บทที่ 172 มรสุมของซ่างกวง[รีไรท์]
บทที่ 172 มรสุมของซ่างกวง[รีไรท์]
หลังได้ยินคำพูดของฉู่เหิน โจวหู่ก็พลันเกิดอาการลังเล ในความคิดของเขา ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้คนอื่นๆ ที่ทำได้ดีกว่านี้ก็มี แต่ดูเหมือนว่าฉู่เหินในเวลานี้จะไม่ต้องการแบบนั้น
นั่นแสดงให้เห็นว่าครั้งนี้พิเศษมากจริง ๆ แต่โจวหู่ก็รู้ว่าไม่ควรที่จะถามไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงโทรหาเพื่อนของเขาเพื่อให้ช่วยตรวจสอบให้ทันที
ดูท่าว่าเรื่องที่จะทำที่หยุนหลินจะราบรื่นไปด้วยดี เมื่อรู้ดังนั้นฉู่เหินจึงรู้สึกผ่อนคลาย เหตุผลที่เขาไม่ขอให้ผู้อาวุโสจางช่วยจัดการเรื่องนี้เพราะว่าเขาต้องการที่จะเลี่ยงพวกทางการ
หนุ่มกังฟูโจวหมิงเป็นเพื่อนกับโจวหู่ เขามีหน้ามีตาในเมืองนี้เป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าพวกตระกูลจอมยุทธ์ก็ต้องไว้หน้าเขาสามส่วน ไม่เพียงแค่อยู่ขั้นยอดฝีมือระดับสูง หากแต่ยังเป็นศิษย์ของฤๅษีในตำนาน
หลังจากได้รับข้อความจากโจวหู่แล้ว โจวหมิงก็เริ่มการสืบสวนในทันที ซึ่งในเวลาเดียวกัน ยังมีคนอีก 2 คนมาช่วยเหลือเขาด้วย สำหรับคนนอกนั้นการสืบสวนคงเป็นเรื่องยาก แต่ไม่ใช่กับพวกเขา
มันเป็นแค่การสมรู้ร่วมคิดกัน คนพวกนี้ไม่มีอะไรเลย หลักฐานทั้งหลายน่าจะโดนจัดการไปทั้งหมดแล้ว นี่จึงทำให้ซวี่เหลียงต้องหนีออกมาตั้งหลักก่อน
ภายใน 3 วัน โจวหมิงก็สามารถจับคนร้ายตัวจริงได้ แท้จริงแล้วไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเจียงเฟิงนั่นเอง เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะจบง่ายขนาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้โมโหก็คือเจียงเฟิงยอมรับว่าคนที่เขาใส่ร้ายมีแค่ซวี่เหลียง เรื่องอื่น ๆ กลับปากหนักไม่เกี่ยวอะไรด้วย
ผ่านไป 3 วัน โจวหู่ก็มาคุยกับฉู่เหินเกี่ยวกับเมืองเฉินฉือต่อ นั่นจึงทำให้ฉู่เหินต้องไปจัดการด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องของซวี่เหลียง ตอนนี้ยังคงต้องพักไปก่อน
ฉู่เหินเดินทางไปที่เมืองเฉินฉือเป็นการส่วนตัว เมื่อพบกับชิงเฟิงและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง นั่นก็ทำให้ชิงเฟิงโกรธมาก ตอนแรกฉู่เหินคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่มันต่างกับที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง
“คุณซ่างกวงไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้นะ มันอาจจะสร้างปัญหาให้กับเราได้!”
นี่คือคำตอบที่ซ่างกวงชิงเฟิงได้รับ! ซึ่งในขณะเดียวกัน ซ่างกวงชิงเฟิงก็ปล่อยความเย็นชาของตัวเองออกมา ในเมืองหยุนหลิงนี้ มันก็หลายปีมาแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้! แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าครั้งนี้ดูเหมือนจะต่างออกไป!
ในขณะที่ดำเนินการขั้นตอนต่อไป เขาเริ่มตรวจสอบเบื้องหลังของตระกูลเจียง แล้วผลที่ได้นั้นทำให้พวกเขาต้องขมวดคิ้ว
ตระกูลเจียงนั้นขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น ดูเหมือนว่านี่มันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ๆ แบบที่คิดเสียแล้ว แต่เพราะว่าไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ในสายตาของตระกูลซ่างกวง คนพวกนี้ก็เป็นแค่มดตัวเล็ก ๆ เท่านั้น
ในตอนที่ชิงเฟิงจ้องไปทางกองวัสดุหนาบนโต๊ะ เขาก็อดคิดไม่ได้ เรื่องที่ตระกูลเจียงค้นพบร่องรอยของ “ราชางูเซียงซี” มันเป็นสิ่งที่หายากมาก แม้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะไปยุ่งกับมัน เพราะหากเข้าไปยุ่งอาจต้องชดใช้ด้วยชีวิตก็เป็นได้
ต้นกำเนิดของงูพวกนี้มีมากกว่า 100 ปีแล้ว ราชางูแต่ละรุ่นจะทิ้งลูกหลานของมันไว้ก่อนที่จะตาย พวกมันทั้งร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ เขาไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ระดับขั้นที่เท่าไร แต่ว่าแค่พิษของมันก็ทำให้ไม่อาจคาดการณ์อะไรได้แล้ว
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงราชางูในมณฑลหูหนานตะวันตก ไม่ได้แค่การต่อสู้เพื่อธุรกิจเท่านั้น ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเสียแล้ว ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนอื่น ๆ ซ่างกวงชิงเฟิงกลัวว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจต้องหนี เพราะแม้กระทั่งเขา แค่นึกถึงใบหน้าของราชางูเซียงซีก็ชวนขนลุกวาบแล้ว
แต่สุดท้ายฉู่เหินเป็นคนให้เขารับผิดชอบเรื่องนี้เอง และเขาก็เล่นใหญ่ตอบรับไปแล้วด้วย หากจะถอยตอนนี้ก็คงไม่ทัน ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างฉู่เหินกับราชางู เขาขอเลือกที่จะมีเรื่องกับราชางูยังดีซะกว่า
ฉู่เหินนั้นแม้อายุจะน้อยแต่ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทุกคนก็ต่างรับรู้ถึงพลังอันไม่สิ้นสุดของเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นการผูกมิตรเอาไว้ย่อมเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า บางทีมันอาจเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เมื่อชิงเฟิงเลือกที่จะช่วยฉู่เหิน หนึ่งในคนรับใช้ก็รีบเข้ามาห้ามชิงเฟิง พร้อมท่าทางที่เงอะงะหายใจไม่ทัน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องอีกฝ่าย
“บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าให้สง่างามไว้ สง่างาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องหายใจ! เฮ้อ นายนี่มันจำไม่ได้จริง ๆ สินะ!” ชิงเฟิงชี้ไปทางคนรับใช้และพูดเศร้า ๆ
เดิมทีคน ๆ นี้คือคนรับใช้อาวุโสที่รับใช้ตระกูลซ่างกวงมากว่าทศวรรษแล้ว คำพูดที่ชิงเฟิงพูดออกจะไม่ค่อยไว้หน้าเขาสักเท่าไร ถึงอย่างนั้นรู้ว่านายของเขาเป็นคนยังไง
“นายท่านนี้ไม่ใช่เวลามาสง่างามนะครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“เรื่องใหญ่ขนาดไหนถึงได้ทำท่าแปลกประหลาดแบบนี้ ให้ตายสิ” ชิงเฟิงก็พูดออกมาด้วยท่าทางมีโทสะอย่างชัดเจน
“คุณหนูเสี่ยวฟู๋ถูกลักพาตัวไป!” หลังจากว่าอีกรอบเขาก็มีท่าทีที่ขนลุก เสี่ยวฟู๋ไม่ได้เป็นแค่ลูกสาวของชิงเฟิงเท่านั้น แต่เป็นแก้วตาดวงใจของเขาด้วย ตอนนี้เธอถูกลักพาตัวไปแล้วจะให้เขาไม่ลนลานคงไม่ได้!
“มันกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน ถึงกล้าลักพาตัวลูกสาวของชิงเฟิงคนนี้!” ในขณะนี้ชิงเฟิงเองก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป เขายืนขึ้นแล้วตะโกนออกมาดังลั่น
“นายท่าน นี่คือจดหมายที่ถูกทิ้งเอาไว้ครับ” ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาหยิบจดหมายขึ้นมา
ชิงเฟิงนั้นตบโต๊ะด้วยความโกรธแทบจะทันที ราชางูกล้าทำกับเขาอย่างนี้ งั้นก็ตายซะเถอะ ทว่าคิดก็อีกส่วนหนึ่ง เพราะลูกสาวเขาตกอยู่ในกำมือของพวกมัน ต่อให้เขาอยากฆ่ามันแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรราชางูได้เลย
เขาลังเลอยู่สักพัก แต่ก็ยังคงที่จะต้องคุยกับฉู่เหินถึงรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น จากเดิมที่ฉู่เหินตั้งใจที่จะไปที่ เฉินฉือก็เปลี่ยนไปที่หยุนหลิงก่อนตามคำพูดของชิงเฟิง แต่ว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเขา เขาจะไม่สามารถดูแลเสี่ยวฟู๋ หรือพ่อของซวี่เหลียงได้ เขาจึงต้องรีบไปช่วยเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้
ฉู่เหินให้ซวี่เหลียงพักผ่อนอยู่ที่บ้านของตนเอง 2 วันก่อน ซึ่งซวี่เหลียงได้รับรู้แล้วว่าฉู่เหินกำลังเร่งมือสืบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เขาจึงเลือกที่จะพักอยู่ที่นี่ไปก่อน
ฉู่เหินไปหยุนหลิงครั้งนี้เลือกที่จะไปทางน้ำแทน เขาจะต้องรอบคอบมาก ๆ โดยเฉพาะตอนที่เขากำลังสืบสวนเรื่องของตระกูลเจียงแบบนี้
เขาบอกพี่ของเขาว่าจะออกไปด้านนอก แม้ว่าหวงเจี้ยนหมิงจะรู้สึกกังวล แต่ก็ยอมทำเลยตามเลย เขารู้ว่าน้องของเขาเป็นลูกผู้ชายที่มีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง
ก่อนจากไป ฉู่เหินได้แปล “ม้วนยาตันฉู” เป็นภาษาจีนให้กับตงโกวจีหยาง เจ้าเด็กนั้นเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านพฤกษา “ม้วนยาตันฉู” จะต้องมีประโยชน์กับเขาแน่ และก็เป็นอย่างที่คิด ตงโกวจีหยางพออ่านหนังสือเล่มนี้ เขารักมันมากจนไม่ยอมวางไว้ไกลตัวเลย
ฉู่เหินตอนนี้เหลือน้ำยาอยู่แค่ 4 ขวดเท่านั้น ใช้ไปแล้ว 2 และเหลือยาชิงหยวนอีก 2 เม็ด