ดูเหมือนชาติก่อนไป่เจี๋ยเลือกไปรับใช้หลี่เชียนและฉิงเค่อเลือกอยู่ในวัง ก็มีเหตุผลอยู่พอสมควรเช่นกัน
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเซี่ยนก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก พลางครุ่นคิดว่าต้องถามความเห็นของไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อหรือไม่ หากทั้งสองคนยินดี นางก็จะเก็บพวกนางไว้อีกสองปี หากทั้งสองคนอยากแต่งงานเร็วหน่อย ก็จะหาการแต่งงานที่ดีหน่อยให้พวกนางตอนนี้ ให้พวกนางมีครอบครัวเล็กๆ ของตนเอง มีคนที่ห่วงใยพวกนาง และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
เจียงเซี่ยนจึงเริ่มพลิกรายชื่อของอดีตพ่อบ้านเรือนด้านนอกและเด็กรับใช้
เซียงเอ๋อร์เข้ามารายงานว่า “ท่านหญิง พี่ซิ่วหย่าของคุณชายหลี่หลินมา บอกว่ามาเยี่ยมท่านหญิงตามคำสั่งของคุณชายหลี่หลินเจ้าค่ะ”
ซิ่วหย่าเป็นสาวใช้ข้างกายหลี่หลิน หลี่หลินให้นางมาพบตนเอง ก็ต้องเป็นเรื่องของเรือนด้านในอย่างแน่นอน
เจียงเซี่ยนเรียกนางเข้ามาพบ
ปีนี้ซิ่วหย่าอายุสิบหก รูปร่างผอมสูง คิ้วเรียว ดวงตากลมโตและงดงาม หน้าตาโดดเด่นมาก
เจียงเซี่ยนเคยเห็นชื่อของนางแค่ในรายชื่อ ยังไม่เคยเจอตัวจริง
ดังนั้นตอนที่นางเจอซิ่วหย่าจึงแปลกใจเล็กน้อย…สาวใช้แบบนี้ของคนทั่วไปล้วนจะเก็บเอาไว้เป็นเมียบ่าว ทว่าตอนที่นางเห็นรายชื่อ แม่นมเหมียวอธิบายกับนางว่า ฤดูใบไม้ผลิปีนี้หลี่หลินตัดสินใจให้ซิ่วหย่าหมั้นกับหลี่โฮ่วหลานชายของหลี่ไท่ที่เป็นพ่อบ้านที่ตระกูลหลี่แล้ว พออายุยี่สิบปีเต็มก็จะออกเรือน
มองออกว่า หลี่หลินเคยให้คนสั่งสอนซิ่วหย่าอย่างละเอียด
นางท่าทางงดงาม และรู้มารยาทเป็นอย่างดี ตอนที่ย่อตัวคารวะเจียงเซี่ยน ท่าทางเบิกบานใจมาก ไม่เหมือนสาวใช้ แต่เหมือนหญิงงามจากตระกูลเล็กๆ ทำให้คนรู้สึกชอบได้ง่ายมาก
เจียงเซี่ยนก็ชอบมากเช่นกัน จึงให้คนตกรางวัลให้นางเป็นอั่งเปาหนึ่งซอง
ซิ่วหย่ายากที่จะปิดบังความประหลาดใจได้ ทว่าไม่นานนางก็กลับมาสงบนิ่งเช่นเดิม และขอบคุณเจียงเซี่ยนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ท่าทางดีใจมาก
เจียงเซี่ยนถามนางว่ามีธุระอะไร
นางยิ้มพลางเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่ของพวกเราได้ยินว่าหญิงรับใช้ในจวนต่างกำลังท่องกฎของตระกูลกันอยู่ กลัวว่าพวกเราจะทำให้เขาเสียหน้า จึงอยากตรวจสอบว่าพวกเราท่องได้เป็นอย่างไรแล้ว ถึงพบว่าพวกเราไม่ได้ไปรับกฎของตระกูลที่แม่นางฉิงเค่อ จึงด่าพวกเราไปรอบหนึ่ง และให้ข้ามาหาแม่นางฉิงเค่อทันที…”
หลี่หลินผู้นี้ไหวพริบดีมากทีเดียว มิน่าเล่าชาติก่อนถึงได้คุมยุทธปัจจัยของตระกูลหลี่
เจียงเซี่ยนยิ้มเล็กน้อย และเอ่ยว่า “เดิมทีกลัวว่าทางพวกเจ้าจะมีกฎอื่น”
ซิ่วหย่ารีบเอ่ยว่า “ทั้งสองฝ่ายเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าเห็นเป็นคนนอกเลยเจ้าค่ะ ทางพวกเรานั้นไม่ว่าจะมีกฎอะไร อย่างไรก็ข้ามกฎในจวนไปไม่ได้อยู่ดี เวลานี้ท่านหญิงมีกฎของตระกูลใหม่แล้ว พวกเราก็ย่อมต้องทำตามกฎของตระกูลใหม่”
ซิ่วหย่าก็เป็นคนพูดเก่งเช่นกัน
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้า และให้คนไปเรียกฉิงเค่อมา
ซิ่วหย่าคารวะฉิงเค่อ และอธิบายจุดประสงค์ที่มา หลังจากขออนุญาตจากเจียงเซี่ยนแล้ว ก็ตามฉิงเค่อออกไป
—————————————————-
ห้องหลัก เกาเมี่ยวหรงกำลังคุยกับฮูหยินเหอ “…ครั้งก่อนบุ่มบ่ามพาคุณหนูสามตระกูลซือไปเยี่ยมท่านหญิง ทำให้ท่านหญิงไม่พอใจ ข้ารู้สึกไม่ดีมาตลอด ครั้งนี้ได้ยินว่าท่านหญิงตั้งกฎของตระกูลใหม่ และต้องการให้หญิงรับใช้ทุกคนท่องได้ ไม่รู้ว่ามีตรงไหนที่ข้าสามารถช่วยได้หรือไม่”
“ไม่ต้อง! ไม่ต้อง!” ฮูหยินเหอโบกมือติดกันหลายครั้ง และรู้สึกผิดกับเกาเมี่ยวหรงมาก “พูดถึงเรื่องนี้ ก็เป็นความผิดของข้าทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะข้าขอให้เจ้าช่วย เจ้าก็คงจะไม่พาคุณหนูสามตระกูลซือไปเยี่ยมท่านหญิงเช่นกัน ท่านหญิงเคยบอกข้าแล้ว ต่อไปข้าก็จะทำตามข้อบังคับที่ท่านหญิงกำหนดเอาไว้ และจะไม่ทำผิดแบบนี้อีกแล้ว”
เกาเมี่ยวหรงได้ยินแล้วก็ยิ้มและชมกฎของตระกูลใหม่ที่เจียงเซี่ยนกำหนดอีกเล็กน้อย
ฮูหยินเหอยิ้มตาหยีพลางเออออไปด้วย และคิดว่าในเมื่อแม้แต่เกาเมี่ยวหรงยังยอมรับเรื่องนี้ ก็แสดงว่าเจียงเซี่ยนเก่งมาก ต่อไปมีเรื่องอะไรให้เจียงเซี่ยนออกความคิด ไม่ผิดอย่างแน่นอน
จู่ๆ เกาเมี่ยวหรงก็ถามถึงเรื่องแต่งงานของหลี่จี้ “ใต้เท้ายังไม่ตกลงหรือเจ้าคะ?”
“ยังเลย!” ฮูหยินเหอได้ยินก็ทำหน้ากลัดกลุ้มขึ้นมาทันที “คำพูดดีๆ คำพูดแย่ๆ ข้าพูดไปหมดแล้ว เขาก็ไม่ตกลง ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายกับพี่สะใภ้ของข้าอย่างไรดี เรื่องในตระกูลของพวกเรา เจ้าก็รู้เช่นกัน ตอนนั้นที่ตระกูลของพวกเราร่ำรวยมากได้ ก็โชคดีที่ตระกูลของพี่สะใภ้ช่วยเหลือ ตอนหลังที่พี่สะใภ้ออกเรือน ตระกูลของนางก็มอบสินเดิมให้เป็นทรัพย์สินเงินทองก้อนใหญ่ ตอนที่ข้าแต่งงาน พี่สะใภ้กลัวว่าข้าจะถูกรังแกที่ตระกูลหลี่ จึงมอบสินเดิมของนางครึ่งหนึ่งเป็นของขวัญให้ข้า ข้ากับพี่ชายต่างก็ซาบซึ้งกับพี่สะใภ้มาก ถงเอ๋อร์เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขา พวกเขาสามีภรรยามาขอร้องถึงต่อหน้าข้าแล้ว ข้าจะไม่ตกลงได้อย่างไร…เฮ้อ! ข้าคิดแล้วก็ไม่มีหน้าไปพบพี่สะใภ้…” นางพูดไป สีหน้าขยับเล็กน้อย แล้วอยู่ๆ ก็โน้มตัวมากระซิบกับเกาเมี่ยวหรงว่า “เจ้าว่า ข้าไปขอร้องท่านหญิงเป็นอย่างไร?”
เกาเมี่ยวหรงอึ้งไป และเอ่ยว่า “เรื่องนี้…ข้าก็บอกไม่ได้เช่นกันเจ้าค่ะ!”
แต่ฮูหยินเหอกลับเหมือนคว้าฟางที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้แล้ว จึงรีบเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าทำได้…” นางเอ่ยพลางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ
เกาเมี่ยวหรงยิ้มเล็กน้อย และไม่เอ่ยสิ่งใด
————————————————-
ทว่าทางเจียงเซี่ยนนี้กลับดีใจมาก
เมืองหลวงส่งของมาให้นาง
นอกจากพวกของเล็กน้อยที่ไป๋ซู่เอ่ยถึงก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีเหล้าจินหวาชั้นดี น้ำเชื่อมสาลี่ของเฉิงจี้ ถั่วตัดของตระกูลจิ่ง ผักดองของร้านปี้หราน และยาเม็ดหนิวหวงของร้านจี้หมิน...ทั้งหมดเป็นของที่เหมาะกับฤดูใบไม้ร่วง
เจียงเซี่ยนได้ยินข่าวก็พาชีกูไปที่ห้องยามของเรือนตะวันตก
ในห้องยามนั้น พวกเด็กรับใช้ที่ไม่เข้าเวรกำลังช่วยพวกปิงเหอขนของอย่างขยันขันแข็ง
ปิงเหอหน้าตาเคร่งเครียด และเอ่ยไม่หยุดว่า “พวกเจ้าระวังหน่อย อย่าให้ของกระแทกหรือชนกัน ยอมถือครั้งหนึ่งน้อยหน่อย แต่จะทำของพังไม่ได้ เข้าใจไหม? ของพวกนี้ล้วนเป็นของที่ในเมืองหลวงส่งมา และตั้งใจส่งให้ท่านหญิงโดยเฉพาะ ของมากมายอย่าว่าแต่ไท่หยวนเลย กระทั่งเมืองเป่าติ้งก็ไม่มี หากชนพัง และอยากจะชดเชยความผิดพลาดก็ชดเชยไม่ได้ด้วยซ้ำ…”
เจียงเซี่ยนอดที่จะเม้มปากยิ้มไม่ได้
ทว่าปิงเหอกลับหันตัวมาเห็นเจียงเซี่ยน
เขารีบวิ่งมาคารวะเจียงเซี่ยนอย่างนอบน้อม
เจียงเซี่ยนเห็นว่าแค่เหล้าจินหวาก็มียี่สิบกว่าไห พวกน้ำเชื่อมสาลี่กับถั่วตัดก็มีเกินครึ่งรถ นางอดที่จะเอ่ยอย่างประหลาดใจไม่ได้ว่า “ของเยอะขนาดนี้ ก็ไม่กลัววางไว้จนเสียเช่นกัน!”
มีคนหนึ่งที่ติดตามรถมาเป็นแม่นมที่มีความสามารถข้างกายฮูหยินฝาง ตระกูลสามีแซ่จาง
นางได้ยินก็รีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง ฮูหยินบอกว่า ของพวกนี้มีมากมายที่เมืองหลวง แต่ส่งมาถึงไท่หยวนก็เป็นของดีแล้ว สามารถใช้เป็นของขวัญเทศกาลไหว้พระจันทร์มอบให้คนได้เจ้าค่ะ”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด
อีกไม่กี่วันนางก็จะแต่งเข้ามาครบหนึ่งเดือนแล้ว ตามหลัก ช่วงนี้นางสามารถกลับไปอยู่ที่บ้านของตนเองได้สองสามวัน ห้องหอก็สามารถว่างได้เช่นกัน บรรดาตระกูลขุนนางของไท่หยวนก็จะมาเยี่ยมเยียนนางเป็นระยะแล้ว นางใช้ของพวกนี้เป็นของขวัญตอบแทนดีกว่า
เจียงเซี่ยนลงมือทันที นางมอบหมายเรื่องนี้ให้ไป่เจี๋ย “ทำกล่องกระดาษที่ลวดลายพิเศษและงดงามมาจำนวนหนึ่ง แล้วใส่พวกน้ำเชื่อมสาลี่เป็นกล่องรวมกัน ถึงเวลานั้นส่งไปบ้านละนิดหน่อย”
ไป่เจี๋ยยิ้มพลางขานว่า “เจ้าค่ะ” และเรียกสาวใช้มาย้ายพวกอาหารเข้าไปในเรือนตะวันตก
เจียงเซี่ยนให้ฉิงเค่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกแม่นมที่ติดตามรถมา ส่วนตนเองนำอาหารส่วนหนึ่งไปที่เรือนของฮูหยินเหอ
ฮูหยินเหอกำลังนอนตะแคงอยู่บนเตียงพลางฟังสาวใช้ที่อายุสิบสองสิบสามปีอ่านกฎของตระกูลให้นาง
พอเห็นเจียงเซี่ยนเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นนั่ง
เจียงเซี่ยนยิ้มและทักทายนางเล็กน้อย แล้วก็ให้คนยกกล่องกระดาษที่ใหญ่มากสองกล่องเข้ามา “นี่เป็นของที่ไทฮองไทเฮาให้คนนำมาจากเมืองหลวง ชุดหนึ่งให้ท่าน อีกชุดหนึ่งให้น้องหญิงเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเหอขอบคุณติดกันหลายครั้ง และให้คนไปเรียกหลี่ตงจื้อมาขอบคุณเจียงเซี่ยนต่อหน้า