หลี่เชียนคารวะเฉาเซวียนติดกันสามถ้วย และเอ่ยอย่างประโยคเดียวรวมสองความหมายว่า “ขอบคุณเฉิงเอินกงมากที่ช่วยทำให้ข้าสมปรารถนา! ต่อไปมีเรื่องอะไร สั่งมาได้เลย ข้าจำได้เสมอว่าเพราะไทเฮาเรียกท่านพ่อเข้าเมืองหลวงมาอวยพรวันเกิดเป็นการพิเศษ แล้วก็เพราะไทเฮาให้ข้าเข้าหน่วยองครักษ์ ถึงได้เจอท่านหญิงเจียหนาน และมีข้าในวันนี้ หลังจากท่านกั๋วกงกลับเมืองหลวง ได้โปรดไปคุกเข่าคำนับไทเฮาที่ภูเขาวั่นโซ่วแทนข้าด้วย บอกว่าหากข้ามีโอกาส จะเข้าเมืองหลวงไปเยี่ยมไทเฮาอย่างแน่นอน”
อธิบายเรื่องการทรยศของเขาเป็นวีรบุรุษยากที่จะผ่านด่านหญิงงามไปได้
เฉาเซวียนรู้ดีว่าที่เขาพูดนั้นหมายถึงเรื่องอื่น แต่กลับทำได้เพียงจับคอและดื่มเหล้าคุณภาพห่วยรสเปรี้ยวถ้วยนี้ลงไป
อย่างไรเขาก็ไม่อาจบอกคนนอกได้ว่าตระกูลหลี่กับตระกูลเจียงสมรู้ร่วมคิดกันตั้งนานแล้วกระมัง?
เช่นนั้นตระกูลเฉาของพวกเขายังพึ่งพาใครได้?
และวิธีการพูดแบบนี้ของหลี่เชียนทั้งไม่ทำให้เฉาไทเฮาเสียหน้า และหาข้ออ้างให้ตระกูลหลี่เรื่องที่จู่ๆ ก็แต่งงานกับเจียงเซี่ยนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
บางทีแบบนี้อาจจะดีกว่ากระมัง?
เฉาเซวียนคิดอย่างเยือกเย็น
วางอำนาจบาตรใหญ่เหมือนตระกูลเจียง ควบคุมต้าถง เมืองเซวียน และเมืองจี้มาหลายชั่วอายุคน บางครั้งก็มีช่วงเวลาที่ประนีประนอมเช่นกัน หากเขาไม่อยากให้ตระกูลเฉาพัวพันกับบารมีอันมากล้นของไทเฮา และจัดการฐานะของตระกูลเฉา ก็ไม่ควรสนใจเรื่องประนีประนอม แต่ต้องคิดว่าหลังจากประนีประนอมแล้ว เขาจะได้ประโยชน์และโอกาสแบบไหน
เฉาเซวียนก็ยิ้มและคารวะหลี่เชียนกลับสามถ้วย แล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว หากไทเฮาจะตำหนิเจ้า ก็ต้องตำหนิเจ้าที่มีเรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ไม่ปรึกษานางอย่างแน่นอน หรือว่าไทเฮาไม่มีความโอบอ้อมอารีในการช่วยเหลือผู้อื่นให้สมปรารถนาอย่างนั้นหรือ? เรื่องนี้เจ้าทำไม่ถูกจริงๆ เจ้าควรถูกลงโทษสามถ้วย”
หลี่เชียนก็คารวะเฉาเซวียนอีกสามถ้วย และเอ่ยว่า “เรื่องนี้ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ข้าลงโทษตนเองสามถ้วย”
“ต้องแบบนี้สิ!” เฉาเซวียนเอ่ยพลางยิ้มตาหยี และตบบ่าของหลี่เชียนโดยที่รอยยิ้มไปไม่ถึงในดวงตา แล้วเอ่ยว่า “วันนี้ท่านกั๋วกงกับใต้เท้าฉีอยู่ ข้าก็ไม่แกล้งเจ้าแล้ว ไว้ตอนที่เจ้าแต่งงานข้าค่อยดื่มกับเจ้าหลายๆ ถ้วย ดูสิว่าพวกเราใครจะคอแข็งกว่ากันกันแน่”
“ท่านกั๋วกง นี่ท่านอยากดื่มเหล้าแข่งกับข้าที่ไหนกัน ท่านอยากซ้ำเติมข้าล้วนๆ เลยต่างหาก!” หลี่เชียนบ่นอย่างจริงครึ่งเท็จครึ่ง
ทันใดนั้นหวังจ้านที่นั่งกินอาหารอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ มาตลอดก็ลุกขึ้นยืน และเอ่ยว่า “เจ้าวางใจเถอะ หากวันนั้นเขากล้าดื่มกับเจ้า เจ้าก็มาหาข้า ข้าจะช่วยเจ้าดื่ม” เขาพูดไปก็หยิบขวดเหล้าขึ้นมาเติมเหล้าให้หลี่เชียนจนเต็มถ้วย “แต่วันนี้เจ้าไม่มีธุระอะไร ต้องดื่มกับพวกเราหลายๆ ถ้วยถึงจะถูกต้อง ข้าจะดื่มก่อนเป็นการคารวะ! เจ้าตามสบาย!” เขาเอ่ยจบก็เงยหน้าดื่มเหล้าในถ้วยของตนเองรวดเดียวหมดถ้วย
หลี่เชียนยิ้มและไม่พูดอะไร ดื่มเหล้าที่หวังจ้านรินให้เขาแล้ว ถึงเอ่ยว่า “ท่านพี่อาจ้าน หลายปีมานี้ขอบคุณท่านมากที่คอยอยู่เป็นเพื่อนเจียหนาน ถึงแม้เจียหนานจะมีไทฮองไทเฮาดูแล และมีท่านลุงใหญ่กับท่านป้าสะใภ้ใหญ่คอยปกป้อง แต่ถึงอย่างไรก็สู้พวกท่านพี่ที่อายุเท่ากันที่ซนด้วยกันและเล่นด้วยกันได้ไม่ได้ ถ้วยนี้…ข้าคารวะท่านพี่อาจ้าน!” เขาเอ่ยจบก็รินเหล้าให้ตนเอง และยกมือไปทางหวังจ้าน แล้วดื่มรวดเดียวหมด
หวังจ้านยิ้มและเอ่ยว่า “เจียหนานเป็นน้องสาวของข้า ข้าย่อมต้องปกป้องนางอยู่แล้ว หากต่อไปเจ้ากล้ารังแกนาง ระวังข้าจะไม่ยกโทษเจ้า!”
จินเซียวอดที่จะครุ่นคิดในใจไม่ได้
ตอนที่เจียงเซี่ยนถูกหลี่เชียนลักพาตัวไป หวังจ้านเหมือนหายไปครึ่งชีวิต เขายังคิดว่าหวังจ้านชอบเจียงเซี่ยน ทว่าเวลานี้หวังจ้านกลับแสดงความใจกว้างอย่างเหมาะสมแบบนี้ หรือว่าก่อนหน้านี้เขาเดาผิดอย่างนั้นหรือ? สาเหตุที่หวังจ้านร้อนใจขนาดนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะว่าเจียงเซี่ยนเป็นผู้หญิง และไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน จึงเป็นห่วงเป็นพิเศษเท่านั้นหรือ?
เขาลุกขึ้นยิ้มและก่อความวุ่นวายไปด้วย โดยคารวะหวังจ้านถ้วยหนึ่งเช่นกัน
หวังจ้านก็ไม่ปฏิเสธเหมือนกัน และดื่มอย่างกล้าได้กล้าเสียมาก
หลังจากหลายถ้วย ก็เริ่มเมาเล็กน้อย
เฉาเซวียนรีบยิ้มและช่วยหวังจ้านออกมา โดยเอ่ยว่า “พวกเจ้าก็อย่าเอาแต่จ้องจะบังคับเขาให้ดื่มเหล้าเลย ตอนที่พวกเรามานำของขวัญที่ไทเฮาและพวกฮูหยินกับนายหญิงของแต่ละจวนให้เจียหนานมาด้วย ระมัดระวังมากมาตลอด กลัวว่าหากหายไปชิ้นหนึ่งถึงเวลานั้นจะอธิบายกับเจ้าของของทรัพย์สินที่หายไปลำบาก เหนื่อยกว่าเฝ้าของของตนเองเสียอีก พวกเจ้าระวังจะมอมเหล้าเขา”
“นั่นก็จริง” จินเซียวเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ได้รับมอบหมายจากคนอื่นก็ควรพยายามทำงานของคนอื่นให้ดีที่สุด ลำบากพวกเจ้าแล้ว!” และยกถ้วยจะคารวะหวังจ้านอีก
หวังจ้านยิ้มและดึงเฉาเซวียนมาขวางหน้าตนเอง แล้วเอ่ยว่า “เฉิงเอินกง คนที่ให้ข้าคุ้มกันของให้ไทเฮากับฮูหยินแต่ละท่านก็คือเจ้า เจ้าต้องช่วยขัดขวางเหล้านี้ให้ข้า!”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง
ทว่าสายตาของหลี่เชียนกลับลุ่มลึก
แล้วเขาก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาหนึ่งเหมือนจะจับจ้องมาที่เขาบ่อยๆ
เขาหันหน้าไปอย่างเยือกเย็น และเจอกับสายตาของเติ้งเฉิงลู่
เติ้งเฉิงลู่หันหน้าไปทางอื่นราวกับร้อนตัว
หลี่เชียนอึ้งไป
เขารู้ว่าซื่อจื่ออันลู่โหวชอบเจียหนานตั้งนานแล้ว
แต่เขาไม่เคยคิดว่านี่เป็นเรื่องร้ายเลย
ตรงกันข้าม เขาคิดว่าเป็นเพราะเจียงเซี่ยนยอดเยี่ยมมาก ถึงได้ดึงดูดความชื่นชอบจากบุรุษมากมาย
เช่นนั้นเติ้งเฉิงลู่มองเขาแบบนี้ เพราะอยากรู้ว่าเขาคู่ควรกับเจียงเซี่ยนหรือไม่หรือ?
เขาคิดแล้วก็ยิ้มและพยักหน้าให้เติ้งเฉิงลู่ แล้วเอ่ยว่า “ได้ยินว่าฝ่าบาทพระราชทานงานสมรสให้น้องสาวเจ้า หมั้นกับซื่อจื่อจิ้นอันโหวหรือ? เสียดายที่ข้าอยู่ในเมืองหลวงไม่นาน จึงไม่เคยรู้จักซื่อจื่อจิ้นอันโหว!”
เติ้งเฉิงลู่ได้ยินก็ยิ้มออกมา และเอ่ยว่า “พวกเราก็ถือว่าเติบโตมาด้วยกันเช่นกัน ก่อนหน้านี้ท่านแม่มักจะคิดว่าน้องสาวข้ายังเด็ก อยากหาตระกูลที่จำนวนคนในตระกูลไม่มากนักให้นาง จึงไม่เคยคิดเลยว่าจะให้น้องสาวแต่งไปตระกูลไช่ ถึงแม้ฝ่าบาทจะให้น้องสาวข้าหมั้นกับไช่หยวนเพราะพิโรธไทเฮา แต่ไช่หยวนก็เป็นคนไม่เลว ตระกูลของพวกเราทั้งสองตระกูลก็ถือว่าฐานะใกล้เคียงกันจึงเหมาะสมที่จะแต่งงานกันเช่นกัน ท่านพ่อกับท่านแม่ต่างก็ถือได้ว่าพอใจ หลังจากรับราชโองการ ฮูหยินจิ้นอันโหวก็มาเยี่ยมท่านแม่ถึงจวน แถมยังแอบมอบที่ดินแปลงหนึ่ง บ้านหลังหนึ่ง และร้านค้าสองสามร้านให้ไช่หยวนด้วย ท่านแม่ก็เริ่มเตรียมสินเดิมให้น้องสาวข้าเช่นกัน และปรึกษากับตระกูลไช่ กำหนดวันแต่งงานเป็นวันที่สี่เดือนสามปีหน้าแล้ว”
นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าจะตระกูลเติ้งหรือตระกูลไช่ต่างก็ถือว่าพอใจกับการแต่งงานนี้
หลี่เชียนวางใจแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้เจียงเซี่ยนก็ปล่อยวางเรื่องนี้ได้แล้วเช่นกัน
ส่วนเจียงเจิ้นหยวนดื่มเหล้าพลางคุยกับเฉาเซวียนเรื่องตั้งฮองเฮา “…เจ้าน่าจะเตือนไทเฮาสักหน่อย ฝ่าบาทว่าราชการด้วยพระองค์เองแล้ว เรื่องบางเรื่องตอนที่ควรปล่อยมือก็ควรปล่อยมือ สู้กับฝ่าบาทแบบนี้ต่อไป จะมีประโยชน์อะไร? กลับทำให้เหล่าขุนนางระดับสูงในราชสำนักแต่ละคนหวาดหวั่นและไม่สบายใจมาก จนมักจะเกิดปัญหายุ่งยาก นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย!”
เฉาเซวียนยิ้มและเอ่ยว่า “ไทเฮาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ทว่าฝ่าบาทก็ทำตัวเหิมเกริมเกินไปเช่นกัน ไทเฮาเป็นห่วงฝ่าบาทจริงๆ แต่ตอนนี้นอกจากคำพูดของราชเลขาธิการวังกับใต้เท้าสยงแล้ว ฝ่าบาทก็ไม่ฟังคำพูดของใครทั้งนั้น ตอนนั้นไทเฮาก็ใจร้อนไปหน่อยเช่นกัน เวลานี้เลือกท่านหญิงชิงอี๋ของตระกูลอ๋องเจี่ยนเป็นฮองเฮาแล้ว ไทเฮาไม่เพียงแต่คลายความพิโรธแล้ว ทว่ายังเรียกฝ่าบาทไปที่ภูเขาวั่นโซ่ว และมอบตราประจำตัวของฮองเฮาให้ฝ่าบาทต่อหน้าอ๋องเจี่ยนด้วย”
หลี่เชียนได้ยินแล้วก็แอบรู้สึกดีใจ
ยังดีที่เจียงเซี่ยนไม่ได้แต่งงานกับจ้าวอี้
ท่านหญิงชิงอี๋ยังไม่แต่งไป ไทเฮาก็เริ่มวางกับดักกลั่นแกล้งท่านหญิงชิงอี๋แล้ว
ดูท่าทางต่อไปเมืองหลวงจะมีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว
หลังจากนั้นเฉาเซวียนเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของจ้าวเซี่ยวกับคุณหนูใหญ่แห่งจวนจิ้นอันโหว “…ไทเฮาสั่งให้สำนักหอดูดาวหลวงดูวันแล้ว กำหนดส่งตัวเจ้าสาววันที่ยี่สิบเดือนเก้า”
หลังจากหวังจ้านกลับเมืองหลวงจากวัดป่าโอสถเป็นเพื่อนจ้าวเซี่ยว จ้าวเซี่ยวก็ออกจากเมืองหลวงและกลับฝูเจี้ยนคืนนั้นเลย
หลี่เชียนยิ้มพลางชวนพวกเฉาเซวียน “พวกเจ้าเป็นแขกที่นานๆ จะมาและมาจากแดนไกล พวกเราก็ยากที่จะได้รวมตัวกันเช่นกัน พรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้าในจวน ต้องขอให้ซื่อจื่ออันลู่โหวโปรดให้เกียรติมาเยือนจวนของข้าด้วย”
————————————–