ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 113 แผน

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 113 แผน

หลังจากลงไปอยู่ใต้ดิน เฉินเฉียงได้ใช้กำไลสื่อสารเพื่อตรวจสอบทิศทาง ก่อนที่จะพุ่งลงใต้ด้วยความเร็วเต็มพิกัด

หลังจากผ่านไปเพียงยี่สิบนาที เฉินเฉียงได้ทำการคำนวณแล้วว่าเขาสมควรจะอยู่ในตำแหน่งที่หลิวเซียงได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ เขาจึงได้ใช้พลังจิตตรวจสอบบนพื้นดินอย่างระมัดระวังพลางค่อยๆลดระดับความลึกของเขาลง

เมื่อเฉินเฉียงอยู่ในระดับเพียงครึ่งเมตรจากพื้นดิน เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากอยู่ได้บน นี่ทำให้เขาดำดิ่งลงมาเป็นสองเมตร แล้วทำการขยายขอบเขตพลังจิตของเขา

อย่างน้อยที่ด้านในระยะสิบเมตร เขาพบมดยักษ์ที่มีระดับอยู่ที่ทหารขั้นสูงตัวหนึ่ง กำลังเดินลาดตระเวนพร้อมหอกยาวในมือ

ในขณะเดียวกัน ที่ระยะห้าสิบเมตรจากตรงนี้ มีกุ้งที่มีลำตัวยาวกว่าสองเมตรที่ในมือมันเองก็ถือหอกเอาไว้ มันกำลังมองมาที่มดยักษ์ตัวนี้อย่างระแวดระวัง

ดูเหมือนว่าข้อมูลที่หลิวเซียงได้บอกเขาไว้จะถูกต้อง ถึงแม้สัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลจะร่วมมือกัน แต่พวกมันก็ไม่ได้อยู่ร่วมกัน

หลังจากตรวจสอบอยู่พักใหญ่ เฉินเฉียงก็ได้เคลื่อนที่ลึกเข้าไปอีกสองร้อยเมตร หลังจากแน่ใจแล้วว่าไปไม่มีตัวอะไรอยู่ เขาจึงได้ค่อยๆโผล่หัวออกมาและมองดูรอบๆอีกครั้ง

ดีที่ตรงนี้เป็นพุ่มหญ้าสั้นๆ ทำให้เขานั้นมองเห็นสถานการณ์ที่มีอยู่ในตอนนี้ได้อย่างชัดถนัดตา

และนี่ทำให้เขาได้เห็นแนวชายฝั่งของทางใต้ที่ยาวอย่างสุดลูกหูลูกตาจากที่ที่เขาอยู่

อย่างไรก็ตาม ตามแนวชายฝั่งนี้เองเขาได้เห็นสัตว์ประหลาดทะเลจำนวนมากมายหลากหลายสายพันธุ์ และจำนวนของพวกมันไม่น้อยไปกว่าหมื่นตัว

เมื่อเขาหันไปอีกทางหนึ่ง เขาก็พบกับสัตว์ประหลาดในจำนวนนับหมื่นเช่นเดียวกัน หลังจากกวาดตามองดูแล้วพวกมันนั้นอยู่ในระดับนายพลวิญญาณชั้นต้น และมีบางส่วนเท่านั้นที่อยู่ในระดับทหารขั้นสูง พวกระดับทหารขั้นสูงนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตัวที่ลาดตระเวนอยู่ตรงแนวกันชนระหว่างสัตว์ประหลาดและสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล

หลังจากเฉินเฉียงตรวจสอบอยู่พักใหญ่ เขาก็พบจุดที่น่าจะเป็นที่อยู่ของสัตว์ประหลาดที่คุมทัพของพวกสัตว์ประหลาดเข้า

ด้วยการที่มีรังของพวกมันตั้งอยู่โดยรอบ และสัตว์ประหลาดที่คอยเดินลาดตระเวนอยู่นั้นก็อยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นต้น นี่แสดงให้เห็นว่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างในอย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นกลาง

และพวกสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลก็มีการวางกำลังพลไว้คล้ายๆกัน

ด้วยจำนวนของทั้งสองฝ่ายนั้น รวมๆแล้วไม่น้อยกว่าสามหมื่นตัว ด้วยการที่กองกำลังเทียนเว่ยนั้นมีคนเพียงเกือบสิบคน ต่อให้พวกเขามาที่นี่แล้วเขาจะไปฆ่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ได้ยังไง

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินเฉียงย่อมไม่ต้องการมาตกตายในศึกที่ไร้ค่าแบบนี้ เขาจึงต้องคิดหาทางออกที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยเสียค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด

ตราบใดที่เขาทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี กองกำลังเทียนเว่ยเองก็จะกลับยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

แต่เขาจะทำเรื่องนั้นได้ยังไง

เฉินเฉียงยังไม่คิดกลับในทันทีแต่อย่างใด เขากำลังนิ่งคิดอยู่ตรงนี้

ที่ระยะสายตาของเขานั้น เขาเห็นมดยักษ์ที่กำลังลาดตระเวนอยู่ด้วยท่าทางที่เบื่อหน่าย มันเงยหน้าขึ้นมามองกุ้งยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าของมัน

ก็ไม่รู้ว่ามันเบื่อมากรึยังไงทำให้มดยักษ์นั่นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างไร้เสียง ก่อนที่จะมองไปยังกุ้งยักษ์ที่กำลังดูตื่นๆและพูดออกมา

“เฮ้ ไอ้กุ้งยักษ์ ไอ้พวกมนุษย์อ่อนแอถูกพวกเราไล่ต้อนไปแล้ว ทำไมแกถึงได้ดูตื่นตัวขนาดไหน มา แกมาคุยกับข้าดีกว่า”

เมื่อกุ้งยักษ์ได้ยินก็ไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด มันยังคงยืนอยู่กับที่และชี้หอกมาที่มดยักษ์ก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้การของพวกข้านั้นบอกให้พวกข้าต้องเฝ้าระวัง ไม่เพียงกับมนุษย์ที่อ่อนแอแต่ต้องระวังพวกเจ้าด้วยเช่นกัน เจ้าก็รีบๆถอยไปได้แล้วอย่าได้คิดล้ำเส้นมาแต่อย่างใด”

หลังจากพูดจบ กุ้งยักษ์ได้ควงหอกก่อนที่จะขีดเส้นเตือนตรงหน้าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าอย่าได้เข้ามาใกล้

เมื่อเห็นท่าทางของกุ้งยักษ์ตรงหน้า มดยักษ์ก็เริ่มรู้สึกคิดจะแหย่มากกว่าเดิมจึงได้พูดออกมา

“กุ้งยักษ์ พวกเราเองต่างก็เป็นสัตว์ประหลาดเช่นเดียวกันไม่ใช่รึ อย่าบอกนะว่าเจ้าหลงลืมช่วงเวลาที่เราห้ำหั่นมนุษย์ด้วยกัน”

แล้วมาตอนนี้เจ้าจะมาเฝ้าระวังกันเองเพื่อ?

“ข้าจะเข้าไปใกล้ แล้วจะทำไม เจ้าจะทำอะไรข้าได้”

หลังจากมดยักษ์พูดจบ มันก็ได้ใช้ขามดของมันข้างหนึ่ง ก้าวข้ามเส้นกั้นไป

“ถอยไป”

กุ้งยักษ์ได้แทงหอกไปที่ขามดยักษ์ มดยักษ์ก็ยกขากลับไป

“โอ้ะ ข้าก้าวข้ามไปอีกแล้ว เจ้าจะทำอะไรอีกล่ะ”

ดูเหมือนว่ามดยักษ์ตัวนี้จะพบเกมแก้เบื่อของมันแล้ว มันได้ยกขาไปมาระหว่างเขตของมันและเขตของสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลไปมา ระหว่างนั้นเจ้ากุ้งก็แทงหอกสลับไปมาเพื่อป้องกันการข้ามเขตของมดยักษ์ตรงหน้าอย่างแข็งขัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า แกนี่บ้าดีวะ”

การกระทำของสัตว์ยักษ์ทั้งสองตัวนี้อยู่ภายใต้การจ้องมองของเฉินเฉียงในขณะที่เขากำลังคิดแผนการ

เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็นึกสนใจและพยายามเข้าไปใกล้เพื่อฟังว่าพวกมันคุยอะไรกัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้กุ้งยักษ์ เห็นแกโกรธง่ายๆแบบนี้แล้วข้าเองก็อดที่จะคันไม้คันมือไม่ได้ซะแล้วสิ อยากรู้จริงๆว่าถ้าจะจับแกไปย่างแล้วจะอร่อยขนาดไหน ต้องอร่อยมากๆแน่ๆใช่รึเปล่าล่ะ”

“ฮึ่ม ที่ท่านผู้การของข้าพูดไว้ถูกต้องแล้ว ไอ้พวกสัตว์ประหลาดบกอย่างแกนั้นช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจ”

“ถ้าข้าไม่คอยระวังคุมเชิงไอ้ตัวอย่างแกเอาไว้ตรงนี้ พวกแกต้องยึดครองแม้แต่น่านน้ำของพวกเรา”

หลังจากพูดจบ กุ้งยักษ์ก็ได้แทงหอกในมือไปข้างหน้าอย่างฉุนเฉียว

“ไอ้กุ้งยักษ์ นี่ข้าแค่ล้อเล่นนะโว้ย นี่เจ้าก็ฆ่าแกงกันเลยรึไง นี่เกือบจะแทงข้าแล้วนะโว้ย”

“ไอ้ตัวโง่งม ข้าไม่ยอมให้ตัวอย่างแกมารังแกกันง่ายๆหรอก”

เมื่อพูดจบ มดยักษ์ได้ยกหอกในมือขึ้นและสู้กลับ เฉินเฉียงที่อยู่ไม่ไกลก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกริ่ม

เขาไม่คิดจริงๆว่ากองกำลังทั้งสองนี้จะเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกัน แต่จะแบ่งแยกกันขนาดนี้

ตราบใดที่พวกมันขัดแย้งกัน มันจะดีสำหรับเขา

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็จ้องมองไปที่สัตว์ประหลาดยักษ์ทั้งสองที่กำลังลงไม้ลงมือกันอยู่นิ่งๆ เฝ้าคอยโอกาส

ทั้งกุ้งยักษ์และมดยักษ์นั้นต่างก็เป็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ในระดับทหารขั้นสูงทั้งคู่ ในเชิงความแข็งแกร่งทางการบ่มเพาะนั้นสมควรจะอยู่ในระดับเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ตรงนี้คือพื้นที่บนบก ความแข็งแกร่งของกุ้งยักษ์เองจึงแสดงออกมาได้อย่างจำกัด หากยาวในมือนั้นทำได้เพียงทิ่มแทงออกไปตรงๆเฉยๆเพียงเท่านั้น

กลับกัน เจ้ามดยักษ์ตัวนี้ ไม่เพียงจะไม่หยุดก่อกวนกุ้งยักษ์ด้วยคำพูดแล้ว มันยังยาวร่ายรำหอกยาวในมือด้วยมือเพียงข้างเดียวให้ตวัดฉวัดเฉวียนไปมาอย่างคล่องแคล่ว และนี่ทำให้ยิ่งเวลาล่วงเลยไป บนเปลือกของกุ้งยักษ์ก็บังเกิดรอยขีดขาวๆมากขึ้นเรื่อยๆ

ถึงแม้มันจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่นี่ก็เปรียบได้ดั่งร่องรอยแห่งความอัปยศของกุ้งยักษ์ตัวนี้

“ฮี่ฮี่ฮี่ ไอ้กุ้งโง่ หากว่าเราไม่ได้เป็นพันธมิตรกันอยู่ล่ะก็ ข้าจะจับแกมาฉีกแข้งฉีกขาแล้วลิ้มลองเนื้อที่อยู่ใต้เปลือกของแก” หลังจากพูดจบ มดยักษ์ก็ได้สะบัดหอกไปอีกหนึ่งที

-นี่แหละ-

ไม่ไกลจากตรงนี้ เฉินเฉียงได้ใช้จังหวะนี้ยิงธนูสีดำโดยใช้พลังสายเลือดที่อ่อนที่สุดไปยังขาซ้ายของกุ้งยักษ์

“อั้ค”

ก่อนหน้านี้เสียงโวกเวกของสัตว์ยักษ์ทั้งสองได้ดังขึ้นมาจนทำให้สัตว์ประหลาดตัวอื่นที่เฝ้ายามและลาดตระเวนได้ยิน แต่พวกมันก็ยังคงไม่ใส่ใจมากมายนัก

หลังจากลาดตระเวนอยู่นานทำให้ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้า บางคนยังคิดว่าสู้ๆกันไปเลยก็ได้ จะได้มีเรื่องสนุกๆให้คนอื่นได้ตื่นเต้นกันบ้าง

แต่เมื่อกุ้งยักษ์ได้ร้องออกมาอย่างเสียงหลง นี่ทำให้ทหารลาดตระเวนทุกตัวรีบมารวมตัวกันในทันที

“น้องสอง เกิดอะไรขึ้น”

เมื่อกุ้งอีกตัวหนึ่งมาถึง มันได้ตกตะลึง ก่อนที่จะก้มลงหยิบขาที่หักของน้องชายตน มันทั้งตกใจและโกรธแค้น และนี่เองทำให้มันชี้ไปที่หน้าของมดยักษ์ที่กำลังตกตะลึงอยู่

มันรู้ดีว่าด้วยความสามารถของมันไม่มีทางที่มันจะตัดขาของกุ้งจนหลุดออกมาแบบนี้ได้

“ลูกพี่ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ” มดยักษ์ก็ได้เหวี่ยงหอกในมือทิ้งไปและรีบพูดขอโทษออกมา

“ก็ดี งั้นก็รีบชดใช้ขาของน้องชายข้ามา”

เมื่อพูดจบ กุ้งยักษ์ที่ตัวใหญ่กว่ากุ้งยักษ์ตัวก่อนหน้า ได้โยนขาของน้องชายในมือทิ้งไป ก่อนที่จะแทงหอกออกไปอย่างไม่รีรอ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท