ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 98 ที่พักพิง

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 98 ที่พักพิง

“โอ้ คนของเจ้าเหรอ ใครกันน้า” เฉินเฉียงยิ้มและพูดออกมา

“กัปตันหวู่ ท่านอยากจะให้ข้าต้องพูดอะไรอีกรึเปล่า หมอนี่ยอมรับแล้วนา”

“เจิ้งตี้ ข้าไม่คิดเลยว่าเป็นเจ้าจริงๆ”

หวู่เจียงกัดฟันแน่นก่อนที่จะมองไปที่เจิ้งตี้ ในขณะเดียวกัน นักรบสองคนที่คอยช่วยลุงเจิ้งตี้ก็รีบปล่อยมือผละตัวเองถอยหลังออกมา

เมื่อเห็นว่าสถานะของตนถูกเปิดเผยแล้ว แถมยังเป็นชนิดทะลุปรุโปร่งซะอีก นี่ทำให้เจิ้งตี้มองเฉินเฉียงอย่างดุร้ายและพูดออกมาอย่างเดียดฉันท์

“เฉินเฉียง…สินะ ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าแผนการของข้านั้นจะต้องมาถูกเปิดโปงโดยเด็กขนยังไม่ขึ้นอย่างแกแบบนี้”

“แต่ข้าสงสัยจริงๆว่าทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจนักว่าเป็นข้า”

“และอย่ามาโกหกอย่างมีใครบอกแกมาอีกทีล่ะ”

เฉินเฉียงสบถออกมาในทันที “เหอะ ความจริงแล้วมันก็ง่ายดายนัก ข้ากระหน่ำโจมตีทางวิญญาณกับแกมากมายหลายหนแล้วแต่แกกับนิ่งเฉยราวกับไม่รับรู้อะไรเลยด้วยซ้ำ นี่ทำให้ข้านั้นมั่นใจว่าแกไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์แท้ๆอย่างแน่นอน”

เจิ้งตี้นิ่งอึ้งไปในทันที เขาลองแตะที่หัวตัวเองดูเบาๆก่อนที่จะพูดออกมาอย่างหมดคำพูด “เป็นข้าเองที่ประมาทไป อย่างไรก็ตาม แกคิดว่าจะจับข้าได้ ฝันไปเถอะ”

เจิ้งตี้ได้กางมือออกและนี่เองทำให้ตัวเขานั้นมีชั้นพลังงานสีเงินเคลือบร่างเอาไว้ มันดูแนบแน่นราวกับเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนัง ในขณะเดียวกันก็ได้มีปีกสีเงินคู่หนึ่งกางออกมาจากกลางหลังของเขา

“ฉิบหายแล้ว รีบจับมันไว้อย่าให้มันหนีไปได้”

หวู่เจียงได้ตะโกนออกมาพลางพุ่งให้ใส่เจิ้งตี้

“ฮ่าฮ่าฮ่า กัปตันหวู่ แกคิดว่าจะจับข้าผู้นี้ ชาติหน้าแล้วกันนะ”

เจิ้งตี้ได้หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนที่ปีกคู่นั้นจะกลายเป็นดาบพลังงานสี่เล่มหมุนวนรอบตัวเป็นวงกลม ราวกับเครื่องบดเนื้อ

เหล่านักรบที่อยู่ใกล้เขาถูกเฉือนเนื้อเฉือนหนังจนกลายเป็นเนื้อบดไปตามๆกัน

“ระดับทหาร ถอยออกมาซะ”

หวู่เจียงคำรามลั่นและพุ่งเข้าใส่พร้อมกับนักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณอีกสิบกว่าคน

พวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่มีเกราะพลังงานเคลือบร่างเอาไว้ นี่จึงไม่อยากที่จะปกป้องชีวิตตนเองไว้ได้ แต่เมื่อต้องเจอการโจมตีรูปแบบนี้ พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะโจมตียังไงเหมือนกัน

จางหยวนยกมือขึ้นส่งสัญญาณ “กองกำลังเทียนเว่ย บุกจู่โจม ฆ่าไอ้ระยำนั่นให้ได้”

แต่ต่อให้ทั้งกองกำลังเทียนเว่ยและกองกำลังคุนเผิงจะอยากฆ่าเจิ้งตี้ขนาดไหนก็ตาม ด้วยการโจมตีที่แปลกประหลาดของปีกเหล่านี้ทำให้พวกเขาไม่อาจโจมตีฝ่าเข้าไปได้เลยสักคน

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ในตอนนี้ยังมีนักรบสายเลือดระดับทหารที่ติดอยู่กลางวงล้อมดาบพลังงานสี่เล่มนี้ ถึงแม้จะยังไม่มีใครบาดเจ็บ แต่หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะไม่อาจจับเป็นเจิ้งตี้กลับไปได้อย่างแน่นอน

“ฮ่าฮ่าฮ่า หวู่เจียง จางหยวน และไอ้ระยำเฉินเฉียง ข้าผู้นี้จะเล่นกับพวกเจ้าเอง ยังไงซะ กองทัพนักรบเหนือมนุษย์ของข้านั้น ไม่ช้าก็เร็วจะต้องล้างเผ่าพันธุ์ของแกไปได้อยู่แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”

ระหว่างที่เจิ้งตี้กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาก็ได้กระโจนทะยานขึ้นกลางอากาศและบินไปทางทิศตะวันตก

“อย่าให้มันหนีไปได้”

จางหยวนนั้นเป็นนักรบผู้ฝึกฝนร่างกาย นี่ทำให้เขาตอบสนองได้เร็วกว่าใครในกองกำลังทั้งสอง

เฉินเฉียงผู้ซึ่งไม่อยากให้อมนุษย์คนนี้รอดไปได้ยิ่งกว่าใคร เขาได้ใช้ก้าวย่างสวรรค์ขั้นสุดยอดและทิ้งห่างจางหยวนไปในทันที

แต่ด้วยการที่เจิ้งตี้นั้นใช้การบินหนี นี่ทำให้เขาสามารถรักษาระยะห่างจากเฉินเฉียงเอาไว้ได้ จะเรียกได้ว่าระยะห่างของทั้งสองคนนั้นไม่ได้ลดหรือห่างจากเดิมเลยสักนิด

เจิ้งตี้ได้หันมามองดูสถานการณ์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นความเร็วของเฉินเฉียงที่ตามเขามาได้ แต่กระนั้น เขาก็ยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพูดออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า เฉินเฉียง อย่าเสียพลังงานของแกไปเฉยๆจะดีกว่า หากแกอยากจะจับข้าก็คงต้องไปหาปีกมาใส่สักคู่หนึ่งล่ะนะ วะฮ่าฮ่าฮ่า”

เฉินเฉียงได้กัดฟันของตนแน่น ก่อนที่จะนำธนูสีดำออกมาจากแหวนเก็บของ เขาถ่ายเทพลังสายเลือดลงไปและตั้งมั่นเล็งไปที่หลังของเจิ้งตี้และยิงออกไป

เจิ้งตี้ในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกภยันตรายจากข้างหลังของเขาแต่อย่างใด เขายังคงกางปีกโบยบินด้วยความรู้สึกสาแก่ใจ แต่เพียงชั่วพริบตา ธนูพลังงานสายเลือดของเฉินเฉียงก็ได้ทะลุกลางอกของเจิ้งตี้ไปจนเป็นรูโหว่ใหญ่โต

เมื่อเห็นว่าเจิ้งตี้ร่วงหล่นลงสู่พื้น เฉินเฉียงก็รีบพุ่งไปหาศพของเจิ้งตี้ในทันที เมื่อมั่นใจว่าตายแล้ว เขาก็ได้ยื่นมือขวาของตนไปสัมผัสร่าง

ติ้ง ย่อยสลายนักรบกลายพันธุ์ระดับทักษะพิเศษขั้นทองคำ(สูง)สำเร็จ

เจ้าของระบบ: เฉิงเฉียน

ระดับ: นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น

การหลอมรวมทักษะ: 1

ค่าพลังงาน:815,300

ค่าการใช้ประโยชน์:1

ค่าความอดทน:230

ค่าความแข็งแกร่ง:203

ค่าความเร็ว:212

ค่าพลังจิต:135

เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ:….

ทักษะ:….

ปีกสีเงินระดับ 2 (พัฒนาโดยพลังงานได้)

สายเลือด: โกลาหลแรกกำเนิด

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ดูดซับซากของมนุษย์กลายพันธุ์ก็ตาม แต่เขาก็ไม่นึกว่าเขาต้องสูญเสียพลังงานไปถึงหมื่นหน่วยเพื่อดูดซับพลังงานจากซากร่างของเจิ้งตี้

ยิ่งไปกว่านั้นคือ นอกจากค่าสถานะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยน่าพอใจแล้ว ที่เพิ่มเข้ามานั้นก็มีเพียงทักษะปีกสีเงินระดับสองเท่านั้นที่เขาได้รับเพิ่มเติมมา และไม่มีค่าสถานะใดเปลี่ยนแปลงอีก

แต่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ทักษะปีกสีเงินนี้มันทำอะไรได้บ้าง

ในขณะที่เฉินเฉียงกำลังจะลองทักษะใหม่ดูนั้น จางหยวนก็มาพบเขาซะก่อนทำให้เขานั้นต้องเลิกล้มไป

“ตายแล้วเรอะ”

จางหยวนได้ตรวจสอบศพของเจิ้งตี้ เมื่อเขามั่นใจได้แล้ว เขาหันมาทางเฉิงเฉียนพร้อมยกนิ้วโป้งให้ ก่อนที่จะหันกลับไปค่อยๆแตะที่หัวของเจิ้งตี้ และดึงเอาบางสิ่งที่ส่องแสงออกมา

“จางหยวน…..นั่นอะไรอ่ะ”

เฉินเฉียงถามออกมาอย่างสงสัย

“ฮี่ฮี่ฮี่ ไม่เคยเห็นมาก่อนล่ะซี้…”จางหยวนพูดพลางยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยและนำร่างของเจิ้งตี้ใส่ไว้ในแหวนเก็บของ “ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปรวมกลุ่มกันก่อน”

หลังจากผ่านไปสักพัก ทั้งสองก็ได้กลับไปยังตรอกที่ทุกคนยังคงรวมตัวกันอยู่

ในทันทีที่พวกเขาลงจอดจากการโจนทะยานอย่างสวยงาม จางหยวนได้โยนศพของเจิ้งตี้ไปไว้ที่หน้าของหวู่เจียง

“หวู่เจียง ในเมื่อสายลับคนนี้อยู่ในกองกำลังของเจ้า ข้าว่าเจ้าควรจะเป็นคนอธิบายเรื่องราวกับผู้การด้วยตนเองจะดีกว่า”

“ขอบคุณ…..พี่จาง”

การที่มีสายลับมาแฝงตัวอยู่ในกองกำลังของตนและเป็นจางหยวนที่ช่วยจัดการในเรื่องนี้ให้ นี่ทำให้หวู่เจียงเสียหน้าอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย ยิ่งไปกว่าเรื่องนี้ก็คือจางหยวนที่เป็นคนช่วยเขาจัดการนั้นจะต้องได้รับความดีความชอบไปไม่น้อยอย่างแน่นอน

“กัปตัน นี่…”

คนของหวู่เจียงได้พลิกศพดูก็พบรอยแผลเล็กๆที่กลางหัวของเจิ้งตี้

นี่ทำให้หวู่เจียงที่เห็นก็ยิ่งทำหน้าดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม “พี่ชายจาง นี่หมายความว่ายังไง แผ่นพลังงานอยู่ที่ไหนกัน”

จางหยวนได้นำมือไปวางพาดหลังหัวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “หวู่เจียง ในเมื่อนี่เป็นสายลับที่แฝงอยู่ในกองกำลังของเจ้า และเป็นพวกข้าที่ช่วยเหลือทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องช่วยเลยด้วยซ้ำ ข้าก็เลยคิดว่าจะนำแผ่นพลังงานนี้ไปมอบให้ผู้การเป็นหลักฐานว่าพวกข้าเองที่เป็นคนกำจัดมัน เจ้าคงไม่คิดจะปฏิเสธความคิดของข้าหรอกนะ”

หวู่เจียงได้ลอบสบถออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะส่งสัญญาณและพูดออกมา “นำไอ้มนุษย์กลายพันธุ์นี่กลับไป…ไปได้แล้ว”

ด้วยสัตว์ประหลาดระดับสูงที่มากมายอยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่อะไรเลยที่หวู่จียงจะทำอะไรได้ และนี่ทำให้เขานั้นไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงกลับไปที่ตึกจอมพลเท่านั้น

หลังจากคนของหวู่เจียงได้จากไป จางหยวนเองก็ได้ส่งสัญญาณมือด้วยเช่นกัน “ไปกันเถอะ พวกเรารีบกลับไปเลี้ยงฉลองให้กลับเฉินเฉียงกันดีกว่า”

คนทั้งเก้าได้วิ่งตรงกลับไปยังตึกจอมพลแห่งเมืองเหมันต์จันทราอย่างมีความสุข

ถ้าจะให้พูดตรงๆ ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นตึกจอมพล แต่ด้วยอาณาเขตของที่นี่นั้นไม่ได้ต่างไปจากอาณานิคมขนาดใหญ่เลยแม้แต่น้อย

แต่ที่นี่นั้นมีกำแพงเมืองที่สูงชันที่อยู่ด้านนอก นี่ทำให้คนที่อยู่ข้างในนั้นปลอดภัยอย่างมาก ปลอดภัยจนสามารถทำให้เกิดธุรกิจการค้าที่นี่ได้เลยทีเดียว

ในโรงแรมแห่งหนึ่ง จางหยวนและคนในทีมทั้งแปดได้เลี้ยงต้อนรับเฉินเฉียงที่นั่งอยู่กลางวงล้อมอย่างอบอุ่น

“เฉินเฉียง หากว่าเจ้าไม่มาในวันนี้ ข้าเกรงว่าพวกเราทั้งแปดคงยากที่จะหลุดรอดจากสถานการณ์ไปเป็นแน่ ข้า ขอเป็นตัวแทนของทุกคน ขอดื่มแก้วนี้ให้กับเจ้า”

หลังจากพูดจบ จางหยวนได้ยกแก้วไวน์เข้าปากและกระเดือกลงไปหมดในคำเดียว

Related

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท