ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 283 ปิดล้อม

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 283 ปิดล้อม

หลังจากจัดการชายคนนี้ เฉินเฉียงก็ได้ดูดพลังจากซากร่างของเขามา

ระบบย่อยสลายนักรบระดับกึ่งราชาสำเร็จ

เจ้าของระบบ: เฉินเฉียง

ระดับ: นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง

การหลอมรวมทักษะ: 1

การคัดเลือกทักษะ : 8

ค่าพลังงาน:3,600,000

ค่าการใช้ประโยชน์:1

ค่าความอดทน:570

ค่าความแข็งแกร่ง:598

ค่าความเร็ว:427

ค่าพลังจิต:1151

เคล็ดวิชาการบ่มเพาะ: ….

ทักษะ: ….

ทักษะ: ควบคุมสายน้ำ ระดับ 8 (ทักษะที่ 1)

ทักษะ: เปลี่ยนรูปลักษณ์ (ทักษะที่ 2)

ทักษะ: ปีกสีเงิน ระดับ 9 (ทักษะที่ 3)

ทักษะ: ซ่อนตัวจากแสง ระดับ 8 (ทักษะที่ 4)

ทักษะ: เกราะเหล็กไหล (ทักษะที่ 5)

ทักษะ: คลื่นเสียงทำลายวิญญาณ (ทักษะที่ 6)

ทักษะ: ขอบเขตจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ขั้นสูง (ทักษะที่ 7)

ทักษะ: คลื่นอัดกระแทก ระดับ 8 (ทักษะที่ 8)

ทักษะ: กลืนกินเลือดปีศาจ

……

สายเลือด: โกลาหลแรกกำเนิด?(โกลาหลขั้นต้น)

นี่เป็นครั้งแรกที่เขานั้นได้ดูดซับพลังงานจากซากร่างของกึ่งราชา แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ากึ่งราชาคนนี้ไม่ได้มีอะไรเตะตาเขาสักเท่าไหร่

แต่สิ่งที่ทำให้เฉินเฉียงต้องประหลาดใจนั้นก็คือ ผลกระทบที่เขาได้รับจากการเผาผลาญแก่นสายเลือดของตนนั้นมีการเปลี่ยนแปลง

สายเลือดโกลาหลแรกกำเนิดของเขานั้นเหมือนจะดูหนาขึ้นมากกว่าแต่ก่อน

แถมช่องทางของลมปราณของเขาที่มุ่งไปสู่จุดลมปราณที่สามสิบสี่ของเขานั้น จากเดิมที่ราวกับขาดสะบั้นไปแล้วกลับมีทางเชื่อมเล็กๆอยู่

ถึงแม้มันจะยังเล็กมาก แต่นี่กลับทำให้เฉินเฉียงมีความหวังขึ้นมา

อย่างที่เขาคิดเอาไว้ ระบบย่อยสลายซากของเขานั้นไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ

และเท่าที่ดูแล้วนั้น เขานั้นนอกจากจะขจัดผลกระทบไปได้แล้ว เขายังมีโอกาสที่จะทะลวงข้ามขั้นได้อีกด้วย

เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว เฉินเฉียงพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกยินดีของตน ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปหันมองกึ่งราชาอีกสามคน

เฉินเฉียงไม่กล้าที่จะโจมตีใส่กับเจ้าของร้านผู้ซึ่งอยู่ในระดับราชาขุนพลอย่างแน่นอน เขานั้นย่อมรู้ดีว่าตนเองมีความสามารถแค่ไหน หากเขาโลภมากไป เดี๋ยวมันจะกลายเป็นผลักตัวเองเข้าสู่อันตรายอีกครั้ง กับเรื่องนี้เขาย่อมไม่ยินดี

แน่นอนว่าสิ่งที่เฉินเฉียงได้กระทำอยู่นี้ได้ทำให้เจ้าของร้านและดับกึ่งราชาที่เหลือเกรงกลัวจนเห็นได้ชัดผ่านใบหน้า

ด้วยการที่ทุกคนนั้นต่างก็เป็นกึ่งราชา พวกเขาย่อมรู้ดีว่าชายเขี้ยวสวยคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน

แต่เฉินเฉียงนั้นกลับสามารถฆ่าคนที่อยู่ระดับเดียวกันกับพวกเขาได้แทบจะในทันที แล้วพวกเขาจะไม่รู้ถึงความผิดปกตินี้ได้ยังไง

และผลก็คือ นอกจากเจ้าของร้านที่เป็นระดับราชาขุนพลแล้ว กึ่งราชาที่เหลือเตรียมตัวที่จะเผ่นหนี

ทุกคนต่างรับรู้ได้แล้วว่า ไม่มีใครในหมู่พวกเขานั้นรอดพ้นจากน้ำมือเฉินเฉียงได้

แต่ในเมื่อพวกเขามาหาเฉินเฉียงถึงที่ มีหรือที่เฉินเฉียงจอยอมปล่อยกลับไปเฉยๆ

ในคราวนี้ เฉินเฉียงได้ใช้คลื่นอัดกระแทกระดับแปดของตนกับทุกคน ไม้เว้นแม้แต่เจ้าของร้านผู้อยู่ในระดับราชา

ถึงแม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้ของเขานั้นจะอ่อนด้อยกว่าตอนที่เขาโจมตีใส่ชายเขี้ยวสวยนี้ก็ตาม

แต่ในเมื่อมันเป็นการโจมตีทางจิตวิญญาณระดับแปด ย่อมไม่ใช่สิ่งที่นักรบทั่วไปจะรับมือได้

ด้วยการที่เจ้าของร้านผู้นี้เป็นถึงระดับราชาขุนพล หลังจากรู้ว่าตัวเองโดนโจมตีแล้ว เขาก็รีบถอยร่นออกไปนับหลายร้อยเมตรในทันทีที่รู้สึกตัว

แต่กึ่งราชาทั้งสามไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

ด้วยพลังเหนือมนุษย์หลบหนีแสงระดับแปดของเขา บวกกับทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา นี่ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งโลกสามเมล็ดได้ไปอยู่ในแหวนของเฉินเฉียงแทบใจในชั่วพริบตา และหลังจากดูดซับพลังจากซากร่างของกึ่งราชาทั้งสามไป เฉินเฉียงก็รู้สึกได้ว่าเริ่มมีพลังสายเลือด ไหลเวียนไปยังปากประตูของจุดชีพจรที่สามสิบสี่ได้บ้าง

ถ้ายังเป็นแบบนี้แต่ไป ตราบใดที่เขาดูดซับพลังของกึ่งราชาได้อีก การก้าวข้ามระดับของเขานั้นอีกไม่ช้าก็เร็วจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน

ยังไม่ต้องพูดถึงการดูดซับพลังจากซากร่างของราชาขุนพล หากเขาทำสำเร็จ อย่างน้อยๆเขาก็ต้องข้ามขั้นได้ในทันที

แต่ก่อนที่จะถึงตอนนั้น เขาคงได้แต่ฝันหวานไปก่อน

นั่นก็เพราะเฉินเฉียงรู้ได้แล้วว่าคลื่นอัดกระแทกของเขานั้นทำอะไรเจ้าของร้านไม่ได้

และแน่นอนว่าการที่จะฆ่าระดับราชาตรงๆนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อย่างยากยิ่ง

ถึงแม้ว่าเพียงชั่วไม่กี่นาทีนี้ เฉินเฉียงจะกำจัดระดับกึ่งราชาไปได้สี่คนก็ตาม

แต่กระนั้น เจ้าของร้านผู้ซึ่งอยู่ในระดับราชา ก็ยังคงอยู่รอดพร้อมใบหน้าที่รู้สึกแสดงออกมาอย่างเสียวสันหลัง

เขานั้นไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าหม่าหลิวนั้นจะมีพลังการโจมตีที่สูงล้ำขนาดนี้

แต่เมื่อนึกถึงดอกไม้ร้อยสีสันที่เฉินเฉียงในคราบของหม่าหลิวนำออกมาให้ดูเมื่อครู่นี้ ทำให้เขาเองก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้

ต่อให้แข็งแกร่งกว่ากึ่งราชาทั่วไปก็เท่านั้น

ยังไงซะ กึ่งราชาก็ยังเป็นเพียงกึ่งราชาอยู่วันยังค่ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลาเมื่อครู่นี้ เขาสัมผัสได้ว่าพลังของเฉินเฉียงนั้นไม่ได้อยู่ในระดับกึ่งราชาแต่อย่างใด

มันเป็นการโจมตีทางจิตวิญญาณของนักรบที่มีพลังเพียงแค่ระดับนายพลวิญญาณขั้นสูงเพียงเท่านั้น

หากเทียบกันตรงๆแล้ว ระดับพลังของเฉินเฉียงในคราบหม่าหลิวผู้นี้ห่างจากเขาอยู่สองช่วงชั้นใหญ่

และเมื่อคิดถึงจุดนี้แล้ว เจ้าของร้านจึงคิดได้แล้วว่าเฉินเฉียงนั้นเป็นเพียงนายพลวิญญาณขั้นสูง

ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาสามารถฆ่าระดับกึ่งราชาได้สี่คนนี้มันจะดูแปลกๆ เป็นไปได้ว่าเฉินเฉียงในคราบของหม่าหลิว อาศัยพลังเหนือมนุษย์ของมนุษย์กลายพันธุ์ในการสังหารกึ่งราชา

เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว ความต้องการที่มีต่อดอกไม้ร้อยสีสันทั้งสิบดอก มันล่อตาล่อใจเขามากจนทำให้เขานั้นคิดจะพนันในการลงมือครั้งนี้

หากว่าหม่าหลิวผู้นี้เป็นเพียงนายพลทักษะพิเศษขั้นสูงจริง เขาก็มั่นใจว่าจะรับมือ และช่วงชิงชีวิตของหม่าหลิวไปได้

“หม่าหลิว ทำได้ดี ข้าเองก็คิดจะจัดการไอ้สี่คนนี่อยู่แล้วหลังจากได้รับดอกไม้ร้อยสีสันในมือเจ้า ไม่คิดว่าตัวเจ้านั้นจะช่วยให้ข้าไม่ต้องมือเปื้อนเลือดมากมาย หึหึหึ ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็คงจะทำแบบนี้กับคนอื่นๆในทีมของเจ้าเหมือนกันสินะ ถูกต้องรึเปล่า”

เฉินเฉียงนั้นไม่อยากเสียเวลากลับเจ้าของร้านคนนี้อีก และตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสชนะได้ จึงคิดที่จะรีบจากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

แต่เพียงแค่เฉินเฉียงคิดที่จะจากไป เขาก็พบว่ารอบตัวเขานั้นถูกรายล้อมไปด้วยพลังที่เกิดการผสมปนเประหว่างพลังจิตและพลังฟ้าดิน ราวกับเป็นกรงขัง สะกดตัวเขาไม่ให้ไปไหน

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยได้รับรู้ความรู้สึกแบบนี้

ไม่ว่าจะเป็นราชาสวรรค์ หรือไม่แต่ผอ.สำนักมังกรอาชูร่า ต่างก็เคยใช้วิธีการนี้ในการสะกดเขาไว้

และนี่เองทำให้เฉินเฉียงเข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าของร้านตรงหน้าต้องรับรู้ถึงระดับการบ่มเพาะของเขาแล้วเป็นแน่ ถึงได้ใช้วิธีปลดปล่อยพลังงานจากโลกใบเล็กของตนมาสะกดข่มเขาไว้

เมื่อเจ้าของร้านเห็นใบหน้าที่กระตุกไปเล็กน้อยของเฉินเฉียง เขาก็ได้หัวเราะออกมาอย่างดังลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า หม่าหลิว ข้าว่าแล้วว่าเจ้านั้นต้องเป็นเพียงนายพลทักษะพิเศษขั้นสูง”

“สวรรค์นั้นช่างเข้าข้างข้าจริงๆ”

“เป็นเพียงแค่นายพลตัวน้อย แต่กลับรอดออกมาจากก้นสมุทรแห่งคาบสมุทรมังกรซ่อนได้ แถมยังมีทักษะที่สูงล้ำพอจะฆ่าระดับกึ่งราชาได้อย่างง่ายดายอีก เจ้านี้ช่างเป็นตัวตนที่หาได้ยากยิ่งนัก”

“แต่ถึงกระนั้น เมื่อเจอกับข้า เจ้ามันก็ทำได้เพียงแค่นี้”

“เจ้าที่ยังไม่อาจก้าวเข้าสู่ระดับกึ่งราชาได้ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะถูกสะกดไว้โดยพลังของโลกในกายข้า”

“ข้าล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าเพียงแค่นายพลทักษะพิเศษเช่นเจ้าจะหลุดรอดจากการคุมขังของข้ายังไง”

ท่ามกลางเจ้าของร้านที่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งนี้ เฉินเฉียงก็ได้สบถออกมา “ไอ้หน้าปลาจรวด สงสัยว่าเจ้านั้นจะตื้นเขินในความคิดยิ่งนัก”

“ใครเป็นคนกล่าวว่าราชาทักษะพิเศษนั้นจะต่อต้านพลังแห่งโลกกับอีแค่ราชาขุนพลไม่ได้กัน”

“ข้าผู้สูงล้ำคนนี้จะสอนเจ้าให้ได้รู้ในวันนี้เอง”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้ใช้กระแสจิตของตน กระแทกเข้าไปยังจุดลมปราณทั้งหมดที่อยู่ในร่าง

และเป็นตอนนี้ที่คลื่นพลังที่บ้าคลั่ง ได้ไหลแผ่ออกไปรอบด้านของเฉินเฉียง มันรุนแรงจนถึงขนาดทำให้พลังจากโลกใบเล็กที่เจ้าของร้านหน้าปลาจวดต้องหักสะบั้น และส่งผลย้อนกลับไปให้เจ้าของร้านแสดงสีหน้าออกมาอย่างเจ็บปวด

หลังจากทำลายพลังจากโลกใบเล็กของเจ้าของร้านได้แล้ว เฉินเฉียงในตอนนี้กำลังคลั่งถึงขีดสุด และคิดที่จะสอนบทเรียนให้กับเจ้าของร้านที่กล้ามาทำท่าทางอวดดีใส่เขา ต่อให้เขาทำให้เจ้าของร้านบาดเจ็บไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆก็คงทำให้เข็ดหลาบได้บ้าง

แต่ก่อนที่เฉินเฉียงจะได้ทำอะไรนั้น พลังจิตของเขาก็พบว่ามีคนอีกสิบกว่าคนกำลังบินออกจากเกาะเอ้อเทียนและพุ่งตรงมาที่เขา

ไม่ดีแล้ว

ด้วยการที่เขานั้นได้ถูกเจ้าของร้านคนนี้พบเห็นส่งต่างๆไปมากมายแล้ว เขาเองก็ไม่คิดที่จะต้องวุ่นวายกับคนอื่นอีก

การเผชิญหน้ากับเจ้าของร้านหน้าปลาจวดคนนี้สำหรับเขาก็ถือว่าตึงมือมากแล้ว หากคนที่มาเป็นระดับราชา แล้วเขาจะหลุดรอดไปได้ยังไง

หากเขาไม่มีผู้ช่วยที่ทรงพลังที่เทียบเท่ากับราชาสวรรค์ ไม่มีทางเลยที่เขาจะหลุดรอดไปได้จากจุดนี้

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็มองไปที่เจ้าของร้านหน้าปลาจวดอย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนที่จะใช้พลังเหนือมนุษย์หลบหนีแสงก่อนที่จะดำดิ่งลงทะเล และว่ายน้ำกลับไปยังเกาะเทียนลี่

ในทันทีที่เฉินเฉียงจากไป ผู้ทรงพลังทั้งสิบ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าของร้านหน้าปลาจวด

“ไอ้หน้าปลาจวด หลิวน้อยอยู่ไหน เจ้าคงไม่ได้เก็บเขาไว้ในโลกใบน้อยของเจ้าใช่รึเปล่า”

ผู้นำของคนกลุ่มนี้คือชายวัยกลางคนที่กำลังมองไปที่เจ้าของร้านหน้าปลาจวดด้วยสายตาเย็นชา

เจ้าของร้านหน้าปลาจวดนั้นในตอนนี้รู้สึกคับแค้นใจอย่างมาก เขานั้นถูกข่มเหงโดยเฉินเฉียง ไหนจะต้องเสียกึ่งราชาของตนไปอีกสี่คน แถมเมื่อกี้ยังเกือบพ่ายแพ้ไปแล้ว และเมื่อเห็นคนตรงหน้าอีกสิบกว่าคน เขาจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดออกมา “พี่เกา ท่านก็พูดเล่นไป”

“ข้าขอบอกตามตรงว่า ให้ไม่ใช่เพราะพวกท่านมาถึง แม้แต่ข้าเองก็คงจะไม่ได้มาพูดคุยกับท่านแบบนี้ และตกอยู่ในสภาพเดียวกับคนของข้าไปแล้ว”

“ฮื้ม เจ้าว่ากระไรนะ ไม่มีใครในหมู่พวกเราที่ไม่รู้ว่าไอ้หม่าหลิวนั่นมันอ่อนด้อยขนาดไหนหรอกเฟ้ย”

“ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะตามมาฆ่ามันทำไมกัน”

“คงไม่ใช่ว่าเจ้านั้นคิดกุเรื่องขึ้นมาจะได้เก็บของไว้ที่ตัวเองหรอกนะเว้ย”

เจ้าของร้านหน้าปลาจวดที่ได้ยินก็ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะได้ชี้ไปยังซากร่างทั้งสี่ที่ยังไม่ถูกสัตว์ทะเลกลืนกินไปแล้วพูดออกมา “พี่ใหญ่เกา หากไม่เชื่อข้า ท่านก็ลองลงไปดูบาดแผลของคนของข้าทั้งสี่ศพนั่นดูก็ได้”

“หากไอ้หม่าหลิวผู้นั้นอ่อนด้อยอย่างที่ว่าจริง แล้วมันจะฆ่าคนของข้าอย่างง่ายดายได้เช่นไร”

“แต่ก่อนที่ท่านจะมาถึงเพียงเล็กน้อยนั้น ไอ้เวรนั่นก็เผ่นหนีไปแล้ว ข้าคิดว่าเป็นเพราะพวกท่านมาอย่างอลังจึงเป็นเหตุให้ไอ้เวรนั่นรู้ตัวจนหนีไป”

เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านหน้าปลาจวดไม่มีท่าทางจะโกหก ผู้นำกลุ่มคนได้ยกมือขึ้นแล้วตะคอกออกมา “รอหาพระแสงอะไรเล่า รีบตามหามันตัวมันเซ่”

และนี่ทำให้คนทั้งสิบที่มีแม้แต่ระดับเทียบเท่ากับราชาขุนพล ก็รีบส่งกระแสจิตของตน ควานหาร่องรอยของเฉินเฉียงในคราบของหม่าหลิวอย่างสุดความสามารถ

ที่พื้นที่ที่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุ มีเสียงของใครคนหนึ่งได้พูดออกมา

“ไอ้ฉิบหาย พี่ชาย ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าไอ้หนูนี่จะมีพลังจิตที่แหลมคมนัก”

“ข้านั้นยังรู้สึกเลยว่าไอ้หนูนี่สัมผัสถึงการคงอยู่ของพวกเราได้ด้วยซ้ำ”

“ไม่มีทางน่า ต่อให้ไอ้หนูนี่จะมีพลังจิตที่สูงล้ำขนาดไหนก็ตาม แต่การที่จะจับการคงอยู่ของเราสองคนนั้น ยังขาดไปอีกสักหน่อยถึงจะทำได้”

“แต่ข้าเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าราชาสวรรค์นั่นจะโชคดีขนาดนี้ หากว่าเขาได้รับดอกไม้ร้อยสีสันไปมากมายขนาดนั้น ระดับการบ่มเพาะของเขาจะต้องสูงขึ้นกว่าเดิมอีกแน่”

“พี่ใหญ่ ตามเขาไปดีกว่า ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หากเขาถูกราชาพวกนั้นจับได้ ต่อให้เขาโชคดีขนาดไหนก็ไม่น่าจะรอดนะ อย่าได้ลืมไปว่าไอ้เด็กนี่มันไม่อาจจะข้ามขั้นการบ่มเพาะได้อีกนา”

“เจ้าสามเอ้ย ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า ดูจากสถานการณ์แล้ว ต่อให้มีราชามาอีกสักยี่สิบหน่อก็ไม่อาจจับไอ้เด็กนี่ได้หรอก”

“พนันกับข้าได้เลยว่าอีกแปบเดียวไอ้หนูนี่ก็กลับไปถึงเกาะเทียนลี่แล้ว”

….

เฉินเฉียงในตอนนี้ได้เปลี่ยนกลับมาใช้รูปลักษณ์เดิมของเขาแล้ว และตอนนี้เขานั้นกำลังพุ่งตรงกลับไปยังเกาะเทียนลี่ด้วยใจที่เบิกบาน

ในเกาะเทียนลี่

“ท่านราชาสวรรค์ ข้าจับได้ถึงสัญญาณของเฉินเฉียงแล้วค่ะ”

หยานเสวี่ยได้รีบเข้ามาในห้องของราชาสวรรค์ด้วยท่าทางตื่นเต้นยินดีแล้วพูดออกมา “เฉินเฉียงกำลังตรงกลับมาที่นี่ พวกเราต้องเตรียมตัวต้อนรับเขารึเปล่าคะ”

ราชาสวรรค์ที่ได้ยินก็หันหน้ามามองหยานเสวี่ย ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะปกคลุมด้วยหมอกไอดำ แต่หยานเสวี่ยนั้นก็กลับรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นกำลังจะถูกรังแกอีกแล้ว

“ฮี่ฮี่ฮี่ หยานเสวี่ย เจ้านี่น้า…รู้สึกในหัวจะมีแต่เรื่องของเฉินเฉียงนา….คงไม่ใช่ว่าเจ้านั้นสนใจในตัวเขาหรอกรึ”

“ไม่ ท่านราชาสวรรค์ ข้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์เลยนะคะ ท่านก็รู้นี่ว่าข้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปชอบใครได้”

“ยิ่งไปกว่านั้น เฉินเฉียงยังมีคนที่ชอบอยู่แล้ว แล้วข้า….ข้า…”

“โอ้ เช่นนั้นแล้วถ้าเฉินเฉียงนั้นไม่ได้ลงเอยกับลูกสาวของเว่ยหยวนตี้ เจ้าก็จะเดินหน้าเต็มกำลังสินะ”

บนเกาะเทียนลี่นี้ ราชาสวรรค์ไม่รู้ว่านึกเบื่อรึยังไงก็ไม่อาจทราบได้ อยู่เขาก็นึกครึ้มสนใจความสัมพันธุ์ของหยานเสวี่ยกับเฉินเฉียงขึ้นมา

และนี่ถึงกับทำให้หยานเสวี่ยอ้ำอึ้งไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว

อาจจะเป็นเพราะว่าเธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาโดยราชาสวรรค์ตั้งแต่เล็กๆ นี่จึงทำให้เธอนั้นถือว่าราชาสวรรค์เองเป็นพ่อคนหนึ่ง เมื่อเธอถูกราชาสวรรค์ถามเรื่องแบบนี้ ถึงแม้เธอจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่มันก็ยังปนเปกับความรู้สึกที่ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอนั้นจะอธิบายออกมายังไงดี

และเมื่อเห็นท่าทางของหยานเสวี่ยนี้ ราชาสวรรค์ก็ยิ่งสนใจความรู้สึกนึกคิดของเธอเข้าไปอีก

“หยานเสวี่ย ตราบใดที่เจ้ายอมเล่าให้ข้าฟัง ข้ารับปากเจ้าว่าข้าจะช่วยเจ้าในทุกหนทาง”

“ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้าลงมือ ข้ารับรองว่าไอ้เด็กนั่น ต้องตกเป็นของเจ้าเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน”

“ท่านราชาสวรรค์ ท่านพูดอะไรออกมาเนี่ย” ถึงแม้หยานเสวี่ยในตอนนี้มีผ้าคลุมหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยฝังกลบท่าทางเอียงอายของเธอออกมา หลังจากนั้นเธอก็ได้พูดต่อ “ข้าทาสผู้นี้หมายความว่า ในเมื่อเฉินเฉียงกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว มันหมายความว่าเขาต้องได้ดอกไม้ร้อยสีสันมาแล้วต่างหากค่ะ”

“และหากเป็นอย่างนั้นจริง ท่านราชาสวรรค์ ท่านต้องช่วยเฉินเฉียงเกี่ยวกับการปรุงยาโลกาหวนคืนไม่ใช่เหรอคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ราชาสวรรค์ก็ได้ยืนขึ้นมาก่อนที่จะพูดออกไป “แน่นอน ราชาผู้นี้พูดแล้วย่อมไม่คืนคำ”

”เอ่อ แล้วท่านไม่แค้นเว่ยหยวนตี้แล้วเหรอคะ”

“ทำไมท่านยังคิดช่วยเขาอีกกัน”

“หากว่าเฉินเฉียงปรุงยาได้สำเร็จจริง มันหมายความว่าเว่ยหยวนตี้จะรอดพ้นจากสภาพน่าอนาถนั่นนะคะ”

“แล้วไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

ราชาสวรรค์สบถออกมา “หยานเสวี่ย เว่ยหยวนตี้นั้นมันมีความแค้นกับข้า ข้าย่อมต้องจัดการมันด้วยตัวเอง”

“ถ้าจะให้บอกกันตามตรงแล้วนั้น หากข้าจะฆ่ามันจริงๆ ข้านั้นสามารถฆ่ามันได้หลายครั้งหลายหนแล้วในหลายปีที่ผ่านมา”

“แต่หยานเสวี่ยเอ่ย เจ้านั้นจงจดจำคำนี้ไว้ คนบางจำพวกนั้น การฆ่า ไม่ใช่หนทางเดียวที่จะเป็นการแก้แค้น”

“การปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากนั้น เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการลงโทษเว่ยหยวนตี้แล้วในมุมมองของเข้า”

หยานเสวี่ยที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ ราวกับเข้าใจอะไรขึ้นมาได้บ้าง

แต่สิ่งที่หยานเสวี่ยพูดออกมาถัดไปนี้ทำให้เธอต้องหน้าแดงขึ้นอีกครา

“หยานเสวี่ย เฉินเฉียงนั้นนับจากนี้คงจะไม่อาจบรรลุระดับขั้นการบ่มเพาะได้ในเวลาอันสั้น จะดีกว่าหากเจ้ารีบบ่มเพาะจนไปถึงระดับราชาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นจะเป็นทางเดียวที่เจ้านั้น จะแกร่งพอที่จะดูแลและปกป้องเขาไว้ได้นา”

“และเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว หากเจ้ายังสนใจในตัวไอ้เด็กนั่นอยู่ พอทุกคนเผลอ เจ้าก็แค่จับไอ้เด็กนั่นกด…..”

“ท่านราชาสวรรค์ มันไม่จะไม่มีทางที่เรื่องที่ท่านกำลังคิดอยู่นี้เกิดขึ้นแน่นอนค่ะ” หยานเสวี่ยตอบออกมาอย่างหนักแน่นและขวยเขินอีกครั้ง

“อารายยยย ฟังให้จบก่อนสิ” ราชาสวรรค์ได้รีบพูดห้ามปรามเลย “ข้าจะบอกเจ้าว่า เมื่อถึงเวลานั้น ให้เจ้าพูดให้เด็กนั่นรับฟังในเรื่องนี้ต่างหาก”

เมื่อพูดจบ ราชาสวรรค์ก็ได้พูดอะไรบางอย่างออกมาผ่านทางการส่งเสียงผ่านจิตวิญญาณ ส่งตรงไปยังจิตวิญญาณของหยานเสวี่ย

——————————-

– นักรบสายเลือดระดับราชา(เรียกสั้นๆ ราชา)

O ราชาระดับขุนพลเทพสงคราม (เรียกสั้นๆ ราชาขุนพล)

O ราชาระดับจอมพลเทพสงคราม (เรียกสั้นๆว่า ราชาจอมพล)

O ราชาระดับจักรพรรดิเทพสงคราม (เรียกสั้นๆว่า ราชาจักรพรรดิ)

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน