บทที่ 191 ค้นพบทางเข้า[รีไรท์]
บทที่ 191 ค้นพบทางเข้า[รีไรท์]
เสี่ยวฟู๋ที่เห็นโม่เจียวตีบทแตก เธอก็ได้แต่แอบเอ็นดูในใจเบา ๆ แม้ว่าเธอจะอยู่นิ่ง ๆ แต่อย่างน้อยครั้งนี้หญิงสาวก็ได้เรียนรู้วิธีที่จะจัดการกับฉู่เหินได้แล้ว
จะให้พูดยังไงดีล่ะ สิ่งที่ผู้ชายกลัวที่สุดก็คือการที่ทำให้ผู้หญิงงอนหรือร้องไห้นี่แหละ เพราะมันทั้งน่ารำคาญและเต็มไปด้วยปัญหา แม้แต่จิตใจของชายแกร่งก็ยังต้องหวั่นไหว
ในขณะที่ฉู่เหินรู้สึกปวดหัวและไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้ยังไงดี ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งตะโกนออกมา “ทางเข้าสุสานถูกเจอแล้วนะ!” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่พูดคำนี้ออกมา
หลังจากจบประโยคนี้ ทุกคนต่างก็ตื่นตัว พวกเขาราวกับทัพม้าที่พากันวิ่งไปในทิศทางของเสียงนี้ ทุกคนรู้เหตุผลที่ทุกคนมาที่นี่ นั้นก็เพื่อสำรวจสุสาน แถมตอนนี้ในที่สุดก็มีคนพบทางเข้า เพราะงั้นแล้วทุกคนจะยังใจเย็นอยู่ได้ยังไงล่ะ?
ฉู่เหินพาตัวเองสลายหายไปในฝูงชน ก่อนที่ชายหนุ่มจะพบว่าทางเข้านั่นไม่ใช่ทางเดียวกับที่เสือหรือแรดเจอ
ฉู่เหินสังเกตเห็นว่าปลายทางดังกล่าวมันเป็นหลุมดำปรากฏอยู่ รอบ ๆ นั่นมีพลังงานบางอย่างอยู่ และมีป้ายที่เขียนตัวอักษรไว้อยู่ 2-3 ตัวที่เขียนไว้ว่า “นรกไร้ก้นบึ้ง!” มันเป็นตัวอักษรที่ทรงพลังและดูน่ากลัว
อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ขมวดคิ้ว เพราะทุกคนรู้สึกว่าถ้ำแห่งนี้ส่งความรู้สึกอันตรายเป็นพิเศษออกมา ความรู้สึกถึงอันตรายนี้ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งก็ไม่มีข้อยกเว้น
ฉู่เหินเองก็รู้สึกไม่ต่างกันจากคนอื่น ๆ มากเท่าไหร่นัก เขาพูดไม่ออกหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังที่น่ากลัวนี้ เขาคิดได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ทางเข้าที่แท้จริง
แต่โอกาสมาอยู่ในมือของเขาแล้ว เขาจะไม่ปล่อยมันไปแน่ ทุกฝ่ายเริ่มออกทำการสำรวจทันที
ฉู่เหินและกลุ่มซ่างกวงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เข้าไป แม้ว่ากลุ่มก่อนหน้าที่เข้าไปจะบอกว่ามันค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็แทบจะไม่มีสมบัติอะไรเลย แต่ก็อย่างว่าแหละ ก่อนหน้านี้มีตั้งหลายกลุ่มเข้าไปสำรวจ เพราะงั้นมันจะเหลืออะไรให้อีกล่ะ?
ไม่มีใครยอมง่าย ๆ พวกเขาเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วก็มีหมอกหนาปรากฏขึ้นตรงหน้า! มันมีสีดำดูแล้วน่าจะเป็นพิษร้าย แต่แค่นี้ไม่อาจหยุดการสำรวจของคนพวกนี้ได้เลย พวกเขากินยาแก้พิษแล้วเดินเข้าไปในหมอกนั่นอย่างไม่ลังเล
พวกซ่างกวงที่เห็นแบบนั้นก็หน้าถอดสี เพราะยาของพวกเขาไม่สามารถทนพิษนี้ได้แน่ ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่รอกันต่อไป
ฉู่เหินเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาให้ทุกคนเข้าไปก่อนที่ตัวเขาเองจะเรียกเจ้าแมวออกมา เมื่อมันออกมาแล้วก็อ้าปากเพื่อดูดกลืนพิษเหล่านั้นให้หายไปจนหมด! เมื่อหมอกหายไป พวกซ่างกวงเองก็ตกตะลึงที่ได้เห็นแบบนี้ เสี่ยวฟู๋มองเจ้าแมวด้วยสายตาประหลาด เธอรู้สึกสนใจเจ้าแมวตัวนี้เข้าให้แล้ว
หลังจากคิดถึงเรื่องที่มีเจ้าแมวนี้ดูดพิษให้เธอ เธอก็ถอนหายใจออกมา ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเมื่อตอนที่อยู่ในอาการโคม่า ฉู่เหิงนั้นได้ใช้โอกาสดังกล่าวลวนลามเธอ อันที่จริง ถ้าเขาทำ เผลอ ๆ เธอก็คงจะรู้สึกพอใจด้วยซ้ำที่ฉู่เหิงสนใจเธอ แต่หลังจากเห็นแมวนี้แล้วเธอก็รู้สึกพ่ายแพ้อย่างบอกไม่ถูก
โม่เจียวเองก็ดวงตาเปล่งประกายเมื่อเห็นเจ้าแมวตัวนี้ แต่หลังจากที่คิดแล้วคิดอีกเธอก็ไม่อยากจะรบกวนการทำงานของมันสักเท่าไหร่นักในครั้งนี้
ดังนั้นเด็กสาวจึงเลือกที่จะปล่อยมันไปก่อนและให้เจ้าแมวตัวนั้นหันไปดูดพิษทั้งหมดต่อ ส่วนพวกที่กินยาแก้พิษไปก่อนต่างก็พากันหน้าเสีย เพราะพวกเขาติดพิษไปกันหมดแล้ว
ฉู่เหินไม่ได้มีความคิดที่จะช่วยพวกเขาสักเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหยิ่งแค่ไหน แม้แต่ตอนที่ชิงเฟิงพยายามแลกของกับยาแก้พิษกับไม่มีใครสนใจชิงเฟิงเลย ดังนั้นฉู่เหินจึงเลือกที่จะเมินพวกเขาเช่นกัน
ถึงจะเป็นพวกที่ใกล้ตายฉู่เหินก็ไม่ได้สนใจ เขาเรียกฉู่เฟิงออกมาและปรับแก้หน้ากากสักพัก ก่อนจะเอาหน้ากากให้ฉู่เฟิงใส่ แล้วเดินผ่านคนพวกนี้ไปอย่างไม่สนใจ เมื่อเดินออกมาได้ระยะหนึ่ง ฉู่เฟิงก็หันกลับไปสั่งให้ฉู่เฟิงไปปล้นฆ่าเอาของล้ำค่าจากคนใกล้ตายเหล่านั้นมาให้หมด!!
พวกที่โดนพิษแล้วไม่ตาย ฉู่เฟิงจึงช่วยสงเคราะห์ให้ เมื่อทุกคนเห็นฉู่เฟิงแล้วพวกเขาก็รู้สึกว่าฉู่เฟิงโหดเหี้ยมอย่างมาก ฉู่เฟิงไม่เจาะจงว่าพวกเขาจะเป็นใครหน้าไหน กลุ่มที่ทรงพลังหรือแม้แต่เอเชียกับตะวันตกก็ไม่รอด ขอแค่มีสมบัติในมือเขาจะปล้นและจัดการให้หมด พวกเขาหารู้ไม่ว่าฉู่เฟิงจริง ๆ แล้วเป็นแค่หุ่นเชิดของฉู่เหิน!
มันไม่ใช่สมบัติล้ำค่าอะไรมาก ของพวกนี้เป็นของที่พวกเขาหาได้ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านซึ่งก็เก็บเอาตอนที่เดินไปรอบ ๆ ภูเขา พวกมันล้วนแต่เป็นวัตถุดิบในการทำยาอายุวัฒนะ ซึ่งทั้งหมดตกเป็นของฉู่เฟิงแล้วในตอนนี้!
แม้ว่าจะไม่มีใครรู้จักฉู่เฟิง แต่พวกเขาก็เรียกมันว่า ไอ้หน้าบาก โดยสังเกตจากรอยแผลเป็นบนใบหน้าถูกนำมาตั้งแทนชื่อ แต่ละคนที่พูดถึงเขาต่างก็พากันกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง จนกระทั่งเรื่องนี้แพร่ออกไป นั่นก็ทำให้ผู้มีวรยุทธสูงส่งไม่น้อยเริ่มค้นหาทั่วภูเขา แต่ว่าพวกเขากลับไม่ได้อะไรกลับมาสักอย่าง!
เจ้าแมวได้ดูดหมอกเข้าไปเรื่อย ๆ จนมันเริ่มจางลงไปทุกที จนท้ายที่สุดมันก็หมดลงและกลับเข้าไปแหวนอีกครั้ง พวกคนที่อยู่ด้านหน้าเมื่อเห็นว่าหมอกหายไปก็รู้สึกสับสน แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
พวกเขาสามารถฝ่าเข้ามาในนี้ได้แล้ว ฉู่เหินก็ไม่ได้ดีใจที่เห็นผู้คนมากสักเท่าไหร่ พวกเขามัวแต่สนใจที่จะเก็บขุมทรัพย์อยู่แบบนั้นจนไม่ได้สังเกตบางอย่างตรงหน้า
นั่นก็คือดาบอันใหญ่ยักษ์จำนวนนับร้อยด้าม พวกมันจะทิ่มแทงทุกคนที่เข้าไปใกล้ ๆ
ฉู่เหินเดินผ่านมาพลางจ้องมองไปยังดาบเหล่านั้น เขาพบว่ามันเป็นค่ายกลกระบี่ที่ผสานไปด้วยวิชาอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มคิดอยู่ว่ามันเป็นตำแหน่งของประตูแห่งชีวิตและความตาย หากเขาพังมันเข้าไปตอนนี้อาจจะเป็นผลดีก็ได้
“พวกแกเข้าไปทดสอบดาบนั่นหน่อยสิ พวกเราฝ่าหมอกพิษเข้ามาได้แล้วถึงเวลาของพวกแกแล้ว” ทางฝั่งแวมไพร์พูดออกมา
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ตระกูลซ่างกวงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่เนื่องจากพลังฝึกตนของพวกเขาต่ำกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ต้องอดทน เดิมทีพวกเขาคิดว่ากลุ่มผู้ทรงพลังทั้งสามของฝ่ายตะวันออกจะออกมาข้างหน้าเพื่อหยุดภัยพิบัตินี้ แต่ในเวลานี้พวกเขาพบว่ากลุ่มผู้ทรงพลังทั้งสามแต่ละคนเลือกที่เฝ้าดูอยู่เฉย ๆ ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนในตระกูลซ่างกวงต่างก็เริ่มหมดความอดทนกันบ้างแล้ว!