน้าแล้วกัน”

หลี่เชียนเรียกซุนซื่อติ่งว่า ‘นายท่านหก’ ไม่ใช่ ‘ท่านอา’

ซุนซื่อติ่งได้ยินแล้วก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

แต่เขาก็ทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเท่านั้นเช่นกัน

เมื่อก่อนตระกูลหลี่เป็นโจรท้องถิ่นที่ถูกเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนนและสวามิภักดิ์ ก็เหมือนคนที่รับใช้ในศาลาว่าการที่สร้างความดีความชอบลบล้างความผิด แม่เลี้ยงเป็นคนเลี้ยงดู จะทำอะไรหรือพูดอะไรก็ยืดตัวตรงไม่ได้ ต่อให้ล่วงเกินแล้ว ตระกูลหลี่ก็ไม่กล้าโต้เถียงกับคนด้วยเหตุผลอย่างสุดความสามารถเช่นกัน ทว่าเวลานี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตระกูลของพวกเขาแต่งสะใภ้ท่านหญิงเข้าตระกูล แถมยังเกี่ยวดองกับจวนเจิ้นกั๋วกงที่มีอำนาจมากที่สุดในราชสำนัก ต่อไปก็เป็นพระญาติอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว เดินไปไหนคนอื่นก็ไม่กล้าเมินเฉย หากวันไหนตระกูลหลี่อยากจัดการตระกูลซุน ด้วยรากฐานของตระกูลซุน เกรงว่าจะไม่มีแม้แต่คนช่วยร้องขอความเมตตาสักคน

เขาจำต้องยิ้มพลางเอ่ยอย่างลำบากใจว่า “หลานชาย เจ้าเห็นข้าเป็นคนนอกเกินไปแล้ว คิดถึงตอนนั้นที่ข้ากับพ่อเจ้าสาบานเป็นพี่น้องกัน เจ้ายังดิ้นอยู่ในท้องแม่เจ้าอยู่เลย เพียงชั่วพริบตาเดียวเจ้าก็โตขนาดนี้แล้ว…”

หลี่เชียนฟังไปยิ้มไป และส่งสัญญาณให้สาวใช้ที่รับใช้ในห้องเติมชาให้ซุนซื่อติ่งตลอด แต่ไม่ตอบเขา

ซุนซื่อติ่งดื่มชาไปเต็มท้องก็ไม่ได้คำสัญญาจากหลี่เชียนแม้แต่คำเดียว แถมหลังจากไปวิ่งไปเข้าส้วมหลายครั้ง เด็กรับใช้กลับเข้ามารายงานว่าพ่อบ้านหลิวจากกองบัญชาการต้าถงได้รับคำสั่งจากฮูหยินฝางให้มาถ่ายทอดคำพูด

เขาจึงจำเป็นต้องบอกลาและออกจากจวน

หลี่เชียนไปที่ห้องโถง

ระหว่างทาง หลี่ไท่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน เขาเอ่ยอย่างเกลียดว่า “นายท่าน ในเมื่อเจ้าอ้วนนั่นมามอบเงินให้พวกเรา ของที่ไม่ต้องเสียเงินต้องรับไว้ ทำไมท่านยังจะผลักออกไปอีก? หากให้ข้าพูดล่ะก็ต้องให้เขาเลือดออกสักหน่อย คายเงินที่เคยยักยอกตระกูลหลี่ไปออกมา”

หลี่เชียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “เจ้าไม่ได้ฟังเขาพูดหรือ ของพวกนั้นมอบให้ท่านหญิง ถึงแม้เขาจะแค่อยากฉวยโอกาสที่ข้าแต่งงานคลี่คลายความสัมพันธ์กับตระกูลหลี่ แต่ข้ายังไม่อยากให้เขาใช้ท่านหญิงเป็นเครื่องมือ ทำลายชื่อเสียงของท่านหญิง”

ท่านหญิงยังไม่ได้แต่งมาตระกูลหลี่ก็มีข่าวลือว่า ‘รีดเงินและโลภ’ แล้ว ไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของท่านหญิงจริงๆ

“ทำให้เจ้าอ้วนนั่นสบายใหญ่แล้ว!” หลี่ไท่กระทืบเท้าอย่างเกลียดมาก

ส่วนซุนซื่อติ่งเดินออกมาจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ที่ตั้งอยู่บนถนนตะวันตก สีหน้าก็แย่ลงทันที

เด็กรับใช้ประคองเขาขึ้นรถม้า แล้วเขาก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์และเย็นยะเยือกว่า “ไป”

คนขับรถม้าสะบัดแส้ ไม่นานรถม้าก็ค่อยๆ หายไปท่ามกลางฝูงชนบนถนนตะวันตก

เสียงของซุนจี้เหยียนดังขึ้นในรถม้า “ท่านพ่อ ไม่ราบรื่นหรือขอรับ?”

“มิใช่แค่ไม่ราบรื่น!” ซุนซื่อติ่งด่าทออย่างรุนแรงว่า “เจ้าเด็กนั่นหัวรั้นมาก ข้าชมไปเป็นกระบุง แต่เขาก็ไม่รับเงินที่พวกเรามอบให้” ซุนซื่อติ่งพูดอยู่ จู่ๆ ก็ถอนหายใจ “ใครจะรู้ว่าคนรุ่นหลังอย่างเจ้าเด็กนั้นจะเก่งกว่าคนรุ่นก่อน ไปเมืองหลวงเที่ยวเดียว กลับได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา จนได้แต่งงานกับท่านหญิงเจียหนาน เจ้าว่า…ท่านหญิงเจียหนานนั่นคงจะไม่ได้เป็นโรคที่บอกใครไม่ได้ใช่หรือไม่? ไม่อย่างนั้นจะเกี่ยวดองกัน ก็ควรเป็นเฉิงเอินกงแต่งงานกับท่านหญิงเจียหนานสิ ทำไมถึงเป็นเขาได้? หรือท่านหญิงเจียหนานเป็นสตรีหน้าตาอัปลักษณ์?”

“ท่านพ่อ!” ซุนจี้เหยียนขมวดคิ้ว และเอ่ยว่า “ต่อให้เป็นโรคที่บอกใครไม่ได้หรือเป็นสตรีหน้าตาอัปลักษณ์ ตระกูลหลี่ได้แต่งงานกับท่านหญิงเจียหนานก็ได้กำไรแล้ว ต่อไปวงการราชการซานซี เขาก็สามารถวางอำนาจบาตรใหญ่ได้แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกท่านว่า ตอนที่ได้ประโยชน์ก็ต้องแบ่งปันให้คนอื่นด้วย ตอนนั้นที่หลี่เชียนมาขอเงินและคนจากท่าน ท่านก็ควรจะให้ไปเล็กน้อยตามสมควร และวันนี้ก็คงจะไม่เสียหน้าถึงขนาดนี้แล้ว”

ซุนซื่อติ่งไม่เอ่ยสิ่งใด

ซุนจี้เหยียนรู้ว่าซุนซื่อติ่งเสียดายแล้ว

เขาจึงจำต้องเอ่ยว่า “ท่านพ่อ ต่อไปท่านเจอตระกูลหลี่หรือเจอหลี่เชียนก็สุภาพหน่อยดีกว่า ในเมื่อหลี่เชียนไม่ยอมรับเงินของพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็ส่งไปให้เขาที่ไท่หยวนแล้วกัน! อีกไม่นานเขาก็จะแต่งงานแล้ว พวกเราไปขอดื่มสุรามงคลสักถ้วย อย่างไรเขาก็ไล่พวกเราออกไปไม่ได้กระมัง! และเกรงว่าวันนั้นคนที่มีหน้ามีตาในแวดวงราชการซานซีทั้งหมดก็คงจะมาด้วย ขอเพียงหลี่เชียนเรียกท่านว่า ‘ท่านอา’ ต่อหน้าคนพวกนั้น…” เขานึกถึงท่าทีที่หลี่เชียนมีต่อบิดาของตนเองเมื่อครู่ ก็ชะงักไป และเอ่ยว่า “ต่อให้หลี่เชียนไม่ยอมเรียกท่านว่า ‘ท่านอา’ ต่อหน้าทุกคน เขาก็ยังมีน้องชายอีกสองคนไม่ใช่หรือ? ขอเพียงพวกเขาเรียกท่านว่า ‘ท่านอา’ วันหลังเจอใต้เท้าอู๋อีก ก็ย่อมดึงเขาเข้ามาพัวพันได้”

“อย่างน้อยที่สุดข้าก็จะได้เป็นผู้ช่วยเช่นกัน”

“ไว้ท่านหญิงแต่งเข้ามาแล้ว ท่านค่อยคิดหาทางพาภรรยาของข้าไปคุกเข่าคำนับฮูหยินเหอ และคุยกับท่านหญิง…ข้าไม่เชื่อหรอกว่า พวกเราอ่อนน้อมถ่อมตนและประจบประแจงต่อหน้าพวกเขาแล้วยังจะทำให้หลี่เชียนอ่อนลงไม่ได้!”

ใต้เท้าอู๋เป็นผู้ตรวจการซานซี ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผู้บังคับบัญชาโดยตรงของซุนจี้เหยียน

หากลูกชายได้เลื่อนตำแหน่งเพราะเหตุนี้ อย่าว่าแต่อ่อนน้อมถ่อมตนและประจบประแจงเลย ต่อให้ต้องลดตัวลงไปยกย่องอีกฝ่ายให้อีกฝ่ายพอใจ เขาก็ยอมเช่นกัน

เมื่อก่อนตอนที่เขาติดตามหลี่ฉางชิงก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เสียหน่อย

ซุนซื่อติ่งฟังแล้วก็พยักหน้าติดต่อกันหลายครั้ง และตบหน้าอกพลางเอ่ยว่า “ลูกชาย เจ้าวางใจ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง หากหลี่เชียนเรียกข้าด้วยความเคารพว่า ‘ท่านอา’ จะดีที่สุด แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับข้า ข้าก็มีวิธีทำให้น้องชายสองคนของหลี่เชียนเรียกข้าด้วยความเคารพว่า ‘ท่านอา’ ต่อหน้าแขก ช่วยเจ้าประคองบันไดนี้ให้มั่นคง”

พ่อลูกตัดสินใจมุ่งหน้าไปไท่หยวน

ส่วนหลี่เชียนคุยกับหลิวตงเยว่อยู่ในห้องโถง

———————————

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท