ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 271 หยวนตี้

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 271 หยวนตี้

หลังจากได้ตัวเฉินเฉียงไปแล้ว ราชาสวรรค์ก็ได้จากมา แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น ราชาสวรรค์ก็รับรู้ได้ว่ามีเพียงเว่ยหยวนตี้เพียงคนเดียวที่ตามมา

แต่นี่กลับทำให้ราชาสวรรค์ยินดีอย่างที่สุด

แต่เดิมเขาเองก็วางแผนการไว้มากมายที่จะทำให้เว่ยหยวนตี้นั้นหลุดเดี่ยวออกมาอย่างนี้ แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่าโอกาสจะวิ่งเข้ามาหาเขาเร็วแบบนี้เหมือนกัน

เว่ยหยวนตี้และราชาสวรรค์นั้น ต่างคนต่างก็อยู่ในระดับเทียบเคียงราชาขุนพล หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือทั้งความสามารถและจิตใจนั้นก็เรียกได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกัน หากว่าราชาสวรรค์ร่วมมือกับหลินไฮ่หวังในฐานะราชาเหนือมนุษย์แล้วล่ะก็ เว่ยหยวนตี้อย่าได้คิดฝันเลยถึงเรื่องชัยชนะที่จะได้รับ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่เขาจะจากมานั้นเขาได้สั่งให้สองพี่น้องจานทำการหยุดหลินไฮ่หวังเอาไว้แล้ว และนี่ทำให้เขานั้นเป็นคนเดียวที่ตามมาได้

แต่เว่ยหยวนตี้นั้นไม่ได้รับรู้ว่า การตัดสินใจของตนนั้นเป็นสิ่งที่ราชาสวรรค์นั้นต้องการ

เมื่อราชาสวรรค์รับรู้ว่ามีเพียงเว่ยหยวนตี้เท่านั้นที่ไล่ตามเขามา เขาจึงได้ค่อยๆชะลาความเร็วลงเพราะกลัวว่าเว่ยหยวนตี้จะตามเขาไม่ทัน

ผลก็คือ ทั้งสองคนนั้นฝั่งหนึ่งไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง แต่กับอีกฝั่งหนึ่งนั้นกลับบินอย่างสบายอารมณ์ และนี้ทำให้ระยะทางของทั้งสองนั้นค่อยๆร่นลงมาเหลือไม่ถึงสองพันเมตร หรือก็คือสามารถเห็นได้ในระยะสายตา

โดยยังไม่รับรู้ถึงภัยอันตรายแต่อย่างใด เว่ยหยวนตี้นั้นกว่าจะรู้ตัวก็พบว่าตนนั้นบินไล่ตามราชาสวรรค์มากว่าครึ่งวันจนบินล่วงเลยมากว่าเกือบหมื่นไมล์ และในตอนนี้ทั้งสองเกือบเข้าสู่เขตทะเลใต้แล้ว

“ฉิบหายล่ะ นี่ใกล้จะถึงเขตของมนุษย์กลายพันธุ์แล้ว”

เว่ยหยวนตี้ที่คิดได้ดังนี้จึงได้รีบเร่งความเร็วของตนขึ้นอีกครั้ง นั่นก็เพราะเขาคิดว่าหากราชาสวรรค์เข้าไปในพื้นที่ของเผ่าพันธุ์แล้วทำการปักหลักต่อสู้ที่นั่น เขาจะไม่มีโอกาสได้ตัวเฉินเฉียงกลับมาอีก

ราชาสวรรค์ที่บินล้ำหน้ามาอยู่นั้น เมื่อเห็นว่าเว่ยหยวนตี้ในตอนนี้ร้อนรนจนเริ่มเร่งความเร็วมาแล้วนั้น เขาไม่ได้เพิ่มความเร็วขึ้นแต่อย่างใด ไม่เพียงเท่านั้น เขายังค่อยๆชะลอความเร็วลงเพื่อให้เว่ยหยวนตี้ไล่ตามเขาให้ทันด้วยซ้ำ

“ราชาสวรรค์ ปล่อยเฉินเฉียงออกมาซะ แล้วราชาผู้นี้จะไว้ชีวิตเจ้า”

เว่ยหยวนตี้ที่ในตอนนี้มากีดขวางทางของราชาสวรรค์เอาไว้ ได้ก้าวเดินเข้าหาราชาสวรรค์อย่างช้าๆกลางอากาศ พร้อมเสียงที่เย็นชา

หลังจากหยุดบินแล้วลอยตัวเฉยๆแล้ว ราชาสวรรค์ก็ได้มองไปที่เว่ยหยวนตี้อย่างสงบนิ่งและหัวเราะออกมาเบาๆ “หึหึหึ เว่ยหยวนตี้ ข้านั้นกำลังกังวลอยู่เลยว่าไอ้เต่าเช่นเจ้านั้นจะไล่ตามข้ามาได้หรือไม่ นี่ทำให้ไม่มีทางเลือกเลยจริงๆที่ข้าต้องบินอย่างสบายอารมณ์มาจนถึงตอนนี้ แต่ก็นะ ข้าล่ะไม่คิดเลยจริงๆว่าหลังจากผ่านมาหลายปีแล้ว ไอ้ระดับการบ่มเพาะของเจ้านี่ช่างช้าเชื่องขนาดนี้ ดูเหมือนว่าไอ้การเป็นผู้การร่วมมานานหลายปีนี่จะทำให้เจ้าไม่ได้สนใจในการฝึกฝนบ่มเพาะเลยสินะ”

เว่ยหยวนตี้ที่ได้ยินก็ราวกับจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ในตอนนี้จิตใจของเขารู้สึกหวั่นไหวในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้

“แก ล่อข้าให้ออกมางั้นรึ”

“เจ้าจะบอกว่าเจ้ารู้จักข้าดีสินะ”

“แล้วแกเป็นใครกันแน่”

ในโลกใบเล็กของราชาสวรรค์นั้น หลังจากที่เฉินเฉียงดูดซับทักษะความสามารถของหลิวเฟิงมาแล้วนั้นก็ทำให้เฉินเฉียงมีค่าพลังจิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และนี่ทำให้เขานั้นสามารถจัดการบอลเลือดปีศาจที่อยู่ในร่างได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

เพียงครึ่งวันผ่านไป ในที่สุด เฉินเฉียงก็ได้กักเก็บบอลปีศาจเอาไว้ในจุดลมปราณที่สามสิบสองของเขาได้อีกครั้งหนึ่ง และนี่ทำให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวขึ้นมา

เป็นตอนนี้ที่เขาได้รับรู้ว่าเว่ยหยวนตี้นั้นได้ตามมาถึง แต่นี่กลับทำให้เขานั้นรู้สึกบังเกิดความรู้สึกขัดแย้งขึ้นมาในใจอย่างที่สุด

ถึงแม้ว่าปีกสีเงินของเขานั้นจะถูกเปิดเผยออกมา แต่ท่าทีของเว่ยหยวนตี้ที่มีต่อเขานี้ได้ทำให้เฉิงเฉียงรู้สึกโศกเศร้าและผิดหวังอย่างที่สุด

ในช่วงที่ผ่านมานี้ เขานั้นนับถือเว่ยหยวนตี้เฉกเช่นลุงแท้ๆของเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือเขานั้นยังเป็นพ่อของเว่ยฉิงเชินซึ่งทั้งสองนั้นสนิทกันมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา

เขานั้นไม่คิดเลยจริงๆว่าเพียงเรื่องของความลับเขตแดนจักรพรรดิแล้ว นี่ทำให้เว่ยหยวนตี้ลงมือกับเขาในทันที นี่ทำให้เขานั้นไม่เห็นความต่างระหว่างเขาและหลินไฮ่หวังเลยแม้แต่น้อย

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าสิ่งที่รู้เห็นมาในเขตแดนจักรพรรดินั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ แต่กลับทำให้ผู้คนมากมายยินดีที่จะต่อสู้เพื่อฉกฉิงมัน ทำไมเขาไม่คิดบ้างว่าหากเขารู้ความลับนี้จริงล่ะก็ ด้วยสายสัมพันธ์ที่เขามีให้ต่อฉิงเชินนั้น ยังไม่รวมถึงความสนิทชิดเชื้อของทั้งสองตระกูลนั่นอีก เขาจะไม่บอกเว่ยหยวนตี้ได้ยังไง

แต่ถึงแม้จะโศกเศร้าและผิดหวังในตัวของเว่ยหยวนตี้มากมายขนาดไหน เฉินเฉียงก็ทนเห็นเว่ยหยวนตี้ตกตายในน้ำมือของราชาสวรรค์ไม่ได้เหมือนกัน

และนี่ทำให้เมื่อเขาฟื้นคืนสภาพได้ เขาจึงคิดที่จะออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วให้ได้

และนี่จึงทำให้เฉินเฉียงใช้การเคลื่อนย้ายพริบตาในทันที ส่งผลให้ตัวเขาออกไปจากโลกใบเล็กของราชาสวรรค์

“เฉินเฉียง…ห้ะ”

การที่อยู่ๆเฉินเฉียงปรากฏกายต่อหน้าสองคนนี้ทำให้ราชาสวรรค์และเว่ยหยวนตี้ตกตะลึงจนอึ้งไปในทันที

เว่ยหยวนตี้นั้นเมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงปรากฏตัวแล้วในตอนแรกก็นึกว่าราชาสวรรค์ตั้งใจปล่อยเฉินเฉียงออกมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง แต่เมื่อได้เห็นท่าทีอึ้งๆของราชาสวรรค์ที่นิ่งอึ้งไปนั้น ก็เข้าใจได้ขึ้นมาในทันที

ขนาดเขตแดนจักรพรรดิ เฉินเฉียงยังสามารถเข้าหรือออกได้อย่างตามใจ แล้วนับประสาอะไรกับเพียงโลกใบน้อยๆของราชาระดับพวกเขา

“เฉินเฉียง รีบมานี่เร็วเข้า”

เมื่อได้เห็นท่าทางที่ร้อนรนของเว่ยหยวนตี้ เฉินเฉียงเองกลับมีท่าทีราวกับไม่แยแส เขาในตอนนี้อยู่ห่างจากทั้งสองไปประมาณสองพันเมตรเห็นจะได้

“ลุงเว่ย รีบไปซะ ราชาสวรรค์ต้องการฆ่าลุงนะ”

และนี่ทำให้เขานั้นนึกถึงคำพูดของเฉินเฉียงก่อนหน้านี้

“ห้ะ”

เว่ยหยวนตี้ได้มองไปที่ราชาสวรรค์ก่อนที่จะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“ในตอนแรกที่หลานชายนั้นได้เตือนข้าว่ามีราชาทักษะพิเศษต้องการทำอันตรายข้านั้น ข้าก็นึกว่าเขาเพียงแค่คิดมากไป”

“ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง”

“ราชาสวรรค์ พวกเรานั้นมีเรื่องติดค้างอะไรกัน เจ้าถึงได้คิดร้ายต่อราชาผู้นี้”

ถึงแม้เว่ยหยวนตี้จะบอกเรื่องนี้ออกไปแล้ว แต่ราชาสวรรค์เองก็ไม่ได้มีท่าทีจะโกรธเคืองแต่อย่างใด และเมื่อได้เห็นฉากนี้ เว่ยหยวนตี้ก็รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าตนเองนั้นคงไม่อาจหนีเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

หลังจากที่ราชาสวรรค์ส่งหยานเสวี่ยออกมาจากโลกใบเล็กของตนแล้ว เขาได้บอกให้หยานเสวี่ยคอยจับตาดูเฉินเฉียงเอาไว้ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเว่ยหยวนตี้

“ฮี่ฮี่ฮี่ เว่ยหยวนตี้ ไอ้ตัวหน้าด้าน ราชาผู้นี้ต้องการจะฆ่าแกให้ตกตายมากมายหลายครั้งแล้วด้วยซ้ำ”

“แต่เป็นเพราะแกนั้นเป็นเต่าหดหัว อาศัยตำแหน่งผู้การร่วมกำบังกาย ทำให้ราชาผู้นี้หาโอกาสในการจัดการได้อย่างยากยิ่ง”

“แต่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันที่อยู่ๆแกจะส่งหัวของตนเองมาวางไว้ต่อหน้าข้าในวันนี้”

“เว่ยหยวนตี้ ขอดูหน่อยเถอะว่าใครกันที่จะช่วยไอ้ชาติหมาอย่างแกได้อีก”

เมื่อพูดจบ หมอกไอดำที่พัวพันอยู่ทั่วร่างของราชาสวรรค์นั้นได้พุ่งตรงไปยังเว่ยหยวนตี้ราวกับมีชีวิต

เฉินเฉียงที่ยืนดูอยู่แต่ไกลนั้น แม้จะรู้สึกมหัศจรรย์พันลึกกับหมอกไอดำเหล่านี้ แต่ก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้เช่นเดียวกัน

ในมุมมองของเขานั้น ราชาสวรรค์ผู้ลึกลับคนนี้มีสรรพสิ่งนานาที่พร้อมที่จะพรากชีวิตของเว่ยหยวนตี้ไปได้ทุกเมื่อ ยกตัวอย่างเช่นดาบดั้นเมฆในมือของเขา หรือแม้แต่ธนูดำที่เขาได้รับมา

อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าราชาสวรรค์นั้นจะไม่ได้นำอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย แถมยังพุ่งเข้าไปตรงๆเสียอย่างนั้น

นี่เขาคิดจะใช้กำลังล้วนๆงั้นเหรอ

ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นการกระทำของราชาสวรรค์แล้ว เว่ยหยวนตี้เองนั้นก็ไม่ได้นำอาวุธออกมาเหมือนกัน เขาพุ่งใส่ราชาสวรรค์ในทันที

ราชาสองคนนี้เล่นอะไรกันแน่

เฉินเฉียงมองไปที่ราชาทั้งสองที่ในตอนนี้กำลังทำท่าทางราวกับเด็กน้อยที่ต่อยกันโดยไม่ใช้อาวุธใดๆแม้แต่น้อย แม้แต่ท่าร่าง ทักษะ เคล็ดวิชาต่างๆก็ไม่เห็นแม้แต่น้อย ทั้งสองนั้นต่อยกันด้วยหมัดลุ่นๆ

แต่กระนั้น เฉินเฉียงก็ยังรับรู้ได้ว่าในยามที่ทั้งสองแลกหมัดกันนั้น ร่างของทั้งสองจะกระเด็นถอยหลังกลับไปในทุกๆครั้ง

เป็นเพียงเพราะความเร็วและความแข็งแกร่งของทั้งสองที่อยู่เหนือกว่าเขาจะรับรู้ จึงทำให้เวลาที่เขามองดีๆนั้นราวกับทั้งสองแค่แลกหมัดกันธรรมดาเท่านั้น

แต่กับเรื่องการกระเด็นถอยหลังนี้ ถึงแม้ในตอนแรกทั้งสองจะกระเด็นถอยหลังไปพอๆกันในตอนแรกที่ระยะห้าสิบเมตรก็ตาม

แต่ในตอนนี้ระยะดังกล่าวก็เริ่มเปลี่ยนไปในแต่ละครั้ง

กับราชาสวรรค์นั้นยังคงถอยร่นไปที่ห้าสิบเมตรเช่นเดิมไม่เสื่อมคลาย แต่เมื่อมาถึงในตอนนี้ เว่ยหยวนตี้ได้ถอยร่นไปกว่าสามร้อยเมตรแล้ว

หากใช้สิ่งนี้เป็นตัววัดผลความแข็งแกร่งล่ะก็ เพียงแค่นี้ก็มองออกแล้วว่าใครชนะ

ถึงแม้จะเป็นแบบนี้แล้ว ราชาสวรรค์ก็ยังทำเหมือนจะไม่เลิกรา เขายังคงพุ่งเข้าปะทะต่อไป และยิ่งพุ่งเข้าปะทะกันแล้ว ราชาสวรรค์ก็เริ่มที่จะแสดงพลังและความเร็วออกมาอย่างทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ

ในครั้งนี้ เว่ยหยวนตี้กระเด็นกลับไปห้าร้อยเมตร ราชาสวรรค์นั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนออกไปแต่อย่างใด

ราวกับกำลังจะบอกออกมาว่าไม่มีใครหยุดเขาได้

และหลังจากการปะทะในครั้งนี้ ราชาสวรรค์ได้พุ่งเข้าใส่เว่ยหยวนตี้อย่างทรงพลังและรวดเร็วกว่าครั้งไหนๆ

การโจมตีนี้รวดเร็วและรุนแรงจนเฉินเฉียงเห็นเพียงทั้งสองนั้นพุ่งเข้าใส่กันจนเป็นประกายแสงเพียงเท่านั้น

กลายเป็นว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี แม้แต่พลังจากโลกใบเล็กของตนก็ไม่ได้ใช้

และด้วยการมองการต่อสู้นี้ทำให้เฉินเฉียงเข้าใจหลักการของโลกใบเล็ก ถึงแม้คลื่นพลังที่ปล่อยออกมาจนกลายเป็นห้วงมิตินี้มันจะรวดเร็วขนาดไหนก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของเฉินเฉียงแต่อย่างใด

และก็เป็นอย่างที่ราชาสวรรค์ว่าเอาไว้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ด้วยการที่เว่ยหยวนตี้ได้รับตำแหน่งที่สูงล้ำจึงยากที่จะได้เข้าร่วมสงคราม ไม่เหมือนกับราชาสวรรค์ที่เขานั้นลงมือฝึกฝนคนใต้อาณัติของตนด้วยตัวเอง นี่ทำให้ถึงแม้ทั้งสองจะอยู่ในระดับเทียบเคียงราชาขุนพลเช่นเดียวกัน แต่ระดับฝีมือนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง

และด้วยความสามารถของราชาสวรรค์นั้น เขาบอกได้เลยว่าหากจะลงมือจริงๆแล้วเว่ยหยวนตี้คงจะตกตายไปตั้งแต่เริ่มด้วยซ้ำ แต่กระนั้น ราชาสวรรค์ก็ยังเลือกวิธีการสู้แบบนี้ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย นี่แสดงให้เห็นว่าราชาสวรรค์ มีความแค้นที่ฝังลึกต่อเว่ยหยวนตี้ชนิดที่ยากจะลบล้างจากจิตใจ

เขาต้องการข่มเหงเว่ยหยวนตี้ให้ถึงที่สุด ก่อนที่จะทำลายโลกใบเล็กของเขาแล้วลงมือฆ่า

ย้อนกลับไปตอนที่เขายังอยู่ที่เกาะเทียนลี่นั้น ราชาสวรรค์ได้อธิบายให้เฉินเฉียงให้รับรู้เกี่ยวกับขอบเขตระดับราชา โลกใบเล็กนั้นเปรียบได้ดั่งแหล่งพลังงานของราชา ตราบใดที่โลกใบเล็กภายในร่างยังไม่ดับสูญ คนผู้นั้นจะมีพลังอยู่อย่างไม่จำกัด

หรือก็คือ การจะฆ่าระดับราชาให้ได้นั้นต้องทำลายโลกใบเล็กให้ได้ก่อน

และด้วยช่วงเวลาสั้นๆนี้ ราชาทั้งสองได้ปะทะกันอย่างรุนแรง แม้ร่างกายจะไม่ได้สัมผัสกัน แต่นั่นก็ทำให้เว่ยหยวนตี้ต้องพ่นเลือดคำโตออกมา

เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงก็ได้มีท่าทีเคร่งเครียดขึ้นมา เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากระแสพลังที่อาบร่างของเว่ยหยวนตี้ในตอนนี้นั้นกำลังรั่วไหลออกมาราวกับลูกบอลที่มีรูรั่ว และนี่ทำให้ความสมดุลของร่างกายของเขานั้นอ่อนกำลังลง ราวกับว่าการลอยอยู่กลางอากาศนี้กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก และในที่สุดก็ไม่อาจฝืนยื้อไปได้และร่วงลงมา

เฉินเฉียงผู้ซึ่งอยู่ในระยะห่างไกลนั้นก็ถึงกับหน้าถอดสีในทันทีเมื่อเห็น เขารีบพุ่งเข้ามารับร่างของเว่ยหยวนตี้เอาไว้เพื่อไม่ให้เว่ยหยวนตี้ร่วงหล่นลงไปกับพื้นให้เจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม

“ราชาสวรรค์ นี่ท่านทั้งสองมีความแค้นอะไรกันแน่ ทำไมท่านต้องฆ่าลุงเว่ยด้วย ปล่อยเขาไปเถอะ”

เมื่อเห็นเว่ยหยวนตี้ในตอนนี้มีชีวิตแขวนไว้อยู่บนเส้นด้ายแล้วนั้น ราชาสวรรค์เองก็อยากจะปลิดชีพเว่ยหยวนตี้ให้ตายไปให้พ้นๆเหมือนกัน แต่เขานั้นกลับไม่คิดว่า เฉินเฉียงจะปรากฏตัวขวางทางไม่ให้เขาสังหารมัน

“เฉินเฉียง ออกไปซะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่อย่างนั้นก็อย่าได้โทษราชาคนนี้หากพลั้งมือฆ่าเจ้าไป”

ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงจะไม่เห็นสีหน้าของราชาสวรรค์ แต่เพียงเขาฟังเสียงของเขาที่ราวส่งตรงมาจากนรกแล้ว เขาบอกได้เลยว่ายังไงซะราชาสวรรค์ก็ต้องฆ่าเว่ยหยวนตี้ให้จงได้

“แค่ก แค่ก ” เว่ยหยวนตี้ในตอนนี้ได้ใช้แขนข้างหนึ่งวางพาดไว้กับไหล่ของเฉินเฉียงพลางไอออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก

“หลานชายเฉินเฉียง ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับ เจ้ารีบหนีไปเร็วเข้า แล้วในอนาคตอย่าได้ไปติดต่อกับปีศาจอย่างราชาสวรรค์อีก”

“ไม่ ลุงเว่ย ข้าปล่อยท่านไว้เฉยๆแบบนี้ไม่ได้”

หลังจากตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุด เฉินเฉียงจึงตัดใจช่วยเว่ยหยวนตี้

ถึงแม้เว่ยหยวนตี้จะทำกับเขาอย่างไร้เยื่อใย แต่เห็นแก่ที่เขานั้นเป็นพี่น้องอันดีกับพ่อเขาแล้วยังเป็นพ่อของเว่ยฉิงเชินอีก

“ราชาสวรรค์ ถึงแม้ว่าข้านั้นจะไม่รู้ว่าท่านทั้งสองทำไมต้องสู้กันจนแตกหักกันไปข้าง แต่ยังไงซะลุงเว่ยก็เป็นเพื่อนที่ดีของพ่อข้า ข้าไม่อาจทนเห็นเขาต้องตกตายไปต่อหน้า”

“ดังนั้นแล้ว….ท่านราชาสวรรค์ ข้าขอโทษ”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงใช้ตัวประคองเว่ยหยวนตี้แล้วดำดินลงไปในทันที ก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังทิศเหนืออย่างสุดกำลัง

ด้วยการที่พื้นที่ในตรงนี้อยู่ใกล้กับเขตของมนุษย์กลายพันธุ์อย่างมาก มีเพียงย้อนกลับไปยังเข้าพื้นที่ภาคกลางเท่านั้นถึงพอที่จะทำให้เว่ยหยวนตี้รอดไปได้

การตัดสินใจของเฉินเฉียงเองนี้ทำให้ราชาสวรรค์ประหลาดใจไปไม่น้อยเหมือนกัน

แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรได้ เฉินเฉียงก็รอดพ้นออกไปจากระยะสัมผัสของเขาไปแล้ว

“ไอ้เด็กเวรนี่ช่างก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนจริงๆ”

ราชาสวรรค์ลอบก่นด่าขึ้นในใจ ก่อนที่จะพุ่งตามไปพร้อมหยานเสวี่ย

“ท่านราชาสวรรค์ พวกเขาอยู่ข้างล่าง”

หยานเสวี่ยที่ลอยอยู่กลางอากาศได้มองลงไปด้วยดวงตาที่ราวกับจะมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง นั่นก็เพราะตัวเธอสามารถสัมผัสสัญญาณจากเฉินเฉียงได้

“รู้แล้ว” ราชาสวรรค์เองที่คอยใช้กระแสจิตตรวจสอบนั้นก็รับรู้ได้ถึงตัวบอกตำแหน่งของเฉินเฉียงแล้วเช่นกัน

“เฉินเฉียง เจ้าหนีไม่รอดแล้ว รีบผุดหัวออกมาเดี๋ยวนี้” ราชาสวรรค์ได้ตะโกนออกมาอย่างดังลั่น พร้อมกับกระตุ้นหมอกไอดำที่อยู่รอบตัว ในขณะเดียวกันก็ได้ใช้มือขวาชี้นิ้วตรงไปยังจุดที่ที่เฉินเฉียงและเว่ยหยวนตี้อยู่

ที่ข้างใต้เขาในตอนนี้นั้น เฉินเฉียงที่อยู่ใต้ดินและคอยปล่อยกระแสจิตตรวจสอบอยู่นั้นก็สัมผัสได้ว่าราชาสวรรค์จะลงมือ นี่ทำให้ใบหน้าของเฉินเฉียงเปลี่ยนเป็นหวาดวิตกและรีบเร่งเคลื่อนย้ายจากจุดที่ตนหลบซ่อนอยู่นี้

นึกไม่ถึงว่า นิ้วของราชาสวรรค์นั้นกลับปล่อยคลื่นพลังงานประหลาดออกมา ถึงแม้บนพื้นดินนั้นจะไม่มีร่องรอยอะไรแม้แต่น้อย แต่ที่ใต้ดินนั้น เฉินเฉียงและเว่ยหยวนตี้กำลังถูกกระหน่ำซัดด้วยคลื่นกระแทกที่ที่รุนแรงราวกับระเบิดแต่มองไม่เห็นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ไม่อาจจะก้าวออกไปไหนได้

ไม่ดีแล้ว

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งสองไม่เพียงจะหนีไม่ได้แถมยังจะต้องตกตายอยู่ใต้ดินนี่อีก

เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงจึงได้เปลี่ยนวิธีการหลบหนีเป็นกระโดดออกจากพื้นดิน ก่อนที่จะกางปีกสีเงินระดับเก้าของตนพุ่งขึ้นเหนือไปด้วยระยะทางสามพันเมตรด้วยการกระพือเพียงครั้งเดียว

“ฮี่ฮี่ฮี่ ไอ้เด็กนี่ ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะเก็บเงินฝีมือไว้มากมายขนาดนี้”

เมื่อเห็นว่าเฉินเฉีงและเว่ยหยวนตี้ออกมาจากใต้พื้นดินแล้วก็หายไปในอากาศในบัดดลนั้น ราชาสวรรค์ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขานั้นกลับทำเพียงพยักหน้าอย่างยอมรับในฝีมือเท่านั้น

“ไปกันเถอะหยานเสวี่ย ไปตามจับไอ้เด็กนี่กัน”

เมื่อพูดจบ ราชาสวรรค์และหยานเสวี่ยก็ได้บินตามไปในทันที

ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ หยานเสวี่ยได้ข้ามระดับขั้นไปอยู่ระดับกึ่งราชาแล้ว นี่ทำให้ท่าเท้าและพลังการต่อสู้ของเธอนั้นเพิ่มขึ้นไปอีกระดับขั้น

อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะพัฒนาขึ้นมาแล้วก็ตาม เธอก็ยังไม่อาจจะไล่ทันเฉินเฉียงในตอนนี้ให้ นี่จึงทำให้ราชาสวรรค์ต้องเป็นคนพาเธอไปแทน

เฉินเฉียงที่บินล่วงหน้ามาไกลแล้วนั้น เขาเองก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายตัวเองแต่อย่างใด เขายังใช้กระแสจิตของตนนั้นตรวจสอบอยู่รอบๆโดยไม่ขาดช่วง

และด้วยค่าพลังจิตของเขาในตอนนี้นั้น ทำให้เขาสามารถตรวจสอบพื้นที่โดยรอบได้ในระยะสิบไมล์

นี่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของค่าพลังจิตของเขาที่ได้ดูดซับ พร้อมกับท่าเท้าที่ลึกล้ำของเขาจึงทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าตนนั้นสามารถพาเว่ยหยวนตี้หนีรอดออกมาได้

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงยังดูแคลนทักษะของราชาสวรรค์มากเกินไป

ผู้ที่อยู่ระดับราชาเหนือมนุษย์ขั้นกลางนั้นย่อมไม่สั่นคลอนด้วยเรื่องเพียงแค่นี้

ในช่วงที่ผ่านมานี้ ราชาสวรรค์นั้นทำการแนะนำและส่งเสริมระดับการบ่มเพาะของเฉินเฉียงมาโดยตลอด ถึงแม้เขานั้นจะไม่ได้เข้าใจตัวตนของเฉินเฉียงอย่างลึกซึ้ง แต่อย่างน้อยๆก็ทำให้เขานั้นมีความเข้าใจในทักษะต่างๆของเฉินเฉียงไปกว่าครึ่ง

และเพียงครึ่งชั่วโมงผ่านไป เฉินเฉียงก็ได้พบเจอโดยราชาสวรรค์และหยานเสวี่ยที่กำลังตามมาด้วยระยะสิบไมล์ แถมระยะของทั้งสองคนยังแคบลงเรื่อยๆ

“เฉินเฉียง เจ้าหยุดได้แล้ว ราชาคนนี้ขอเอ่ยปากไว้เลยว่าจะไม่ทำให้เจ้าต้องยากลำบากแต่อย่างใด”

เมื่อได้ยินเสียงของราชาสวรรค์ที่เข้าใกล้มาเรื่อยๆนี้แล้ว ทำให้เฉินเฉียงในตอนนี้กำลังรู้สึกกดดันอย่างมาก

ที่ข้างๆเขาในตอนนี้ เว่ยหยวนตี้เองที่ได้ยินเสียงนี้ก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน “ไอ้หลานชาย จะดีกว่าถ้าปล่อยลุงไว้ที่นี่ ด้วยความเร็วของเจ้า นั้นข้าเชื่อว่า ความเร็วของเจ้า สามารถหนีไปอย่างคนเดียวได้อย่างไม่มีปัญหา ราชาสวรรค์นั้นต้องการฆ่าเพียงลุงเท่านั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้า เชื่อว่า ราชาสวรรค์นั้นจะไม่ทำให้เจ้ายุ่งยาก ตามที่เขาบอก”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน