ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 95 เพื่อนเก่า

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 95 เพื่อนเก่า

“แหงสิ ก็นี่มันข่าววงใน”

“ข่าววงในอะไรกัน….อย่าบอกนะว่ามีพวกเราเข้าไปอยู่ในตึกจอมพลเมืองเหมันต์จันทราน่ะ”

“โง่เง่า จะไปมีสัตว์ประหลาดที่ไหนหลุดรอดเข้าไปอยู่ในนั้นได้กัน ใครจะกล้าเข้าไปฟะ”

“ให้ข้าบอกตรงๆเลยก็แล้วกันว่าเป็นทักษะพิเศษของนายพลทักษะพิเศษเจิ้งตี้ที่แฝงตัวเข้าไปกับกองกำลังคุนเผิงของพวกมัน และข่าวนี้เองก็เป็นเขาที่เผยแพร่ออกมา”

“ว้าว นายพลทักษะพิเศษเจ้านั้นช่างทรงพลังยิ่งนัก ไอ้พวกมนุษย์มันก็ดูเหมือนๆกันไปหมด แบบนี้ก็คงไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะตรวจพบได้ ตอนนี้ ไอ้แปดคนนั่นต้องถูกจับได้เป็นแน่”

หมูป่าเขี้ยวดาบได้เดินเลยผ่านไป ทิ้งให้เฉินเฉียงที่ในตอนนี้กำลังตกตะลึงในคำพูดของพวกมันไว้ข้างหลัง

นายพลทักษะพิเศษนี้ถ้าเขาจำไม่ผิดจะเป็นระดับการบ่มเพาะของพวกมนุษย์กลายพันธุ์ ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีภัยคุกคามเกิดขึ้นกับตึกจอมพลแห่งเมืองเหมันต์จันทราเป็นแน่

อาจจะดูไม่น่าเชื่อก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าพวกมนุษย์กลายพันธุ์จะร่วมมือกับพวกสัตว์ประหลาดในการต่อกรกับเผ่าพันธุ์มนุษย์

นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว

ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆพวกมันสมควรจะเตรียมก่อการร้ายกับตึกจอมพลเป็นแน่

ส่วนการที่จะยืนยันในเรื่องนี้ ที่ง่ายที่สุดก็คือการไปตรวจสอบดูว่าในตอนนี้มีนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณอยู่ที่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้หรือไม่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉียงรีบพุ่งลงทิศตะวันออกเฉียงใต้ในทันที

หุบเขาแห่งนี้กว้างใหญ่เทียบเท่าได้กับรังเจ็ดหมาป่าที่เฉินเฉียงเคยไปมาก่อนหน้านี้ ระหว่างทาง เฉินเฉียงก็ได้พบกับสัตว์ประหลาดหลากหลายสายพันธุ์ที่กำลังมุ่งตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

หลังจากเห็นฉากนี้ นี่ทำให้เฉินเฉียงเชื่อมั่นในทันทีว่าข้อมูลที่ได้มาจากหมูป่าเขี้ยวดาบสองตัวก่อนหน้านี้เป็นความจริง

แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้พวกมันรุมล้อมนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณทั้งแปดคนนี้เป็นอันขาด

หากว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดจำนวนมากมายขนาดนี้ เกรงว่าคงยากที่จะหลบหนีออกไป

เฉินเฉียงต้องการที่ลอบผ่านสัตว์ประหลาดจำนวนมากมายขนาดนี้โดยไม่ให้ถูกพบตัว ถึงแม้ว่าฟังดูจะยาก แต่สำหรับเขาแล้วไม่ได้ยากจนเกินไป

เขาได้รอบเปิดเข็มทิศบนกำไรข้อมือ หลังจากดูทิศทางดีแล้ว เขารีบใช้ทักษะขุดรูขั้นสูงสุดของเขาในทันที และนี่ทำให้เขานั้นดำดิ่งลงไปใต้ดินในความลึกห้าเมตร

ตอนนี้เฉินเฉียงค้นพบแล้วว่าทักษะขุดรูของเขานั้นไม่เพียงจะใช้ในการลอบโจมตี เขายังสามารถใช้ได้ทั้งหลบหนีและซ่อนตัวอีกด้วย

สิบนาทีผ่านไป เฉินเฉียงค่อยๆคืบคลานขึ้นมาจากพื้น ในทันทีที่เขาโผล่หัวออกมานั้นเขาได้ใช้พลังจิตของเขาตรวจสอบดูโดยรอบ เขาก็พบว่าตนเองอยู่ห่างจากกองสัตว์ประหลาดฝูงนี้ไกลมากพอดู

หลังจากคิดต่ออีกสักพัก ในที่สุด เฉินเฉียงก็ได้กลับลงพื้นดินในระดับความลึกสองเมตร และพุ่งตรงไปด้วยทักษะขุดดินทั้งอย่างนั้น

เขาพยายามคำนวณให้ตัวเองอยู่ลึกจากพื้นดินในระดับสองเมตรตลอดทาง

มันคือระยะที่เขาจะใช้พลังจิตตรวจสอบพื้นที่ด้านบนได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และระยะเท่านี้จะเพียงพอต่อการที่เขาจะไม่ถูกพบตัวจากสัตว์ประหลาดและมนุษย์

และเมื่อมั่นใจว่าหลุดพ้นแล้วแน่ๆเขาก็ได้ลดระดับความเร็วในการขุดรูของเขาเพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบให้ละเอียด

อีกครึ่งชั่วโมงถัดมา ในที่สุด เฉินเฉียงก็ค้นพบคนทั้งแปดอยู่ข้างหน้า

แต่ที่ทำให้เขานั้นประหลาดใจยิ่งกว่าคือหนึ่งในแปดคนนี้มีคนที่เขารู้จัก

หลังจากมั่นใจว่าทั้งแปดคนนี้ยังอยู่ดีแล้ว เฉินเฉียงก็ได้ออกมาจากพื้นในทันที

ในตอนนี้หูของคนหนึ่งในแปดคนนี้ได้ขยับในทันที เมื่อเขาหันไปทางที่เขาได้ยินเสียงก็พบว่าเป็นเฉินเฉียง

“ชู่วววว”

เขาได้เห็นเฉินเฉียงพุ่งตรงมาทางนี้พลางถือดาบในมือ แต่กลับยกนิ้วที่ปากเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าให้เงียบเสียงเอาไว้

“เฉินเฉียง นั่นเจ้ารึ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

ผู้นำของแปดคนนี้คือหนึ่งในคนของกองกำลังเทียนเว่ยผู้ล่วงลับ กัปตันจางหยวน

เฉินเฉียงได้ยกนิ้วขึ้นมาที่ปากอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาจางหยวนและพูดออกมาด้วยเสียงอันเบา “จางหยวน พวกเจ้าโดนพบตัวแล้ว รีบมากับข้า”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้ใช้ทักษะขุดรูและทำการขุดรูที่มีความกว้างขนาดสองคนเห็นจะได้ ก่อนที่จะโผล่หัวขึ้นมาและกวักเรียกคนทั้งแปดให้ตามเขาไป

จางหยวนและคนอื่นๆที่เห็นถึงกับตกใจเพราะเฉินเฉียงนั้นสามารถขุดรูใหญ่ได้ในทันทีราวกับหนู นี่ทำให้ทุกคนแสดงออกมาด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด

เฉินเฉียงเองแม้จะอายอยู่บ้างที่ต้องมาใช้ทักษะที่น่าอายแบบนี้ต่อหน้าศัตรูคู่อาฆาตอย่างจางหยวนผู้ซึ่งดูแคลนเขามาโดยตลอดแบบนี้

แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ เฉินเฉียงจึงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงบอกให้พวกเขารีบตามลงรูมา

หลังจากเขามาในรูที่เฉินเฉียงได้ขุดเอาไว้ จางหยวนก็รีบถามออกมา “เฉินเฉียง เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า ไม่ใช่ว่าเจ้าเข้าสำนักเต่าดำไปแล้วรึไง แล้วทำไมเจ้าถึงรู้ว่าพวกข้าอยู่ที่นี่”

เฉินเฉียงยกมือขึ้นห้ามก่อนจะพูดออกมา “ข้าไม่มีเวลามาอธิบาย ข้าบอกได้เพียงว่าพวกเจ้าทั้งแปดถูกพบตัวแล้ว ในตอนนี้สัตว์ประหลาดทั่วทั้งเขาได้มารวมตัวกันที่นี่ พวกมันมาที่นี่เพื่อจะรุมล้อมพวกเจ้า”

“ตอนนี้พวกเจ้าต้องตามข้าออกมาจากที่นี่ซะก่อน ไม่อย่างนั้นต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่สุดแสนจะนึกออกเป็นแน่”

“ไม่”

จางหยวนได้ปฏิเสธออกมาอย่างเสียงแข็งก่อนที่จะพูดต่อ “ภารกิจของพวกเราในครั้งนี้คือการตรวจสอบสถานการณ์ฝั่งศัตรู หากพวกเราไม่รู้แจ้งในเรื่องนี้ ต่อให้พวกเราต้องตายก็จะถอยไปไม่ได้”

“พวกเจ้าจะอยากรู้ไปทำซากอะไร พวกเจ้าทั้งแปดโดนแทงข้างหลังไปแล้ว ก่อนที่พวกเจ้าจะมาพวกสัตว์ประหลาดมันก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่ พวกมันจึงได้วางแผนที่จะปิดล้อมไง”

“อะไร เจ้าจะบอกว่ามีคนทรยศอยู่ในตึกจอมพลเมืองเหมันต์จันทรารึ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ เจ้ารู้ได้ยังไง”

เฉินเฉียงในตอนนี้ได้พูดออกมาอย่างเหลืออด “จางหยวน ข้าไม่มีเวลามาอธิบายให้เจ้าฟังในตอนนี้ บอกมา เจ้าสืบเรื่องอะไร”

จางหยวนได้พยายามสะกดข่มใจตัวเองไม่ให้พลุ่งพล่าน ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงอันนิ่งลึก “พวกเราได้ข่าวมาว่ามีสัตว์ประหลาดจำนวนมากมาปรากฏอยู่ที่นี่ กองกำลังเทียนเว่ยได้รับคำสั่งมาว่าให้ตรวจสอบประเภทและจำนวนของพวกมัน ถ้าจะให้ดีก็รวมถึงความแข็งแกร่งของพวกมันด้วย”

“เข้าใจล่ะ ข้าพบพวกมันมาแล้ว ระหว่างทางที่มาที่นี่” เฉินเฉียงได้ทำการสูดลมหายใจอย่างหนักและพูดออกมาอย่างเร่งรีบ “พวกมันมีไม่น้อยไปกว่า 300 สายพันธุ์ พวกมันทั้งหมดเท่าที่ข้าพบมีสี่ตัวอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น”

ส่วนผู้นำของสัตว์ประหลาดในครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงที่เรียกว่าแจ็คกัล

และเท่าที่ดูวิธีการที่พวกมันเดิน พวกมันต้องการล้อมรอบพื้นที่ที่พวกเจ้าหลบซ่อนกันอยู่

“อะไรนะ”

จางหยวนและคนอื่นๆตกใจในทันทีเมื่อได้ยิน พวกเขาตกใจยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินว่ามีคนในตึกจอมพลทรยศพวกเขาซะอีก

“เฉินเฉียง เจ้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม มันเป็นแจ๊คกัลจริงๆเหรอ แล้วยังเรื่องของสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นสูงสี่ตัวนั่นอีก”

จางหยวนและคนอื่นๆในตอนนี้ต่างก็สับสนในทันทีเมื่อได้ยิน แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เขาได้รีบพยักหน้าและพูดออกมา “ข้ามีวิธีพิสูจน์ หากพวกเจ้าอยากเห็นพวกมันกับตา ข้าจะพาพวกเจ้าไปผ่านทางใต้ดินนี้ อย่างน้อยๆพวกมันก็จะได้ไม่พบเจอพวกเรา”

หลังจากพูดจบ สาวน้อยคนหนึ่งที่อายุประมาณยี่สิบปีที่อยู่ข้างหลังจางหยวนได้พูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง “กัปตัน หากว่าสิ่งที่เพื่อนของท่านพูดออกมาเป็นความจริง พวกเราต้องรีบกลับไปรายงานเดี๋ยวนี้”

จางหยวนได้พยักหน้ารับก่อนที่จะพูดออกมา “เฉินเฉียงนั้นเป็นศิษย์สำนักเต่าดำและถือได้ว่าเป็นศิษย์น้องของข้า ข้าไม่คิดว่าเขาโกหก ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเราต้องรีบกลับไปรายงานในทันที”

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท