ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 114 บ่วงแค้น

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 114 บ่วงแค้น

ในตอนนี้ ทั้งสองฟากฝั่งประหลาดต่างก็มีสัตว์ประหลาดมาออกันนับสิบตน เมื่อทุกตนได้เห็นกุ้งยักษ์ที่โกรธจัด สัตว์ประหลาดก็ได้เข้ามาห้ามปรามในทันที ในขณะที่มดยักษ์กำลังกล่าวขอโทษอยู่ไม่หยุด

ส่วนฟากฝั่งสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลนั้น เมื่อได้เห็นว่าฝ่ายของตนได้รับบาดเจ็บและยังไม่ได้รับการเอาคืน แล้วพวกมันจะยอมหยุดได้ยังไง

นี่ยิ่งไม่รวมไปถึงการที่นายพลของพวกมันนั้นได้กล่าวกำชับเอาไว้ในตอนที่สั่งพวกมันให้คอยเฝ้าระวังสัตว์ประหลาดแห่งแผ่นดินเอาไว้อีก นี่ทำให้พวกมันชื่นชมในตัวนายพลของพวกมันที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล นี่ยิ่งทำให้พวกมันคิดว่า การที่สัตว์ประหลาดแห่งแผ่นดินนี้โจมตีมาอย่างไม่บอกกล่าว นี่คือสิ่งที่เป็นการกระทำของผู้ไม่เจริญ

ยิ่งพวกมันได้เห็นว่า หลังจากที่พวกสัตว์ประหลาดแห่งผืนดินมาห้ามปรามกุ้งยักษ์ แต่กับทำให้มันรับบาดเจ็บจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้ นี่ทำให้พวกมันต่างก็มารวมตัวกันและบดขยี้สัตว์ประหลาดแห่งผืนดินที่ก่อการก่อนหน้าในทันที

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้เริ่มขยายเป็นวงกว้าง จนเป็นที่เตะตาของสัตว์ประหลาดระดับนายพลวิญญาณของทั้งสองฝ่าย

“พวกเจ้า หยุดเดี๋ยวนี้”

ทางฝั่งของสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล ได้มีปู่ตัวหนึ่งได้เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่ทรงพลัง จนทำให้บังเกิดบรรยากาศที่ลึกล้ำแพร่ซ่านออกมา ตามมาด้วยเต่าทะเลตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังค่อยๆคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า

ทางด้านสัตว์ประหลาดแห่งแผ่นดินได้มีหมาป่าสีเงินจันทร์หลอนที่ถูกส่งมา ระดับของมันเองก็อยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นต้นเช่นเดียวกัน

หลังจากมองไปที่กุ้งตัวหนึ่งที่นอนนิ่งกับพื้นและขาที่หักขาด ปูระดับนายพลวิญญาณตัวนี้ก็มีท่าทางที่เปลี่ยนไป และถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “เกิด อะไรขึ้น”

เจ้ากุ้งยักษ์ได้พยายามฝืนยื้อตัวเองลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดในสิ่งที่มันเห็นก่อนหน้านี้ ทำให้มดยักษ์ที่หน้าของมันในตอนนี้กำลังเปรอะไปด้วยเลือดของตัวมัน แทบจะร้องไห้ในทันที

“ท่านนายพลปู นี่เพียงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ข้าไม่ได้ตัดขาน้องชายกุ้งตนนั้นจริงๆ ข้ายังจำได้ถึงแรงที่ข้าใช้ได้เป็นอย่างดี ข้าใช้เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อยเพียงแค่ทำรอยขีดข่วนบนเปลือกของน้องชายกุ้งเพียงเท่านั้น”

“แกพูดมาได้อย่าหน้าหนาจริงๆ” กุ้งยักษ์ผู้เป็นพี่ได้กล้ำกลืนฝืนทนความเจ็บปวดและพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านนายพล ไอ้มดยักษ์คนนี้แต่แรกมันก็มีท่าทีไม่คิดจะยอมรับผิดอยู่แล้ว ข้าเองในตอนแรกก็ต้องการให้มันรับรู้ความรู้สึกของน้องชายของข้าที่ต้องเสียขาไปเพียงเท่านั้น”

“เฮ้ พี่ชายกุ้ง ท่านจะมาลงที่ข้าก็ไม่ถูกนา พวกเราแค่หยอกพวกท่านเล่นเพียงเท่านั้น หากว่าท่านอยากจะโทษก็ไปโทษนายพลของพวกท่านที่มาบอกให้คอยเฝ้าระวังเองสิ ถ้าไม่งั้นข้าก็ไม่เอามาล้อเล่นแบบนี้หรอก”

“ดี” นายพลปูได้ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้าย “ไอ้มดตัวน้อย เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการหยอกกุ้งน้อยตัวนี้เพียงเท่านั้นใช่หรือไม่”

“เอ่อออ อื้ม มัน…ก็ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น ท่านนายพล ข้าไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมายเลยจริงๆ โปรดเชื่อข้า…..”

“ฮี่ฮี่ฮี่ ดี ข้าเชื่อ แต่เพื่อให้บังเกิดความยุติธรรม ข้าจะตัดหนวดของเจ้าเดี๋ยวนี้”

หลังจากพูดจบ ปูยักษ์ก็ได้เหวี่ยงกล้ามอันทรงพลังจนบังเกิดคลื่นพลังงานสีน้ำเงินไปทางมดยักษ์

“นายท่าน ช่วยข้าด้วย”

มดยักษ์ได้ร้องเสียงหลังในทันที

ในขณะเดียกวัน เล็บของหมาป่าสีเงินจันทร์หลอนก็ได้ปะทะเข้าคลื่นพลังสีฟ้าของนายพลปู

หลังจากบังเกิดเสียงดังแก๊ง การโจมตีของนายพลปูก็ถูกหมาป่าสีเงินจันทร์หลอนรับไว้ได้อย่างสมบูรณ์

“หมาป่าสีเงิน นี่เจ้าหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการจะปกป้องคนของเจ้าโดยไม่สนว่ามันจะทำเรื่องอะไรลงไปก็ตาม” นายพลปูได้สบถออกมาด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น

“ท่านนายพล โปรดล้างแค้นให้น้องข้าด้วย” กุ้งยักษ์ตัวพี่ชายได้กล่าวร้องขอออกมาในขณะที่ทรุดร่างลงไปที่พื้น

หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนได้พูดออกมาอย่างใจเย็น “พี่ชายปูก็กล่าวเกินไป ข้า หมาป่าสีเงิน ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ไร้เหตุผลขนาดนั้น แต่ในเมื่อสัตว์ประหลาดของข้าเป็นตัวต้นเรื่อง พวกข้าเองก็สมควรจะเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ จะไปรบกวนท่านพี่ปูลงมือได้อย่างไร”

หลังจากพูดจบ หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนได้ยกกรงเล็บตรงหน้า และบดขยี้มดยักษ์จนแหลกเป็นผุยผง

“ท่านพี่ปู ท่านพอใจรึยัง”

หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนได้พูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึกรู้สาในสิ่งที่ทำลงไป

เมื่อเห็นว่ามดยักษ์ตัวปัญหาได้ตกตายไป สัตว์ประหลาดแห่งทะเลก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีกต่อไป

เมื่อเห็นฉากนี้ หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนก็ได้หันหลังกลับและพูดออกมา “ไอ้พวกที่อยู่ยามทั้งหลาย อยู่ประจำตำแหน่งให้ดีและอย่าได้ก่อเรื่องอีก ไม่งั้นใครก็ตามที่ก่อปัญหาจะเป็นเหมือนไอ้มดนรกนั่น”

หลังจากพูดจบ หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนก็ได้จากไป

นายพลปูเองที่เห็นก็ช่วยไม่ได้และทำเพียงถอนกำลังกลับไปเท่านั้น

เมื่อเห็นการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มเดือดดาล ต้องมาจบเอาดื้อๆแบบนี้ เฉินเฉียงผู้ซึ่งอยู่ไม่ไกลก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย

กับโอกาสดีๆที่จะทำให้เกิดสงครามการฝูงสัตว์ประหลาดแบบนี้ มีหรือที่เขาจะปล่อยให้มันสูญเปล่า

เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉียงก็ได้หยิบธนูขึ้นมาและเล็งไปที่หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนที่กำลังเดินจากไป

ถึงแม้พลังสายเลือดของเฉินเฉียงจะไร้สีและโปร่งใส แต่ด้วยการที่สัตว์ประหลาดอย่างหมาป่าสีเงินจันทร์หลอนนั้นมีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมอยู่แล้ว ในทันทีที่ลูกธนูพลังงานของเฉินเฉียงแตะปลายขนของมัน ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่หลังคอมันจึงได้ตวัดตัวสะบัดขาหน้าด้านซ้ายของมันรับการโจมตีของเฉินเฉียงไปจนได้

“พี่ชายปู นี่ท่านหมายความว่ายังไง” หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนโกรธสุดขีดและหันไปมองปูร่างยักษ์ที่เดินจากไปไกลแล้วและตะโกนออกมา “หากว่าท่านยังไม่พอใจในการตัดสินใจของข้าก็บอกกันตรงๆ อย่าได้มาทำร้ายคนข้างหลังแบบนี้”

นายพลปูที่จากไปไกลแล้ว เมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ได้หันมามองหมาป่าสีเงินจันทร์หลอนด้วยท่าทีไม่รู้เรื่องและพูดออกมา “หมาป่าสีเงิน เจ้าเป็นนรกอะไรของเจ้า ข้าไม่ได้ลอบโจมตีเจ้าเลยแม้แต่น้อย”

ทั้งนายพลปูและหมาป่าสีเงินจันทร์หลอนในตอนนี้ต่างก็เริ่มฮึ่มฮั่มใส่กัน เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็ได้เริ่มเร้นกายอีกครั้ง และเตรียมตัวที่จะได้ดูฉากดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มีเสียงไม่พึงประสงค์ได้ดังขึ้นมา

“พอแล้ว ปู หมาป่าสีเงิน พวกเจ้าเลิกหาเรื่องกันได้แล้ว พวกเราเป็นพันธมิตรกัน อย่าได้ทำตัวเป็นมนุษย์และบั่นทอนความร่วมมือกันเองเป็นอันขาด กลับไปได้แล้ว”

มาถึงตอนนี้ เฉินเฉียงก็พึ่งจะเห็นว่าใครเป็นผู้พูด มันคือเต่าที่เดินมาอย่างเชื่องช้าที่อยู่หลังปูเมื่อครู่นี้

“ลุงเต่า ท่านพูดถูกแล้ว เป็นข้าที่ทำตัวไม่ดีเอง ข้าขอให้ท่านโปรดให้อภัย”

นายพลปูที่ดูน่าเกรงขาม กลับมีท่าทีเคารพเต่าแก่ที่อยู่ในระดับทหารขั้นสูงเนี่ยนะ

เป็นตอนนี้ที่หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนได้พูดออกมา และนี่ได้ช่วยคลายความสงสัยในใจเฉินเฉียงในทันที

“เป็นท่านกุนซือเต่านี่เอง” หมาป่าสีเงินจันทร์หลอนได้ก้มหัวให้อย่างเคารพ “ในครั้งนี้พวกเราสองกองกำลังได้ร่วมมือกันต่อกรกับพวกมนุษย์ เพียงข้อมูลที่ได้รับจากมนุษย์กลายพันธุ์นั่นแล้ว หากไม่ได้ท่านกุนซือเต่าวางแผนการ พวกเราทั้งสองกองกำลังคงไม่อาจขับไล่เผ่าพันธุ์มนุษย์ไปได้แบบนี้”

“จริงอย่างที่ท่านว่ามา พวกมนุษย์เองก็พึ่งพ่ายแพ้พวกเราไป เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ใครจะรู้ อาจเป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์เป็นผู้ก่อก็ได้ พวกเรานั้นจะไม่ยอมตกเต้นไปตามแผนร้ายของพวกมันเป็นอันขาด”

“ต่อให้นี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดกัน ก็ปล่อยให้มันเลยผ่านไป หากว่ามีโอกาส พวกเราจะขอเชิญท่านกุนซือเต่ามาเป็นแขกเหรื่อของทางฝั่งเราบ้าง ฮ่าฮ่าฮ่า”

เฉินเฉียงที่อยู่ไกลพอควร เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขาไม่คิดว่าสถานะของเต่าทะเลแก่ตัวนี้จะสูงล้ำประดุจดั่งชนชั้นสูง

นอกจากสายลับที่อยู่ในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดูเหมือนเต่าแก่ตัวนี้จะเป็นตัวตั้งตัวตีที่คิดแผนการชั่วๆสินะ

ดูเหมือนว่าเขาเองจะปล่อยมันไว้ไม่ได้ซะแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนี้ อยู่ๆเฉินเฉียงก็ได้นึกภาพของหยูน้อย(ฮั่นหยู)ละคนของเธอขึ้นมาในระหว่างที่กุนซือเต่ายักษ์ตัวนี้กำลังปีนขึ้นไปบนหลังนายพลปู เมื่อคิดถึงอาณานิคมที่ต้องสูญเสียไปในสงครามนี้แล้วนี่ทำให้ใจของเฉินเฉียงบังเกิดความโกรธที่เปี่ยมล้น และนี่เองทำให้เขานั้นหาญกล้าพอที่จะง้างธนูอีกดอกหนึ่งและยิงออกไป

กับแค่เต่าแก่ระดับทหารขั้นสูงจะสามารถป้องกันการโจมตีอันสุดแรงเกิดของเฉินเฉียงได้อย่างไร

เต่าแก่ตัวนี้ไม่แม้แต่จะได้หันมาดูเสียงที่ได้ยิน หัวของมันแตกกระจายด้วยธนูพลังงานของเฉินเฉียง เหลือไว้แต่เพียงกระดองเต่าอันใหญ่ และขาอีกสี่ข้างที่ยังคงอยู่นิ่งไม่ไหวติง

กุ้งทหารที่ตามมาด้านหลัง เมื่อได้เห็นฉากนี้ก็ได้ตะโกนออกมา “อ้ากกกก ไม่จริง ท่านนายพล ท่านกุนซือเต่าถูกลอบสังหาร”

เฉินเฉียงผู้ซึ่งเห็นว่าการลอบโจมตีของเขาสำเร็จ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ เขาเองไม่อาจยุยงทั้งสองฝ่ายให้แตกคอได้อีกต่อไปจึงคิดที่จะกลับลงดินเพื่อหาโอกาสหลบหนี เขาไม่คิดว่าเมื่อนายพลปู่เมื่อเห็นเต่าแก่ตัวนั้นได้ตกตายไป จะวิ่งตรงไปยังฝ่ายสัตว์ประหลาดแผ่นดิน พลางตะโกนไปอย่างดังลั่นว่า “ไอ้หมาระยำ”

“พวกเราพึ่งจะร่วมมือกันจนขับไล่พวกมนุษย์ไปได้ยังไม่เท่าไหร่ นี่พวกแกคิดจะจัดการพวกเราต่ออย่างนั้นสินะ”

“ไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมท่านจอมพลถึงได้สั่งนักสั่งหนาว่าต้องคอยคุมเชิงสัตว์ประหลาดไร้อารยะอย่างพวกแกเอาไว้ ท่านพูดไว้ไม่ผิดจริงๆ”

“เด็กๆ ตามข้าฆ่าไอ้พวกไร้อารยะพวกนี้ให้หมด เพื่อแก้แค้นให้กับลุงเต่า”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท