ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 76 เว่ยฉิงเชิน

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 76 เว่ยฉิงเชิน

“ไอ้เด็กนี่เป็นใครมาจากไหนไม่รู้”

“แต่การที่มันมาอยู่ที่นี่ได้ ข้าเกรงว่าพี่น้องของเราคงดับดิ้นแล้ว”

มังกรตาเดียวได้หยุดยืนมองดูเฉินเฉียงอย่างไม่วางตาขณะที่ตอบออกไป

เฉินเฉียงที่ยืนอยู่ตรงหน้าจ้าวชั้นที่สี่อยู่นั้นก็ได้มองไปที่ชายหัวล้านที่ลงมา

“แกคือถูหมั่นเถียนที่ยกพวกโจรของแกไปฆ่าล้างอาณานิคมเขาอูฐสินะ”

เฉินเฉียงได้มองไปที่ชายหัวล้านด้วยใบหน้าเย็นยะเยียบพร้อมสายตาที่เกลียดชัง

“ฮึ่ม กับอีแค่ระดับทหารขั้นสูงคนเดียวยังทำอะไรไม่ได้ นี่พวกแกจะไม่ไร้ประโยชน์ไปหน่อยเลยรึไงกัน”

ถูหมั่นเถียนได้กล่าวสบถสาปแช่งออกมา ก่อนที่จะหันไปยิ้มด้วยใบหน้าที่เหี้ยมเกรียมกับเฉินเฉียง

“ฮี่ฮี่ฮี่ ใช่ ข้าพึ่งกลับมาจากเขาอูฐ ในครั้งนี้ข้าได้ของมามากมายจริงๆ”

“ไอ้หนู ไม่คิดเลยว่าแกจะกล้ามาก กับอีแค่เศษขยะอย่างแกกลับกล้าที่จะมาบุกเขตแดนหมอกโลหิตของข้าด้วยระดับการบ่มเพาะเพียงเท่านี้”

เฉินเฉียงไม่ได้กล่าวตอบ เขาเก็บดาบดั้นเมฆก่อนที่จะมีธนูสีดำปรากฏขึ้นในมือ หลังจากนั้นก็ได้รวบรวมพลังสายเลือดภายในร่างและยิงไปที่ถูหมั่นเถียน

โดยไม่คาดคิด ถูหมั่นเถียนไม่แม้แต่คิดจะหลบ เขาทำเพียงยิ้มและไม่ได้แสดงออกว่ามีท่าทีจะถูกคุกคามจากลูกศรพลังของเฉินเฉียงแต่อย่างใด

ในตอนนั้นเอง

ถึงแม้ลูกธนูพลังของเฉินเฉียงจะถูกปล่อยออกไปเพียงชั่วพริบตา แต่เขากลับต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่าลูกธนูพลังงานของเขานั้น ไม่แม้แต่ทำลายชั้นพลังงานสายเลือดที่ถูหมั่นเถียนใช้เคลือบร่างกายเอาไว้

ถูหมั่นเถียนทำเพียงยกมือขึ้นและปัดเสื้อผ้าของตนเท่านั้น มันเผยรอยยิ้มเยาะออกมาในทันที

“ไอ้หนู ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าแม้แต่น้องสามก็ยังต้องตกตายในมือเจ้า”

“เมื่อเห็นว่าเจ้านั้นมีการบ่มเพาะเพียงระดับทหารขั้นสูง นี่ทำให้ข้านึกไม่ออกจริงๆว่าเจ้าสามนั้นตายด้วยมือเจ้าได้ยังไง”

“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีการอะไร แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า มันก็ไม่ได้ต่างไปจากขยะเท่านั้น”

“นั่นก็เพราะ แกเป็นเพียงนักรบสายเลือดระดับทหารเท่านั้น ขนาดไอ้พวกทรงพลังจากตึกจอมพลยังไม่กล้ามาแหย็มกับข้าเลยสักนิด”

เมื่อเห็นว่าศัตรูตรงหน้าพร้อมที่จะฆ่าเขา หากเขาไม่วิ่งหนีในตอนนี้ก็ไม่รู้จะวิ่งหนีตอนไหนแล้ว

“คิดจะหนีเหรอ ฮึ่มมมม”

ราวกับอ่านใจได้ ถูหมั่นเถียนไม่แม้แต่จะชักอาวุธออกมา เขาได้ตั้งมือซ้ายเป็นรูปดาบ และปลดปล่อยพลังภายในที่แหลมคมออกมา ก่อนที่จะฟันไปยังเฉินเฉียง

ด้วยเหตุการณ์ในตอนนี้ทำให้เฉินเฉียงทำได้เพียงยกคันธนูสีดำขึ้นมากันเอาไว้เท่านั้น ก่อนที่จะถูกส่งให้บินถอยหลังออกไปตามแรงกระแทก

เพียงการเคลื่อนไหวเดียวก็ทำให้เฉินเฉียงรู้ซึ้งได้ในทันทีว่าการบ่มเพาะของถูหมั่นเถียนสูงล้ำกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเขาหลู่ฟางซะอีก

ดูเหมือนข้อมูลที่ไอ้โจรขยะนั่นให้เขามาจะผิดพลาด อย่างน้อยๆหมอนี่ต้องอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางไปแล้ว

หากรู้แบบนี้เขาคงถอยหนีไปตั้งแต่กวาดล้างเสร็จตั้งแต่ชั้นสามแล้ว

อย่างไรก็ตาม นึกเสียใจตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว

หลังจากถูหมั่นเถียนได้โจมตีโดนเฉินเฉียงไปครั้งหนึ่ง เขาก็รีบไล่ตามในทันที

เฉินเฉียงที่ตอนนี้กำลังถูกส่งให้บินออกมานั้น เขากัดฟันทนความเจ็บปวดก่อนที่จะใช้ก้าวย่างสวรรค์กลางอากาศเพื่อหลบหนี

แต่ด้วยการที่อีกฝ่ายอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง ความเร็วของเขาเองย่อมไม่ช้าไปกว่ากัน และไม่นาน เฉินเฉียงก็โดนถูหมั่นเถียนไล่ตามมาทัน

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางที่จะหนีเป็นแน่

เฉินเฉียงที่ลงมาที่พื้น ในตอนนี้เขาไม่ได้วิ่งต่อแต่อย่างใด แต่กลับใช้ทักษะขุดรูมันเสียตรงนั้น

“ฮื้มมมม น่าสนใจ” เมื่อได้เห็นว่าเฉินเฉียงกำลังขุดรูไปแล้วนั้น ถูหมั่นเถียนไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาทำเพียงเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วหัวเราะลั่น ก่อนที่จะกระทืบเท้าไปหนึ่งที

เฉินเฉียงผู้ซึ่งขุดลึกลงไปได้ห้าเมตร เขาก็ได้รู้สึกได้ในทันทีว่าหน้าอกและอวัยวะภายในสั่นสะเทือน และนี่ทำให้เขาต้องบาดเจ็บภายในอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเฉินเฉียงสัมผัสได้ว่าถูหมั่นเถียนนั้นได้ยกเท้าขึ้นมาอีกครั้ง เฉินเฉียงจึงไม่กล้าจะอยู่ใต้ดินอีกต่อไป เขารีบขึ้นมาจากรูที่เขาขุดไว้ในทันที

ในทันทีที่เขาออกมา เฉินเฉียงก็ได้ใช้ก้าวย่างสวรรค์เพื่อที่จะวิ่งต่อไปในชั้นล่าง

“อยู่เฉยๆซะไอ้หนู”

ถูหมั่นเถียนผู้ซึ่งกำลังยืนนิ่งอยู่นั้นได้ยกมือขึ้น และตวัดมือเพื่อปล่อยคลื่นพลังภายในออกมาอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เขาเล็งไปที่หลังของเฉินเฉียง

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานที่ไล่หลังมา เฉินเฉียงได้ลองหันไปดูก็ต้องตกใจอีกครั้ง

คลื่นพลังที่เขาเห็นนี้ทรงพลังกว่าก่อนหน้านี้มากนัก ไม่มีทางเลยที่เขาจะหลุดรอดไปได้

หากเขาโดนเข้าล่ะก็ ร่างกายต้องขาดสองท่อนเป็นแน่

ในขณะที่กำลังสิ้นหวังอยู่นี้ ก็ได้มีผ้าไหมสีขาวที่ยืดยาวมาตรงหน้าเขาก่อนที่จะจับเข้ากับข้อมือของเขาแล้วดึงออกมาให้หลุดพ้นจากคลื่นพลังนี้

กว่าที่เฉินเฉียงจะรู้ตัวเขาก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่

และข้างๆเขานั้นเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดสีขาว

ใช่ เป็นเด็กผู้หญิงจริงๆ

เด็กผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา

เธอมีหุ่นที่เพรียวสลวยและมีสีผิวที่ขาวยิ่งกว่าเสื้อผ้า ผมของเธอนั้นดำขลับและยาวปกไหล่ ใบหน้าที่น่ารักเหนือกว่าจะพรรณนาได้ ดวงตาสีดำคู่โตที่เปล่งประกายได้มองไปที่ถูหมั่นเถียนที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีจริงจัง

ถูกหมั่นเถียนเองก็ได้มองกลับมาด้วยเช่นกัน

“เจ้า…เทพธิดาหยก เว่ยฉิงเชิน”

เมื่อเห็นผ้าไหมสีขาวที่อยู่ในมือเด็กสาว ถูหมั่นเถียนจึงได้พูดออกมา

“ต้องขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า” เฉินเฉียงที่พึ่งรอดพ้นจากความตายมาได้นั้น ก็ได้ทำการฝืนทนต่อความเจ็บปวด จัดสรรพลังสายเลือดภายในอกใหม่ในระหว่างขอบคุณหญิงสาวคนนี้

สาวน้อยในชุดขาวไม่ได้มองที่เขาแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะพูดออกมา เธอมองไปที่ถูหมั่นเถียนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ถูหมั่นเถียน ในฐานะที่เป็นถึงนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เจ้านั้นกลับไม่สนใจความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ ซ้ำยังกล้าที่จะทำเรื่องโหดร้ายกับอาณานิคมของเผ่าพันธุ์เดียวกัน สิ่งที่เจ้าทำนั้นล้วนแล้วแต่เลวทราม ระยำ และต่ำช้า ในวันนี้ ข้าจะจับเจ้ากลับไปยังเขตกันหนันเพื่อรับโทษ”

น้ำเสียงของหญิงสาวดังชัดประดุจดั่งเสียงน้ำไหลในฤดูใบไม้ผลิที่กระทบเข้าซอกหิน ในขณะเดียวกัน คำพูดที่ใช้ออกมานั้นแสดงออกมาซึ่งความห้าวหาญและมั่นคง

เมื่อถูหมั่นเถียนได้ยิน เขามองไปรอบๆอย่างถี่ถ้วนประหนึ่งดั่งต้องการยืนยันอะไรบางสิ่ง “เว่ยฉิงเชิน เจ้านำคนของกันหนันมาด้วยงั้นหรือ”

“ถูหมั่นเถียน เจ้าไม่ต้องมองหาหรอก เพียงแค่ข้า ก็เพียงพอที่จะทลายรังโจรของเจ้าได้”

“โอ้”

เมื่อได้ยินคำของเว่ยฉิงเชิน ถูหมั่นเถียนได้ถอดถอนลมหายใจออกมาในทันที “หึหึหึ เว่ยฉิงเชิน ขนาดตึกจอมพลเมืองเหมันต์จันทราและตึกจอมพลแดนใต้ยังทำอะไรเขตแดนหมอกโลหิตของข้าไม่ได้เลย กับอีแค่ลูกสาวของผู้การแห่งกันหนันอย่างเจ้าเนี่ยนะจะมากล้าหาเรื่องข้าถึงที่ นี่เจ้าจะไม่โอหังเกินไปแล้วรึไงกัน”

“เจ้าผิดแล้ว”

เว่ยฉิงเชินได้ส่ายมือที่ยังคงถูกปกคลุมด้วยผ้าไหมสีขาวของตนไปมา ก่อนที่จะชี้ไปที่เฉินเฉียงที่อยู่ข้างๆ “ถูหมั่นเถียน ไอ้เขตแดนโลหิตที่เจ้ามั่นใจนักหนานั่นน่ะ ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดว่ามันเป็นกำแพงเหล็กหรอกเหรอ จะบอกอะไรให้รู้สักหน่อยแล้วกัน ตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นสี่นี้เป็นพี่ชายท่านนี้เป็นคนจัดการ”

ด้วยการที่พวกข้านั้นต้องตรึงกำลังเพื่อคอยปราบปรามกองทัพมนุษย์กลายพันธุ์และกองทัพสัตว์ประหลาดตามคำสั่ง ตึกนายพลเมืองเหมันต์จันทราและตึกนายพลแห่งแดนใต้ไม่มีเวลามาแยแสเจ้า ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้เองก็เป็นเพราะต้องการกำจัดขยะแบบเจ้าที่เป็นเหลือบไรของมนุษยชาติเป็นการส่วนตัวเท่านั้น

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถูหมั่นเถียนได้ชักกรงเล็บออกมาคู่หนึ่งจากแหวนมิติ ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างดุดัน “ในเมื่อเจ้าต้องการจะสร้างปัญหาให้ข้า ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้อยก็แล้วกัน”

เหมือนเห็นว่าถูหมั่นเถียนเตรียมที่จะตอบโต้ มังกรตาเดียวได้รีบเข้ามากระซิบในทันที “พี่ใหญ่ ท่านต้องคิดดีๆนะ หากท่านทำเด็กนี่บาดเจ็บล่ะก็ พ่อของนาง…”

“แกยังจะกล้าพูดไร้สาระอีกรึไง แค่เห็นก็รู้แล้วว่านังนี่มันจะฆ่าพวกเรานะโว้ย แล้วจะลังเลทำซากอะไรอีก แล้วก็ไปเอาไอ้ผู้หญิงที่ดูสวยๆคนนั้นมาซะ เราจะใช้มันเป็นตัวประกัน จะได้ไม่กล้าทำอะไรพวกเรา”

หลังจากพูดจบ ถูหมั่นเถียนที่ใส่กรงเล็บไปแล้วก็ได้ถลาลงมาประดุจดั่งนกเหยี่ยวที่โฉบเหยื่อพุ่งเข้าใส่เว่ยฉิงเชินในทันที

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท