สุดยอดชาวประมง – บทที่ 186 ยั่วยุ[รีไรท์]

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 186 ยั่วยุ[รีไรท์]

บทที่ 186 ยั่วยุ[รีไรท์]

พอได้ยินแบบนั้นหัวใจของฉู่เหินก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น เขากล่าวคำขอบคุณก่อนจะถามเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ เพราะว่ามีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ ดังนั้นความแข็งแกร่งจึงต่างกันออกไป แถมยังมีสามจอมทัพแห่งสามกองกำลังที่เก่งกาจอีกต่างหาก

สำนักคุนหลุน เทือกเขาพยัคฆ์มังกร และตระกูลหลิ่ว ทั้ง 3 กลุ่มนี้คือกลุ่มที่ทรงพลังที่สุด ไม่ใช่แค่มีพื้นเพที่ยิ่งใหญ่ พวกเขายังส่งคนมามากกว่าใคร ๆ อีกด้วย

แน่นอนว่าถ้าวัดกันด้วยพละกำลังพวกเขาย่อมเหนือกว่า แต่ตามกฎจะห้ามมีการตีกันโดยไร้เหตุผล และสิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือพวกตระกูลแวมไพร์จากตะวันตก ซึ่งเป็นตระกูลของโลกใต้ดินที่เก่งกาจได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่เป็นครั้งแรก

อย่างที่สองก็คือกลุ่มที่บอกว่าตัวเองคืออัศวินแห่งแสง ซึ่งพวกนี้ทรงพลังมาก นอกเหนือจากคนเหล่านี้ สิ่งที่ทำให้กองกำลังหลักปรากฏตัวก็เป็นเพราะมีกองกำลังน่ากลัวที่เรียกตัวเองว่า สำนักภูติทะเลทราย ขึ้น คนในสำนักแห่งนี้เต็มไปด้วยพวกที่มีพลังพิเศษ

สำนักภูติทะเลทรายนั้นไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน จนกระทั่งวันนี้ พวกเขามีกองกำลังที่เก่งกาจที่ขนาดที่ว่า 1 คน สามารถล้ม 10 คนได้ สมาชิกของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นระดับสูงกันทั้งนั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือหญิงสาวที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนั้น เห็นได้ชั้นว่าพลังของเธอแกร่งสุด

แม้แต่พวกคนจากตระกูลจอมยุทธ์เองก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ คาดเดาไว้ว่าเธอคนนั้นน่าจะเป็นคนที่เหนือขั้นผู้ใช้พลังดวงดาวไปแล้ว โชคยังดีที่สำนักคุนหลุน เทือกเขาพยัคฆ์มังกร และตระกูลหลิ่วเองก็มีคนแบบนั้นเหมือนกัน ไม่งั้นนี่น่าจะไม่ใช่การล่าสมบัติแต่จะเป็นการปล้นสุสานแทน

เมื่อชิงเฟิงได้ข้อมูลพวกนั้น เขาก็นำมาบอกฉู่เหินทันที แล้วทันใดนั้นเองก็มีเสียงจากระยะไกลดังขึ้น

“พวกอ่อนแอน่ะอยู่ใต้ห่วงโซ่อาหาร ฉันดูดเลือดมัน แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ? พลังของพวกคนจีนอย่างพวกแก มีกี่คนฉันก็เอาอยู่หมดแหละ พวกหมูหมาน่ะสู้อะไรฉันไม่ได้หรอก อยากจะเทียบชั้นกับเจ้าชายแวมไพร์อย่างฉันน่ะเหรอ? หุบปากไปซะ!” สิ้นเสียงนั้น รอบข้างก็เงียบสงัดทันที

พวกมหาอำนาจทางตะวันตกปรายตามองด้วยสายตาเย็นชา พวกเขาไม่ค่อยสนใจพวกคนจีนพวกนี้หรอก ต่อให้มีคนที่อยู่ระดับเดียวกับเขา นั่นก็คงไม่มีใครล้มเจ้าชายแวมไพร์ได้อยู่ดี คนคนนี้ถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่งถ้าอยู่ในเอเชีย

ฉู่เหินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย พวกตระกูลจากประเทศตะวันตกอันห่างไกลก็เข้ามาร่วมวงด้วย ฉู่เหินชักอยากจะเห็นความสามารถที่แท้จริงของเจ้าชายแวมไพร์คนนี้แล้วสิ

เมื่อชายหนุ่มมายังที่นี่ เขาก็พบว่ามีผู้คนมากมายมาจากทั่วทุกสารทิศ และพวกชาวตะวันตกที่ยิ่งใหญ่เองก็มาด้วย! ฉู่เหินขมวดคิ้วและมองไปยังเบื้องหน้าแต่ไม่ได้พยายามทำตัวว่าแข็งแกร่ง ฉู่เหินสัมผัสได้ถึงความเก่งกาจและเย่อหยิ่งจากเจ้าชายแวมไพร์คนนั้น

“พักความโอหังเสียบ้าง ให้ตระกูลต้าป๋าสั่งสอนพวกแกสักหน่อยก็แล้วกัน” สิ้นสุดประโยคนั้นก็มีกลุ่มผู้คนเข้ามาที่นี่ จากคำพูดของชิงเฟิง ฉู่เหินจึงรู้ว่าคนพวกนี้มาจากตระกูลต้าป๋าที่แข็งแกร่งกว่าตระกูลซ่างกวงเสียอีก

ทว่าเมื่อเหล่าแวมไพร์ได้ยินแบบนั้น พวกมันทั้งตระกูลก็พากันขมวดคิ้ว ถึงพวกเขาจะมาถึงที่นี่แต่ก็เพราะต้องการดูสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้คิดจะลงมือทำอะไร แต่แล้วคำพูดของตระกูลต้าป๋าก็ทำให้พวกเขาเปลี่ยนความคิดฉับพลัน

“ตระกูลต้าป๋า ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย มีเพียงแค่แกคนเดียว ช่างกล้ารนหาที่ตายจริงๆ นะแก!” เจ้าชายแวมไพร์ตะโกนร้องออกมา

ฉู่เหินเองก็สงสัยเช่นกันก่อนที่เขาจะมองไปยังผีดูดเลือดตัวนั้น คนคนนี้ไม่ได้แก่มากนัก อายุราวๆ 20 – 30 ปี แต่ด้วยท่าทางเย่อหยิ่งนั้นทำให้มีแต่คนอยากจะต่อยเขาสักหมัด

ยิ่งพูดคุยกันก็ยิ่งมีคนมามากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าชายแวมไพร์นี้เองก็ดูท่าจะไม่ยอม และนั่นก็ทำเอาพวกตะวันออกสงสัยกันยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการที่มีอีกคนโผล่ออกมา

ในตอนแรกตระกูลต้าป๋าเล็งว่าจะออกไปแล้ว แต่ติดที่ว่าผู้อาวุโสของเขายังอยู่ และด้วยความอวดดีของไอ้ผีดูดเลือดนั่นอีก นี่จึงทำให้ตระกูลต้าป๋าโกรธมาก พอดีกับตอนที่พวกชาวตะวันออกส่งเสียงดังออกมา

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกจะโอหังหรือโง่เขลาก็ตาม ถ้าแกกล้ามาเหยียบที่นี่ละก็ วันนี้ฉันจะถลกหนังแกออกมาดูเล่นซะ! แล้วอย่ามาโทษพวกฉันละ!” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาจากฝูงชน

“คิงคองน้อยตู๋กู ไม่คิดว่าจะเป็นเขานะเนี่ย”

“เขาสุดยอดมากเลย คนคนนี้ไม่ใช่แค่เก่งติดอันดับหนึ่งในสี่แห่งตะวันออกเท่านั้น แต่น้อยคนนักที่จะประมือกับเขาได้!”

“ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรสนุก ๆ ให้ดูในวันนี้แล้วละนะ การปะทะกันระหว่างแวมไพร์กับคิงคองน้อย หนึ่งในสี่อัจฉริยะ วันนี้ดูท่าจะไม่ใช่วันที่ดีแล้วล่ะ”

ฉู่เหินไม่ลังเลที่จะถามซ่างกวงชิงเฟิงว่าคน ๆ นี้คือใครกันแน่ พวกคนเหล่านั้น เราสามารถบอกตัวตนของทุกคนได้ด้วยคำพูด และหลังจากชิงเฟิงอธิบายไป ฉู่เหินก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

คิงคองคนนี้คือศิษย์จากเทือกเขาพยัคฆ์มังกร แม้ว่าเขาจะอยู่แค่ระดับยอดฝีมือแต่ก็มีพลังมากมาย น้อยคนนักที่จะเทียบเขาติด แถมรูปร่างยังใหญ่โตอีก และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้ชื่อฉายาว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชาย

“คิงคองน้อยตู๋กูนี่เอง ไม่คิดว่าจะเป็นแกนะเนี่ย” เจ้าชายพูดเย้ยหยัน

“แล้วไงล่ะ? ฉันละอยากรู้ว่าปากกับกำปั้นของแกอันไหนมันจะแข็งกว่ากัน หวังว่าแกจะไม่อ่อนขนาดนั้น ไม่งั้นมันก็ไม่สนุกน่ะสิ ” ทั้งสองคุยกันอย่างดุเดือด ไฟแห่งสงครามกำลังคุกรุ่น

“หลาย ๆ คนบอกว่าพวกเอเชียน่ะมีดีแค่ปากนั่นแหละ แถมดูเหมือนจะเป็นความจริงซะด้วยสิ งั้นฉันขอคำแนะนำจากคิงคองน้อยหน่อยสิ ดูสิว่าหนึ่งในสี่คุณชายที่ยิ่งใหญ่ของชาวเอเชียจะมีฝีมือมากขนาดไหน” พูดจบแวมไพร์ก็ชักกรงเล็บออกมา ภายใต้แสงตะวันอันสาดส่อง กรงเล็บของเขาสะท้อนแสงดูทรงพลัง

ตู๋กูชักดาบออกมา ดูเหมือนว่าเขาเองก็เตรียมตัวมาดีเลยทีเดียว ทั้งสองยืนประจันหน้ากันในระยะประชิดจ้องตากันอย่างกระหายเลือด

ผ่านไปสักพัก ตู๋กูก็ตัดสินใจเปิดก่อน ดาบของเขาพุ่งทะยานเข้าใส่แวมไพร์ด้วยความรวดเร็ว ใช่แล้ว เขาไม่ได้กำลังวิ่ง แต่กำลังลอยเข้าไปต่างหาก เป็นวิชาที่ฉู่เหินรู้สึกสนใจอย่างมาก

คนคนนี้พุ่งเข้าไปโดยไม่ได้พูดหรือร่ายคาถาอะไรทั้งนั้น และยังเร็วมากอีกด้วย ไม่รู้เลยว่าเอาเวลาไหนไปร่ายวิชาเสริมพลัง ทว่าฉู่เหินกลับคิดว่านี่น่าจะเป็นพละกำลังส่วนตัวของตู๋กูล้วน ๆ เขาใช้พลังดวงดาวลงไปยังที่ฝ่าเท้าและทำให้ดูเหมือนว่ากำลังพุ่งตรงไปอย่างน่ากลัว

บางคนบอกว่าพลังกายน่ะดีที่สุด แต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่มากมาย ทว่าภาพตรงหน้านี้เกิดขึ้นนี่ก็ทำให้ฉู่เหินตะลึงได้มากพอแล้วเหมือนกัน เขาเชื่อว่าถ้าเขาพัฒนาพลังทางกายแล้วละก็ จะต้องเร็วกว่าอีกฝ่ายเป็นเท่าตัวแน่

ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่อยู่ในหัวของฉู่เหินเลย แค่คิดว่ากระบวนท่าดาบเดียวของตู๋กูนั้นคุ้นตาเขามากเหลือเกิน นอกจากนี้เขาก็ยังเห็นวิชาไร้น้ำหนักและวิชายุทธ์ต่างๆ ในการเคลื่อนไหวนั่น ด้วยอายุแบบนั้นถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากเลยทีเดียว

ดาบที่แสนคมกริบพุ่งเข้าไปพร้อมกับความเร็วระดับสูงสุด แต่ทว่าเจ้าชายแวมไพร์เองก็ใช่จะอ่อนแอ เขาสามารถใช้กรงเล็บจับดาบเล่มนั้นเอาไว้ได้

สุดยอดชาวประมง

สุดยอดชาวประมง

Status: Ongoing
ฉู่เหิน เด็กหนุ่มธรรมดาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง ทุกวันเขาจะออกไปหาปลาที่ทะเลกับพี่ชาย แต่วันนั้นก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น มีพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งสองพยายามหนีจากพายุลูกนั้นอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่ทัน…ในขณะนั้นเองฉู่เหินรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขาทันใดนั้นก็มีแหปรากฎออกมาตรงหน้าเขาหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดสติไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยายาบาลและโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่กลับกันกับพี่ชายของเขาที่อยู่ในห้องผู้ป่วยข้างๆ มีสภาพที่ขาหัก หรืออาจจะต้องเสียขาและพิการไปตลอดชีวิต ซึ่งค่ารักษาพยายาบาลของพี่ชายเขาไม่ใช่เงินน้อยๆ แล้วอย่างนี้ฉู่เหินจะทำยังไงต่อไป….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท