ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 233 ยอมรับ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 233 ยอมรับ

“สถานการณ์ในถ้ำเหรอ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเฉียงจึงได้ใช้กระแสจิตของตนตรวจสอบสถานการณ์ในถ้ำในทันที และพูดออกมาอย่างไม่แยแสเมื่อได้รับรู้สถานการณ์ “เป็นสัตว์ประหลาดนั่นเอง”

“หึหึหึ ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธ์ุก็ไม่ต้องการจะปล่อยพวกเจ้าสัตว์ประหลาดไปสินะ”

“องครักษ์หยาน ดูเหมือนว่าจะมีสัตว์ประหลาดสิบกว่าตัวอยู่ในถ้ำนั่น พวกมันไม่คณามือคนพวกนี้หรอก”

เมื่อเฉินเฉียงได้รับรู้สถานการณ์แล้วก็รู้ได้ว่าคนกว่าสามสิบคนนี้กำลังปิดล้อมถ้ำเอาไว้

ถึงแม้จะเรียกว่าถ้ำ แต่หากดูดีๆแล้วมันก็เหมือนจะเป็นเพียงรังชั่วคราวที่สัตว์ประหลาดขุดขึ้นมาเพียงเท่านั้น

เมื่อรับรู้ถึงอันตราย สัตว์ประหลาดสิบกว่าตัวนี้ก็ได้พุ่งออกไปประจันหน้ากับกลุ่มคนทั้งกว่าสามสิบด้วยท่าทีกระวีกระวาด

“กัปตันลี่ ท่านคิดว่าเอาพวกนี้มันมาทำอะไรกันที่นี่”

เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้นำของคนกลุ่มนี้ผู้ซึ่งถือหอกในมือก็ได้มองสถานการณ์และหัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี “ฮ่าฮ่าฮ่า หลังจากเข้ามาในเขตแดนจักรพรรดิมากว่าปีครึ่ง ในที่สุดข้าก็ได้พบเจอสัตว์ประหลาดสักที ชักคันไม้คันมือซะแล้วสิ”

“พี่น้องทั้งหลาย หลังจากสัตว์ประหลาดตนอื่นไปแล้วนั้น หลงเหลือไอ้วานรสี่แขนด้านหลังนั่นให้ข้า กัปตันผู้นี้ได้ยินมานานแล้วว่าไอ้ลูกสัตว์ประหลาดเกิดใหม่นี่มันอร่อยมากนัก ดูเหมือนว่าพวกเราในวันนี้คงได้กินของอร่อยกันแล้ววุ้ย”

ถึงแม้สัตว์ประหลาดจะพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ แต่พวกมันนั้นเข้าใจภาษามนุษย์เป็นอย่างดี

หลังจากได้ยินดังนี้ เหล่าสัตว์ประหลาดมีท่าทีกระวนกระวาย บ้างรีบหันไปมองวานรสี่แขนเพศเมียที่อยู่ข้างหลัง บ้างเอาร่างกายของตนมาปิดกั้นเส้นทางเอาไว้ พวกมันส่งเสียงร้องกันไปมาอย่างระงม บางตัวส่ายหัวไปมาและมองไปที่กัปตันลี่และพวกราวกับจะเป็นฝ่ายต้องการกินเลือดกินเนื้อแทน

กลุ่มของกัปตันลี่ผู้นี้มีนายพลวิญญาณขั้นสูงอยู่สามคน ที่เหลือล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับขั้นกลาง

ส่วนอีกฝั่งหนึ่งนั้น เหล่าสัตว์ประหลาดมีตัวที่อยู่ระดับนายพลขั้นสูงเพียงตัวเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือเองก็มีทั้งขั้นกลางและขั้นต้น นี่จึงยากที่พวกมันจะต่อกรกับกลุ่มของกัปตันลี่ได้

“พี่น้อง จะยืนมองทำซากอะไรกันอีกล่ะ ถ้าพวกเจ้าอยากกินไอ้เนื้อสัตว์ประหลาดพวกนี้ล่ะก็จงเข้าไปฆ่าพวกมัน” หลังจากพูดจบ กัปตันลี่ได้โจนทะยานนำกลุ่มคนกว่าอีกสามสิบคนสร้างสนามรบขึ้นมา

เฉินเฉียงที่อยู่บนอากาศในตอนนี้ อยู่ๆก็ได้ส่ายหัวไปมาพลางถอดถอนลมหายใจ “เฮ้อ ไม่คิดเลยจริงๆว่าแม้แต่สัตว์ประหลาดเองก็ยังมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอยู่ด้วย นี่ยากที่จะได้เห็นนัก”

หยานเสวี่ยที่ได้ยินก็ได้หันไปมองเฉินเฉียงแล้วถามออกมา “นี่เจ้าเข้าใจภาษาสัตว์ประหลาดด้วยรึ”

เฉินเฉียงพยักหน้ารับแล้วพูดออกมา “วานรสี่แขนเพศเมียนั่นได้บอกให้สัตว์ประหลาดตนอื่นหลบหนีไปเพื่อเอาชีวิตรอด ส่วนสัตว์ประหลาดตัวอื่นนั้นยินดีพลีชีพเพื่อปกป้องและพร้อมยอมตายเพื่อปกป้องผู้นำและลูกน้อยของผู้นำของมันหรือก็คือวานรสี่แขนตัวนั้นที่กำลังจะคลอด”

“นี่ขนาดว่าพวกมันต้องรับรู้ชะตาที่จะตกตายแล้วนะ พวกมันก็ยัง….. อ้าวเฮ้ย องครักษ์หยาน นี่ท่านจะทำอะไรน่ะ”

โดยไม่รอให้เฉินเฉียงได้อธิบายสิ่งต่างๆจนจบ หยานเสวี่ยได้พุ่งตัวเข้าไปพร้อมดาบในมือที่พุ่งเข้าใส่มนุษย์กลุ่มนี้

“องครักษ์หยาน พวกนี้คือมนุษย์นะ ท่านอย่าได้ทำร้ายพวกเขาสิ”

เฉินเฉียงหน้าซีดทันทีพร้อมความตระหนกในดวงตาเมื่อได้เห็นฉากนี้ เขาพุ่งตัวไปอย่างสุดความสามารถหมายจะหยุดหยานเสวี่ยไว้

แต่ด้วยความเร็วของนางนั้นเหนือล้ำกว่าเฉินเฉียงพอสมควร กว่าเขาจะได้ทันไปถึงก็มีมนุษย์ตกตายในมือหยานเสวี่ยไปแล้วหกไม่ก็เจ็ดคน

ส่วนสัตว์ประหลาดนั้น ด้วยการที่ความแข็งแกร่งของกองกำลังต่างกันเกินไปทำให้ในตอนนี้กลุ่มพวกมันนั้นเหลือเพียงวานรสี่แขนเพศเมียที่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของรังพร้อมอาการบาดเจ็บ

“องครักษ์หยาน ท่านอย่าทำร้ายข้าอย่างนี้สิ”

เฉินเฉียงได้หยุดดาบของหยานเสวี่ยเอาไว้ด้วยมือและตะโกนออกมา

แต่หยานเสวี่ยเองก็ทำเพียงเงียบนิ่งพร้อมท่าทางเย็นชาเท่านั้น ก่อนที่จะหันหลังและหันไปโจมตีมนุษย์ที่ทางอื่น

ในขณะที่เฉินเฉียงหมายจะหยุดเธอไว้ เขาก็เห็นหยานเสวี่ยอีกทีก็ตอนที่เธอเอาตัวเข้ากันร่างของวานรยักษ์สี่แขนเพศเมียตัวนี้จากหอกยาวของกัปตันลี่

หอกยาวนี้แต่เดิมหมายจะเอาชีวิตของวานรยักษ์เพศเมียนั้น ในตอนนี้กับทะลุอกขวาของหยานเสวี่ย กัปตันลีที่เห็นก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แถมยังยกหอกนี้ขึ้นและสะบัดให้หยานเสวี่ยหลุดออกไปจากหอกจนกระเด็นไปไกล

“องครักษ์หยาน”

เฉินเฉียงตกใจจนเริ่มลนลานแล้วรีบเข้าไปคว้าตัวหยานเสวี่ยในกลางอากาศ

“ไม่ต้องห่วงข้า ไปช่วยวานรยักษ์สี่แขนตัวเมียนั่น อย่างน้อยก็มันให้กำเนิดลูกน้อยซะ” ถึงแม้เธอจะเจ็บหนักจนเริ่มกระอักเลือดออกมาที่มุมปากแล้วนั้น เธอก็ขับไล่เฉินเฉียงโดยการผลักเขาออกไปเพื่อให้ช่วยชีวิตวานรยักษ์สีแขนให้ได้

“อย่าขยับแล้วกัน ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง”

เฉินเฉียงไม่มีทางเรื่องทำได้เพียงปล่อยหยานเสวี่ยลงกับพื้น เมื่อเห็นว่ากัปตันลี่ในตอนนี้ได้ซ้ำหอกของตนเองออกไปอีกรอบจนทะลุร่างของวานรยักษ์สี่แขนตัวเมียไปเรียบร้อยแล้ว เฉินเฉียงจึงรีบใช้คลื่นเสียงทำลายวิญญาณและใช้เคลื่อนย้ายพริบตาในทันที แต่นั่นได้ฆ่าชีวิตของกัปตันลี่ไปอย่างไม่ทันรู้ตัว

“กัปตัน”

เมื่อเห็นกัปตันลี่เว่ยของตนต้องตกตาย มนุษย์ที่เหลือก็ได้กรีดร้องและกระหน่ำโจมตีไปที่วานรยักษ์ตัวเมียอย่างเข้าใจผิด

เฉินเฉียงที่ไม่อยากฆ่าใครอีกจึงได้ใช้เคล็ดวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์บังคับให้ทุกคนต้องถอยห่าง ก่อนที่จะวิ่งไปหาวานรยักษ์สี่แขนตัวเมียที่กำลังโชกเลือดอยู่

เมื่อวานรยักษ์สี่แขนได้เห็นเฉินเฉียงตรงรี่เข้ามาหา มันได้กรีดร้องไปมา พร้อมท่าทางที่แม้แต่เฉินเฉียงก็ยังต้องรู้สึกราวกับหัวใจถูกกรีดเฉือน

“ฮู่มมมม โฮกกกกกก”

เฉินเฉียงเมื่อได้ยินก็ได้สื่อสารกับมันผ่านทักษะภาษาสัตว์ประหลาดของตน

“วานรยักษ์สี่แขนเอ๋ย อย่าได้กลัวไป เจ้าเพียงคลอดลูกของเจ้าออกมาก็พอ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง”

หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินเฉียงไปแล้วนั้น วานรยักษ์สี่แขนก็นิ่งเงียบ ก่อนที่จะพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก ในตอนนี้น้ำตาของมันไหลรินและตั้งมาสมาธิไปกับการคลอดลูกของมันเพียงเท่านั้น

หลังจากมั่นใจว่าได้รับความเชื่อใจของวานรยักษ์สี่แขนนี้แล้ว เฉินเฉียงก็ได้หันหลังไปอีกฟากหนึ่ง และตะโกนใส่เหล่านายพลวิญญาณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ตรงหน้า ผู้ซึ่งกำลังฟื้นคืนสติ “ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าอย่ารนหาที่ตายจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นล่ะก็จะหาว่าไม่เตือน”

เมื่อได้ยินดังนี้ นายพลวิญญาณคนหนึ่งได้ตะคอกตอบเฉินเฉียงด้วยเสียงที่สั่นเคลือ “ในเมื่อเจ้าเองก็เป็นมนุษย์แล้วจะไปแยแสกับไอ้พวกสัตว์ประหลาดนั่นทำไมวะ พี่น้องทั้งหลาย ร่วมมือกัน ฆ่าไอ้ตัวทรยศผู้นี้แก้แค้นให้กัปตันลี”

“แม่…เอ๊ย” เฉินเฉียงสบถออกมาก่อนที่จะใช้คลื่นเสียงทำลายวิญญาณออกมาอีกครั้ง

ด้วยการโจมตีของเขานั้นสามารถหยุดนายพลวิญญาณพวกนี้ได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

หากว่าเขาต้องลงมือฆ่าล่ะก็ ด้วยฝีมือของคนพวกนี้ไม่ได้คณามือเขาแต่อย่างใด

แต่เขานั้นเพื่อช่วยชีวิตวานรยักษ์สี่แขนตัวนี้ทำให้เขาเผลอฆ่ากัปตันของกลุ่มที่ชื่อว่าลี่อะไรนั่นไปแล้ว แล้วจะให้เขานั้นลงมือฆ่าคนอีกอย่างนั้นเหรอ

นี่จึงให้เฉินเฉียงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงใช้การโจมตีทางจิตวิญญาณออกไปเพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขานั้นจะต้องเหนื่อยล้าอย่างมาก แต่เพียงแค่เขาดูดซับแก่นวิญญาณแล้วใช้ค่าพลังงานที่ได้มาฟื้นคืนค่าพลังจิตของเขาได้อยู่แล้ว และนี่ทำให้เขาสามารถสะกดมนุษย์พวกนี้ไว้ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปสามสี่รอบในเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว เฉินเฉียงต้องเสียเศษแก่นวิญญาณที่ล้ำค่าไปถึงเจ็ดก้อน แต่ในที่สุด วานรยักษ์สี่แขนตัวนี้ก็ได้ให้กำเนิดลิงน้อยออกมา

“เจี๊ยกกกก เจี๊ยกกกกก” ในทันทีที่ลิงน้อยกำเนิดออกมา มันก็ใช้มือเกาะแขนแม่ของมันราวกับว่าราวกับรับรู้ว่านั่นจะทำให้มันสบายใจมากยิ่งขึ้น และเป็นตอนนี้ที่ราวกับมันรู้สึกรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนจะอ้าปากน้อยๆของมันและเลียเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายแม่ของมัน

เมื่อได้เห็นฉากนี้แล้ว เฉินเฉียงก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

“วานรยักษ์สี่แขน ลูกของเจ้าช่างน่ารักน่าชังจริงๆ” เฉินเฉียงพูดออกมาอย่างยินดี

“ฮูมมม ฮูมมม”

วานรยักษ์สี่แขนได้มองไปที่เจ้าตัวน้อยของคนอย่างทะนุถนอม ก่อนที่จะเงยหน้ามามองเฉินเฉียงราวกับเขาเองเป็นสามีของมันใน เป็นตอนนี้ที่หน้าตาของมันเปลี่ยนไป ก่อนที่จะพุ่งตรงเข้าใส่เฉินเฉียง

ด้วยการที่เฉิเนฉียงนั้นมัวแต่ดูลูกของวานรยักษ์สี่แขนและอยู่ใกล้มันมาก ทำให้เขานั้นไม่ได้ระวังตัว

-ไอ้ฉิบหาย-

-สัตว์ร้ายยังไงก็เป็นสัตว์ร้ายอยู่วันยังค่ำไม่เปลี่ยนแปลง-

-นี่ข้าต้องมากตกตายเพียงเรื่องแค่นี้เองรึ-

เฉินเฉียงรู้สึกเศร้าเสียใจและทำได้เพียงยกแขนขึ้นมากันวานรยักษ์สี่แขนเพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เขาต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าวานรยักษ์สี่แขนตัวนี้ไม่ได้ทำอะไรเขา แถมยังใช้แขนเขี่ยเขาให้กระเด็นลงกับพื้นเสียอย่างนั้น

เป็นตอนนี้ที่เขาได้เห็นว่าดาบหนึ่งได้พุ่งทะลุคอของมันไป

ด้วยการที่เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อเฉินเฉียงรู้ตัวก็พบว่าแววตาของลิงยักษ์สี่แขนตัวนี้ค่อยๆมอดดับลงทีละน้อย พร้อมดวงตาที่กำลังปิดตัวลง

ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิต แม่สัตว์ประหลาดสี่แขนตัวนี้ได้มองลูกน้อยของตนที่ดวงตายังไม่ลืมขึ้นมา ก่อนที่จะเอาหัวของตนไปถูกไปมา มือทั้งสองคู่ที่กอดลูกน้อยเอาไว้นั้นค่อยๆไร้เรี่ยวแรง หลังจากพยายามกระดิกนิ้วอยู่อีกเล็กน้อย ในที่สุด แม่สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ไม่ขยับเขยื้อนอีก

“กัปตัน เป็นอะไรรึเปล่า”

เป็นตอนนี้ที่คนในกองกำลังเทียนเว่ยผู้ซึ่งรอฝังข่าวอยู่นานก็ได้ติดตามมาได้ทันเห็นเหตุการณ์ เมื่อได้เห็นว่ามีบางคนคิดทำร้ายเฉินเฉียง เขาก็ได้โจนทะยานขึ้นฟ้าแล้วร่อนลงมาใกล้ๆเขา

เฉินเฉียงในตอนนี้ทำราวกับไม่ได้ยินคำถามนี้ เขายืนนิ่งจ้องมองร่างตรงหน้าที่ยังคงประคองกอดลูกน้อยที่ยังคงปีนป่ายไปทั่วเอาไว้แม้จะดับสิ้นชีวิตไปแล้ว เขาได้วางมือบนหัวของลิงยักษ์สี่แขนเพศเมียตัวนี้ด้วยน้ำตาที่ซึมและเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังเศร้าใจ “วานรยักษ์สี่แขนเอ๋ย อย่าได้กังวลไป ข้าจะดูแลลูกน้อยของเจ้าเป็นอย่างดี”

“ไอ้นรก เอาชีวิตของกัปตันข้าคืนมา”

เป็นตอนนี้ที่มีนายพลวิญญาณคนหนึ่งได้พุ่งตรงเข้ามาหาเฉินฉียงพร้อมตวัดดาบในมือ หมายจะปลิดชีวิตเฉินเฉียงและวานรตัวน้อยไปพร้อมกัน

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงพึ่งจะฟื้นคืนสติ รังสีดาบได้เกือบจะถึงตัวเขาอยู่แล้ว แต่กระนั้น เฉินเฉียงก็ได้โยกตัวหลบพลางปกป้องเจ้าลิงน้อยไว้ได้ ถึงแม้ว่าแขนซ้ายของเขาจะเกือบถูกตัดออกไปก็ตาม

“หาที่ตาย”

เฉินเฉียงได้หันหน้ากลับไปมองกลุ่มนักรบเผ่าพันธ์ุมนุษย์กลุ่มนี้ด้วยสายตาที่ดุร้าย ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยเคลื่อนเสียงทำลายวิญญาณออกมาอีกครั้ง แล้วหยิบหอกยาวของกัปตันลีที่อยุ่ข้างเขวี้ยงใส่นักรบคนนี้จนตกตายไปกับพื้นด้วยสายตาอาฆาต

และนี่ทำให้กองกำลังเทียนเว่ยเขามาปลิดชีพนักรบทุกคนอย่างรวดเร็ว

“พวก…พวกเจ้าเอง….ก็เป็นมนุษย์…ไม่ใช่รึ….ทำไม…ทำไมกัน…ถึงได้ทำร้าย….พวกเดียวกัน…อั้ก”

นักรบคนสุดท้ายได้ชี้นิ้วแล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่จะสิ้นลมไป

“ห้ะ พวกนี้คือมนุษย์เรอะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ดาบที่อยู่ในมือของจางหยวนก็ได้ร่วงหล่น ก่อนที่ปากของเขาจะสั่นระรัวและชี้ไปที่เฉิเนฉียงแล้วถามออกมา “เฉินเฉียง นี่….มันเรื่องห่าเหวอะไรกัน”

เฉินเฉียงไม่ได้ตอบอะไรออกมา เขาเพียงเดินไปหาหยานเสวี่ยด้วยท่าทางซึมกะทือ

“ขอข้าดูหน่อย” หยานเสวี่ยได้ใช้มือยันพื้นให้ร่างกายของตนตั้งตัวขึ้นมา พร้อมทั้งพยายามฝืนทนความเจ็บปวดเอาไว้

“เจ้าตัวน้อย”

เป็นตอนนี้ที่ท่าทางของหยานเสวี่ยราวกับจะกลับกลายไปเป็นเด็กสาวตัวน้อยอีกครั้ง และได้ใช้มือที่มีคราบเลือดไปเขี่ยเล่นที่ปากของเจ้าลิงน้อย

เจ้าลิงน้อยที่ร้องเสียงหลงนั้นก็ได้ใช้ปากน้อยๆของมันดูดนิ้วอันจิ้มลิ้มของหยานเสวี่ยราวกับกำลังดูดนมจากแม่

“องครักษ์หยาน กินยานี่ก่อน ด้วยบาดแผลของท่านนั้นล่ะก็ หากปล่อยทิ้งไว้ ข้าบอกได้เลยว่ามีหวังท่านได้อยู่ที่นี่ไปตลอดกาลอย่างแน่นอน”

“บาดแผลของท่านไม่ใช่เล็กเลยนะนั่น ท่านควรกินยานี่เข้าไปด้วย” หยานเสวี่ยได้ยกมือขึ้นห้ามและตอบปฏิเสธออกมา “งานของข้าคือปกป้องเจ้า ต่อให้ข้าตายก็ไม่อาจปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรได้ นี่คืองานของข้า”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะน่า กินซะ ข้ายังมีเหลืออยู่” เฉินเฉียงหยิบยาขึ้นมาอีกเม็ดก่อนที่จะกลืนเข้าไปให้เห็น แล้วจึงได้จับยาที่เอาออกมาก่อนหน้านี้ ยัดใส่ปากของหยานเสวี่ยลงไป

ในรังแห่งนี้ นอกจากเสียงของเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนิทชิดเชื้อพลางหยอกเจ้าลิงน้อยเล่นอยู่แล้ว ในตอนนี้เหล่าทุกคนในกองกำลังเทียนเว่ยต่างมองไปที่ซากศพของผู้คนที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

หลังจากผ่านไปอีกพักใหญ่ จางหยวนเป็นคนแรกที่เริ่มเคลื่อนไหว เขานั่งคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าศพหนึ่ง ก่อนที่จะวางมือไปที่กองหัวของคนคนนั้น

“ไม่มี”

จางหยวนมีใบหน้าที่ซีดเซียวขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะหันไปหาศพอื่น และสลับไปยังศพอื่นๆจนครบทั้งสามสิบกว่าศพ

“ไม่มี ไม่มี นี่ก็ไม่มี ไม่มีใครมีมันอยู่เลย”

จางหยวนได้ทรุดลงไปนั่งพังพาบอยู่กับพื้น พร้อมกับพูดพึมพำว่าไม่มีอยู่ซ้ำๆ

หลังจากนั้นเจิ้งยี่ หลูฟาง หลิวซวนเอ๋อ และนี่เฟิงเองก็ทำเฉกเช่นเดียวกัน นั่นก็คือการตรวจสอบศพพวกนี้ ท้ายที่สุด ทุกคนก็มีท่าทางที่ยากจะบรรยาย

นี่พวกเขาพึ่งจะทำสิ่งใดลงไปกันเนี่ย

นี่พวกเขาพึ่งจะฆ่านักรบของเผ่าพันธุ์ลงไปหนึ่งกองกำลัง

และนี่ทำให้คนในกองกำลังเทียนเว่ยที่คิดมาตลอดว่าตนเองคือเทพพิทักษ์ของมนุษย์ รู้สึกตัวว่าได้ฆ่าคนที่สมควรจะต้องปกป้องไป

“ทำไม ทำไม ทำไม อ๊ากกกก”

จางหยวนได้ตะโกนกู่ก้องขึ้นฟ้า ก่อนที่จะหันหน้าแล้วเดินไปหาเฉินเฉียงพร้อมดาบในมือ

“เฉินเฉียง นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมเจ้าถึงได้ไปขัดแย้งกับพวกเดียวกันแบบนี้”

“บอกข้ามาสิโว้ย”

หยานเสวี่ยในตอนนี้แสดงท่าทางเย็นชาออกมา เธอพยายามฝืนทนความเจ็บปวดทั้งที่ร่างกายพึ่งจะฟื้นฟูมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วใช้ตัวกีดขวางทางดาบของจางหยวนเอาไว้ “หากเจ้าคิดจะทำอะไรเฉินเฉียงล่ะก็ ข้าศพข้าไปก่อน”

“องครักษ์หยานไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก”

เฉินเฉียงได้ส่ายหัวไปมาพลางกดดาบของหยานเสวี่ยลง

“ไม่ นี่คือภารกิจที่ราชาสวรรค์มอบให้ข้าในการคุ้มครองเจ้า นี่คืองานของข้า”

หลังจากพูดจบ หยานเสวี่ยได้สลัดมือของเธอและยังคงยืดตัวตรงกีดขวางทางของจางหยวนเพื่อปกป้องเฉินเฉียงเอาไว้ เธอมองไปที่จางหยวนแล้วพูดออกมา “ไอ้หนู อย่าเห็นว่าข้าบาดเจ็บอยู่แล้วคิดว่าจะได้โอกาสเล่นงานข้าได้ล่ะ ต่อให้พวกเจ้าร่วมมือกันโจมตีข้าก็ยังไม่ใช่คู่มือของข้าคนนี้”

เมื่อเห็นว่าหยานเสวี่ยได้ปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมา เฉินเฉียงเองก็รีบเอาตัวมาขวางทางเธอเอาไว้ พร้อมกับมองไปที่เธอด้วยสายตาที่มุ่งมั่นแล้วพูดออกมา “องครักษ์หยาน หากท่านต้องการลงมือก็ฆ่าข้าก่อนได้เลย”

“เดี๋ยวนะ”

เป็นจางหยวนที่เปิดปากพูดออกมาในทันที “เฉินเฉียง เมื่อกี้เจ้าบอกว่าองครักษ์หยานคือคนของราชาสวรรค์….เหรอ”

“ไม่ใช่ว่าราชาสวรรค์ที่ว่าคือราชาเหนือมนุษย์หรอกเหรอ”

“ไม่ผิดแน่ คนของมันได้สู้กับพวกเรามาหลายครั้งหลายคราแล้ว พวกเข้าจดจำชื่อนี้ได้เป็นอย่างดี”

“นี่เจ้าไปรู้จักกับราชาสวรรค์ได้ยังไง”

“ถ้าอย่างนั้น….องครักษ์หยานของเจ้าเองก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์สินะ แล้วอาจารย์ของเจ้าที่พูดถึงอย่าบอกนะว่าหมายถึงราชาสวรรค์น่ะ”

“ถูกต้อง ข้าเองได้เรียนรู้พลังเหนือมนุษย์มาจากเขา”

หยานเสวี่ยในตอนนี้ได้พูดออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “เฉินเฉียงนั้นถูกส่งมาเข้าร่วมกับมนุษย์โดยท่านราชาสวรรค์ แล้วมันยังไง”

“องครักษหยานนนน” เฉินเฉียงได้ร้องเสียหลงออกมาในทันที

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นท่าทางของคนในกองกำลังของเขาแล้วก็รับรู้ได้ว่าเรื่องนี้คงไม่อาจจะหลบซ่อนได้อีกต่อไป

“เฉินเฉียง เป็นความจริง….เหรอ”

จางหยวนได้ถอยกลับไปสองสามก้าว พร้อมถามด้วยเสียงที่สั่นเคลือ

เฉินเฉียงถอดถอนลมหายใจ ก่อนที่เขาจะหันไปคุยกับหยานเสวี่ย “องครักษ์หยาน ท่านไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องที่คุยกับพวกเขาก่อน”

“เฉินเฉียง เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วเจ้ายังคิดจะต้องพูดคุยอะไรกับคนพวกนี้อีก”

“ในเมื่อคนนี้ไม่อาจใช้งานได้ ข้าจะต้องฆ่าพวกมันเพื่อไม่ก่อปัญหาให้ข้าอีกในอนาคต”

“เจ้านั้นทำงานให้กับราชาสวรรค์แล้วต้องปิดบังไปทำไม”

เมื่อจางหยวนและพวกได้ยินคำพูดนี้ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันที ต่อให้เฉินเฉียงไม่ต้องพูดอะไรออกมาก็รับรู้แล้วว่าพวกของเขาเชื่อคำพูดของหยานเสวี่ยจนหมดสิ้น

“ถูกต้อง เฉินเฉียง อย่างที่องครักษ์หยานของเจ้าว่ามา เจ้าจะต้องปิดบังอะไรอีก ต่อให้พวกเราจะต้องตาย พวกเราก็ไม่เกรงกลัวความตาย ต่อให้ต้องตายในมือเจ้าก็ตาม”

“หึหึหึ ฮาฮาฮา ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ดี จางหยวน เจ้าพูดได้ดี ฟังให้ดีนะ สิ่งที่องครักษ์หยานนั้นพูดออกมาน่ะถูกต้องแล้ว”

“ข้า เฉินเฉียงผู้นี้คือสายลับของพวกมนุษย์กลายพันธุ์ที่ถูกส่งมาโดยท่านราชาสวรรค์”

——————–

*บอกตรง คนแปลเริ่มหมั่นไส้พระเอกละ อิหยังวะ วันนี้ลง 2 ตอนนะคะ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท