บทที่ 125 สงครามสิ้นสุดลง[รีไรท์]
บทที่ 125 สงครามสิ้นสุดลง[รีไรท์]
ฉู่เหินไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความ เขากำดาบในมือไว้แน่นแล้วพุ่งเข้าไปตัดหัวพวกชายชุดดำเรียงคน ตลอดทางที่ชายหนุ่มก้าวเดิน มันก็ได้มีหัวของผู้คนมากมายหล่นอยู่ตามทาง ใครก็ตามที่ตอนนั้นจับทางเขาไม่ได้ก็จะกลายเป็นศพ และเขา…ก็ได้กลายเป็นฆาตกร ในบรรดาพวกเขาแล้ว ไม่มีใครเทียบฝีมือฉู่เหินได้เลย
พวกเขาทั้ง 13 คนกลายเป็นศพจากการโจมตีของฉู่เหินเพียงชั่วพริบตา เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนทำให้อีก 3 คนที่ยังเหลืออยู่เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ นี่เป็นจังหวะที่พวกเขารู้ตัวแล้วว่าแกะตัวนี้ไม่ใช่อย่างที่เห็น หากแต่เป็นเสือต่างหาก
“แกมันปีศาจ! อย่าเข้ามานะ!” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา ถึงจะหวาดกลัวจากฉากก่อนหน้านี้ แต่ชายผู้นี้ก็ยังคงตะโกนออกมาพร้อมกับชี้นิ้วไปยังฉู่เหิน
“วินาทีที่แกมายุ่งกับครอบครัวของฉัน แกก็ได้ตายไปแล้ว ฉันจะจัดการพวกแกทุกคนจนกว่าจะไม่มีใครเหลือ แกจะไม่ได้เดินคนเดียวบนปรโลก หากแต่ครั้งนี้ครอบครัวของแกก็จะไปร่วมเดินบนถนนด้วยกันกับแก” หลังจากพูดไปแล้ว ฉู่เหินก็พุ่งเข้าไปแล้วใช้มีดจัดการอีก 3 คนที่เหลือเพียงชั่วพริบตา
ว่าแล้วชายหนุ่มก็กำดาบไว้ในมือซ้าย พร้อมกับถือพัดไว้ในมือขวา ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินเข้าไปข้าง ๆ ฉู่เฟิง หญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งจริง ๆ เธอสามารถรับมือกับหุ่นเชิดตัวนี้ได้นานกว่าคนทั่วไป แม้ว่าเธอจะเอาชนะไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะล้มเธอได้ง่ายเช่นกัน
หญิงสาวคนนี้แท้จริงแล้วคือสุดยอดปรมาจารย์ยิ่งกว่าใครใด ๆ เสียอีก แม้ว่าเธอจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากฉากสังหารหมู่ของชายหนุ่มเมื่อครู่ก็ตาม แต่ภาพตรงหน้ามันก็ได้ทำให้เธอเสียใจกับการกระทำของเธอลงไป ถ้าเธอรู้ว่างานมันจะยุ่งยากแบบนี้ เธอคงจะไม่ทำมันแน่!
“พวกแกเป็นใครกัน? ใครจ้างพวกแกมา แล้วพวกแกที่เหลืออยู่ไหน? ถ้าบอกความจริงมาฉันจะไม่ทำร้ายแก” ฉู่เหินตะโกนเสียงดังก้องใส่หญิงสาว
“ฉันยอมรับเลยว่าเธอแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าคิดจะหนีฉันละก็ เธอฝันแล้วล่ะ” หลังจากได้ยินฉู่เหินพูดอย่างนั้น หญิงสาวพราวเสน่ห์ก็ขมวดคิ้ว
แม้ว่าในขณะนี้เธอจะเสียเปรียบ แต่เธอเชื่อว่าหากเธอต้องการจะหนี อีกฝ่ายก็ไม่สามารถหยุดเธอได้แน่
“ดี ไม่คิดว่าแกจะพูดแบบนี้ ในเมื่อไม่ยอมพูดอะไร งั้นก็ตายไปเลยก็แล้วกัน!” ฉู่เหินมองเธออย่างเลือดเย็น ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยการใช้ดาบเล็งไปที่คอของหญิงสาว
หลังจากที่ถูกตัดกำลังด้วยฉู่เฟิง มันก็ทำให้เธอแทบจะไม่มีแรงต่อต้านอะไรได้เลย แต่ถึงกระนั้นร่างกายของยอดฝีมือเองก็ไม่ได้อ่อนแอเสียทีเดียว เมื่อมองไปจะเห็นร่างของหญิงสาวที่บิดงอ เธอสามารถหลบการโจมตีจากฉู่เหิน และระหว่างนั้นก็ฟาดมือไปที่หลังของฉู่เหินไปด้วยในจังหวะเดียวกัน
ฝ่ามือนั้นเร็วมาก ถ้าเป็นฉู่เหินเมื่อก่อนเขาคงจะโดนมันไปแล้ว แต่หลังจากที่ชายหนุ่มก้าวข้ามขีดจำกัดตัวเองได้ ร่างกายของเขาก็เร็วขึ้นมาก ฉู่เหินหลบดาบได้อย่างง่ายดายด้วยการถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว
เพราะอย่างนั้นหญิงสาวสุดแสนยั่วยวนคนนี้จึงได้แต่ฟาดมือใส่อากาศ หญิงสาวไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเร็วได้แบบนี้ แต่ในจังหวะที่เธอกำลังตกใจ ฉู่เฟิงก็เข้ามาใช้ดาบยาวของเขาเหวี่ยงไปที่เอวของเธอ
หญิงสาวกระโดดไปด้านหลังและหลบการโจมตีอย่างง่ายดาย ทว่าเมื่อร่างกายของเธอไม่อาจค้ำยันได้ ฉู่เหินก็ปรากฏตัวข้าง ๆ หญิงสาว และใช้ดาบของเขาฟันจากล่างขึ้นบน
ถ้าหากโดนเข้าไปละก็ ร่างของเธอได้ขาดเป็นสองท่อนแน่ แต่ถึงอย่างงั้นหญิงสาวตรงหน้าฉู่เหินก็เป็นถึงปรมาจารย์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง นิ้วเท้าของเธอแตะเบา ๆ ที่พื้นและลอยขึ้นไปในอากาศ ด้วยวิธีนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะหนีจากการฆ่าของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย
แต่เมื่อเธอกระโดดขึ้นไป ฉู่เฟิงก็เหวี่ยงดาบมาอีกครั้ง เขากระโดดขึ้นไปตรง ๆ เหนือหัวหญิงสาว จากนั้นเขาและดาบก็รวมกันกลายเป็นหนึ่งเดียว ในจังหวะนี้ฉู่เฟิงเหมือนกับดาบยาว ดาบนั่นโจมตีเข้าใส่เธอจากบนลงมาด้านล่าง และเข้าใส่กลางศีรษะบนหัวของเธอด้วยความเร็วสูงสุด
หญิงสาวรู้ดีว่าดาบนี้ทรงพลังมากแค่ไหน เธอไม่กล้ารับมือมันตรง ๆ แม้ว่าเธอจะมีพลังเทียบเท่าฉู่เฟิง แต่อาวุธของเธอมันดีไม่พอ เป็นเพราะเหตุนี้เธอจึงกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
เธอกระโดดขึ้นไปบนอากาศและไม่มีที่จะให้ยืน ดังนั้นหญิงสาวจึงใช้เท้าซ้ายของเธอเหยียบอยู่บนเท้าขวา เพื่อสร้างแรงหมุนตัว ก่อนจะพุ่งทะยานออกไปเพื่อทิ้งระยะ
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายหนีไปแล้ว ฉู่เหินก็ตามไปทันที ด้วยความเร็วแบบนี้ทำให้ไม่นานนักที่เขาจะตามเธอทัน ชายหนุ่มฟันดาบในมือของเขาไปที่เท้าของเธอ ดาบของฉู่เหินตัดเข้าไปที่เธอ เขาสาบานว่าถ้าไม่ได้ทำให้เธอขาดออกเป็นสองท่อน เขาจะไม่พักเด็ดขาด!
ในตอนนี้ไม่มีที่ไหนให้หญิงสาวหลบได้อีกแล้ว เธอเริ่มโทษตัวเองแล้วว่าทำไมเธอถึงกระโดดขึ้นมาบนนี้ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่มีที่ให้หนี ด้วยความสิ้นหวังที่ว่าเธอไม่รู้จะไปทางไหน หญิงสาวจึงได้แต่เอาเกราะป้องกันออกมา
เธอถือโล่นั่นไว้ในมือ ทั่วทั้งร่างของหญิงสาวได้รับแรงส่งจากการเข้าปะทะกับดาบเงินของฉู่เหิน จากนั้นก็เกิดเสียงนุ่มนวล โล่สุดแกร่งในมือของเธอถูกทลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ นี่เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงมาก่อน หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าดาบในมือของชายหนุ่มตรงหน้าจะคมได้ขนาดนี้
ถึงแม้โล่จะถูกทะลวงผ่านเข้ามาได้ แต่ถ้าเท้าของเธอแตะพื้นทันละก็ ถ้างั้นเธอก็ไม่ต้องกลัวเด็กวัยรุ่นตรงหน้าอีกต่อไป ด้วยวิธีการของเธอ หญิงสาวมั่นใจว่าก่อนที่ฉู่เฟิงจะมา เธอจะสามารถคว้าดาบวงพระจันทร์ในมือของฉู่เหินมาได้อย่างแน่นอน
ถ้าหากเธอมีสมบัติชิ้นนั้นในมือละก็ แม้แต่ฉู่เฟิงเอง เธอก็ไม่กลัว หญิงสาวเห็นภาพแห่งชัยชนะในวินาทีต่อจากนั้น รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ
แต่แล้วในจังหวะนี้เอง จู่ ๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากด้านหลัง เมื่อหันไป หญิงสาวก็พบว่าดาบเล่มนั้นได้แทงทะลุอกของเธอเข้ามาแล้ว และคนที่ใช้ดาบนั่นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่เฟิง เธอแปลกใจมาก เพราะตอนแรกเธอเห็นว่าฉู่เฟิงยังอยู่อีกตั้งไกล ทำไมเขาถึงได้เร็วแบบนี้ล่ะ?
ในเมื่อมันเคลื่อนไหวเร็วขนาดนั้น แล้วทำไมมันถึงไม่จัดการเธอไปเสียตั้งแต่แรกกัน ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความมึนงง และความไม่พอใจ
เธอพอเดาได้ว่าฉู่เฟิงนั้นไม่ใช่มนุษย์แน่ ๆ แต่คงเป็นหุ่นเชิด และที่เป็นแบบนี้มันก็เพราะว่าหญิงสาวไม่รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหุ่นเชิดตัวนี้ แท้จริงแล้วนั้น ตราบใดที่มันยังอยู่ในระยะสายตาเจ้าของ เจ้าหุ่นเชิดก็จะสามารถตามล่าได้ทุกที่ ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ ซึ่งเธอไม่สามารถต่อต้านมันได้
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพ่ายแพ้ไปแล้ว ฉู่เหินก็โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ในจังหวะที่หญิงสาวตายลงไปนั้น คำสาปก็ได้คลายลงไปด้วยเช่นเดียวกัน
จากนั้นฉู่เหินก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาอาจารย์จาง ในเมื่อมันมีศพตั้ง 14 ร่างในโรงพยาบาล แถมศพพวกนี้ยังเป็นฝีมือเขาเองคนเดียวอีก ถ้ามีตำรวจมาละก็ คงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ดังนั้นชายหนุ่มถึงโทรหาอาจารย์จางเพื่อให้เรื่องนี้มันจบง่ายขึ้น
ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาไม่อาจบอกความจริงไป ไม่งั้นแล้วจะต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกแน่นอน สายตาของเขากลอกไปมา พยายามคิดข้อแก้ตัวที่จะบอกกับปลายสาย
Next