นี่ถือว่าเป็นคำชมหรือเปล่า?!
เจียงเซี่ยนหัวเราะ และรู้สึกว่าหน้าผากของตนเองต้องมีเหงื่อผุดออกมาแล้วอย่างแน่นอน
นางเริ่มแนะนำฮูหยินเหออย่างอ้อมค้อม “ข้าจะให้พวกฉิงเค่อจัดเรียงใหม่ทีละอย่างว่าในบ้านต้องการแม่บ้านกี่คน แต่ละคนต่างต้องดูแลเรื่องอะไรบ้าง ต้องการสาวใช้ระดับหนึ่งกี่คน และสาวใช้ระดับสองกี่คน ทางข้ามีธรรมเนียมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องปรับแล้ว ท่านดูว่าทางท่านมีคนไหนที่ท่านใช้ประจำบ้าง และปกติดูแลเรื่องอะไรอยู่ ร่างรายชื่อมาให้ข้าก่อน ข้าจะได้ให้พวกนางเว้นตำแหน่งพวกนี้เอาไว้ จะได้ไม่ถึงเวลานั้นข้างกายท่านไม่มีแม้แต่คนที่ใช้ประจำสักคน หากมีคนไหนที่ท่านรู้สึกว่าไม่ดี ท่านก็บอกข้า ถึงเวลานั้นข้าจะให้พวกนางปรับให้เหมาะสมกับเวลา แบบนี้…ใครควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ก็ชัดเจนหมดแล้ว ทุกคนทำงานตามข้อบังคับ ก็จะไม่เกิดข้อผิดพลาดแล้วเช่นกัน”
ได้ยินว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดอีก ฮูหยินเหอก็พยักหน้าติดกันหลายครั้ง เหมือนยกภูเขาออกจากอก
เจียงเซี่ยนก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แต่ท่านก็ไม่สามารถเรียกใช้คนมั่วซั่วได้แล้วเช่นกัน เหมือนอย่างเมื่อก่อนที่เรียกสาวใช้มาคนหนึ่งและให้นางทำงานให้ท่านนั้น ท่านไม่สามารถทำได้อีกแล้ว หากท่านมีเรื่องจะสั่ง ก็สั่งคนที่รับใช้ข้างกายท่าน หากรู้สึกว่ากำลังคนไม่พอก็เพิ่มคน ข้าไม่เคยรู้ว่าเงินเดือนของสาวใช้ระดับหนึ่งคนหนึ่งเท่าไร แต่ข้าคิดว่าก็แค่เงินสำหรับเครื่องสำอางสองสามตลับ อย่างไรก็ไม่ขัดสนเงินแค่นี้”
ถูกลูกสะใภ้เอ่ยแบบนี้ ฮูหยินเหอลำบากใจมาก ทว่าเห็นเจียงเซี่ยนสายตาจริงใจ น้ำเสียงจริงใจ นางรู้ว่าเจียงเซี่ยนหวังดีกับนาง ความลำบากใจอันน้อยนิดนั้นจึงหายไปจนหมดสิ้นแล้ว
นางพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และเอ่ยว่า “ข้าเชื่อฟังท่านทุกอย่าง”
เจียงเซี่ยนโล่งอก
นางไม่กลัวความยุ่งยาก กลัวแต่ว่าหลังจากตนเองหาเรื่องใส่ตัวแก้หน้าให้คนอื่นแล้วยังคิดว่านางจุ้นจ้าน
ถึงฮูหยินเหอจะขี้ขลาด ทว่าก็ไม่ก่อเรื่อง และฟังคำแนะนำ
บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ตอนนั้นหลี่ฉางชิงยอมแต่งงานกับนาง
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย พอกลับถึงห้องก็สั่งให้ฉิงเค่อฝนหมึก “ข้าจะเขียนจดหมายให้ฮูหยินเจิ้นกั๋วกง ดูสิว่าตระกูลเจียงมีกฎระเบียบอะไรบ้าง จะได้เอามาเทียบกันสักหน่อย”
ฉิงเค่อยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” แต่ไม่ได้จากไปทันที ทว่าเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านหญิง ต้องเขียนจดหมายให้แม่นมเมิ่งสักฉบับด้วยหรือไม่เจ้าคะ?”
เมิ่งฟางหลิงเป็นผู้หญิงของตระกูลเมิ่ง ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ของเจียงหนานเช่นกัน
“เอาสิ!” เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ พวกเจ้ารวมตัวกันก่อน เขียนกฎระเบียบในวังให้ข้าด้วย ถึงเวลานั้นพวกเราจะตั้งกฎระเบียบในจวนขึ้นมา”
ฉิงเค่อถึงจะยิ้มและออกไป
เจียงเซี่ยนนอนลงบนเตียงพลางคิดเรื่องของตระกูลหลี่ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าสนใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น
เรือนด้านในก็เหมือนกับวังหลวง หัวหน้าขันทีของวังเฉียนชิงเท่ากับผู้ติดตามข้างกายของหลี่ฉางชิง หัวหน้าพ่อบ้านของเรือนด้านนอกเท่ากับอัครมหาเสนาบดีของราชวงศ์ก่อน...เช่นนั้นพวกเขาก็คือวังขององค์รัชทายาทหรือ?
แล้วใครเป็นผู้ช่วย ใครเป็นหัวหน้ากองงานองค์รัชทายาทล่ะ?
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม และอดกลั้นความตื่นเต้นในใจไว้ไม่ได้จนลุกขึ้นมาเขียนโครงร่าง
——————————————————-
ในลานเล็กๆ ตรงมุมซ้ายบนของเรือนตะวันออกของจวนสกุลหลี่ เกาเมี่ยวหรงนั่งอยู่บนที่นั่งคนงามของศาลาริมสระน้ำเล็ก พลางมองปลาไนสีแดงที่งดงามในสระน้ำเล็ก และหว่านอาหารปลาเป็นระยะ
มีสาวใช้ถือผลไม้เดินมา
เซียงจื่อสาวใช้ประจำตัวของเกาเมี่ยวหรงส่งสายตาให้สาวใช้คนนั้น และรับถ้วยชาในมือของสาวใช้ไป แล้วเดินไปตรงหน้าเกาเมี่ยวหรงอย่างแผ่วเบา และเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณหนู ดื่มชาเจ้าค่ะ!”
เกาเมี่ยวหรงเอ่ยว่า “อืม” อย่างเหม่อลอย และไม่รับถ้วยชาในมือของเซียงจื่อ แต่หว่านอาหารปลาต่อ
เซียงจื่ออดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “คุณหนู ท่านให้อาหารปลามาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว”
ปลาเป็นสิ่งที่ไม่รู้จักอิ่ม เจ้าให้อาหารเท่าไรมันก็กินได้เท่านั้น
ให้อาหารต่อไปแบบนี้ หากทำไม่ดีปลาไนแดงพวกนี้อาจจะจุกตายได้
ทว่าเกาเมี่ยวหรงที่ปกติว่านอนสอนง่ายเวลานี้กลับเหมือนไม่ได้ยิน และให้อาหารปลาต่อไป
เซียงจื่ออดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจในใจ
เมื่อวานคุณหนูสามตระกูลซือมาเยี่ยมคุณหนู และบอกว่าฮูหยินซืออยากมาเยี่ยมท่านหญิง แต่กลับกลัวว่าท่านหญิงมีชื่อเสียงและบารมีมาก ไม่กล้ามาเยี่ยมง่ายๆ จึงคิดจะอาศัยความสนิทสนมของคุณหนูสามตระกูลซือกับคุณหนู ให้คุณหนูช่วยสืบเบื้องหลังของท่านหญิงให้
คุณหนูปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม ทว่าคุณหนูสามตระกูลซือกลับคารมคมคาย ทำให้คุณหนูหาทางลงไม่ได้ และจำเป็นต้องพาคุณหนูสามตระกูลซือไปเยี่ยมท่านหญิง…
คิดถึงตรงนี้ เซียงจื่อก็ถอนหายใจในใจอีกครั้ง
คุณหนูโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยถูกเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อนเลย
คุณหนูคงจะต้องรู้สึกเสียใจมากอย่างแน่นอนกระมัง?
เซียงจื่อมองเงาด้านข้างที่งดงามและเยือกเย็นของเกาเมี่ยวหรง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเกาเมี่ยวหรงขึ้นมา
นางคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ยังย่อตัวคารวะเกาเมี่ยวหรง และเอ่ยว่า “คุณหนู อยากจะคุยกับคุณชายใหญ่เป็นการส่วนตัวสักหน่อยไหมเจ้าคะ?”
หากคุณชายใหญ่รู้ จะต้องออกความคิดให้คุณหนู และสั่งสอนท่านหญิงนั่นอย่างแน่นอน!
เกาเมี่ยวหรงขมวดคิ้ว เหมือนเพิ่งจะได้สติกลับมาตอนนี้ นางรับถ้วยชาในมือของเซียงจื่อไป ค่อยๆ จิบคำหนึ่ง และเอ่ยว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ? เรื่องเมื่อวานเดิมทีก็เป็นความผิดของข้า คุยกับคุณชายใหญ่ ทำให้คุณชายใหญ่เป็นห่วงข้าเปล่าๆ อย่างนั้นหรือ? เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องพูดอีกแล้ว เดี๋ยวเจ้าไปที่เรือนตะวันตกหน่อย ดูว่าท่านหญิงอยู่เรือนตะวันตกหรือไม่ เรื่องเมื่อวาน…ข้าต้องไปขอโทษท่านหญิงถึงจะถูก”
“คุณหนู!” เซียงจื่อสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ “เห็นๆ อยู่ว่าเป็นความผิดของคุณหนูสามตระกูลซือ ทำไมคุณหนูจะต้องไปขอโทษท่านหญิงด้วย? อีกอย่าง…ในจวนมีญาติ เพื่อนเก่า เพื่อน สมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของตระกูลที่สนิทสนมกันมากจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวมาเยี่ยม เพราะฮูหยินเหอจัดการไม่ได้เอง จึงขอให้คุณหนูออกหน้าช่วยเหลือโดยเฉพาะ แต่เวลานี้กลับถีบหัวส่งเมื่อหมดประโยชน์ พอท่านหญิงแต่งเข้ามา ก็เริ่มจงใจวางมาดแสดงให้คนอื่นดู ลูบคมท่านต่อหน้าคุณหนูสามตระกูลซือ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ต่อไปท่านยังอยากจะยืนหยัดที่ไท่หยวนหรือไม่? แต่ท่านดันยังจะปิดบังคุณชายใหญ่…” นางยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ขอบตาต่างก็แดงขึ้นมา “คุณท่านทุ่มเทความคิดเพื่อใต้เท้าทุกวัน คุณชายใหญ่ก็ยุ่งอยู่กับการเรียน…ท่าน…ท่านก็ลำบากเกินไปแล้ว!”
“คำพูดห้ามพูดอีกแล้ว” ขอบตาของเกาเมี่ยวหรงก็เริ่มแดงเช่นกัน ทว่าสีหน้ากลับเข้มงวดมาก และตวาดด่าว่า “ถึงอย่างไรพวกเราก็มาอาศัยอยู่ต่างถิ่น คำพูดนี้หากคนของตระกูลหลี่ได้ยินเข้าจะคิดอย่างไร? ต่อไปหากข้าได้ยินใครพูดแบบนี้อีก ก็เชิญนางหางานอื่น ข้าเลี้ยงไม่ไหว!”
เซียงจื่อขานรับว่า “เจ้าค่ะ” แต่กลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนร่วงลงมา
เกาเมี่ยวหรงเอ่ยว่า “ยังไม่ออกไปคิดให้ดีอีก!”
เซียงจื่อสะอึกสะอื้นพลางรับปาก และออกไป
เกาเมี่ยวหรงกัดปากแน่น และขยำผ้าเช็ดหน้าในมือจนเป็นก้อน
นานมาก กว่านางจะหันตัวมา สีหน้ากลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้ว
นางตะโกนเรียกเซียงมู่สาวใช้ประจำตัวอีกคน “พวกเจ้าเอาเทียบขอพบของข้าไปที่เรือนตะวันตก ข้าจะไปขอโทษท่านหญิง”
เซียงมู่อึ้งไป นางอยากพูดแต่ก็หยุดไว้ และพึมพำขานรับว่า “เจ้าค่ะ” แล้วไปที่ห้องหนังสือของเกาเมี่ยวหรง
เกาเมี่ยวหรงจัดเสื้อด้านหน้า และนั่งลงบนที่นั่งคนงามอีกครั้ง
—————————————————–
ในเรือนตะวันตก เจียงเซี่ยนได้รับเทียบขอพบของเกาเมี่ยวหรงแล้ว นางเปิดดูแล้วก็ยื่นให้ไป่เจี๋ย “ข้าจะพบนางพรุ่งนี้บ่าย! วันนี้มีธุระ”
ไป่เจี๋ยถือเทียบขอพบออกไปจากห้องพักผ่อน
เจียงเซี่ยนกวัดแกว่งพู่กันเขียนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เขียนงานอันยิ่งใหญ่สำหรับดูแลบ้านของนางต่อ
————————————–