บทที่ 187 ร้ายกาจ![รีไรท์]
บทที่ 187 ร้ายกาจ![รีไรท์]
หนึ่งดาบนั้นทั้งรวดเร็วและดุดัน มันทำเอาเจ้าชายแวมไพร์ไม่กล้าประมาทอีก ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าใช้มือทั้งสองจับดาบยาวเอาไว้เอง
เคร้ง! เสียงต่อสู้ของทั้งสองดังก้องกังวานจนทำให้ผู้คนรอบข้างถึงกับหูอื้อ
พลังของทั้งสองสู่สีกันจนทำให้แต่ละคนที่มองอยู่แอบรู้สึกว่าพวกเขาเก่งมาก ทว่านี่มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ทั้งสองต้องการ พวกเขาไม่ต้องการที่จะสู้อย่างสู่สี แต่ต้องการให้อีกฝ่ายแพ้ต่างหาก ดังนั้นหลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ผ่านไป ทั้งสองก็เริ่มโจมตีอีกครั้งทันที
หลังการโจมตีนั้น เจ้าชายก็ถอยกลับมา 2 ก้าว แต่ในขณะเดียวกันก็ใช้กรงเล็บเหล็กพุ่งตัวเล็งไปที่ศีรษะของคู่ต่อสู้ต่อทันที
แน่นอนว่าตู๋กูเองก็ถอยกลับมา 2 ก้าว ถึงจะทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เขาลดการระวังตัวเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่ากรงเล็บเหล็กลอยมาหาตัวเอง ฉับพลันเขาก็เอียงตัวหลบแล้วใช้ดาบรับกรงเล็บไว้แล้วปัดมันออกไปยังด้านข้าง
การต่อสู้ที่ไหลลื่นนี้ทำเอาชาวเอเชียโห่ร้องออกมา ส่วน ฉู่เหินได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ แต่ในจังหวะที่อาวุธทั้งสองเข้าปะทะกัน มันมีหมอกแปลก ๆ ปรากฏออกมาด้วย
ทั้งสองเข้าห้ำหั่นกันอย่างต่อเนื่อง มันมีทั้งความรวดเร็วและเต็มไปด้วยกระบวนท่าที่ถูกนำมาใช้มากมาย มันทำให้ทุกคนตื่นเต้น ตู๋กูต่อสู้ได้สมศักดิ์ศรีของหนึ่งในสี่อัจฉริยะจริง ๆ!
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก สีหน้าของตู๋กูก็อ่อนเพลียคล้ายคนป่วยไปแรมปี ทุกคนที่สังเกตได้แต่แอบคิดกันว่า ‘หรือว่าคิงคองจะป่วยกันนะ?’
ตอนนี้เองที่พวกผู้อาวุโสระดับปรมาจารย์ของแต่ละฝ่ายเริ่มมีน้ำโหหลังจากที่เก็บกดมานาน เมื่อความอดกลั้นขาดผึ่ง มันก็ทำเอาผู้อาวุโสของกลุ่มเทือกเขาพยัคฆ์มังกรก็ตะโกนออกมา “หยุดเดี๋ยวนี้!”
ผู้คนจำนวนมากไม่เข้าใจสถานการณ์ ทำไมเขาถึงเข้ามาห้ามการต่อสู้นี้กัน ? จากนั้นก็ผู้อาวุโสก็สาวเท้าพุ่งไปหาตู๋กูที่ด้านข้าง แล้วใช้มือข้างหนึ่งตรวจชีพจรของอีกฝ่ายเบา ๆ ซึ่งตอนนั้นเองสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“แกเล่นสกปรกนี่หว่า แกใช้พิษในการต่อสู้นี้ พวกตะวันตกนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!” เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนจึงพากันตะลึง วิธีนี้นี่มันช่างน่ารังเกียจที่สุด
ตู๋กูที่ยังทนยืนมาได้ขนาดนี้ก็ถือแข็งแรงมากแล้ว แต่หลังจากที่พวกผู้อาวุโสเข้ามาตรวจดูก็พบว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เลยทีเดียว หลังจากนั้นเปลือกตาของเขาก็ปิดลงทันที ยิ่งพวกเขาเห็นเช่นนี้ ผู้คนก็ยิ่งโมโห
สำหรับการต่อสู้ตัวต่อตัวนั้น การใช้ยาหรือสารพิษเข้าช่วยถือว่าผิดกฎ แต่ในเมื่อเจ้าชายแวมไพร์ทำแบบนี้ มันก็ถือว่าเป็นการท้าทายชาวเอเชียเป็นอย่างยิ่ง
ท่ามกลางเสียงด่าทอที่ไม่จบไม่สิ้นนี้ มันก็ทำให้สีหน้าของชาวตะวันตกเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
“มันเป็นเรื่องปกติของการประลองอยู่แล้วนี่นา ถ้าพวกแกสู้ไม่ได้ก็อย่าโทษคนมั่วสิวะ!” เจ้าชายพูดอย่างหยามเหยียด
“หน้าไม่อายจริง ๆ ถ้าฉันจะต่อยสั่งสอนแกจนตายละก็แกคงจะไม่บ่นใช่ไหม อย่าโทษฉันก็แล้วกัน!” ชายวัย 30 เดินเข้ามา
ฉู่เหินมองไปที่เขาชายคนนี้คือ หนานช๋วนโจวหมิง ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนกับโจวหู่ เป็นคนที่เคยช่วยฉู่เหินเอาไว้มากตอนที่พวกเขาอยู่เมืองเซินซือ ฉู่เหินไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับเขาในวันนี้
เจ้าชายเองก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะเขาเองก็ได้ยินมาว่าโจวหมิงคือลูกศิษย์ที่เทือกเขาพยัคฆ์มังกร ถึงจะเป็นระดับยอดฝีมือที่เก่งกาจ แต่พลังฝ่ามือของเขาถือว่าเทียบกับพวกขั้นปรมาจารย์ได้เลย มีคนจำนวนมากนับถือเขาอย่างยิ่ง คนคนนี้นับเป็นชายที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเลยก็ว่าได้!
“พวกเอเชียอยากจะก่อสงครามกับพวกเรารึไง? งั้นขอทดสอบพลังของแกหน่อยเถอะ!” ขณะที่สีหน้าของเจ้าชายแวมไพร์เริ่มเสีย ก็มีชายร่างสูงเดินเข้ามาขวางหน้า
“แกเป็นใครวะ? กำปั้นฉันไม่ชอบทำร้ายคนแปลกหน้าหรอกนะ” โจวหมิงถามด้วยความสงสัยเพราะชายคนนั้นมีพลังออร่าที่อันตรายออกมา
“พวกเราคืออัศวินจากวาติกัน” ชายเหล่านั้นเดินเข้ามาด้วยเสียงอันดังก้องราวกับพื้นจะสั่นสะเทือน จากนั้นก็ปรากฏเสียงดังสนั่นอีกคราพร้อมกับช้างตัวใหญ่สีขาวที่เดินมา
ชายคนนี้คือจักรพรรดิกัง เขากระโดดขึ้นไปบนช้างตัวนั้นพร้อมกับหอกจำนวนมหาศาลและคันธนูที่ง้างรอไว้แล้ว
ใครจะไปสู้ได้กันล่ะ? แค่เริ่มวิ่งก็น่าจะโดนยิงตายแล้วมั้งนั่น ถ้าศัตรูมีธนูแบบนี้จะเรียกว่าการต่อสู้ได้ยังไง?
โจวหมิงแทบจะตาถลนออกมา เขารู้สึกว่าพวกตะวันตกจะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว อีกทั้งการโจมตีแบบนี้เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะถอยกลับแต่อย่างใด ตราบเท่าที่เขาสามารถล้มเจ้าช้างยักษ์ตัวนี้ได้ อีกฝ่ายจะใช้ที่ไหนยิงธนูได้อีกล่ะ? ดังนั้นอันดับแรกเขาต้องเข้าด้านข้างเจ้าช้างแมมมอธ ก่อนจะต่อยด้วยหมัดสามหมัดและแตะสองที นี่น่าจะล้มช้างตัวนี้ได้
ทว่าฉู่เหินกลับสัมผัสได้ว่าช้างตัวนี้ไม่ใช่ช้างธรรมดา มันคือสัตว์กลายพันธุ์แบบที่เขาเคยต่อสู้กับพวกมันมาก่อนหน้านี้แล้ว
ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดี เมื่อคิดถึงชายแก่ที่กระโดดหนีไปในครั้งนั้น เขาก็เข้าใจว่าเรื่องนี้มีแค่วงในเท่านั้นที่รู้ แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงมีสัตว์ทดลองพวกนี้อยู่อีกล่ะ? ถ้าเกิดตาแก่นั่นพึ่งกำลังร้ายกาจของอีกฝ่าย อีกทั้งยังสอนพวกเขาทำสัตว์ทดลองแล้วละก็ ลองคิดดูสิว่าจะน่ากลัวมากแค่ไหน
ฉู่เหินมั่นใจกว่า 80% เลยว่าช้างตัวนี้เป็นสัตว์กลายพันธุ์แน่นอน เขาถอยออกมาแล้วสังเกตดูรอบ ๆ หากชายแก่นั่นยังอยู่ในนี้เขาจะต้องจับตัวได้แน่
น่าเสียดายที่ต่อให้เขาควานหาตัวมากแค่ไหนก็หาตัวชายแก่ไม่เจอ ชายหนุ่มคิดว่าชายแก่นั่นน่าจะต้องเปลี่ยนแปลงรูปร่างตัวเองแน่ ๆ
เหตุผลก็คือเขาสามารถจับสัมผัสลมหายใจได้ แม้รูปร่างจะเปลี่ยนไปแต่ลมหายใจยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ว่าในบรรดาจำนวนคนทั้งหมดกว่าหลายหมื่นที่นี่ เขาจะตามหาชายแก่ได้อย่างไร?
สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้และบอกข่าวนี้ให้กับซ่างกวงรู้เพื่อให้พวกเขาเตรียมการรับมือในกรณีที่เกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้น ทันใดนั้นการต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว โจวหมิงเองก็มีปัญหาเพราะพลังป้องกันของช้างตัวนี้มันเยอะเกินไปจนพวกเขาเริ่มท้อแท้