ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – บทที่ 284 คำพูด

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 284 คำพูด

“ท่านราชาสวรรค์ นี่เป็นความจริงเหรอคะ”

หยานเสวี่ยแสดงออกด้วยใบหน้าแตกตื่นในทันทีที่ได้ยินคำพูดของราชาสวรรค์ผ่านเสียงทางจิตวิญญาณ นี่ถึงกับทำให้เธอนั้นต้องถามย้ำออกมาอีกครั้งเลยทีเดียว

“มันเป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย หยานเสวี่ย เจ้าคิดว่าคนเช่นข้านั้นจะพูดออกมาเล่นๆเพียงเพื่อช่วยเจ้างั้นรึ”

“แต่…แล้ว..แล้วทำไมท่านไม่บอกเขาด้วยตัวเองล่ะคะ”

“ฮี่ฮี่ฮี่ หยานเสวี่ยเอ๋ย ข้านั้นมองดูเจ้าเติบโตมาแต่เล็ก ข้านั้นเชื่อว่เจ้ามีความสามารถในการตัดสินใจพอที่จะบอกเฉินเฉียงกับเรื่องนี้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม”

“และก่อนที่จะถึงตอนนั้น ให้เขานั้นไตร่ตรองด้วยตัวเองไปก่อนถึงจะดีที่สุด”

“ไอ้เด็กนี้นั้นยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเผชิญ สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจจะทำยังไง ก็ปล่อยให้เขาลงมือทำด้วยตัวเองไปก็พอ”

ราชาสวรรค์ได้ยกมือขึ้นเพื่อเป็นการตัดตอนหัวข้อสนทนาแล้วพูดต่อ “เอาล่ะ หยานเสวี่ย เจ้าไปที่ห้องทดลองแล้วถามผู้อาวุโสฉินให้หาสูตรยาโลกาหวนคืนซะแล้วเอามาที่นี่ พวกเราจะได้มอบให้เด็กนั่นยามที่เขากลับมา”

“ในการไปที่เกาะเอ้อเทียนของเขาในครั้งนี้นั้น เด็กนั่น นอกจากจะได้เมล็ดพันธุ์ของโลกใบเล็กมามากพอดูแล้ว เขายังได้ดอกไม้ร้อยสีสันมาอีกด้วย นี่ยังไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำแต่เด็กนั้นก็สามารถประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ช่างอยู่เหนือการคาดการณ์จริงๆ”

หากนับตามเวลาที่เว่ยหยวนตี้บอกเด็กนั่นไว้ล่ะก็ เขานั้นยังมีเวลาอีกสามเดือนเพื่อจะปรุงยาโลกาหวนคืน

แต่สิ่งทำให้เขานั้นรู้สึกดีกับเรื่องนี้นั่นก็คือ ราชาสวรรค์ยังคงรักษาคำพูดกับเขา ในทันทีที่เขากลับมาเกาะเทียนลี่ เขาก็มอบสูตรยาโลกาหวนคืนให้กับเฉินเฉียงในทันที

“ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้านั้นจะรอดกลับมาได้ทั้งเป็นๆอยู่นะเนี่ย”

ถึงแม้คำพูดของราชาสวรรค์จะสื่อความหมายออกมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนทำให้ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่กับท่าทางในตอนนี้ เฉินเฉียงนั้นกับรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างมากและพร้อมที่จะปรุงยาแล้ว

“ท่านราชาสวรรค์ ท่านช่วยข้าขายดอกไม้ร้อยสีสันได้รึเปล่า”

ในการปรุงยาโลกาหวนคืน เฉินเฉียงนั้นต้องการที่จะใช้พวกมันจริงๆก็เพียงแค่ห้าชุดเท่านั้น ส่วนที่เหลือ เขาคิดว่าต้องการจะเปลี่ยนพวกมันเป็นแก่นวิญญาณและส่งมอบให้กับคนในกองกำลังเทียนเว่ยของเขาเพื่อใช้ในการบ่มเพาะ

แต่เพื่อการไม่เห็นเป็นจุดเด่น เฉินเฉียงจึงคิดจะให้ราชาสวรรค์เป็นคนจัดการในเรื่องนี้แทนเขา

ราชาสวรรค์รับดอกไม้ร้อยสีสันมาอย่างทะนุถนอม ก่อนที่จะนิ่งคิดอยู่นานก่อนที่จะพูดออกมา “ไอ้เด็กนี่ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเก็บมาได้มากกว่าหนึ่งต้นสินะ”

“แถมยังรู้ดีเสียด้วยว่าเจ้าดอกไม้ร้อยสีสันนี่มันมีราคาสูงเทียมฟ้าขนาดไหน”

“หากเจ้าลงมือขายเองนั้นย่อมเรียกเภทภัยมาหาได้อย่างแน่นอน”

“ตอนนี้เจ้าจัดการเรื่องปรุงยาของเจ้าไปก่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องดอกไม้ร้อยสีสันนี่ข้านั้นจะจัดการให้เจ้าเอง”

หลังจากพูดจบ ราชาสวรรค์ก็ได้ออกจากเกาะเทียนลี่ไปในทันที

“เจี๊ยกเจี๊ยก”

ในทันทีที่ราชาสวรรค์จากไป เมิ่งน้อยก็รีบกระโดดไปหาเฉินเฉียงพลางถูไถใบหน้าของตนไปกับอกของเฉินเฉียง

“ฮี่ฮี่ฮี่ หยานเสวี่ย เจ้าว่าเมิ่งน้อยนี่แปลกๆรึเปล่า นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้วทำไมมันตัวกระจ้อยอยู่เลยน้า…”

เฉินเฉียงได้ใช้นิ้วจิ้มแก้มเมิ่งน้อยพลางพูดออกมา

แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ยินเสียงด่ามาจากหยานเสวี่ยก็ได้หันไปดู ก็พบว่าในตอนนี้นั้น ใบหน้าหยานเสวี่ยเปลี่ยนท่าทางไปมาอย่างไม่รู้เหตุผล

“เมิ่งน้อย แม่เจ้าเป็นอะไรล่ะนั่น อย่าบอกนะว่าเจ้าทำเรื่องที่ทำให้แม่ของเจ้านั้นต้องลำบากใจน่ะ” เฉินเฉียงพูดออกมาในทันทีอย่างสับสน ก่อนที่จะหยิบแก่นวิญญาณชิ้นหนึ่งให้กับเมิ่งน้อย

เมิ่งน้อยได้รับมันไปอย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะหยิบมันในมือซ้าย และแบมือขวาของตนออกมาพลางส่งเสียงร้อง

“ห้ะ นี่เจ้าต้องการดอกไม้ร้อยสีสันด้วยเหรอ…..ก็ได้ ข้าจะให้เจ้าดอกหนึ่งแล้วกัน” เมื่อเห็นท่าทางจะเอาให้ได้ของเมิ่งน้อยแล้ว เฉินเฉียงก็จำใจต้องนำมันออกมา และในทันทีเห็น เมิ่งน้อยก็ได้ฉกดอกไม้ไปจากมือของเฉินเฉียงและหายวับไปกับตา

“เอาเจ้านี่จริงๆเล้ยยยย ได้ของไปแล้วหายหัวไปเลย” เฉินเฉียงบ่นอุบออกมาก่อนที่จะเหลือบมองหยานเสวี่ยไปด้วยมุมสายตา

เขานั้นไม่คิดว่าหยานเสวี่ยจะเมินเฉยกับเขาได้ถึงขนาดนี้แถมเดินออกไปโดยไม่พูดจากับเขาเลยสักคำนอกจากปรายตามอง

“นี่ข้าไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกฟะ” เฉินเฉียงบ่นอุบพลางเกาหัว ก่อนที่จะออกห้องของราชาสวรรค์แล้วตรงไปยังชายหาดคนเดียว

ที่โขดหินโสโครกก้อนหนึ่ง เฉินเฉียงได้นำสูตรยาโลกาหวนคืนออกมาและศึกษามันอย่างละเอียด

สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากดอกไม้ร้อยสีสันและเมล็ดพันธุ์แห่งโลกแล้ว จากสูตรยาที่เขาได้รับมานั้นยังมีสมุนไพรอย่างที่ต้องใช้อีกอย่างดอกบานเย็น แมลงเก้ากลิ่นหอม และต้นสวรรค์กระจ่างแจ้ง

ด้วยการที่สมุนไพรทั้งสามนี้เป็นส่วนประกอบทั่วไปในการปรุงยาอยู่แล้ว เขาจึงมีพวกมันอยู่แล้วในแหวนเก็บของ

และในเมื่อทุกอย่างมีครบแล้ว เขาจึงได้นำเตาปรุงยาออกมา

นับแต่ที่เขาดูดซับทักษะความรู้ต่างเกี่ยวกับการปรุงยามาตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ที่สำนักเต่าดำนั้น เฉินเฉียงก็รับรู้มาตลอดว่าเม็ดยานั้น สามารถแบ่งออกได้ห้าระดับ และด้วยทักษะที่เขาได้รับมาจากเฟิงไคหลิงนี้ เขาสามารถปรุงยาได้เพียงแค่ระดับสามเพียงเท่านั้น

ส่วนเม็ดยาโลกาหวนคืนนี้เป็นยาระดับสี่

แม้ว่าระดับของเขาจะน้อยกว่าหนึ่งระดับ แต่ตราบใดที่เขาปรุงยาระดับสี่ออกมาได้ ระดับทักษะการเล่นแร่แปรธาตุของเขานี้ก็สมควรจะยกระดับขึ้นมาได้ แม้กระทั่งไปอยู่ในระดับสูงเลยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ด้วยการที่ทักษะการปรุงยาที่เขาได้มาจากเฟิงไคหลิงนี้มาจากการดูดซับจากซากร่างจำลอง หากเขาจะต้องการยกระดับทักษะเล่นแร่แปรธาตุของตนนั้น เขาทำได้เพียงศึกษาด้วยตัวเองเพียงเท่านั้น หรือไม่ก็จะต้องดูดซับซากร่างของผู้มีทักษะเล่นแร่แปรธาตุในระดับสูง

แต่ผู้ที่เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่อยู่ในระดับสูงนั้นช่างหาได้ยากยิ่ง แต่ให้ต้องพบเจอ แล้วเขาก็ยังต้องตัดใจฆ่าคนคนนั้นเพื่อดูดซับพลังมาอีก

นี่จึงทำให้เขาไม่มีทางเลือกและทำได้เพียงหวังพึ่งตนเองเท่านั้น

หลังจากโยนส่วนผสมต่างๆลงไปแล้ว เฉินเฉียงก็ได้ทำตามขั้นตอนที่ได้บันทึกเอาไว้ทีละขั้นต้อน จนในที่สุดเขาก็เริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมา

ยังดีที่เขานั้นได้ฆ่ากึ่งราชาไปสี่คน ทำให้เขานั้นมีเมล็ดพันธุ์แห่งโลกอยู่จำนวนห้าเมล็ดพันธุ์ และนี่หมายความว่าเขานั้นจะมีโอกาสพลาดได้มากครั้งขึ้น

สำหรับเฉินเฉียงนั้น การปรุงเม็ดยาระดับสามนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะได้มายากเย็นอะไร มันราวกับว่าตราบใดที่เขาตั้งใจสักหน่อย เขาก็สามารถหลอมมันได้อย่างง่ายๆ และนี่ทำให้เขาคิดว่าเขานั้นจะมีโอกาสที่เขาจะปรุงยาระดับสี่ ยาโลกาหวนคืนได้สำเร็จ โดยอาศัยเมล็ดพันธุ์แห่งโลกห้าเมล็ดและดอกไม้ร้อยสีสันอีกสี่สิบสามดอก

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าตนเองนั้นคิดง่ายไป

ในครั้งแรก เขายังไม่ได้ใส่ใจกับวัตถุดิบที่สูญเสียไปเมื่อทำพลาด

เขานั้นมองว่าดอกไม้ร้อยสีสันนี้ไม่ได้ต่างจากสมุนไพรที่มีไว้โกงในการปรุงยาแม้แต่น้อย

แต่ในตอนนี้เขากลับพบว่า ด้วยการที่ดอกไม้นี้เติบโตอยู่ในก้นสมุทรเป็นเวลานาน อีกทั้งสิ่งแวดล้อมที่มันเติบโตนั้นทั้งมืดมิดและเย็นยะเยือก แม้มันจะมีสีสันที่หลากหลาย แต่โครงสร้างของมันนั้นกับแข็งเป็นและหนาเป็นพิเศษ

เมื่อเขาลองจับมันดูอีกทีแล้ว เขายังคิดว่าเป็นก้อนหยกที่แกะสลักเป็นดอกไม้เลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อต้องใช้มันเป็นวัสดุในการปรุงยา ส่วนแก่นที่จะเป็นต้องใช้จริงๆนั้นมีเพียงน้อยนิด และเมื่อเขาเร่งไฟผิดพลาดไปแล้ว แก่นของมันก็ได้ถูกเผาผลาญกลายเป็นเถ้าในทันที

ครั้งที่สองนี้ ก่อนที่เฉินเฉียงจะเริ่มปรุงยา เขาใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ ในการทำความเข้าใจโครงสร้างของดอกไม้ร้อยสีสันโดยใช้พลังจิตของตน เขาศึกษามันทั้งเปลือกนอกและแก่นภายใน เขาเชื่อว่า หากเขาเข้าใจในดอกไม้ร้อยสีสันอย่างถ่องแท้ มันจะช่วยเพิ่มความสำเร็จในการปรุงยาเม็ดนี้

เป็นตอนที่เฉินเฉียงนั้นมีความรู้สึกว่าเข้าใจในดอกไม้ร้อยสีสันได้มากพอแล้ว เขาจึงเริ่มปรุงยาอีกครั้ง

ในครั้งที่สองนี้ เฉินเฉียงใช้พลังจิตในการปรุงยาแทบจะหมดสิ้นในการหลอมครั้งนี้

แต่มันก็ยังล้มเหลว

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน แม้เฉินเฉียงจะศึกษาดอกไม้ร้อยสีสันนี้เพิ่มเติมจนเขามั่นใจว่าเข้าใจในดอกไม้นี้อย่างกระจ่างแจ้ง แต่ก็ยังล้มเหลว

หลังจากเฉินเฉียงสงบจิตใจลง เขาก็ได้สรุปผล

เขาเชื่อว่าด้วยระดับพลังจิตของเขานั้น แม้แต่นักเล่นแร่แปรธาตุที่อยู่ในระดับสูงก็เทียบเคียงเขาไม่ได้

ในเมื่อปัญหานั้นไม่ได้เกิดจากปริมาณพลังจิต สิ่งที่เขาติดขัดอยู่นี้ก็ต้องเป็นผลมาจากการที่เขาขาดประสบการณ์และเทคนิควิธีต่างๆในการปรุงยา

แต่ก็อีกนั่นแหละ ตัวเขานั้นที่มาจากต่างโลก แถมในโลกเดิมนั้นเขาไม่ได้แยแสกับการปรุงยาเลยสักนิด ด้วยระดับทักษะเล่นแร่แปรธาตุที่เขาได้มานี้ก็เป็นการได้รับมาอย่างโกงๆ หากไปเทียบกับผู้คนที่ใช้ชีวิตในการปรุงยาแล้วย่อมเทียบกันไม่ติด

ยังไม่ต้องพูดถึงนิสัยของเขาที่อยู่ไม่สุขนี้ มีหรือที่เขาจะทำอะไรที่ต้องใช้ความใจเย็นแบบนี้ได้

หากพูดกันตามตรงแล้ว ในโลกเดิมของเขานั้น เขาเป็นผู้เขียนอักษร ด้วยความสำเร็จที่เขาได้รับมานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกดารานักร้องแห่งยุคเลยทีเดียว

และนี่ทำให้ในที่สุด เฉินเฉียงผู้ไม่เคยที่จะยอมแพ้ ก็ต้องยอมก้มหัวยอมรับว่าตนเองอ่อนด้อยหลังจากปรุงยาโลกาหวนคืนล้มเหลวเป็นครั้งที่สาม

และก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ราชาสวรรค์ผู้หายหน้าตาไปกว่าสองเดือนก็ได้กลับมา

เมื่อเขาเห็นเฉินเฉียงเดินเข้ามาหาในห้องของตน ราชาสวรรค์ก็ได้ยื่นแหวนให้กับเขา

“เฉินเฉียง นี่คือแก่นวิญญาณจำนวนสี่หมื่นห้าพันก้อนที่ได้จากการแลกดอกไม้ร้อยสีสันมา เจ้าลองนับดู”

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงไม่ได้รับแหวนนี้มาแต่อย่างใด แถมเขายังส่งดอกไม้ร้อยสีสันออกมาอีกดอกเสียอย่างนั้น

“นี่เจ้าหมายความว่ายังไง เจ้าต้องการขายมันอีกรึ” ราชาสวรรค์ถามออกมาอย่างสงสัย

เฉินเฉียงส่ายหน้าไปมาในทันที “ท่านราชาสวรรค์ ตัวข้านั้นมีชุดปรุงยาหวนคืนโลกาเพียงแค่สามชุดเท่านั้น และด้วยทักษะของข้าในตอนนี้ไม่อาจจะปรุงมันให้สำเร็จได้”

“…ได้…ได้โปรดช่วยข้าหาคนปรุงมันให้ข้าที….ได้รึเปล่า”

“ข้าเนี่ยนะ เจ้ามาขอร้องข้าเลยเนี่ยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

ราชาสวรรค์หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “เฉินเฉียง เจ้าเข้าใจอะไรผิดอยู่รึเปล่า”

“เหตุผลที่ข้าหาสูตรยามาให้เจ้านั้นเป็นเพราะข้าเพียงแค่ลั่นปากเอาไว้เพียงเท่านั้น ข้าถึงไม่อยากจะผิดสัญญากับเจ้า”

“ส่วนที่ข้ายอมเป็นธุระขายดอกไม้ร้อยสีสันนั้นเป็นเพราะข้าเห็นแก่เจ้าที่ต้องเผาผลาญแก่นสายเลือดของตนเพราะมีข้าเป็นต้นเหตุเพียงเท่านั้น”

“แต่เจ้าก็อย่าได้หลงลืมไปว่า เจ้านั้นได้ทำลายแผนการของราชาผู้นี้”

“แถมในตอนนี้เจ้ายังมีหน้ามาขอให้ราชาผู้นี้ไปหาคนปรุงยาเพื่อช่วยศัตรูคู่อาฆาตที่เจ้าช่วยไปให้พ้นมือจากราชาผู้นี้อีกเนี่ยนะ”

“นี่เจ้าคิดอะไรอยู่กันเนี่ย”

“อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าราชาคนนี้เป็นคนดีมีเมตตาไม่ถือสาเอาความจากความผิดของผู้คนที่ทำให้กับตัวข้าที่ผ่านๆมาน่ะ”

ท่าทางของราชาสวรรค์นี้เป็นสิ่งที่เฉินเฉียงคิดเอาไว้อยู่แล้ว

และหากเปลี่ยนเขาไปแทนที่ราชาสวรรค์เองนั้น เขาก็บอกได้เลยว่า ตัวเขาจะไม่ช่วยเหลือแม้แต่ต้นเลยด้วยซ้ำ

แต่กับเรื่องนี้แล้ว มีเพียงราชาสวรรค์เท่านั้นที่ช่วยเขาได้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น

แถมวัตถุดิบที่ใช้ในการหลอมยาโลกาหวนคืนนี้ยังมีขายแค่เกาะเอ้อเทียนเพียงเท่านั้น เขาไม่กล้าที่จะกลับไปที่นั่นหลังจากผ่านเรื่องนั้นมา

หากเขายังกล้าเสนอหน้าไปที่นั่นอีก ก็คงไม่ต่างจากหมูที่เดินเข้าหาโรงเชือดอย่างแน่นอน

และด้วยเหตุผลเหล่านี้ เฉินเฉียงจึงทำได้เพียงตีหน้ามึนถามออกมาเพียงเท่านั้น “ท่านราชาสวรรค์ ผู้น้อยคนนี้รู้ดีว่าคำขอของผู้น้อยนั้นมันเกินไป แต่ผู้น้อยผู้นี้มีเพียงทางนี้….”

“ฮึ่ม ในเมื่อเจ้ารู้ดีว่าคำขอของเจ้ามากเกินไปก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้พูดออกมาให้มากความอีก” ราชาสวรรค์พูดพลางสะบัดชายแขนเสื้อของตน เพื่อไม่ให้เฉินเฉียงพูดต่ออีกจนเขาจะเสียอารมณ์มากกว่านี้

“ไม่ครับ ท่านราชาสวรรค์ เอาอย่างนี้ได้รึเปล่า ข้านั้นจะมอบแก่นวิญญาณทั้งหมดที่ได้มาจากการขายดอกไม้ร้อยสีสันนั่นให้ท่านเลยก็ได้ คิดเสียว่าแทนคำขอบคุณของผู้น้อยผู้นี้ได้รึเปล่า”

ราชาสวรรค์หัวเราะออกมาอย่างเหี้ยมเกรียมในทันทีเมื่อได้ยิน “เฉินเฉียง เจ้าคิดว่าราชาสวรรค์ผู้นี้สนใจกับแก่นวิญญาณเพียงเล็กน้อยของเจ้านั่นอย่างนั้นรึ”

“หากเป็นอย่างนั้นจริงแล้วราชาผู้นี้จะมอบมันให้เจ้าเต็มส่วนทำซากอะไรกัน”

ก็จริง

หากราชาสวรรค์ขาดแก่นคริสตัลล่ะก็ อย่าว่าแต่เขาจะหักส่วนการดำเนินงานเป็นค่าธรรมเนียมเลย ต่อให้ราชาสวรรค์เก็บไปทั้งหมด เขาก็ไม่มีข้อโต้แย้งได้อยู่ดี

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์นั้นแย่ลง เฉินเฉียงก็ได้นำดอกไม้ร้อยสีสันออกมาอีกสามดอกแล้วพูดออกมา “ท่านราชาสวรรค์ ตราบใดที่ท่านช่วยข้าหาใครสักคนมาหลอมยาให้ข้าได้เพียงแค่ชุดเดียว ข้ายินดีที่จะมอบดอกไม้ร้อยสีสันทั้งหมดนี้ให้ท่าน”

แต่กระนั้น กับดอกไม้ร้อยสีสันเพียงสามดอก ราชาสวรรค์ยังไม่แยแสแต่อย่างใด

เมื่อเห็นแบบนี้ เขาก็ได้กัดฟันไปเล็กน้อย ก่อนที่จะตัดใจเอาออกมาอีกห้าดอก

“….นี่น่าจะพอแล้วกระมัง”

และนี่ทำให้ราชาสวรรค์เริ่มชายตามองแล้วจริงๆ

ดอกไม้ร้อยสีสันจำนวนแปดดอก หากรวมกับที่เขาขายให้เฉินเฉียงหนึ่งดอก และที่เฉินเฉียงผลาญทิ้งไปสามดอก จะมีทั้งหมดสิบสองดอก

และราชาสวรรค์เชื่อว่าด้วยนิสัยของเฉินเฉียงแล้ว เขาน่าจะยังมีเหลือไว้อีก

-เจ้าเด็กนี่…ที่มันไปเยือนก้นสมุทรคาบสมุทรมังกรซ่อนในครั้งนี้มันได้ดอกไม้ร้อยสีสันกลับมากี่ดอกกัน-

-หากจะให้พูดกันตรงๆแล้ว ก้นสมุทรที่ว่ามันอันตรายสุดๆเลยไม่ใช่รึไง แม้แต่ระดับราชาเองยังยากจะรอดกลับมาได้แถมส่วนใหญ่ยังกลับมามือเปล่า แล้วทำไมเฉินเฉียงถึงได้รับดอกไม้ร้อยสีสันมาได้มากมายขนาดนี้กัน-

-อย่าบอกนะว่าที่นั่นเป็นสวนหลังบ้านของไอ้เด็กนี่นะ-

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่ราชาสวรรค์เองก็ยังอยากได้ดอกไม้ร้อยสีสันนี้ ไม่สิ อย่าว่าแต่ราชาสวรรค์เลย ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในระดับราชาของทั้งสามเผ่าพันธุ์ ต่างก็ต้องการดอกไม้นี่ เพียงแต่ว่าพวกมันนั้นมีสัตว์ลึกลับคอยเฝ้าอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกมันคงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว

นี่หากไม่ใช่ว่าเฉินเฉียงนั้นมีระดับการปรุงยาที่อ่อนด้อยกว่าที่คาดและไม่มีหนทางอื่นในการหาคนปรุงยาแทนได้ ราชาสวรรค์เชื่อว่าหากไม่ติดในเรื่องนี้ เฉินเฉียงย่อมไม่กล้าจะเอ่ยปากมาขอให้เขาช่วย

เมื่อคิดได้ดังนี้ ราชาสวรรค์ก็ได้ถามออกมาในที่สุด “เฉินเฉียง นี่เจ้าเก็บดอกไม้ร้อยสีสันมาได้เท่าไหร่กัน อย่าบอกนะว่าเจ้าไปกวาดมาจากก้นสมุทรนั่นจนหมดสิ้น”

ราชาสวรรค์ถามออกมาพร้อมท่าทางตกตะลึง

และที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือเฉินเฉียงดันพยักหน้ารับออกมาเสียอย่างนั้น “ถูกต้อง ท่านราชาสวรรค์ อย่างน้อยๆก็ในตอนนี้จะไม่มีดอกไม้ร้อยสีสันที่ก้นสมุทรแห่งคาบสมุทรมังกรซ่อนนั่นอีก”

ราชาสวรรค์ถึงกับนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ไอ้หนู อย่าบอกนะว่าเจ้าเพียงพูดออกมาให้มันเวอร์วังเพียงเพื่อให้ข้าเปลี่ยนความคิดเพียงเท่านั้น”

“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้านั้นเป็นเพียงนายพลวิญญาณขั้นสูงเพียงเท่านั้น แค่เจ้าบอกไปว่าเจ้าไปเหยียบแค่ขอบของก้นสมุทรนั่นก็ไม่มีใครเชื่อเจ้าแล้ว”

“อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าเรื่องสัตว์ลึกลับนั่นเป็นสิ่งที่กุขึ้นมาเล่นๆ”

“แล้วเจ้าไม่ได้ถูกพวกมันโจมตีเลยรึไง”

“ที่ท่านพูดก็ถูก ที่นั่นมีสิ่งมีชีวิตประหลาดอยู่จริง ในตอนที่ข้าไปเก็บดอกไม้พวกนี้มานั้น ข้าได้เห็นกึ่งราชาสี่คนตกตายไปเพราะมันต่อหน้าข้าโดยเวลาเพียงไม่ถึงสองนาทีล่ะมั้ง”

“แต่ก็ว่าไปละนะ ในตอนนี้ที่ก้นสมุทรนั่นสมควรจะไม่มีไอ้หนวดยึกยือนั่นเหลืออีกต่อไปแล้ว…ข้าคิดว่าอย่างนั้นนะ เพราะก่อนที่ข้าจะกวาดดอกไม้ร้อยสีสันมา ข้าได้ฆ่าพวกมันไปจนหมดแล้ว”

“ห้ะ เจ้า เจ้าบอกว่าฆ่าพวกมันหมดเลยเหรอ”

ราชาสวรรค์ในตอนนี้ได้ทำการมองเฉินเฉียงตั้งแต่หัวจรดเท้าในทันที หากนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอเฉินเฉียง เขาย่อมไม่มีทางเชื่อว่าเฉินเฉียงนั้นพูดความจริง

นั่นก็เพราะเฉินเฉียงนั้นเป็นเพียงนายพลวิญญาณขั้นสูง ไม่ว่ามองยังไงก็ตาม ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้สูงล้ำนัก

ราชาสวรรค์เชื่อว่า ต่อให้เป็นระดับกึ่งราชาเอง มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้รอดกลับมา หากมีการเข้าไปที่ใต้สมุทรจำนวนสิบคน

เพราะขนาดราชาขุนพลเองเมื่อไปที่นั่นแล้วก็ยังต้องตกตาย

แต่เฉินเฉียงนั้นกลับกล้าที่จะกล่าวออกมาว่าเขานั้นได้กวาดล้างสัตว์ลึกลับนี้ด้วยตัวเพียงคนเดียวเสียอย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อราชาสวรรค์เห็นท่าทางของเฉินเฉียงแล้ว เขารับรู้ได้ในทันทีว่าเฉินเฉียงนั้นไม่ได้พูดโกหก แถมตอนที่เขาเอาดอกไม้ร้อยสีสันออกมาแปดดอกก่อนหน้านี้ มันเป็นท่าทางของคนที่ไม่อยากเปิดเผยความจริง ไม่ใช่ท่าทางของคนที่ขาดแคลนสิ่งของ

สรุปแล้ว….มันคือความจริงอย่างนั้นรึ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน