บทที่ 178 การกลับมาของราชางูเซียงซี[รีไรท์]
บทที่ 178 การกลับมาของราชางูเซียงซี[รีไรท์]
ฉู่เหินไม่ต้องการให้อีกฝ่ายกังวล แต่เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ถ้าเขาไม่บอกชิงเฟิงไป ถ้าเกิดว่าเสี่ยวฟู๋เป็นอะไรขึ้นมาเขาจะมีหน้ากลับไปหาชิงเฟิงได้ยังไง
“ลุงซ่างกวงครับ เสี่ยวฟู๋ถูกพิษ ผมลองทำทุกอย่างจนตอนนี้สามารถแก้พิษได้แล้ว แต่เพราะว่าเธอได้รับผลไม้บางอย่างเข้าไป ถึงตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลย แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผลไม้นั่นน่าจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเธอแน่ๆ”
เมื่อถามที่อยู่ของฉู่เหินแล้ว ชิงเฟิงก็บอกว่าจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้ จากนั้นจึงวางสายไป
การเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวฟู๋นั้นต้องใช้เวลาประมาณหนึ่ง ดังนั้นเวลานี้ฉู่เหินจึงต้องเฝ้าอย่างใกล้ชิด โดยมีสัตว์ทั้งหลายมานั่งอยู่ใกล้ๆ ด้วย โดยฉู่เหินได้ถือโอกาสนี้ในการสอนเคล็ดวิชาให้กับเสือและแรดเป็นการตอบแทนที่เข้าไปช่วยชีวิตเธอ
ทั้งสองให้ความสนใจให้สิ่งที่ฉู่เหินสอนเป็นอย่างมาก และยิ่งพวกมันได้รู้ลองฝึก นั่นก็ยิ่งทำให้พวกมันสนใจมากขึ้นเรื่อยไปอีก
ตั้งแต่ที่ราชางูเซียงซีหนีไปนั้นก็ไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย ในตอนนี้เขายังไม่สามารถวางใจได้ เขาได้แต่มองไปทางด้านหลังด้วยความหวาดหวั่น
…
“ไม่คิดว่าเจ้าเด็กปลิ้นปล้อนคนนั้นจะมีคนคอยปกป้องใกล้ขนาดนี้ ก็ดี ฉันต้องหาจังหวะโดยเร็วซะแล้ว ถ้าเขาเกิดรู้ตัวก่อน แม้แต่ตัวเราเองก็คงไม่รอด”
ฉู่เหินไม่เคยคิดเลยว่าร่องรอยของฉู่เหินได้ถูกราชางูเซียงซีติดตามมาอย่างเงียบเชียบ ไม่ว่าฉู่เหินจะไปที่ไหน แค่อีกฝ่ายต้องการก็สามารถหาชายหนุ่มได้อย่างรวดเร็วแล้ว
หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา ราชางูเซียงซีก็ถูกครอบงำไปด้วยความโกรธแค้นที่อยากจะระบาย อย่างไรก็ตามมันก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับฉู่เหินที่ยังไปได้ไม่ไกลนัก ทำให้ปฏิกิริยาของราชางูเซียงซีหลังจากคืนชีพเลือกที่จะหันหลังหนีไป
ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง ตอนนี้นั้นร่างกายของราชางูเซียงซีก็ฟื้นขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ถ้าต้องต่อสู้กันอีกครั้ง มันน่าจะสามารถจัดการฉู่เหินได้แน่
หลังจากพักผ่อนเล็กน้อย ราชางูเซียงซีก็เริ่มคิดถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาระหว่างคนทั้งสอง และมุ่งหน้าไปทาง ฉู่เหินอย่างเงียบ ๆ! ถ้าเขาฆ่าฉู่เหินได้ ทุกอย่างก็ราบรื่น!
หลังจากนั้นไม่นาน ซ่างกวงชิงเฟิงก็มาถึงแต่ทว่าช้ากว่าที่คิดเอาไว้ ชิงเฟิงยังนำแพทย์ฝีมือดีติดตัวมาหลายคน เห็นได้ชัดว่าเป็นแพทย์ส่วนตัวของตระกูล นอกจากนี้ยังมีเหล่าปรมาจารย์มากมายของตระกูลซ่างกวง ซึ่งดูจากการฝึกตนของพวกเขาแล้วน่าจะอยู่เหนือกว่าขั้นเต๋า
ดูท่าว่าตระกูลจอมยุทธ์นั้นไม่อาจประมาทได้เลยจริง ๆ หลังจากเห็นแบบนั้นฉู่เหินก็แอบลอบถอนหายใจ และรีบเดินไปทักทายทันที
“คุณลุงซ่างกวงครับ ตอนนี้ไม่ต้องกังวลไปหรอก ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี เสี่ยวฟู๋อยู่ในถ้ำนี้แหละ เข้าไปได้เลยครับ” สิ้นเสียงของฉู่เหิน พวกเขาก็พากันเข้าไปภายในถ้ำ
ทุกคนของตระกูลซ่างกวงรู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นฉู่เหิน ไม่ต้องพูดถึงวิชาของฉู่เหินที่เป็นถึงขั้นยอดฝีมือเลย แม้แต่สัตว์เลี้ยงของเขาเองก็ยังดูดุร้ายอย่างมาก ยกเว้นเจ้าแมวไว้ตัวหนึ่ง นอกนั้นก็ดูจะร้ายกาจมาก จากท่าทีของแรดและเสือนั้นแค่เห็นก็รู้ว่านี่ต้องไม่ใช่สัตว์ธรรมดาแน่ๆ
ถ้าพวกเขาได้รู้ว่าไอ้แมวธรรมดานี่แหละที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สัตว์ที่อยู่ตรงนี้ พวกเขาจะทำหน้ายังไงกันนะ? มันไม่เพียงแค่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์ แต่เจ้าเหมียวนี่ยังสามารถซึมซับพิษในการต่อสู้ได้อีกด้วย แล้วไหนจะเวทมนตร์ภาพมายานั่นอีก!
เมื่อชิงเฟิงเดินเข้ามาในถ้ำ เขาก็พบกับเสี่ยวฟู๋ท่าทางอิดโรยอยู่ในนั้นแต่ร่างทั้งร่างแดงคล้ำเหมือนสีดอกกุหลาบ นอกนั้นก็ไม่น่ามีอันตรายอะไรอีก เขารู้ว่าทั้งหมดนี้ต้องลำบากสำหรับ ฉู่เหินไม่น้อย เมื่อมองดูอีกฝ่ายพยักหน้าให้ ชายวัยกลางคนก็รู้ว่ารอบนี้เขาติดหนี้อย่างใหญ่หลวงซะแล้ว
เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นเพราะฉู่เหิน แต่ชิงเฟิงก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เนื่องจากว่าราชางูเซียงซีมีของบางอย่าง มันต้องการที่จะทำธุรกิจบางอย่างในเมืองหยุนหลิง แล้วถ้าพวกเขาต้องการที่จะสร้างห้างสำหรับธุรกิจของซ่างกวงก็คงจะหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวฟู๋ไม่มีอันตรายแล้ว ชิงเฟิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วพวกแพทย์ก็รีบเข้ามารับช่วงต่อในทันที ซึ่งพวกเขายังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี โชคดีที่ครึ่งชั่วโมงต่อมานั้นเสี่ยวฟู๋นั้นก็ฟื้นขึ้นมาในที่สุด
ร่างกายของเธอตอนนี้ดูไร้เรี่ยวแรง แต่ก็หันมาส่งยิ้มให้ฉู่เหินก่อนจะกลับมาโคม่าอีกครั้ง ทุกคนตัดสินใจที่จะพาเธอกลับไปยังตระกูลซ่างกวงก่อนเพื่อความปลอดภัย เหล่าบรรพบุรุษของตระกูลซ่างกวงนั้นก็ตื่นขึ้นมาด้วยเช่นกัน พวกเขาจะทำให้ราชางูเซียงซีไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่มย่ามอีกอย่างแน่นอน!
หลังจากที่ส่งเสี่ยวฟู๋กลับไปแล้ว ฉู่เหินก็รีบบอกให้พวกของซ่างกวงตามเขาไปเพื่อที่จะช่วยพ่อของซวี่เหลียง ในเรื่องนี้ชิงเฟิงก็ตอบตกลง ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับราชางูเซียงซีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลอีก
ตั้งแต่ที่ราชางูเซียงซีล่าถอยไปยังที่ตั้งของตระกูลซ่างกวงเพื่อที่จะชิงลงมือก่อนนั้นเป็นวิธีการที่ผิดมาก พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องรักษาหน้าอีกต่อไป เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงมากเกิดขึ้น แต่ก่อนที่ฉู่เหินจะจากไป เขาก็ได้บอกจุดอ่อนของราชางูเซียงซีกับชิงเฟิงไว้
หลังจากฟังคำของฉู่เหินชิงเฟิงก็มีเหงื่อเย็น ๆ ผุดออกมา หากว่าราชางูเซียงซีสามารถคืนชีพได้เรื่อย ๆ แถมยังแข็งแกร่งขึ้นได้อีกแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก ต้องขอบคุณความรู้ของฉู่เหินที่ช่วยบอกจุดอ่อนของศัตรูที่น่ากลัวนี้ มันช่วยได้เยอะมากจริง ๆ
หลังจากนั้นฉู่เหินก็ยังกังวลเล็กน้อย หลังจากอธิบายจุดอ่อนของอีกฝ่ายให้กับผู้อาวุโสของตระกูลไปหมดแล้ว เขาก็ขอให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย เรื่องนี้จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นคงจะเกิดปัญหาตามมาอย่างไม่จบไม่สิ้นแน่ ๆ!
ฉู่เหินไม่ได้อยู่ในตระกูลซ่างกวงต่อ เขาต้องการที่จะหาราชางูเซียงซีแล้วฆ่าให้เร็วที่สุด เขารู้ดีว่าการที่จะฆ่าราชางูเซียงซีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
ในขณะที่วิ่งตัดผ่านภูเขาก็นึกถึงพลังกิเลนที่อยู่กับเขาขึ้นมา เคล็ดวิชานี้มีพลังทำลายล้างที่สูงมาก น่าเสียดายที่เขานั้นยังฝึกฝนไม่ถึงขั้น ถ้าเขาสามารถฝึกจนสำเร็จแล้วละก็ แม้ว่าจะเจอพวกเก่งกาจขนาดไหน แต่เขาก็เชื่อว่าเขาน่าจะพอรับมือได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ศัตรูของเขานับวันมีแต่จะมากขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเขาไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ ไม่ช้าก็เร็วจะถูกศัตรูลอบกัดเป็นแน่ เมื่อฉู่เหินเดินไปข้างหน้า เขาก็เห็นเข้ากับภูเขาลูกหนึ่ง บรรยากาศอันยิ่งใหญ่ของภูเขานี้ที่มองเห็นได้จากระยะไกลเป็นเหมือนสัตว์ดุร้ายที่กำลังคำราม
ยิ่งกว่านั้นมันยังมีหน้าตาที่เหมือนกับกิเลนในตำนานอีกด้วย ฉู่เหินคิดเช่นนั้น จากนั้นเขาก็ยืนห่างออกไปดูลมที่พัดในภูเขาอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขายังคงสังเกต ชายหนุ่มก็พลันเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่มันผ่านไปไวเหลือเกิน เมื่อเขากำลังจะทำความเข้าใจ ความรู้สึกดังกล่าวก็พลันหายไปเสียก่อน
นี่ทำให้เขาตกอยู่ในห้วงความเข้าใจพิเศษบางอย่าง เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้เวลานานขนาดไหนในการทำความเข้าใจ ในขณะที่ฉู่เหินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ลมหายใจของเขาก็เกิดการผันผวน ประเดี๋ยวก็แข็งแกร่ง ประเดี๋ยวก็อ่อนแอ เมื่อมันแข็งแกร่งมันก็ราวกับสัตว์ร้าย แต่เมื่ออ่อนแอ มันก็เหมือนหญ้าแห้งที่พลิ้วไหวในสายลม
ในขณะที่ฉู่เหินกำลังตกอยู่ในห้วงลึกของการตรัสรู้ ไม่ไกลจากเขามากนักก็มีดวงตาที่ชั่วร้ายกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่