สุดยอดชาวประมง – บทที่ 168 ฉู่เหินผู้ไร้เทียมทาน[รีไรท์]

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 168 ฉู่เหินผู้ไร้เทียมทาน[รีไรท์]

บทที่ 168 ฉู่เหินผู้ไร้เทียมทาน[รีไรท์]

หลังจากคิดอยู่นาน ฉู่เหินก็ประสานมือเข้าด้วยกัน เหยียดนิ้วชี้ไปทางสามง่ามจนเกิดเป็นเสียงบางอย่าง ต้นเสียงเกิดจากพลังกิเลนที่พุ่งเข้าใส่สามง่าม ถึงจะไม่แรงมากนักเท่าท่าหมัดกิเลนเมื่อกี้ แต่ก็ทำให้สามง่ามกระเด็นออกไปได้

ถ้าไม่ใช่ว่าเงือกนั้นมีกำลังกายที่สูง สามง่ามก็คงจะกระเด็นจนหลุดมือไปแล้ว เป็นอีกครั้งที่เงือกอาวุโสตนนี้ต้องตกใจ ความสามารถของอีกฝ่ายทำให้ไม่สามารถสงบใจได้อีกต่อไป

ครั้งนี้ฉู่เหินได้เปรียบมากขึ้นอย่างมหาศาลจากการโจมตีเมื่อครู่ ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างส่งพลังพุ่งเข้าไปที่ตัวของเงือกทันที แล้วแสงนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เพียงแค่คลื่นของน้ำหมุนบิดเป็นเกลียว

คลื่นของพลังกิเลนพุ่งเข้าใส่เกราะของฝ่ายตรงข้ามแล้วระเบิดในทันที เกราะที่ทำจากเกล็ดที่ไม่สามารถทะลวงได้นั้นเสียหายอย่างรุนแรง

ทันทีที่เห็นว่ามันได้ผล ฉู่เหินก็โจมตีอย่างต่อเนื่องโดยไม่ให้พักหายใจ ผู้อาวุโสปลาหมึกนั้นไม่สามารถตอบโต้การโจมตีได้ทันจึงได้แค่ตั้งรับการโจมตีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การโจมตีนี้ดำเนินไปได้ไม่นาน สายตาของผู้อาวุโสปลาหมึกจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย ถ้าเกิดว่าฉู่เหินเก่งกว่านี้หรือตั้งใจที่จะฆ่าเขาจริงๆ มี 10 ชีวิตก็คงจะไม่พอ

เพราะฉะนั้นผู้อาวุโสปลาหมึกจึงเลือกที่จะยอมแพ้แม้ว่าจะอึดอัดอยู่บ้างก็ตาม เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นฉู่เหินก็ได้แต่ลอบยิ้ม

เขาไม่ได้ลงมืออย่างจริงจังเพราะระหว่างเขาและฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีความแค้นอะไรกัน มันไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่การที่เขาจะไประเบิดอารมณ์มันก็ไม่ใช่เรื่อง ยิ่งกว่านั้นผ่านการต่อสู้อันยาวนานมาเช่นนี้ เขาไม่เชื่อว่าอาวุโสเงือกจะยังไม่รู้ตัว

“สหายไม่ได้เจอกันมา 2-3 วัน ไม่คิดว่าจะก้าวหน้าได้ขนาดนี้ ถ้าวันนั้นฉันไม่ออกไป นายก็คงจัดการกับเจ้าฉลามตัวนั้นได้สบายเลยสิท่า!” ฉู่เหินไม่จำเป็นต้องเดาด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนพูดกับเขา บรรพบุรุษเงือกกำลังมองมาทางนี้อยู่พอดี

“ทำให้ผู้อาวุโสขบขันเสียแล้ว ฝีมืออันน้อยนิดของผู้น้อยเทียบไม่ติดกับท่านผู้อาวุโสเลย” ฉู่เหินยิ้มบาง ๆ ทั้งยังประสานมือคารวะ

“ทำไมถึงถ่อมตัวแบบนั้นล่ะ ถ้าอีกฝ่ายมีความสามารถระดับเดียวกันแล้วล่ะ ยังไงนายก็ถือว่าไร้เทียมทาน แต่นายต้องอย่าลืมว่าวันนี้นายเพียงแค่ประมือกับพวกขั้นปรมาจารย์ระดับกลางปลายแถวเท่านั้น ถ้านายได้ประมือกับขั้นปรมาจารย์ระดับกลางที่แข็งแกร่งกว่านี้คงยากจะรับมือ คราวหลังอย่าได้ประมาทเชียวล่ะ”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ฉู่เหินก็ตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าที่ตนเองชนะเจ้าปลาหมึกแก่ตัวนี้ได้เป็นเพราะโชคช่วยบวกกับฝีมือ แต่พอได้รับรู้ว่าที่แท้จริงแล้วเป็นแค่พวกปลายแถวของขั้นปรมาจารย์ไฟในที่นี่ไระดับกลาง มันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เตือน!”

ปลาหมึกที่ถูกบรรพบุรุษเงือกจ้องมองก็กลัวจนตัวสั่นแล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว เขานั้นกลัวบรรพบุรุษเงือกเข้ากระดูก แม้จะจากไปแล้วแต่ใจของเขายังเต้นอยู่เลย

เจ้าปลาหมึกตัวนี้แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสในเผ่าและมีความหยิ่งยโสเหมือนกัน แต่ก็เป็นแค่พวกชั้นปลายแถวธรรมดาทั่วไป วันนี้มันพ่ายแพ้ให้กับฉู่เหินอย่างง่ายดาย มันไม่เพียงแต่แค้นเคืองอีกทั้งยังเคารพฉู่เหินจากใจจริง

หลังจากฉู่เหินดึงของออกจากแหวนมิติ ผู้อาวุโสปลาหมึกก็ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นกองหนังสือนับพันเล่ม

พวกเขาตัดการติดต่อจากโลกเบื้องบนไปนานมากแล้ว ดังนั้นการได้เห็นหนังสือมากมายขนาดนี้จึงทำให้พวกเขาเผลอแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา ทว่าพวกเงือกก็พบพวกเขาไม่สามารถอ่านหนังสือที่เขียนด้วยภาษาปัจจุบันของมนุษย์ได้

ในอดีตพวกเขารู้จักแต่ตัวอักษรจงติ่งเหวิน* ซึ่งมันไม่เหมือนกับตัวอักษรสมัยใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมาเริ่มจดจำคำศัพท์ใหม่อีกครั้ง

ผู้อาวุโสปลาหมึกเองก็มารับของมากมายที่ฉู่เหิน แต่ว่าพวกเขาก็ไม่รู้วิธีที่จะใช้อุปกรณ์พวกนั้น ไม่ว่าชายหนุ่มจะเอาโทรทัศน์หรือเครื่องครัวมาให้ก็ตาม

โดยเฉพาะหม้อหุงข้าวและเตาแม่เหล็กไฟฟ้า ฉู่เหินไม่สามารถก่อไฟในที่นี้ได้ ดังนั้นคนพวกนี้จะไม่สามารถกินพวกข้าวหรือต้มบะหมี่ได้เลย แต่ที่วังนี้แยกออกจากส่วนที่เป็นน้ำ ฉู่เหินจึงคิดจะมาหาทางที่จะสร้างกระแสไฟฟ้าในนี้

แต่ของอย่างพวกโทรทัศน์ที่มาจากผู้อาวุโสจาง ดูเหมือนว่าสิ่งพวกนี้จะไม่สามารถใช้ได้เลย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหาสัญญาณในบริเวณนี้ แต่ว่าของพวกนี้เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดมากสำหรับพวกเงือก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรพบุรุษเงือก เงือกชรานั้นไม่ได้คาดคิดว่าอาหารที่เอามาได้ในครั้งนี้จะเพียบพร้อมมากขนาดนี้ ถ้ารวมกับของที่พวกเงือกมีอยู่ก็จะสามารถกินได้ถึง 2 ปีสบาย ๆ เลยทีเดียว

หลังจากขอบคุณ พวกเงือกก็ต่างขนวัตถุดิบจากใต้ทะเลมาให้ คราวนี้นั้นมากกว่าคราวที่แล้วมาก ท่ามกลางของพวกนั้นมีฟอสซิลปนอยู่ด้วย สำหรับที่นี่มันอาจจะแค่ดูสวยดี แต่ทว่าบนบกนั้น ของพวกนี้กลับไม่สามารถประเมินค่าได้เลยทีเดียว

ก่อนจากไป ฉู่เหินก็ได้ให้สัญญาไว้ว่าจะเอาของมาให้อีกภายใน 6 เดือน เพราะเขาไม่รู้ว่าจะว่างมาอีกเมื่อไหร่ แต่ก็บอกวิธีการที่จะติดต่อตัวเองในตอนที่มีปัญหาเกิดขึ้นเอาไว้

ทีแรกฉู่เหินว่าจะกลับทันที แต่เจ้าปลาหมึกแก่ตัวนั้นกลับมาขอให้ฉู่เหินพาเขาติดตามไปด้วย เหตุเพราะว่ามันแพ้เขาแล้ว มันจึงต้องฟังคำสั่งเขา ฉู่เหินที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

หลังจากพูดคุยกัน ผู้อาวุโสปลาหมึกได้ส่งคน 20 คนติดตามฉู่เหินไปบนฝั่ง ด้วยจุดประสงค์เดียวเท่านั้น พวกเขาตามมาก็เพื่อให้ฉู่เหินสอนตัวอักษรปัจจุบันให้พวกเขา!

อย่างไรก็ตามส่วนหางของพวกเงือกนั้นเป็นปัญหาแน่ ๆ เพื่อความปลอดภัยของพวกเงือกเขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง

แล้วฉู่เหินก็ตัดสินใจให้พวกเงือกนั้นปลอมตัวเป็นมนุษย์ น่าจะพอป้องกันอะไรได้บ้าง ถ้ามองไม่เห็นหางก็ไม่มีทางมองออกว่าเป็นเงือกอย่างแน่นอน เพราะว่าถ้าไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสภาพของพวกเขาก็เปลือยดีๆ นี่แหละ

จงติ่งเหวิน钟鼎文* เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าจินเหวิน อยู่ในยุคราชวงศ์ชางโจว พบในภาชนะที่ใช้ในพิธีกรรม

สุดยอดชาวประมง

สุดยอดชาวประมง

Status: Ongoing
ฉู่เหิน เด็กหนุ่มธรรมดาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง ทุกวันเขาจะออกไปหาปลาที่ทะเลกับพี่ชาย แต่วันนั้นก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มีพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งสองพยายามหนีจากพายุลูกนั้นอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่ทัน…ในขณะนั้นเองฉู่เหินรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขาทันใดนั้นก็มีแหปรากฎออกมาตรงหน้าเขาหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดสติไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยายาบาลและโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่กลับกันกับพี่ชายของเขาที่อยู่ในห้องผู้ป่วยข้างๆ มีสภาพที่ขาหัก หรืออาจจะต้องเสียขาและพิการไปตลอดชีวิต ซึ่งค่ารักษาพยายาบาลของพี่ชายเขาไม่ใช่เงินน้อยๆ แล้วอย่างนี้ฉู่เหินจะทำยังไงต่อไป….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท