บทที่ 147 แกไม่คู่ควร[รีไรท์]
บทที่ 147 แกไม่คู่ควร[รีไรท์]
“คุณลุง ถึงเขาจะเป็นฆาตกรแต่ผมก็นับถือเขาเป็นอาจารย์ ผมอยากจะฝังเขาอย่างถูกต้องตามพิธี!”
ทุกคนที่เห็นฉากการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาก็พยักหน้าอนุญาต ทุกคนในที่นี้ล้วนแล้วแต่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ท่าทีของฉู่เหินนั้นทำให้พวกเขานับถือในความจริงใจของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
หวงเจินเองก็เข้าใจในสิ่งที่ฉู่เหินต้องการและรีบจัดการให้ทันที ถึงชายชราจะตายไปแต่ร่างเขายังอยู่ อย่างน้อยคนพวกนี้ก็แค่จ้องมองร่างของชายชราด้วยความรู้สึกตกใจเล็กน้อย
ในสมุดบันทึกของเขา ฉู่เหินพบว่ามีชื่อจริงของชายชราคนนี้อยู่ด้วย เขาชื่อว่า เฉินจวิน และนั่นก็คือชื่อที่พวกเขาสลักชื่อลงไปบนสุสานของชายชราคนนี้ สุดท้ายฉู่เหินยังได้เขียนคำกำกับเอาไว้ “สุสานเฉินจวิน จากศิษย์ฉู่เหิน”
“หัวอาจจะถูกตัด เลือดเนื้ออาจมีการสูญเสีย ทว่าวิญญาณจะยังคงอยู่ตลอดไป!” นี่คือคำพูดสุดท้ายของชายชราบอกเขาไว้ก่อนที่จะสิ้นใจไป
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉู่เหินก็หันกลับไปหาปรมาจารย์หนุ่มคนนั้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องสู้ แต่ถึงเป็นแบบนั้นมันก็ไม่ได้ง่ายที่จะจัดการปรมาจารย์ระดับสูง
ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่พูดอะไร และหยิบอาวุธออกมาร่วมต่อสู้กับฉู่เฟิง ปรมาจารย์หนุ่มที่เห็นว่าฉู่เหินกำลังพุ่งเข้ามาก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ไอ้แก่นั้น…บัดซบ แค่เด็กวัยรุ่นยังจัดการไม่ได้ ขยะแบบนั้นตาย ๆ ห่าไปซะก็ดีแล้ว!” เมื่อฉู่เหินกำลังจะเข้าวงสู้ด้วย เขาก็ได้ยินประโยคนี้จากปรมาจารย์หนุ่ม มันทำให้หัวใจของฉู่เหินลุกโชนด้วยไฟแห่งความโกรธ!
“หึ ไม่ว่ายังไงวันนี้แกก็ต้องตาย คนที่ไม่เคารพคนตายอย่างแกไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่!”
ปรมาจารย์หนุ่มคนนั้นไม่ได้ทำแค่สบถด่าเพื่อนของตัวเอง แต่ประเด็นคือเพื่อนของเขาคราวนี้คือทั้งอาจารย์และเป็นเพื่อนของฉู่เหินด้วย ยิ่งตัวเขาที่เพิ่งผ่านความโศกเศร้ามาก่อนหน้า นี่จึงทำให้ฉู่เหินรู้สึกโกรธมากเป็นพิเศษ
“คนตายแล้วจะทำไม? ก็คนมันตายไปแล้ว ยังไงมันก็มีคนตายทุกวันเป็นปกติ แล้วจะให้ฉันเศร้าทุกวันรึไง?” หลังจากได้ยินคำพูดของปรมาจารย์หนุ่ม ฉู่เหินก็พุ่งตัวไปด้วยความรังเกียจ
คนเราตั้งแต่เกิดยันตายอาจจะไม่มีวันได้รู้เลยว่าพวกเขาได้เลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกหรือเปล่า ในตอนนี้ฉู่เหินรู้สึกเศร้าอย่างมากต่อเฉินจวิน นี่มันสมควรแล้วหรือที่คนแบบเฉินจวินต้องมาขายชีวิตตัวเอง? มันช่างน่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้ยินคำเหล่านี้ ไม่งั้นฉู่เหินก็เชื่อว่าเขาจะมีตัวเลือกที่แตกต่างออกไปแน่นอน!
แต่ประโยคพวกนี้เองที่ทำให้เจตนาฆ่าในใจของฉู่เหินที่มีต่อปรมาจารย์หนุ่มเพิ่มมากขึ้น เขาพุ่งไปด้วยความรวดเร็ว ในมือซ้ายถือดาบ มือขาวถือพัดแล้วพุ่งเข้าไป ร่างกายของเขารวดเร็วดั่งสายลมและไปที่ด้านข้างของปรมาจารย์หนุ่มทันที ดาบวงพระจันทร์ในมือของเขาฟาดฟันปรมาจารย์หนุ่มตรงหน้า
แค่สู้กับฉู่เฟิงก็ลำบากพอตัวแล้ว นี่ยังมีฉู่เหินเพิ่มเข้ามาอีก! แล้วแบบนี้เขาจะสู้ได้ยังไง ? ด้วยความสิ้นหวัง ปรมาจารย์หนุ่มสาดก็พลันตัดสินใจสาดกระสุนใส่ฉู่เฟิง ก่อนหันหลังพยายามที่จะหนี ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา ถ้าหากเขายังสู้ต่อเกรงว่าจะเป็นผลเสียต่อตัวเองมากกว่า
ทว่ามันก็สายไปเสียแล้วสำหรับเขาที่คิดจะหนี ในจังหวะที่เขากำลังจะก้าวขาออกไป พัดของฉู่เหินก็เข้าถึงตัวก่อนหน้านี้แล้ว ฉู่เหินกำพัดในมือไว้แน่นและเผชิญหน้ากับปรมาจารย์หนุ่มตรงหน้า
พัดในมือถูกคลี่ออก ใบมีดด้านในพุ่งแทงเข้าร่างกายของปรมาจารย์หนุ่ม เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าด้วยความเร็วของเขาจะถูกจับได้ นี่มันทำให้ปรมาจารย์หนุ่มรู้สึกสมเพชตัวเอง หากแต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ก็ทำให้เขารู้ว่ามันคือความจริง
ในวินาทีที่อีกฝ่ายช้าลง ฉู่เหินกับฉู่เฟิงก็เข้ามาขวางทางไว้เรียบร้อยแล้ว ดาบอันแสนคมของทั้งสองนั่นทำเอาปรมาจารย์หนุ่มรู้สึกหวาดกลัว
“ยอมแพ้แล้ว อย่าฆ่าฉันเลย ฉันยอมแพ้”
ปรมาจารย์หนุ่มคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้ตั้งแต่แรก หากแต่เป็นเพราะจนมุมถึงยอมทำ นี่ทำให้ฉู่เหินและฉู่เฟิงที่กำลังอยู่กลางอากาศพลันหยุดกะทันหันเพราะทำตัวไม่ถูก
“ตราบเท่าที่นายไม่ฆ่าฉัน ฉันขอยอมแพ้ แถมจะขอเป็นลูกน้องนายด้วย” ปรมาจารย์หนุ่มยังคงพูดต่อด้วยความหวาดกลัวในดวงตา
แต่ดวงตาของฉู่เหินกลับแคบลง “จะเป็นลูกน้องฉันเหรอ? นายเนี่ยนะ คนอย่างนายไม่สมควรที่จะเป็นผู้ติดตามของฉัน!” ฉู่เหินพูดออกมา ขณะที่เขาพูด ชายหนุ่มก็พลันเดินมาข้างหน้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ปรมาจารย์หนุ่มดูจะกลัวตายมากในตอนนี้ เขาก้มหน้าลงหลังจากได้ยินแบบนั้น ในขณะที่ดาบกำลังถูกเงื้อขึ้นไปบนท้องฟ้า เพียงชั่วพริบตาก็ได้มีเข็มเหล็กปรากฏในมือของเขา มันเป็นเข็มสีดำที่ดูเหมือนว่าจะอาบไปด้วยยาพิษร้ายแรง
แม้ว่าฉู่เหินจะหยุดพักช่วงไว้บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยหมอนี่ไปจริง ๆ หลาย ๆ ปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยความตาย แม้แต่การเกิดก็ยังมีเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตาย
ในจังหวะที่ฉู่เหินหยุด ปรมาจารย์หนุ่มก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย มือของเขาสั่นไหวแล้วจากนั้นเข็มพิษนับพันก็พุ่งเข้าใส่ฉู่เหินและฉู่เฟิงด้วยความรวดเร็ว
ใครจะไปคิดล่ะว่าการหยุดเพียงชั่วครู่จะทำให้เกิดเรื่องอันตรายได้เพียงนี้ เพราะแบบนี้พวกปรมาจารย์ถึงได้มีการตัดสินใจที่เด็ดขาด
ฉู่เหินมองไปยังเข็มพิษมากมายบนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกประหลาด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้จะหลบหนีก็คงจะไม่มีเวลาเหลือแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่าเข็มพิษพวกนี้มันเป็นพิษแบบไหน? ถ้ามันเป็นพิษร้ายแรง ฉู่เหินก็กลัวว่าตัวเองคงจะตายทันที
ปรมาจารย์หนุ่มดูเหมือนจะพึงพอใจเมื่อเห็นแบบนั้น พร้อมกับคิดไปว่าฉู่เหินจะต้องตายแน่ ๆ ปรมาจารย์หนุ่มยืนเฉยพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความมั่นใจในชัยชนะของตัวเอง
สำหรับอาวุธหนักพวกนั้นปรมาจารย์หนุ่มอย่างเขาสามารถจัดการได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ในใจของเขาคือการหนี ไม่ใช่มาเสียเวลาอยู่ที่นี่! เขาถูกโจมตี เขารู้สึกโกรธอย่างมาก ตอนนี้คงถึงเวลาที่เขาจะต้องแสดงพลังของตัวเองออกมา แล้วแบบนี้มันจะทำให้เขามีความสุขได้ยังไงล่ะ!
ต้องทำยังไงดี ? ฉู่เหินคิดในใจ เมื่อเห็นเข็มนั่นเข้าใกล้มาทุกที ทันใดนั้นดวงตาของชายหนุ่มก็ลุกโชน จากนั้นเขาก็โบกมือ ก่อนจะมีเต่ายักษ์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมือของฉู่เหิน
นี่คือกระดองเต่าทะเลลึก หลังจากที่เนื้อของมันถูกกินไปแล้วเขาก็นำกระดองเต่ามาใช้งานต่อ เพราะว่าพลังป้องกันของมันสูงมาก มันน่าจะพอคุ้มครองตัวเองได้อยู่ แต่ฉู่เหินก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะต้องงัดมันมาใช้ในวันนี้
โดยไม่ลังเล ฉู่เหินเรียกฉู่เฟิงเข้าไปอยู่ในกระดองเต่าด้วยกัน เป็นวินาทีเดียวกับที่เข็มพิษพวกนั้นพุ่งเข้าใส่ที่กำบังของพวกเขาเป็นเสียงเล็กแหลม แต่มันก็ไม่สามารถทะลุโล่กระดองเต่านี้เข้ามาได้
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เสียงเหล่านั้นก็หยุดลง หากแต่ฉู่เหินก็ยังไม่รีบออกมา แต่ปล่อยพลังจิตออกไปสำรวจดูรอบๆ
Next