ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 279 ราชาน้อยใจ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 279 ราชาน้อยใจ

“พี่ชายทั้งหลาย ต่อให้ราชาสวรรค์จะไม่ได้มาที่นี่ ข้านั้นก็วางแผนไว้อยู่แล้วว่าจะไปยังเกาะเทียนลี่ของราชาสวรรค์”

หนึ่งปี

ข้าขอรับรองว่าตัวข้านั้นจะกลับมาที่นี่ภายในหนึ่งปีอย่างปลอดภัย

“จางหยวน ในระหว่างนี้ เจ้า ต้องควบคุมดูแลกิจกรรมของกองกำลังอย่างเราให้ปฏิบัติหน้าที่และคอยฝึกฝนอย่างหนัก โดยไม่ผ่อนปรนแต่อย่างใด เข้าใจไหม”

“ครับ กัปตัน”

เฉินเฉียงได้หันไปพูดกับเจิ้งยี่ “เจิ้งยี่ ในช่วงหนึ่งปีนี้ หากเจ้าบ่มเพาะอย่างหนัก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะบรรลุได้แม้กระทั่งระดับราชา”

“และเจ้านั้นสมควรจะรู้ว่ามันสำคัญกับเจ้าเพียงใด”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เจิ้งยี่พยักหน้าอย่างหนักหน่วง

หากเจิ้งยี่ก้าวเข้าสู่ระดับราชาได้ในหนึ่งปี ไม่เพียงแผ่นแก่นพลังงานที่อยู่ในหัวสมองของเขาจะถูกซึมซับเข้าสู่ร่างกายจนทำให้ร่างกายของเขาไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นๆแล้ว

เขานั้นจะกลายเป็นระดับราชาคนแรก นับแต่มีการก่อตั้งกองกำลังเทียนเว่ยขึ้นมา

ตราบใดที่เขาทำสำเร็จ เขาจะมีโลกใบเล็กเป็นเขตแดนส่วนตัว และนั่นจะทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้ง่ายยิ่งขึ้น

หลังจากพูดกับทุกคนแล้ว เฉินเฉียงได้พยักหน้าให้กับราชาสวรรค์ ราชาสวรรค์ก็เข้าใจ จึงได้ยกชายเสื้อของตนขึ้น แล้วนำพาเฉินเฉียง หยานเสวี่ย และเมิ่งน้อยเข้าไปยังโลกใบเล็กของตน

“เฉินเฉียง…” หลินเฟิงได้ตะโกนราวกับจะห้ามปรามเมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงนั้นเลือกที่จะไปกับราชาสวรรค์ นี่ทำให้เขานั้น ทุ่มของโกรธที่ยังค้างคาของตนไปยังราชาสวรรค์

“ราชาสวรรค์ ปล่อยเฉินเฉียงออกมา เขาเป็นคนของข้า”

“คนของเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า” ราชาสวรรค์หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะชี้นิ้วของตนไปยังหลุมศพของซุนต้าฮู่แล้วพูดออกมา “หลินเฟิง เจ้านั้นไม่ใช่คู่มือของราชาผู้นี้ ราชาผู้นี้ขอแนะนำว่าเจ้านั้นควรจะทบทวนบาปกรรมของตนต่อหน้าหลุมศพของซุนต้าฮู่….สักสองวันก็แล้วกัน”

เมื่อพูดจบ ราชาสวรรค์ก็ได้ใช้ทักษะข้ามมิติ และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ในโลกใบเล็ก เฉินเฉียงนั้นกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าเขานั้นต้องพบเจอกับการลงทัณฑ์ใดบ้างจากราชาสวรรค์ เพราะยังไงซะ เขานั้นเป็นคนช่วยเป้าหมายในการฆ่าฟันอย่างเว่ยหยวนตี้ไปจากเขา

เขานั้นรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าราชาสวรรค์นั้นมีความต้องการฆ่าเว่ยหยวนตี้มากมายขนาดไหน แต่เขานั้นก็ยังมีเรื่องที่ต้องรู้จากปากของเว่ยหยวนตี้ให้ได้ก่อนที่ราชาสวรรค์จะฆ่าเขาไปอยู่ดี

ในตอนนี้ ยังไงซะ เขาเองก็ทำลายแผนการของราชาสวรรค์ไปแล้ว แล้วราชาสวรรค์จะปล่อยเขาไปได้ยังไง

แต่เขานั้นกลับนึกไม่ถึงว่า หลังจากที่ไปถึงเกาะเทียนลี่ ในทันทีที่เขาปรากฏตัว ราชาสวรรค์กลับมอบเม็ดยาสีแดงสดให้กับเขาแทน

“เฉินเฉียง รับยานี้ไป”

“เอ่อออ นี่…..” เฉินเฉียงนั้นมีความเชี่ยวชาญในฐานะคนปรุงยาอยู่แล้ว หลังจากได้รับยา เขาเองก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ยาพิษแต่อย่างใด

เพียงแต่เขานั้นไม่รู้ว่าทำไมราชาสวรรค์ถึงได้ให้เขากัน

“อะไรซะอีกล่ะ หรือว่าเจ้านั้นกลัวว่ามันจะเป็นยาพิษ” เมื่อเห็นเฉินเฉียงลังเล ราชาสวรรค์ก็อดที่จะพูดออกมาอย่างใส่อารมณ์ไม่ได้

“เฉินเฉียง เจ้านี่ไม่รู้ดีรู้ชั่วจริงๆ นี่คือตัวยาที่แสนล้ำค่าที่ท่านราชาสวรรค์นั้นยอมทุ่มเทไปมากมายเพื่อให้ได้มันมา มันน่าจะช่วยรักษาผลกระทบจากการใช้เผาผลาญแก่นสายเลือดของเจ้าได้นะ”

เมื่อได้ยินหยานเสวี่ยพูดออกมาในสิ่งที่เขาไม่คิดฝันว่าจะได้ยิน เฉินเฉียงนั้นได้มองไปที่ราชาสวรรค์ด้วยท่าทางไร้อารมณ์พร้อมสายตาที่พร่าเลือน หัวใจของเขาเต้นแรง หลังจากรับเม็ดยาสีแดงสดนี้มาแล้ว เขาได้ก้าวไปยืนตรงหน้าราชาสวรรค์แล้วโค้งคำนับชนิดที่ตั้งฉากกับพื้น

“เด็กเลวผู้นี้ขอบคุณท่านราชาสวรรค์ที่เมตตา”

ราชาสวรรค์พยักหน้ารับอย่างเงียบๆอย่างไม่พูดไม่จา ยอมรับการโค้งคำนับของเขานี้

อย่างไรก็ตอบ คำพูดถัดไปของเฉินเฉียงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ราชาสวรรค์ต้องโกรธเคืองจนตัวสั่น

“ท่านราชาสวรรค์ เด็กเลวผู้นี้ต้องการจะแลกกับข้อมูลบางอย่าง ข้าอยากจะรู้ว่าท่านพอมีข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้ร้อนสีสันหรือไม่ หากท่านมีท่านพอจะบอกได้หรือไม่ว่าดอกไม้นั่นอยู่ที่ใด”

“ดอกไม้ร้อยสีสันรึ เฉินเฉียง เจ้าคิดว่าตัวเจ้านั้นมีโชคล้นฟ้าอยู่สินะ”

“ดอกไม้ร้อยสีสันนั้นเป็นตัวยาสำคัญในการหลอมเม็ดยาหวนคืนโลกา สิ่งที่เจ้านั้นคิดจะทำอะไร มีหรือที่ข้าผู้นี้จะไม่รู้”

“หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้ามาสอดมือ เว่ยหยวนตี้นั่นมันสมควรจะตกตายไปในมือข้าตั้งนานแล้ว”

“แล้วนี่เจ้า ไม่เพียงจะทำลายแผนการของเข้า เจ้ายังมีหน้ามาใช้เม็ดยาที่ข้าให้เพื่อช่วยเจ้า มาแลกกับข้อมูลของยาที่จะช่วยฟื้นฟูรักษาศัตรูของข้าอีกเนี่ยนะ”

“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้าช่วยมัน เจ้าทำแม้กระทั่งทำลายหนทางบ่มเพาะของตนเองเพื่อช่วยมันผู้นั้นอีก”

“แล้วเจ้าลองดูมันทำกับเจ้าสิ มันตอบแทนเจ้าด้วยความเกลียดชังแบบนี้แล้ว ยังตั้งค่าหัวของเจ้า แล้วเจ้ายังคิดที่จะหาดอกไม้นั่นไปช่วยมันอีกรึ”

“นี่เจ้าคงไม่ใช่ตัวโง่งมไปแล้วจริงๆหรอกนะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของราชาสวรรค์ เฉินเฉียงเองก็ถึงกับเถียงไม่ออกเลยสักคำ

“ท่านราชาสวรรค์ ข้าทาสผู้นี้คิดว่าท่านคงจะยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงที่เฉินเฉียงต้องการที่จะช่วยเว่ยหยวนตี้ค่ะ ความจริงแล้วทั้งหมดนี่เป็นเพราะลูกสาวของเว่ยหยวนตี้ที่ชื่อเว่ยชิงเฉินคนนั้น”

“โอ้ เว่ยฉิงเชิน ผู้ที่มีกายกระจ่างจิตที่เรื่องลือกันนั่นน่ะรึ มิน่า ก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า”

เมื่อราชาสวรรค์หัวเราะออกมาเสร็จ เขาก็ได้หันไปมองเฉินเฉียงอย่างจริงจัง “เฉินเฉียง คงไม่ใช่ว่าเจ้านั้นตกหลุมรักเด็กน้อยนั่นไปแล้วรึเนี่ย”

“ไม่” เฉินเฉียงรีบโบกมือไปมาในทันที “ท่านราชาสวรรค์ ไม่ใช่อย่างแน่นอน ข้าเองนั้นยังรู้สึกผิดที่เข้าไปช่วยคนอย่างเว่ยหยวนตี้อยู่เลย”

“เพียงแต่ว่ามันผู้นั้นสัญญากับข้าว่าหากข้านำยาหวนคืนโลกาไปให้ได้ เขาจะบอกความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อข้าในปีนั้นให้ฟัง”

“แต่หากท่านยินดีที่จะบอกความจริงในเรื่องนี้แทนมันผู้นั้น ข้าย่อมไม่สนใจที่จะปรุงเม็ดยาหวนคืนโลกาขึ้นมาอย่างแน่นอน”

หลังจากเฉินเฉียงพูดจบ ราชาสวรรค์นิ่งเงียบไปนาน ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “เฉินเฉียง เจ้ากินเม็ดยานั่นเข้าไปก่อน”

ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงนั้นจะไม่ได้รับรู้ถึงสรรพคุณของเม็ดยานี้ แต่ในเมื่อมันมีความเป็นไปได้ที่จะรักษาผลกระทบที่เขาใช้การเผาผลาญแก่นวิญญาณไป เฉินเฉียงย่อมไม่คิดปฏิเสธอย่างแน่นอน

ในทันทีที่เขากินยาเม็ดนี้เข้าไปในปาก เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ไหลแล่นไปทั่วทั้งร่างในทันที

เฉินเฉียงได้ปิดตาลง ก่อนที่จะกระแสจิตของตนตรวจสอบจุดชีพจรทั้งหมดในร่าง ก่อนที่จะพุ่งเป้าไปสนใจยังจุดชีพจรอีกสามจุดที่ยังไม่เปิดขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตัวยานี้จะมีผลก่อให้เกิดพลังงานที่ลึกล้ำขึ้นในร่าง แต่เพียงมันไปถึงจุดชีพจรอีกสามจุดที่เหลือ พลังงานนี้ก็ได้หายไป และสุดท้ายแล้วมันก็ทำเพียงขอหลอมรวมเข้ากับจุดชีพจรอื่นที่ยังคงสภาพดีอยู่

เฉินเฉียงได้ถอดถอนลมหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ท้ายที่สุดแล้ว เฉินเฉียงก็เข้าใจได้ในที่สุดว่าการที่เขานั้นจะทะลวงจุดชีพจรที่เหลือของเขาได้ในตอนนี้นั้น สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ไม่ใช่คลื่นพลังที่บ้าคลั่ง แต่เป็นการที่พลังสายเลือดโกลาหลแรกกำเนิดของเขานั้นต้องกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม ไม่สิ ต้องมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

หรือก็คือ หากเขาไม่ทำให้สายเลือดโกลาหลแรกกำเนิดของเขาให้เติบโตขึ้น ไม่ว่าเขาจะเพิ่มพลังภายในร่างไปมากมายขนาดไหนก็ไม่อาจที่จะทะลวงข้ามขั้นไม่ได้

เมื่อได้เห็นท่าทางของเฉินเฉียงแล้ว ราชาสวรรค์ก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ “ทำไมล่ะ ไม่ได้ผลรึ”

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผลสำหรับเขา แต่เมื่อเขานึกถึงคำพูดที่หยานเสวี่ยพูดออกมาก่อนหน้านี้นั้นทำให้เขารู้สึกทั้งสำนึกและขอบคุณด้วยใจจริง

แม้ว่าราชาสวรรค์นั้นจะเป็นราชาเหนือมนุษย์ แต่เฉินเฉียงเองก็สัมผัสได้ว่าราชาสวรรค์ผู้นี่ก่อนที่จะมาเป็นราชาของมนุษย์กลายพันธุ์ เขาจะต้องมีความสัมพันธ์พิเศษบางอย่างกับเฉินเทียนเว่ย

ไม่อย่างนั้นราชาสวรรค์จะยอมสละตัวเองเพื่อช่วยเขาทำไมตั้งมากมายหลายหน

“ข้าขอขอบคุณท่านราชาสวรรค์ อาการบาดเจ็บของข้านั้นคงไม่ใช่สิ่งที่จะหายได้เพียงวันเดียวกระมัง”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แต่ข้านั้นก็ยังต้องการข้อมูลของดอกไม้ร้อยสีสันจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านพอจะ….”

หลังจากที่เฉินเฉียงกล่าวขอบคุณราชาสวรรค์ด้วยใจจริงแล้ว ในตอนนี้เขาก็มองไปที่ราชาสวรรค์ด้วยสายตาที่คาดหวัง

ราชาสวรรค์เองก็มองเฉินเฉียงอย่างเงียบงั้น หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาก็พยักหน้าแล้วพูดออกมา “…..ตกลงว่ายังไงซะเจ้าก็ต้องการจะรู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้ร้อยสีสันสินะ ก็ได้ ไม่มีปัญหา ข้าจะบอกเจ้า”

“จริงเหรอ”

เฉินเฉียงมีความสุขขึ้นมาหมดใจหลังจากได้ยินคำตอบนี้

กล่าวตามตรง ด้วยความเกลียดชังที่ราชาสวรรค์มีให้เว่ยหยวนตี้นั้น เฉินเฉียงไม่คิดว่าราชาสวรรค์จะยอมบอกเขาเกี่ยวกับข้อมูลของดอกไม้ร้อยสีสันง่ายๆขนาดนี้

ราชาสวรรค์พยักหน้ารับก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่เพียงข้าจะบอกข้อมูลกับเจ้า ข้านั้นจะหาวิธีปรุงยานี้มาให้เจ้าอีก”

“แต่ก่อนหน้านั้น ข้าขอถามเจ้าสักข้อหนึ่งแล้วกันว่า หากในวันหนึ่งเจ้าพบว่าคนที่ทำร้ายพ่อของเจ้านั้นคือเว่ยหยวนตี้ เจ้านั้นจะรู้สึกสำนึกในสิ่งที่กระทำรึเปล่า”

“ห้ะ เว่ยหยวนตี้เนี่ยนะเป็นคนที่ทำร้ายพ่อข้า ไม่มีทาง” เฉินเฉียงส่ายหัวไปมาอย่างไม่เชื่อและพูดออกมา “ท่านราชาสวรรค์ ข้ารู้ว่าท่านนั้นแค้นฝังลึกกับเว่ยหยวนตี้ แต่ไม่เห็นต้องมาปั่นประสาทข้าเช่นนี้เลย”

“ทั่วทั้งตึกจอมพลเหมันต์จันทราต่างก็รับรู้ว่าพ่อของข้ากับเว่ยหยวนตี้นั้นไม่มีเรื่องบาดหมาง แถมยังเป็นพี่น้องอันดีต่อกัน แถมหลังจากพ่อของข้าได้ตายลงไป เป็นเขาที่คอยทัดทานไม่ให้กองกำลังเทียนเว่ยของข้าให้ถูกยุบ”

“ถึงแม้ข้าจะรังเกียจคนแบบเว่ยหยวนตี้ แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับสายสัมพันธ์ของเขากับพ่อของข้าแต่อย่างใด”

ในตอนนี้ เฉินเฉียงนึกย้อนไปตอนที่พบเจอเว่ยหยวนตี้เป็นครั้งแรก ในตอนนั้นเว่ยหยวนตี้ทำท่าทางราวกับว่าตัวเขานั้นเป็นหลานชายแท้ๆอย่างไม่ผิดแผก

หากว่าเว่ยหยวนตี้ไม่มีสัมพันธ์อันดีกับพ่อของเขาแล้วเขานั้นจะต้องสนใจในตัวเขาทำไมให้มากมาย

ถึงแม้ว่าเว่ยหยวนตี้จะทำตัวเดียดฉันท์เขาในตอนนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะสถานะของเขาที่ไม่ได้แตกต่างไปจากมนุษย์กลายพันธุ์แต่อย่างใด ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาได้คือครองความลับของเขตแดนจักรพรรดิอีก

“ฮ่าฮ่าฮ่า…..ข้านั้นแค่ยกตัวอย่างน่า เจ้าไม่เห็นต้องจริงจังถึงขนาดนี้ เอางี้ ข้าพูดใหม่ สมมติว่าในวันหนึ่ง เจ้าพบความจริงว่าเว่ยหยวนตี้นั้นเป็นคนฆ่าพ่อเจ้ากับมือ แล้วเจ้านั้นจะทำเช่นไร”

เฉินเฉียงนั้นได้มองกลับไปยังราชาสวรรค์ด้วยสายตาที่แหลมคม เขาตอบออกมาอย่างไม่ลังเล “ความแค้นของพ่อข้าต้องถูกสะสาง ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นใคร ข้าคนนี้ก็จะไม่ละเว้น”

“โห่ แล้วถ้าลูกสาวของเว่ยหยวนตี้มาขัดขวางล่ะ”

“อย่างที่ข้าบอกข้าไว้ก่อนหน้า ไม่ว่าใคร ข้าก็จะไม่ละเว้น”

“ดี ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ข้าจะบอกเจ้า นอกจากดอกไม้ร้อยสี เจ้ายังหาต้องหาเมล็ดพันธุ์แห่งโลก ที่เหล่าระดับกึ่งราชาต้องมี”

“อย่างเช่นหยานเสวี่ย ในตอนนี้เธออยู่ในระดับกึ่งราชาแล้ว เจ้านั้นคิดว่าจะโค่นล้มนางได้งั้นเหรอ”

“หากเจ้ามั่นใจขนาดนั้นล่ะก็ ข้าก็จะบอกเจ้าแล้วกันว่า เมล็ดแห่งโลกนั้น จะฝังอยู่ในจุดชีพจรชานจ้งบริเวณอกของผู้ที่อยู่ในระดับกึ่งราชา”

หลังจากชี้ไปที่บริเวณที่เมล็ดแห่งโลกตั้งอยู่ที่อกของตนเพื่อประกอบการอธิบายแล้ว ราชาสวรรค์ก็ได้พูดต่อ “ส่วนดอกไม้ร้อยสีสันนั้น มีเพียงสถานที่เดียวในโลกนี้ที่มีพวกมันอยู่”

“ที่ใดกัน”

“ออกไปจากเกาะเทียนลี่นี้ จะมีสถานที่ที่สุดแสนจะอันตรายที่ตั้งอยู่บริเวณที่ก้นสมุทรในมหาสมุทรมังกรซ่อน โดยมันจะตั้งอยู่ห่างจากเกาะเอ้อเทียนไปทางตะวันตกสามหมื่นกิโลเมตร”

“ที่ก้นสมุทรในมหาสมุทรมังกรซ่อนนี้ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่ลึกที่สุดในเขตมหาสมุทร จากรายงานกล่าวไว้ว่ามันมีความลึกอยู่ที่หนึ่งพันเมตร”

“ไม่เพียงเท่านั้น ที่ก้นสมุทรนี้ยังกล่าวกันว่ามีสัตว์ประหลาดที่แปลกประหลาดอยู่มากมาย ในทุกๆปีนั้นมีผู้บ่มเพาะมากมายลงไปที่นี่เพื่อเก็บดอกไม้ร้อยสีสันนี้และต้องตกตายอยู่ที่นั่นอย่างนับไม่ถ้วน”

“ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม เมื่อยามที่ก้าวเข้าไปสู่ระดับราชานั้น อาการบาดเจ็บที่สำคัญของพวกเขานั้น มีเพียงอาการบาดเจ็บของโลกใบเล็กเท่านั้น พวกเขาจึงไม่เสี่ยงที่จะลงไป”

“นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนที่ลงไปนั้นส่วนใหญ่อยู่ในระดับกึ่งราชาเพียงเท่านั้น นี่จึงทำให้เจ้านั้นไม่อาจแยกแยะระหว่างมนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์ได้โดยง่าย”

“ยังไม่รวมถึงการที่พวกสัตว์ประหลาดนั้น ยาที่พวกมันก้าวเข้าสู่ระดับกึ่งราชาแล้ว พวกมันจะสามารถกลายเป็นมนุษย์และพูดภาษามนุษย์ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน”

“หรือที่ข้ากำลังจะบอกนี้ก็คือ หากเจ้าต้องการไปที่ก้นสมุทรของมหาสมุทรมังกรซ่อนนี้เพื่อเก็บดอกไม้ร้อยสีสันนี้จริง เจ้าต้องไปที่เกาะเอ้อเทียนเพื่อเรียนรู้เรื่องราวที่นั่นเพื่อทำความเข้าใจก่อน แล้วเจ้าอาจจะได้ผู้ช่วยจากที่นั่น”

“และที่สำคัญที่สุดคือที่ก้นมหาสมุทรนั่นมีสิ่งมีชีวิตที่สุดแสนอันตรายที่เจ้าต้องเผชิญหน้า”

“และข้าก็คงจะไม่ต้องเน้นย้ำว่าเจ้านั้นเป็นเพียงนายพลวิญญาณขั้นสูงเพียงเท่านั้น แต่ก็นะ ต่อให้เจ้านั้นอยู่ในระดับราชามันก็เสี่ยงไม่ต่างกัน ไม่อย่างนั้นทั้งสามเผ่าพันธุ์คงไม่ต้องสูญเสียกำลังคนไปกับที่นั่นในทุกๆปี”

“แม้แต่ระดับราชาก็ยังต้องตกตายอยู่ที่นั่นงั้นรึ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของเฉินเฉียงก็อดที่จะเคร่งเครียดเสียมิได้

“ถูกต้อง แล้วข้าก็บอกได้เลยว่าที่แห่งนั้นมันอันตรายจนข้าเองก็ไม่อาจจะบรรยายได้ถูก เอาล่ะ ที่นี้ เจ้ายังคิดที่จะไปที่นั่นอยู่อีกรึเปล่า” ราชาสวรรค์ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเชิงแหย่เล่น

“แน่นอน” เฉินเฉียงสามารถตอบออกมาได้อย่างไม่ลังเล

ไม่ว่าจะอันตรายขนาดไหนก็ตาม เขานั้นก็ยังอยากจะลองอยู่ดี

เพื่อที่จะหาความจริงในการตายของพ่อของเขาให้ได้ ยังไม่รวมถึงจิตใจของเขาที่ไม่ต้องการให้เว่ยชิงเฉินต้องถูกข่มเหงโดยไอ้เฒ่าระยำฮั่นจุยนั่น

ราชาสวรรค์พยักหน้ารับ ก่อนที่จะส่งกำไลสื่อสารหนึ่งที่มีแสงกะพริบอยู่ “มันอยู่ตามแผนที่นี้ รับมันไปซะหากเจ้าต้องการที่จะไป”

“เฉินเฉียง หากว่าเจ้านั้นกลับมาได้อย่างมีชีวิตพร้อมดอกไม้ร้อยสีสัน ข้าจะบอกวิธีปรุงยาหวนคืนโลกาทีหลัง”

“ขอบคุณครับ”

เฉินเฉียงโค้งคำนับพลางขอบคุณแล้วพูดต่อ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านราชาสวรรค์ ท่านเตรียมหาสูตรปรุงยาไว้ให้ข้าได้เลย ตัวข้านั้นไม่ว่ายังไงข้าก็จะกลับมา”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้หันหลังและจากไป

“ท่านราชาสวรรค์ ข้าควรจะตามเขาไปหรือไม่คะ” หยานเสวี่ยได้ถามพลางกอดและลูบหัวเมิ่งน้อยมองตามเฉินเฉียงไป

ราชาสวรรค์ส่ายหัวไปมา และมองตามเฉินเฉียงจนหายไปด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา “ไม่ต้องหรอก เกาะเอ้อเทียนมันอันตรายมาก ระดับของเจ้านั้นไม่มีประโยชน์เมื่ออยู่ที่นั่น แค่ปกป้องตัวเองเจ้าก็ยังทำไม่ได้เลยล่ะมั้ง”

“….แล้วท่านไม่กังวลเกี่ยวกับชีวิตของเฉินเฉียงเหรอคะ”

ราชาสวรรค์ที่ได้ยินก็หันไปมองพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “หุหุหุ หยานเสวี่ย นี่เจ้ากังวลเกี่ยวกับเขารึ”

หยานเสวี่ยรีบก้มหน้าก้มตาในทันที พลางดึงเส้นขนของหมิงน้อยอย่างหนักจนมันต้องมองหน้าแล้วรีบพูดออกมา “ย่อมไม่ใช่ค่ะ ข้า ข้าเพียงแค่เห็นว่าท่านนั้นหวงเขาและคอยปกป้องเขาอยู่ตลอดเพียงเท่านั้น ข้าเพียงแค่สงสัยเฉยๆว่าในครั้งนี้ท่านไม่ห่วงเขาเลยเหรอคะ”

“ฮี่ฮี่ฮี่ ต่อให้ไม่มีพวกเราปกป้อง ต่อให้ไอ้เด็กนั่นต้องตกอยู่ในอันตรายจริง ยังไงซะก็ยังมีคนที่คอยแอบช่วยไอ้เด็กนั่นอยู่น่า”

“ท่านราชาสวรรค์ ท่านหมายถึง…..”

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เฉินเฉียงนั้นก็เป็นเพียงคนเดียวที่ถือครองความลับของเขตแดนจักรพรรดิ ก่อนที่คนเหล่านั้นจะได้รับรู้ความลับนี้ พวกนั้นย่อมไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน”

“เป็นเช่นนั้น” หยานเสวี่ยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยจนต้องถามออกมา “แต่….ท่านราชาสวรรค์คะ ไม่ใช่ว่าท่านนั้นต้องการฆ่าเว่ยหยวนตี้เหรอคะ”

“หากเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมท่านถึงบอกข้อมูลของดอกไม้ร้อยสีสันกับเฉินเฉียงกันล่ะ”

“เว่ยหยวนตี้รึ หึหึหึ ไม่ช้าก็เร็วยังไงซะข้าก็ต้องฆ่ามันอยู่แล้ว” ราชาสวรรค์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ส่วนเรื่องที่ตั้งของดอกไม้ร้อยสีสันนั่น ต่อให้ข้าไม่บอก ข้าเชื่อว่ายังไงซะ เฉินเฉียงนั้นก็หาข้อมูลมาได้อยู่ดี”

“ยิ่งไปกว่านั้น ก้นสมุทรของมหาสมุทรมังกรซ่อนนั้นอันตรายอย่างมาก เจ้าคิดว่าเพียงแค่นายพลวิญญาณอย่างเขาจะทำสำเร็จงั้นรึ”

“แล้วเรื่องพ่อของเขาล่ะคะ ทำไมท่านไม่ยอมบอกความจริงเขาไป”

“หยานเสวี่ย อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้ว่าเฉินเฉียงได้เผาผลาญแก่นสายเลือดตนเองไปแล้วน่ะ ยังไงซะระดับการบ่มเพาะของเขาก็ไม่อาจจะก้าวหน้าได้ไปกว่านี้มากนัก”

“ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ หรือไม่คิดจะต่อสู้แล้วหลบไปชีวิตอย่างสงบก็ตาม เมื่อใดที่เขารับรู้ความจริงนี้ การแก้แค้นให้กับพ่อของเขาจะเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เขาเหลืออยู่”

“หากว่าข้าบอกความจริงกับเขา แล้วเขาได้รับรู้ว่าคนที่เขาต้องแก้แค้นไม่ใช่สิ่งที่ระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้จะทำอะไรได้ มันจะดีกว่าหากจะให้เขานั้นสืบรู้ความจริงนี้ด้วยตัวเอง”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท